โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง - ตอนที่ 136 หน้าใสใจมาร
ฮัวเส้าซู่เหลือบมองพี่สะใภ้ของเขาด้วยความประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะใส่ใจเรื่องนี้ด้วย เพราะขนาดพี่รองของเขายังไม่คิดจะเอ่ยถึงเรื่องเมื่อวานเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ มันยากที่จะรับมือจริงๆ
นายอ้วนกอถูกทุบตีจนหมดสภาพเช่นนั้น และเขาเองก็ไม่ได้คิดให้รอบคอบจึงส่งตัวเขาไปโรงพยาบาล จนทำให้คนของตระกูลกอตามตัวเจอจนได้
ผู้เฒ่ากอก็ออกโรงขนาดนี้แล้ว จึงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องยากทันที
ตอนนี้ฮั่วเทียนหลันยังไม่โผล่หน้าามา ฮัวเส้าซู่จึงทำได้แค่เก็บเงียบไว้ พยายามไม่ให้เรื่องนี้มาถึงหูตระกูลฮัว ถ้าเกิดคุณแม่ของเขาทราบขึ้นมายิ่งจะลำบากไปกันใหญ่
ตามนิสัยของคนเป็นแม่ที่ยังไงก็ต้องปกป้องลูกตัวเอง อีกทั้งตระกูลกอที่เดิมทีก็ไม่ชอบเจรจาด้วยเหตุผลแล้วนั้น เขาเกรงว่าตระกูลฮัวและตระกูลกอต่อไปคงต้องกลายเป็นศัตรูกันอย่างแน่นอน!
แต่ทว่าเรื่องนี้เขาไม่สามารถบอกกับพี่สะใภ้ได้
ฮัวเส้าซู่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น : “ไกล่เกลี่ยเรียบร้อยแล้วล่ะ พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล”
อันหรันตอบรับในลำคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา : “ลำบากนายแย่เลยสินะ อารมณ์ร้อนของเทียนหลันนี่เอาวัวสิบตัวมารั้งก็ห้ามไว้ไม่อยู่จริงๆ”
ฮัวเส้าซู่ฝืนยิ้มรับ เขาตามติดฮั่วเทียนหลันมานานหลายปี และรู้นิสัยของพี่ชายรองเป็นอย่างดีเลยล่ะ
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่กลับมายังไม่เห็นพี่ชายรองเลย ฮัวเส้าซู่จึงถามขึ้น : “ว่าแต่พี่ชายรองไปไหนเหรอครับ”
เมื่อถูกเอ่ยถามคำถามนี้ สีหน้าของอันหรันก็ดูเศร้าขึ้นเล็กน้อย : “เมื่อคืนพี่ชายนายไม่ได้กลับมา น่าจะอยู่กับมู่เหว่ยล่ะมั้ง”
อันหรันพูดประโยคนี้ออกมาด้วยท่าทีที่ดูสงบ ราวกับว่าเธอกำลังบอกพูดประโยคทั่วไปในชีวิตประจำวัน
แต่ฮัวเส้าซู่กลับรู้สึกว่าพี่สะใภ้ดูหงอยแปลกๆ
เขาจำได้ชัดว่าเมื่อวานพี่ชายรองเป็นคนบอกให้เขาเก็บโทรศัพท์มือถือของพี่สะใภ้ให้ แต่ทำไมตอนนี้พี่ชายรองถึงไปอยู่กับมู่เหว่ยได้ล่ะ
ฮัวเส้าซู่เงียบไปพักหนึ่ง แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาควรจะพูดอะไรสักอย่าง ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงเบา : “พี่สะใภ้อย่าถือสาพี่ชายรองเลยนะครับ พี่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ผมคิดว่าพี่เขาก็ทะนุถนอมพี่มากอยู่นะ ไม่งั้นเมื่อคืนเขาคงจะไม่ ……”
“โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ต้องอธิบายแล้ว เดี๋ยวคุณแม่ได้ยินขึ้นมาจะยุ่งอีก” อันหรันเอ่ยตัดบทสนทนาขึ้นมาเสียงเบา
เธอไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ต่อแล้ว ยิ่งพูดใจเธอก็ยิ่งรู้สึกร้อนรน
คุณชายฮั่วไม่ชอบเธอก็เรื่องของเขาเถอะ ถึงอย่างไรเรื่องนี้เธอก็รู้มาตลอดอยู่แล้ว
แต่ฮัวเส้าซู่กลับคิดว่าพี่ชายรองนั้นดูบื้อไปหน่อย
แม้ว่าเมื่อก่อนเรื่องอื้อฉาวของพี่สะใภ้มีอยู่ไม่น้อย แต่มู่เหว่ยเองก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เลยด้วยซ้ำ
จากที่ได้ยินคุณแม่พูดตอนนั้น มู่เหว่ยคนนี้ที่ได้นอนร่วมเตียงกับพี่ชายรองคราวนั้นก็เพราะเธอใส่แอบใส่ยาให้พี่ชายรองกินต่างหากล่ะ
ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่านี่เป็นแผนของเธอ แต่พี่ชายรองกลับต้องมารับผิดชอบต่อเธอไปตลอดชีวิต
