โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 652 - อึ้งจนสติหลุดลอย
กำลังภายในของฉินเฟิงได้ไปถึงเลเวล B แล้ว ทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่ากำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B คนอื่นๆถึงสิบเท่า
ก่อนหน้านี้เขาเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างดี มีเฉพาะเวลาต่อสู้กับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเท่านั้นจึงจะสำแดง เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่ช่วยให้เขาเอาชนะมันได้
แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงไม่ต้องการเก็บซ่อนมันอีกต่อไป
ตูม!
กำลังภายในก่อกำเนิดกระแสอากาศหมุนวนรอบกายฉินเฟิง สร้างกลิ่นอายอันน่าหวาดกลัว กวาดสวนออกไปทานรับการโจมตีจากฝูงชน
กำลังภายในของคู่ต่อสู้ ไม่เข้มข้นเท่ากับของฉินเฟิง ดังนั้นภายใต้การห้ำหั่นระหว่างสองกำลังภายใน จึงเป็นฝ่ายเปิดฉากที่แพ้พ่าย ถูกกำลังภายในของฉินเฟิงกวาดม้วนออกไป
“อ๊าาาา!”
ทั้งห้าคนส่งเสียงร้องตกใจ เมื่อตั้งสติได้ก็พยายามปลดปล่อยกำลังภายในอย่างสุดความสามารถเพื่อต้านทานการโจมตีของฉินเฟิง
บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นบิดเบี้ยว ผู้ใช้พลังเลเวล C ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ใบหน้าของทุกคนกลายซีดขาว
ทั้งๆที่อยู่ห่างขนาดนี้ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันคลุ้มคลั่งรุนแรง นั่นเพียงพอแล้วที่จะใช้จินตนาการถึงความน่ากลัวของการต่อสู้ตรงหน้า
สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉย ไม่แสดงออกถึงห้วงอารมณ์ใด อย่างไรก็ตามด้วยพลังงานที่บิดเบี้ยวอยู่ในชั้นอากาศ ประกอบกับเสียงกรีดร้องของทั้งห้าก่อนหน้านี้ ส่งผลให้สายตาของผู้คนมองเห็นว่าฉินเฟิงตัวสูงขึ้น ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
เลเวล B ทั้งหมดแสดงออกชัดถึงความโกรธ หากแต่ใบหน้าของพวกเขาทุกคนแดงก่ำ จำต้องย่ำเท้าอย่างแรงลงกับพื้น ใช้ออกด้วยกำลังภายในเข้าต่อต้าน เพื่อไม่ให้เสียหลัก
ทว่าในระหว่างที่กำลังภายในกำลังถูกสูบออกมาใช้อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดหนึ่งในนั้นก็ไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป
“ว๊ากกกก”
ชายคนนั้นร้องอุทาน ร่างกายของเขามิอาจควบคุมได้ดั่งใจนึกอีกต่อไป ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากทักษะลับกลืนดารา ถูกดูดเข้าหาฉินเฟิง
คนผู้นั้นตื่นตระหนกสุดแสน สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย ในจังหวะนั้นตัดสินใจล้มเลิกขัดขืน อัดฉีดกำลังภายในลงมายังสองเท้า ใช้ความเร็วของตนผสานกับอำนาจดึงดูดของกลืนดารา ทุ่มโจมตีฉินเฟิง
“ไปลงนรกซะ!”
ชายคนนั้นคำรามด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าในการโจมตีนี้ เจตนาถึงขั้นต้องการสังหารถึงตาย
ฉินเฟิงวาดมือไปทางผู้มาเยือน อัดฉีดกำลังภายในตามลงไป
กำลังภายในที่เคลือบอยู่บนอาวุธคู่ต่อสู้สลายเป็นควันในพริบตาเดียว
และฉินเฟิงยังใช้มือเดิม คว้าจับอาวุธศัตรูเอาไว้
อาวุธชิ้นนี้เปล่งประกายแสงสีทอง เห็นได้ชัดว่ามันถูกผลิตขึ้นจากวัตถุดิบระดับจักรพรรดิ เป็นของราคาแพง แต่จากลักษณะของมัน ดูเหมือนจะเป็นแค่อาวุธระดับจักรพรรดิเลเวล C เท่านั้น
ฉินเฟิงแน่นอนย่อมไม่คว้าจับอาวุธศัตรูด้วยมือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาสวมอยู่ในมือ เป็นถุงมือของชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์!
ทันใดนั้นเอง มือของฉินเฟิงพลันระเบิดออกด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น แทรกซึมลงบนอาวุธสีทองเล่มนั้น
เปรี๊ยะ!
บังเกิดรอยปริร้าวขึ้นอย่างกะทันหัน ในดวงตาของอีกฝ่ายสะท้อนถึงความตกตะลึง ฉินเฟิงบดขยี้อาวุธชิ้นนี้ในคราวเดียว จากนั้นใช้มือข้างเดิม ตบฟาดเข้าที่หัวไหล่ศัตรู
ตูม!
