โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】 - ตอนที่ 822 - เปิดช่องว่างอีกครั้ง
Ep.822 – เปิดช่องว่างอีกครั้ง
ในเมืองฉงโหลว หลังผ่านไปนานกว่าหนึ่งเดือน ผู้รอดชีวิตในปัจจุบัน เหลือน้อยกว่า 1/10
ฉงโหลวน่ะเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรราวๆ 1 ล้านคน ในเวลานั้นมีชาวเมือง 100,000 คนสามารถติดตามฉินเฟิงหนีออกไปได้ แต่ยังเหลือประชากรอีกกว่า 900,000 คน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการต่อสู้อันแสนโหดร้ายนานนับเดือน ส่งผลให้ผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ เหลือราวๆ 70,000 – 80,000 คนเท่านั้น
แรงกดดันที่ต้องเอาชีวิตรอด การขาดแคลนอาหาร ทำให้ทั้งเมืองกลายเป็นอัมพาต และเริ่มเกิดความคิดในการแก้ปัญหาดังกล่าว
ผู้คนจนใจต้องออกจากที่หลบภัย ตะเกียกตะกายหาอาหารที่เหลืออยู่ มีคนถูกสังหารโดยสัตว์ร้ายและพืชกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่ออาหารหมด ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเผชิญหน้ากับพวกมัน ไม่เจ้ารอดข้าก็ตาย!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่ามกลางวิกฤตที่ต้องเอาชีวิตรอด ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นขยะนอนรอความตาย!
ตลอดทั้งเมืองฉงโหลว ปัจจุบันแบ่งออกเป็นสามกองกำลังใหญ่ๆ
หนึ่งในนั้นมิใช่ใครอื่น เป็นกองกำลังของชูฟ่านซึ่งได้รับคำสั่งจากฉินเฟิง ใช้เวลาแค่เดือนเดียว สัตว์ร้ายจอมเขมือบสามารถวิวัฒนาการจนกลายเป็นราชันย์เลเวล D แม้เหล่านักรบแห่งอนาคตของฉินเฟิงจะมีหลายคนไปถึงเลเวล D ได้ แต่พวกเขาไม่ใช่การดำรงอยู่ที่เทียบเท่ากับระดับราชันย์ตัวนี้อย่างแน่นอน อย่างมากเทียบได้กับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ที่ฝึกฝนเทคนิคคู่ขนานเท่านั้น
สรุปจากการคำนวณนี้ บ่งบอกว่าศักยภาพของสัตว์ร้ายจอมเขมือบ แข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
ดังนั้น ชูฟ่านผู้ควบคุมสัตว์ร้ายจอมเขมืบ เลยสามารถรวบรวมทีมงานได้มากกว่า 5,000 คนในมือเขา และภายในทีมนี้ ยังสามารถปกป้องคนอีกกลุ่ม คอยแจกจ่ายอาหารให้อีกทอดหนึ่ง
เบ็ดเสร็จโดยรวมแล้ว ทีมงานของชูฟ่าน + คนภายใต้การคุ้มครองของเขา มีอย่างน้อย 30,000 – 40,000 คน!
นอกจากชูฟ่านแล้ว อีกหนึ่งกองกำลังเป็นทีมที่ก่อตั้งโดยผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้มิใช่ใครอื่น เป็นวังฉินที่สามารถสังหารราชันย์เสือ ตัวที่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของฉินเฟิง
จริงๆแล้วผู้หญิงคนนี้อายุ 30 ต้นๆ สำหรับผู้ใช้พลัง วัยเท่านี้ไม่ถือว่าแก่เกินไป แต่สำหรับคนธรรมดา เธอเริ่มก้าวสู่ช่วงต้นของวัยกลางคนแล้ว ผ่านพ้นประสบการณ์มากมายในชีวิต รู้จักวิธีอดกลั้น ตั้งใจทำสิ่งใดก็หนักแน่นดั่งหินผา
ส่งผลให้หลังจากที่เธอซ่อนตัว เธอก็กัดกินราชันย์เสือแบบดิบๆทั้งตัว ไม่เหลือเศษเสี้ยวทิ้งไว้เบื้องหลัง ใช้เวลาถึง 7 วัน เสือทั้งตัวก็ตกอยู่ในท้องของเธอ
ความสูงของวังฉินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรงกันข้ามกับร่างกายที่ยิ่งมายิ่งผอม น้ำหนักลดลงเป็นอย่างมาก
