โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง - ตอนที่ 167 เธอมีความสุขแล้วหรือยัง
ฮั่วเทียนหลันตรงไปที่โรงพยาบาลอย่างรีบร้อน คุณหมอยืนรอรับอยู่ด้านหน้าประตู พอไปถึงมู่เหว่ยก็ถูกส่งตัวไปที่ห้องผ่าตัดโดยทันที
ฮั่วเทียนหลันเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างเป็นกังวล ขณะนั้นเองมิลลี่ที่ได้รับแจ้งข่าวก็รีบบึ่งมาที่โรงพยาบาล แล้วรีบวิ่งตรงเข้ามาหาเขา
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา : “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ คุณชายฮั่ว”
ฮั่วเทียนหลันในตอนนี้ไม่ต้องการที่จะถูกรบกวน แต่มิลลี่เป็นผู้ช่วยของมู่เหว่ย เขาจึงทำได้เพียงตอบไปอย่างใจเย็น
สีหน้าของมิลลี่เปลี่ยนไปในพริบตา น้ำเสียงของเธอเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย : “ฉันรู้ … ฉันรู้ว่ามันจะต้องกลายเป็นแบบนี้! ’
ฮั่วเทียนหลันชะงักเท้า เขาฟังออกว่าสิ่งที่มิลลี่พูดขึ้นมานั้นเหมือนจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ จึงรีบเอ่ยถามขึ้นมา : “เธอว่ายังไงนะ ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น รีบบอกฉันมา!”
ร่างกายของฮั่วเทียนสั่นขึ้นมาราวอยู่ในที่ที่มีอาการหนาวเหน็บ ใจของมิลลี่ก็มีสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะหยิบซองจดหมายออกมาจากกระเป๋า แล้วเอ่ยขึ้น : “นี่คือสิ่งที่คุณเหว่ยให้กับฉันไว้ เธอบอกว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ให้ฉันส่งมันไปให้คุณ……”
เธอพูดยังไม่ทันจบ ฮั่วเทียนหลันก็แย่งซองจดหมายในมือถือมาทันที เขาเปิดมันออก ก่อนจะกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว ด้วยความรู้สึกที่ตีกันไปหมดอยู่ภายในใจ
“เทียนหลัน เพียงพริบตาเดียวเราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้วเนอะ ฉันเคยคิดนะว่าฉันจะได้เป็นภรรยาของคุณ มีลูกที่น่ารักกับคุณ และก็ใช้ชีวิตด้วยกันกับคุณอย่างมีความสุข แต่ราวกับว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับฉัน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า อันหรัน เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันกลับกลายมาเป็นภรรยาของคุณแทน ฉันรู้ดีว่าคุณรู้สึกเสียใจที่เข้ามาแทรกแซงตรงกลางระหว่างความเป็นเพื่อนของเรา ทุกครั้งที่เห็นคุณโศกเศร้า ในใจของฉันก็ไม่มีความสุขเอาเสียเลย ฉันอยากจะหนีไปจากคุณให้พ้นๆ แต่กลับทำใจไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นคุณแสดงความเบื่อหน่ายและลำบากใจที่จะต้องเลือก ใจของฉันก็แทบจะแตกสลาย ช่วงนี้ฉันครุ่นคิดอย่างหนักเลยล่ะ คิดเรื่องของเราในอนาคต แล้วก็คิดว่าฉันควรไปที่ไหนดี วันนี้ฉันตัดสินใจดีแล้ว ฉันจะไปคุยกับอันหรันให้รู้เรื่อง ถ้าหากว่าเธอไม่ยอมรับฉัน ฉันก็จะไปให้ไกลที่สุด… ”
ข้อความช่วงท้ายๆ ฮั่วเทียนหลันเริ่มจะมองไม่ชัดแล้ว
เขาที่เป็นลูกผู้ชายแข็งแกร่งมาตลอด ในตอนนี้บริเวณรอบดวงตากลับรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาซะอย่างนั้น
อาจจะเป็นเพราะลมที่โรงพยาบาลค่อนข้างแรงล่ะมั้ง!
เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเก็บจดหมายที่เขียนโดยมู่เหว่ยใส่กลับลงไปในซองดังเดิม และยัดมันเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
เขาเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาเย็นเฉียบอย่างยากจะอธิบาย : “เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้ามู่เหว่ยไปจะเกิดอันตรายอย่างงั้นเหรอ”
มิลลี่ตอบกลับไปเสียงเบาและสั่นเล็กน้อย : “ใช่ ใช่ค่ะ… เพราะฉันรู้ดีว่าอันหรันมีนิสัยที่ดุร้ายมาก ทั้งยังจอมวางแผน ดังนั้นจึง… ”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่ห้าม!” ฮั่วเทียนหลันในตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะต่อยคนระบายอารมณ์อยู่เต็มที
“ฉันห้ามแล้ว… แต่ก็ไม่มีประโยชน์ … เพราะเรื่องของเหลียวซิรง คุณเหว่ยเธอก็มีความกดดันมากพออยู่แล้ว แต่เหลียวซิรงกลับเป็นคนสนิทของอันหรันด้วย ดังนั้นคนของ Fahrenheit Group ก็ไม่สามารถเอาผิดอย่างเป็นกลางได้… คุณเหว่ยเธอพยายามโต้แย้งด้วยเหตุผลอยู่หลายครั้ง แต่เกือบจะโดนแบนซะด้วยซ้ำ!”