แต่เลี่ยงไม่ให้โดนจุดสำคัญ ครั้งนี้ถือว่าฉินเฟิงได้ยั้งมือเอาไว้แล้ว ขณะเดียวกันอีกฝ่ายแม้สวมใส่เกราะใน แต่เมื่อต้องเผชิญกับพละกำลังมหาศาล ยังคงถูกส่งตัวลอยไปในอากาศ
พรวดดด!
ระหว่างปลิวอยู่กลางอากาศ ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B กระอักเลือดคำโต พ่นออกเป็นทางยาว
คนอื่นๆกำลังดิ้นรนแข็งขืนอย่างหนัก แต่หลังจากเห็นคนแรกหน้าคว่ำลงกับพื้น พวกเขาคล้ายเผลอจินตนาการว่าเป็นตน เจตนาสังหารฉินเฟิงอ่อนโทรมลงหลายส่วน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขายังไม่ทันเข้าถึงตัวฉินเฟิงเลย สหายคนแรกก็ถูกตี ปลิวสิ้นท่าไปเรียบร้อย
ในเวลานี้ สีหน้าของทั้งสี่กลายเป็นไม่น่าดู
กระทั่งในจิตใจ ทั้งสี่ที่เหลือยังเกิดความคิดในทำนองเดียวกันว่า ‘ถ้าฉันเปลี่ยนใจตอนนี้ มันยังจะทันไหม?’
และแน่นอนว่าไม่ทัน สายเกินไปซะแล้วฮะฮ่า!
ฉินเฟิงหลังตบคนแรกปลิวออกไป สายตาก็เบนกลับมามองทั้งสี่อีกครั้ง และไม่ลังเลเลยที่จะสับเปลี่ยนพลังของทักษะลับกลืนดารา
“ปลดปล่อยแรงผลัก!”
จากดึงดูดสับเปลี่ยนเป็นผลักดัน อำนาจแรงผลักปรากฏขึ้นแทนที่ ทั้งสี่ที่ไม่ทันตอบสนองสั่นสะท้านในเวลาเดียวกัน
ฟุฟฟฟฟฟฟ
ผู้คนเหลือกระอักเลือดออกมาในเวลาเดียวกัน ม้วนกลับหัวกลับหาง ปลิวออกไปไกลกว่าห้าเมตร ก่อนร่วงกระแทกลงกับพื้น กลิ้งสองตลบถึงค่อยหยุดลง
แต่สภาพของพวกเขาในตอนนี้น่าอนาถมาก
ภายในเวทีประลอง เหลือฉินเฟิงเพียงคนเดียวที่ยังยืนหยัด ส่วนคนอื่นๆนอนหมอบสิ้นท่า
การต่อสู้ในครั้งนี้ บอกตามตรงว่ามันน่าตกใจยิ่งกว่าในครั้งแรกเสียอีก
หลังจากสภาพแวดล้อมโดยรอบนิ่งงันกระทั่งเข็มตกยังได้ยินไปพักหนึ่ง ผู้คนค่อยเริ่มระเบิดเสียงฮือฮา
“3 กระบวนท่า! เขาใช้ออกแค่ 3 กระบวนท่าอีกแล้ว!”
“แต่คราวนี้เป็นแบบหนึ่งต่อห้า!”
“นี่น่ะหรือฉินเฟิง? เขาเหมาะสมแล้วกับชื่อเสียงที่ได้รับ!”
กลุ่มเลเวล C ต่างตื่นเต้นจนเลือดลมเดือดพล่าน ตรงกันข้ามกับกลุ่มเลเวล B
ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนกลับกลาย ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันไกลเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มาก
บนจัตุรัส ฉินเฟิงกวาดสายตามองไปยังคนแรกที่กระเด็น เอ่ยปากถาม “คุณ ยังอยากจะสู้อีกไหม?”
“ไม่! ฉันขอยอมแพ้!” ผู้ใช้พลังเลเวล B ตอบทันควัน กำลังภายในที่ฉินเฟิงสำแดงออกมา เขาที่ปะทะตรงๆย่อมตระหนักได้โดยธรรมชาติ มันคือกำลังภายในที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล B เท่านั้นถึงจะมี!
อีกสี่คนเมื่อได้ยินคนแรกเอ่ยปากยอมแพ้ แม้ในหัวใจของพวกเขาจะไม่ยินยอม แต่ก็เริ่มเกิดร่องรอยของความขยาดกลัว คิดล่าถอยแล้ว
ทั้งสี่คนนี้ พวกเขาเป็นคนมาเจรจากับฉินเฟิงในวันก่อน แล้วพวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าการบังคับกดดันฉินเฟิงครั้งก่อน มันทำให้ฉินเฟิงเกิดความขุ่นเคือง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่กลัว เพราะคิดว่าต่อให้ฉินเฟิงแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นแค่ลูกรักของพระเจ้าเท่านั้น
แค่เลเวล C คนหนึ่งเกิดความขุ่นเคือง แต่พวกเขามีกันตั้งหลายคน ถ้าร่วมมือกันจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้เชียวหรือ?