ตอนนี้เธอสูงถึง 185 ซม. โดดเด่นในบรรดากลุ่มผู้หญิง เนื่องจากน้ำหนักที่ลดลง ผิวพรรณเลยยิ่งอ่อนเยาว์และงดงาม ทว่ายามเผชิญหน้ากับผู้ชาย ฝ่ายหลังยังรู้สึกถึงแรงกดดันจากเธอ
ทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากวังฉิน ทั้งหมดล้วนเป็นผู้หญิง ทั้งทีมมีทั้งสิ้น 1,000 คน และไม่มีผู้ใช้พลังในนั้นเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนเป็นคนธรรมดา พวกเธอได้รับอาหารเป็นสัตว์ร้ายที่ได้จากการออกล่าของวังฉิน
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงในทีมนี้ใช่โดดเดี่ยวเดียวดาย พวกเธอเองก็มีครอบครัวและเพื่อนฝูงเช่นกัน ดังนั้นทีมของวังฉินจึงค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คำนวณแล้วมีทั้งสิ้น 20,000 คน
ส่วนทีมที่สาม เป็นทีมเล็กที่สุด มีสมาชิกเพียง 500 คนเท่านั้น แต่เป็นทีมที่ทรงพลังที่สุด
มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C ที่ฝึกฝนเทคนิคคู่ขนาน –จางหวู่
หลังจากหลบหนีไปอย่างน่าสังเวช จางหวู่ก็ไม่กล้าติดตามกลุ่มเฟิงหลีในเดือนก่อน จางหวู่กระทั่งรู้สึกว่า มีเพียงโลกใบนี้เท่านั้น ที่เขาจะได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองสูงสุด จึงเริ่มตามหากลุ่มผู้ใช้พลังที่ยังหนีออกไปไม่ได้ ชักชวนกันออกล่า
และหลังจากพบว่าเนื้อของสัตว์ร้ายสามารถช่วยยกระดับความแข็งแกร่งได้ เลยเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะออกล่าอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอน จางหวู่ผู้นี้เป็นคนหื่นกระหายมาก ดังนั้นในทีมของพวกเขา เลยมีสาวสวยวัยใสเป็นจำนวนมาก ทั้งกลุ่มรวมๆแล้วมากถึง 2,000 – 3,000 คน
ที่เหลือเป็นทีมเล็กทีมน้อย แต่ละกลุ่มมีไม่กี่ร้อยถึงกี่สิบคน กระจายอยู่ทั่วทั้งเมืองฉงโหลวที่เสื่อมโทรม
แต่ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน พืชกลายพันธุ์กลับเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ฉงโหลวไม่ใช่เมืองมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นเมืองที่ถูกปกคลุมโดยพืชพรรณสีเขียว และมักจะมีสัตว์ร้าย ก้าวเข้ามาที่นี่อย่างต่อเนื่อง คุกคามชีวิตของพวกเขา
ตำแหน่งจัตุรัสกลางของเมืองฉงโหลว ยังมีผู้คนหมั่นมาคอยเก็บกวาดอยู่เสมอ เฝ้ารอให้บันไดสวรรค์ของกลุ่มเฟิงหลีหย่อนลงมา เพราะนั่นคือความหวังเดียวของพวกเขาที่จะจากไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมที่ชูฟ่านจัดตั้งขึ้น หลังจากปักหลักในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาก็ยิ่งเชื่อมั่น และพร้อมที่จะจากไป
ในตอนนั้นเอง ท้องฟ้าสีเทาหม่นเหนือศีรษะ ในที่สุดก็สาดรังสีแสงสีเงิน
ตามมาติดๆด้วยพลุไฟสัญญาณ นี่ทำเพื่อให้คนทั้งเมืองได้เห็นภาพนี้
ตลอดหนึ่งเดือน มนุษย์ที่รอดชีวิตสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้แล้ว เมื่อเห็นโอกาส พวกเขาก็กล้าที่จะก้าวออกมา
“โอ้สวรรค์ กลุ่มเฟิงหลี … กลุ่มเฟิงหลีกลับมาที่นี่อีกครั้งแล้วจริงๆด้วย!”
“ไปเร็ว รีบออกจากที่นี่ คราวนี้ต่อให้พวกเราถูกสัตว์ร้ายโจมตีระหว่างทาง ก็ต้องลากตัวเองไปให้ถึงจัตุรัสกลางให้ได้!”
“ถ้าออกไปได้จริงๆ ฉันจะเข้าร่วมกับกลุ่มเฟิงหลี ยินดีเป็นม้าเป็นลา รับใช้พวกเขาตลอดชีวิต!”