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนที่พี่ชายรองรู้สึกชอบมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่เขาคนนั้นกลับไม่อยู่ ช่างน่าเสียดายเสียจริง…
อันหรันหอบสมุดบันทึกเดินขึ้นไปที่ห้องหนังสือของฮั่วเทียนหลัน เธอใช้เวลาศึกษาผลงานที่จะใช้ในรอบการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
ในขณะเดียวกันนั้น เจ้าของห้องหนังสือนี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันที่แผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ของ Fahrenheit Group
เมื่อวานนี้มีเรื่องเกิดขึ้น ก็คือเรื่องละครย้อนยุคเรื่องล่าสุดของ Fahrenheit ที่เป็นละครในรูปแบบที่มีผู้หญิงสองคนเล่นเป็นตัวหลัก
ลำดับแรกคือเหลียวซิรง นักแสดงมากความสามารถ ที่มีแฟนคลับหลายรอยล้านคน
ลำดับที่สองคือมู่เหว่ย ที่ Fahrenheit Group ใช้เส้นสายจนทำให้เธอได้ขึ้นมาเป็นนักแสดง และถึงแม้ว่าความสามารถของเธอยังห่างจากเหลียวซิรงอยู่มาก แต่เธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของท่านประธาน ดังนั้นจึงมีคนไว้หน้าอยู่บ้าง
เดิมทีบทละครถูกคอนเฟิร์มเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อถึงตอนที่จะเริ่มถ่ายทำ เหลียวซิรงและมู่เหว่ยกลับทะเลาะวิวาทกันขึ้นมา
สาเหตุเกิดจากความคิดเห็นที่ต่างกัน ส่วนเรื่องหลักๆเลยก็คือหลี่เฉียนผู้ช่วยของเหลียวซิรง ที่ไปป่าวประกาศต่อสาธารณชนว่า มู่เหว่ยเป็นผู้หญิงที่ต่อหน้าเป็นอีกแบบนึง ลับหลังเป็นอีกแบบนึง ไม่มีทักษะการแสดง มีดีแค่ออดอ้อนและทำตัวแอ๊บแบ้วเท่านั้น ถ่ายละครกับเหลียวซิรงก็อาศัยแต่ช่างภาพคนตัดต่อ แบบนี้มีแต่จะถ่วงความสามารถของเหลียวซิรง
ด้วยเหตุนี้ผู้ช่วยของมู่เหว่ยจึงโกรธเป็นอย่างมาก จึงทำให้เกิดการปะทะกันกับหลี่เฉียน
ใครจะคิดว่ากลับเป็นเหลียวซิรงซะเองที่โกรธยิ่งกว่าหลี่เฉียน เธอขับรถพุ่งเข้าชนผู้ช่วยของมู่เหว่ยจนร่างประเด็น
แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นในทันที กลายเป็นเรื่องที่คนมองต่างคิดว่าเธอรังแกคนที่อ่อนแอกว่า
นักเลงคีย์บอร์ดจำนวนมากต่างพุ่งเป้าไปที่เหลียวซิรง คำสาปแช่งและสบประมาทมากมายถูกกล่าวออกมา ถึงขนาดที่ว่าขุดโคตรเหง้าของเหลียวซิรงขึ้นมาด่า กล่าวหาว่าครอบครัวเธอไม่อบรมสั่งสอน และขับไล่เธอออกไปจากแวดวงบันเทิง
ด้วยเหตุนี้มู่เหว่ยจึงหยุดการถ่ายทำ และไปเฝ้าดูแลผู้ช่วยของเธอที่โรงพยาบาล ทำให้เธอได้รับคำชมจากแฟนๆอย่างมากล้น
ในขณะนี้ Fahrenheit Group กำลังเปิดการประชุม ไม่ใช่เพื่อหาข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องที่ตอนนี้เหลียวซิรงมีกระแสด้านลบอยู่มาก สมควรหรือไม่ที่จะปลดเธอออกไป
มีบางส่วนที่เห็นด้วยกับการปลดเธอออก แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย จึงทำให้ที่ประชุมในตอนนี้เกิดการทะเลาะวิวาทกันจนเละเป็นโจ๊ก
ฮั่วเทียนหลันหน้าบึ้งตึง เขาพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าเหลียวซิรงจะกล้าลงมือทำถึงขนาดนี้
แต่นักธุรกิจต่างก็ให้ความสำคัญกับผลกำไรด้วยกันทั้งนั้น คนที่ต่อต้านการเปลี่ยนตัวนักแสดงลำดับที่หนึ่งเป็นมู่เหว่ยก็ไม่ได้พูดผิด เพราะในวงการบันเทิงนั้นมู่เหว่ยถือว่ายังห่างจากเหลียวซิรงอยู่มาก
พวกเขาทะเลาะกันอยู่อย่างนั้นแต่ก็หาทางออกไม่เจอสักที จนในที่สุดทุกสายตาก็มองไปยังฮั่วเทียนหลัน รอให้หัวหน้าใหญ่อย่างเขาเป็นคนตัดสินใจแทน
เดิมทีเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้ฮั่วเทียนหลันออกโรงก็ยังได้ แต่เพราะว่าเขาเป็นผู้หนุนหลังคนที่ถูกทำร้ายอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นเรื่องนี้เขาจึงถูกเชิญมาเพื่อเป็นพยานและทำการตัดสินใจ