หากบังเกิดการต่อสู้ขึ้นจริง ฉินเฟิงย่อมพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ในขณะนี้ พวกเขาได้ตระหนักแล้ว ว่าความคิดของพวกตน มันไร้เดียงสาเพียงใด
“พวกเราไป!”
หนึ่งในเลเวล B บนเวทีเอ่ยปาก หันหลังเดินจากไปทันที ไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีรั้งอยู่อีกต่อไป
คนอื่นๆย่อมไม่อยู่ให้ขายขี้หน้า เดินจากไปเช่นกัน
บนจัตุรัส เหลือฉินเฟิงเพียงลำพังที่ยังยืนอยู่
ฉินเฟิงกวาดมองรอบๆอีกครั้ง เปล่งเสียงผ่านกำลังภายในของเขา ให้มันกระจายไกลออกไปนับ 100 เมตร
“คนต่อไป!”
ในฝูงชนเกิดความสับสนวุ่นวาย กลุ่มเลเวล C ต่างหันไปมองบรรดาเลเวล B อย่างระมัดระวัง ขณะที่เลเวล B ที่ยังเหลืออยู่ สีหน้าแสดงออกถึงความซับซ้อนจนเห็นได้ชัด
คนที่เกิดความคิดเดียวกับเลเวล B ห้าคนที่ลงประลองไปเมื่อครู่ จู่ๆตอนนี้ถึงค่อยรู้สึกตัว ว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายถึงขนาดนั้น
ฉินเฟิงเอ่ยปากว่าจะจัดประลอง แต่เขาไม่ยอมร่วมมือกับกลุ่มคนเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน ช่วงเวลานี้ คนอื่นๆเลยอดเกิดความกังวลขึ้นมาไม่ได้
‘ฉินเฟิงคนนี้ ครอบครองความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?’
‘คู่ต่อสู้คนแรกกล่าวได้ว่าอ่อนแอเกินไป ส่วนคนที่สองเขาจงใจปล่อยผ่าน พอกลุ่มที่สามบดขยี้โดยสิ้นเชิง ฉินเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?’
‘เป็นไปได้ไหมว่าฉินเฟิงกำลังต้องการเฟ้นหาพันธมิตรเพื่อร่วมมือ … งั้นเงื่อนไขของเขาคืออะไรกัน?’
‘ไม่ใช่ต้องชนะให้ได้ครบ 100 กระบวนท่า แต่ต้องทนให้ได้ครบ 100 กระบวนท่า!’
สีหน้าของเลเวล B กลายเป็นหมองคล้ำ
หากในตอนแรกกล่าวได้ว่าพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เช่นนั้นปัจจุบันสามารถกล่าวได้ว่าความมั่นใจทั้งหมด ได้ถูกความสับสนเข้ามาแทนที่
ฉากแห่งความเงียบงันกินเวลาผ่านไปถึงหนึ่งนาที ตอนแรกยังมีคนกระโจนลงไปทีเดียวถึงห้าคน แต่ตอนนี้กลับไม่มีใคร
ฉินเฟิงไม่รีบร้อนกังวล แต่บรรยากาศฝั่งเลเวล B ยิ่งนานยิ่งคุกรุ่น สุดท้าย
วูซซซ!
คนๆหนึ่งตัดสินใจกระโจนลงมายังจัตุรัส เป็นชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าและดวงตาเมตตาปราณี
“ผู้การฉินยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ แต่ตัวฉันเองก็มีความสนใจในรอยแยกมิตินี้เช่นกัน ดังนั้นปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับผู้การฉิน!”
ชายวัยกลางคนประสานหนึ่งกำปั้นหนึ่งฝ่ามือ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ฉินเฟิงพยักหน้าให้เขา
“เชิญท่านผู้ใหญ่”
“รับมือ!”
เลเวล B วาดมือเข้าโจมตีทันใด ท่วงท่าการเคลื่อนไหวโฉบเฉี่ยวว่องไว ใช้ออกด้วยกลยุทธ์แข็งสามส่วน อ่อนเจ็ดส่วน เห็นได้ชัดว่าคิดหยั่งเชิงฉินเฟิง
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายได้หยั่งเชิงเขา
เห็นได้ชัดว่าในการประลองนัดที่สองทำให้คนเหล่านี้เกิดความคิดเข้าใจผิดขึ้น
ฉินเฟิงเริ่มเคลื่อนไหวบ้าง
เพี๊ยะ! ฟาดออกด้วยฝ่ามือ
ตูมมมม!
“จ๊ากกกก!!”
เพียงสามกระบวนท่า เลเวล B วัยกลางคนลอยกลับหัวกลับหาง พ่ายแพ้ไปอีกคน
ครั้งนี้ฉินเฟิงเองก็มิได้ยั้งมือเช่นกัน
พริบตาเดียว ตลอดทั้งฉากจมลงสู่ความเงียบงันอีกครั้ง