ทีมนับไม่ถ้วนที่ยังรอดชีวิต ตัดสินใจแทบจะในทันที ทั้งหมดพากันออกจากที่ซ่อน ฟันฝ่าขวากหนามและอุปสรรค มุ่งหน้าสู่จัตุรัสกลาง
ทีมของชูฟ่านที่ประจำการในตำแหน่งอยู่ก่อนแล้ว บัดนี้ทุกคนต่างแหงนมองฟ้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งความสุขและความหวังจะปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
“อิสเอออู … อวกเอา … อะไอ้ออกไอแอ่วไอ่ไอ?” ชายร่างใหญ่กล่าวทั้งๆยังอ้าปากค้าง ขณะเดียวกับคอยเหลือบมองไปยังสัตว์ร้ายมหึมาดูน่าหวาดกลัวที่ชูฟ่านกำลังนั่งทับอยู่
เจ้าตัวนี้ไม่เหมือนกับสัตว์ร้ายในมิติแห่งนี้ ลักษณะของจอมเขมือบดูเหมือนจะพัฒนาไปในทิศทางเดียวกันกับเขมือบฟ้า ปัจจุบัน ร่างกายของมันสูงใหญ่เกินกว่าตึกหกชั้น ไม่ต่างไปจากภูเขาขนาดย่อม
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ไม่มีอักษรรูน ไร้ซึ่งอบิลิตี้ ดังนั้นไม่สามารถใช้เทคนิคเปลี่ยนรูป ขนาดของจอมเขมือบยิ่งนานวันเลยยิ่งเติบใหญ่
ชูฟ่านมองจากมุมสูง มองจากมุมนี้แต่ละคนดูเล็กจ้อย จำต้องก้มศีรษะ เอียงตัวลงมา
มองไปยังคนที่กำลังตะโกน พบว่าเขาดูเป็นกังวลมาก แต่ในดวงตากลับเปล่งประกาย เหมือนกับว่าหากชูฟ่านปฏิเสธ พวกเขาจะหลบหนีไปทันที
แน่นอน ชูฟ่านไม่คิดปฏิเสธ
“ไปบอกทุกคน พวกเราเตรียมถอนกำลัง!” ชูฟ่านตอบ
พอได้ยิน คนเหล่านี้ ทั้งหมดร้องไชโยด้วยความตื่นเต้นดีใจ
กึ้งงงง–
ใจกลางช่องว่างมิติที่เป็นสีดำสนิท บัดนี้บันไดยาวที่ทำจากเหล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง บันไดสวรรค์ค่อยๆเคลื่อนลงมา พร้อมคนอีกจำนวนหนึ่ง เริ่มทำการเชื่อมต่อระหว่างสองบันไดเก่าใหม่
ชูฟ่านเอ่ยเสริม “ควบคุมคนก่อน อย่าปล่อยให้พวกเขาขึ้นไป รอจนกว่ากลุ่มเฟิงหลีจะจัดการบันไดเสร็จ แล้วค่อยหลบหนีไปพร้อมกัน”
“รับทราบมิสเตอร์ชู!”
คนข้างล่างตอบเสียงดัง แล้วหันไปวุ่นอยู่กับภารกิจของเขา มันยากนักที่จะซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ ‘ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องทนรับคำสั่งไอ้หนูนี่อีกต่อไป แต่เจ้าหนูกลับห่วงใยพวกเราในตอนท้ายอย่างไม่คาดคิด … บ๊ะ แต่แค่นี้จะเทียบกับเรื่องทั้งหมดที่เขาทำได้อย่างไร? ถ้าเขากลับไปที่โลกเดิมเมื่อไหร่ แล้วไม่มีเจ้าสัตว์ร้ายจอมเขมือบตัวนี้อยู่ข้างกายล่ะก็ ฉันจะสั่งสอนให้เจ้าอันธพาลน้อยนี่เอง! ให้รู้ซะบ้างว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ!’
แม้ชูฟ่านจะช่วยชีวิตผู้คนมานับไม่ถ้วน แต่มีอยู่หลายครั้งที่เขาเลือกมอบศพมนุษย์ให้สัตว์ร้ายจอมเขมือบกิน ท่ามกลางสายตาของผู้คน ทำให้พวกเขาเกิดความยำเกรงและหวาดกลัวชูฟ่านในเวลาเดียวกัน
แต่ช่วงเวลานี้ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็ไม่ต้องก้มหัวให้ชูฟ่านแล้ว!
ณ จุดนี้ ไม่มีใครเลยที่คิดรั้งอยู่ต่อในมิติต้องห้าม ชูฟ่านที่ยืนอยู่บนสัตว์ร้ายจอมเขมือบ แสยะยิ้มมุมปาก
“ในที่สุดก็ได้บอกลาเจ้าพวกงี่เง่านี่ซักที!”
ภายใต้สายตาของเขา ผู้คนจำนวนมากเริ่มทยอยกันมายังจัตุรัสกลาง เมืองฉงโหลวที่เงียบสงบมาตลอดทั้งเดือน ครึกครื้นอีกครั้ง!