มิลลี่ยิ่งพูดเสียงของเธอก็ยิ่งเบาลง จนในที่สุดตอนพูดเรื่องโดนแบนเสียงของเธอก็เบาลงราวกับเป็นเสียงบินของยุงเท่านั้น
ฮั่วเทียนหลันตกใจยิ่งกว่าเดิม เขามองไปที่มิลลี่อย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบขลึม : “โดนแบน หมายความว่ายังไง”
มิลลี่ตอบเสียงสั่น : “ตอนนี้คุณเหว่ยไม่มีละครเข้ามาเซ็นสัญญาด้วยเลย แม้ว่าเธอจะยังได้ออกกล้องบ้าง แต่ก็เป็นเพียงโฆษณาเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ฉันเคยไปแอบถามมา เขาบอกว่ามีคนสั่งมาอย่างนั้น ดังนั้นก็เลย…”
หมากกระดานนี้ถูกวางอย่างรวดเร็ว ทำให้มิลลี่ยิ่งพูดยิ่งหาจุดลงไม่ได้
แล้วเธอคิดไม่ถึงว่ามู่เหว่ยจะทนไม่ได้จนเริ่มเดินเกมก่อนเวลาที่กำหนดแบบนี้
แค่หวังว่าฮั่วเทียนหลันจะไม่ไปสืบเรื่องนี้ต่อ มิฉะนั้นไม่ช้าก็เร็วความลับจะต้องถูกเปิดเผยออกมาแน่ๆ
หลังจากที่ฮั่วเทียนหลันครุ่นคิดได้สักพัก จึงกดโทรไปหาผู้รับผิดชอบแผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ : “ทำไมต้องแบนมู่เหว่ย”
ทันทีที่มีคนรับสาย ฮั่วเทียนหลันก็เอ่ยถามออกไปอย่างพร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ
หยูเหว่ยหัวหน้าแผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์รู้สึกตัวสั่นขึ้นมาทันที เรื่องแบนมู่เหว่ยนั้นคือคำสั่งของคุณแม่เขาเอง ผู้ที่ออกคำสั่งแก่เขาได้นั้น ใน Fahrenheit Group มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ทำได้
“ท่านประธานฮั่วครับ นายหญิงฮัวคือคนที่สั่งให้พวกเราทำแบบนี้… ท่านเองก็รู้… ”
ปลายสายยังไม่ทันได้เอ่ยจบ ก็มีเสียงแทรกเข้ามาก่อน ฮั่วเทียนหลันจึงกดวางสายทันที
คิ้วของฮั่วเทียนหลันขมวดจนยุ่ง คุณแม่ยื่นมือเข้ามายุ่งอีกแล้วนะ
หรือเป็นเพราะท่าทีของเขาในช่วงนี้ จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะทำให้มู่เหว่ยออกไปจากชีวิตเขา
แต่เมื่อคิดถึงตอนนี้ ฮั่วเทียนหลันกลับรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่
เพราะแม่ของเขาทำเรื่องต่างๆด้วยความเหมาะสมมาเสมอ เธอรู้ว่าฮั่วเทียนหลันเกลียดการที่มีคนเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวเป็นอย่างมาก และยิ่งไม่ยอมให้ใครเข้ามาคุกคามได้โดยเด็ดขาด
เว้นแต่ว่า เธอถูกใครกระตุ้นมาอีกที!
เขาใช้สายตามองไปที่มิลลี่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “ยังมีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันอีกไหม”
มิลลี่ตัวสั่น เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ไม่ ไม่มีค่ะ… แต่ได้ยินคนพูดกันว่า วันนั้นนายหญิงฮัวมาที่โรงพยาบาล เหมือนกับจะพูดอะไรไม่ดีกับคุณเหว่ย…เขาว่ากันว่าเรื่องที่พูดออกมานั้นก็ฟังมาจากคุณหนูฮั่วอีกที… ”
มาที่โรงพยาบาลวันนั้นอย่างงั้นเหรอ
ฮั่วเทียนหลันร่างกายตอบสนองกลับมา ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงจะไม่พ้นอันหรันก่อขึ้นมาอีกแล้วแน่นอน
ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของฮั่วเทียนหลันก็ดังขึ้น
เขาก้มหน้าลงมองเล็กน้อย เป็นแม่ของเขาที่โทนเข้ามา หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบมันขึ้นมากดรับสาย
“ครับคุณแม่ มีอะไรเหรอครับ”
เสียงของฮั่วเทียนหลันพึ่งจะเอ่ยออกไป หลี่รูยาที่อยู่ปลายสายก็ส่งเสียงกลับมาด้วยความโกรธ : “เทียนหลัน กลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้”
ฮั่วเทียนหลันควบคุมอารมณ์ของตัวเองที่เหมือนจะประทุออกมาอย่างรุนแรงได้ทุกเมื่อ เขาพูดขึ้นอย่างอดทน : “คุณแม่ครับ มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเลยครับ ตอนนี้ผมมีเรื่องที่สำคัญมากๆ จะกลับบ้านได้ก็คงดึกๆ!”