ฮั่วเทียนหลันครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะพูดเสียงทุ้ม : “หยุดถ่ายทำไปก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องที่ว่าจะเอายังไงต่อ รอผมประกาศให้ทราบอีกที”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที
สำหรับเรื่องค่าเสียหายที่ตามมาจากการหยุดถ่ายทำชั่วคราวในครั้งนี้ ฮั่วเทียนหลันได้คำนวณไว้คร่าวๆแล้ว
Fahrenheit Group ไม่ได้ขาดแคลนทรัพย์กำลังขนาดนั้น แต่ถ้าหากเรื่องนี้ไม่ถูกจัดการให้เรียบร้อยล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะเสียกลุ่มแฟนคลับตัวยงไปเท่านั้น แต่สุดท้ายคนที่ต้องมาชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดก็คือคนที่เตรียมการมานานอย่าง Film industry ฮัว
ฮั่วเทียนหลันรีบตรงไปที่โรงพยาบาล ผู้ช่วยของมู่เหว่ยถูกส่งตัวไปยังห้องของผู้ป่วยหนักตั้งแต่เมื่อคืนนี้
ฮั่วเทียนหลันมองส่องเข้าไปที่ช่องกระจกใสตรงประตู มู่เหว่ยตอนนี้กำลังนั่งกุมมือผู้ช่วยของเธอด้วยท่าทีที่ดูเป็นห่วงเป็นใยอย่างมาก
ขณะที่ฮั่วเทียนหลันผลักประตูเข้าไป มู่เหว่ยก็เอ่ยขึ้นมาพอดีว่า : “เธอรีบรักษาตัวให้หายเร็วๆเถอะ ส่วนเรื่องนี้ ฉันจะจัดการให้เธอเอง… ”
จากนั้นเธอก็หันกลับมามองฮั่วเทียนหลันด้วยท่าทีดีอกดีใจเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็คิดอะไรบางอย่างออก จึงเอ่ยตำหนิขึ้นมาเบา ๆ : “เทียนหลัน ฉันบอกให้คุณกลับไปพักผ่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมผ่านไปแป๊บเดียวถึงได้กลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะคะ”
แม้ว่าคำพูดของมู่เหว่ยจะแฝงด้วยการตำหนิ แต่ก็เต็มไปด้วยความใส่ใจอย่างลึกซึ้งของเธอด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำให้ฮั่วเทียนหลันรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าบางครั้งมู่เหว่ยจะชอบวางแผนเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง แต่โดยรวมแล้วเธอก็ยังมีความห่วงใยให้เขาอยู่มากเหมือนกัน
“คนที่ควรไปพักผ่อนคือเธอต่างหากล่ะ เธอนั่งอยู่ที่นี่ทั้งคืนแล้วนะ” ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นอย่างรักใคร่ เขาเดินไปด้านหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไปลูบผมที่ยุ่งเหยิงของมู่เหว่ยให้เรียบลง
หน้าของมู่เหว่ยขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล : ” ที่ผู้ช่วยต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ก็เป็นเพราะฉัน ฉันรู้สึกผิดต่อเขามาก กลับไปก็คงนอนไม่หลับหรอก”
ฮั่วเทียนหลันเหลือบมองผู้ช่วยที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอหลับตาลงเล็กน้อย ตามจมูกยังคงมีเครื่องช่วยหายใจพ่วงไว้อยู่
ฮั่วเทียนหลันเอ่ยถามขึ้น : “คุณหมอว่ายังไงบ้าง”
ดวงตาของมู่เหว่ยแดงก่ำขึ้น : “คุณหมอบอกว่าเธอพ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ แต่เนื่องจากได้รับผลกระทบต่อจิตใจเป็นอย่างมากจึงทำให้เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมา คุณหมอให้ฉันพยายามคุยกับเธอเยอะ เขาบอกว่าถ้ามีสิ่งกระตุ้นจากภายนอกอาจจะทำให้เธอรู้สึกตัวได้เร็วขึ้นค่ะ”
ฮั่วเทียนหลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของมู่เหว่ย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ : “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะหาคนมาคุยกับเขาแทน ส่วนเธอก็ไปพักผ่อนได้แล้ว ไม่ต้องกังวลหรอก เรื่องนี้ฉันให้คนมาจัดการหาข้อเท็จจริงแล้ว ถ้ามันเป็นความผิดของเหลียวซิรงจริงๆ เขาก็ไม่ควรอยู่ในวงการอีกต่อไป! ”