“ฉันไม่สนว่าแกจะมีเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้รีบกลับมาที่บ้าน!” หลังจากหลี่รูยาเอ่ยเสร็จ เธอก็กดตัดสายทันที
ฮั่วเทียนหลันฟังเสียงของสายที่ถูกกดวางไป เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปพูดกับมิลลี่ : “ฉันต้องออกไปข้างนอกสักครู่ เธออยู่ดูแลเสี่ยวเหว่ยไว้ให้ดีๆ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น รีบโทรมาหาฉันทันที”
มิลลี่พยักรับหน้าอย่างรวดเร็ว ฮั่วเทียนหลันเดินลงไปด้านล่างก่อนจะขับรถไปยังบ้านตระกูลฮั่วทันที
หลี่รูยารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วอันหรันมาหาเธอที่บ้าน
เดิมทีเธอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ชวนอันหรันพูดเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่อง
แต่อันหรันมักจะฝืนยิ้มหัวเราะขึ้นมา จนสุดท้ายหลี่รูยาทนไม่ไหวซักถามจนได้ความว่า อันหรันจะหย่ากับฮั่วเทียนหลัน และสละตำแหน่งนี้ให้กับมู่เหว่ยแทน
หยี่รูยาโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา เธอไม่มีเวลาจะซักถามหาเหตุผลว่าทำไมอันหรันถึงกล่าวออกมาเช่นนี้ แต่รีบกดโทรตามฮั่วเทียนหลันให้กลับมาที่บ้านในทันที
อันหรันนั่งเงียบๆอยู่ตรงข้ามเธอ ไม่ว่าหลี่รูยาจะโน้มน้าวเธออย่างไร เธอก็เอาแต่ส่ายหัวไม่ยอมพูดจา
อันหรันตัดสินใจดีแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้มันจบๆไปเสียที
ทันทีที่ฮั่วเทียนหลันก้าวเข้ามาในบ้าน ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัดในห้องนั่งเล่น
ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึงตัวคุณแม่ ก็ถูกหลี่รูยาตะโกนดักขึ้นมาก่อน : “หยุดอยู่ตรงนั้น!”
ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้ว แต่ก็หยุดยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง
หลี่รูยาคว้าเอาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะโยนมันไปกระแทกลงบนตัวของฮั่วเทียนหลันอย่างแรง แล้วจึงกรนด่าขึ้น : “ไอ้ลูกชั่ว ทำไมแกถึงได้ทำร้ายหรันหรันอีกแล้ว”
สายตาที่ขุ่นมัวของฮั่วเทียนหลันเลื่อนไปที่ร่างของอันหรัน ทำให้อันหรันเกิดความรู้สึกชาขึ้นมา
เธอยายามอยากหนักที่จะไม่เงยหน้าขึ้นมองฮั่วเทียนหลัน
ฮั่วเทียนหลันยิ้มเยาะในใจ เขาพอจะเดาสถานการณ์ออกแล้ว จึงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ : “เธอมารายงานอีกแล้วสินะ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
ท่าทีที่ไม่ยอมรับผิดของฮั่วเทียนหลัน ทำให้หลี่รูยาโมโหขึ้นมายิ่งกว่าเดิม เธอคว้าเอาแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะ ขว้างใส่ฮั่วเทียนหลันอีกครั้ง
ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ครั้งนี้เขาหลบตัวได้ทัน จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง : “คุณแม่ครับ คุณแม่ต้องการจะทำอะไรกันแน่”
“ฉันต้องการจะทำอะไรงั้นเหรอ” หลี่รูยาอดไม่ได้ที่จะถามกลับ เธอเพียงแค่คิดว่าลูกคนรองของเธอช่างน่าขัน อันหรันเป็นผู้หญิงที่แสนดีขนาดนี้ มีความรู้ ทั้งยังอ่อนโยนเอาใจใส่ แต่ทำไมลูกคนรองถึงไม่รับรู้ถึงข้อดีของเธอเลยแม้แต่ข้อเดียว แต่กลับโอนอ่อนผ่อนตามให้กับยัยนักแสดงเจ้าเล่ห์นั่นแทน
“ในเมื่อวันนี้แกถามออกมาแบบนี้แล้ว ฉันก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามแกติดต่อกับยัยนักแสดงเจ้าเลห์นั่นอีก ใช้ชีวิตอยู่กับอันหรันดีๆ ถ้าหากฉันรู้ว่าแกยังติดต่อกับมันอยู่ล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน!”
ครั้งนี้หลี่รูยาคงจะโกรธมากจริงๆ เพราะเธอได้เผยด้านความเป็นหญิงแกร่งออกมาจนหมด
ฮั่วเทียนหลันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อให้เสียงของเขาไม่สั่นไปกว่านี้ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “คุณแม่ครับ เรื่องของความรู้สึกให้ผมเป็นคนตัดสินใจเองได้ไหม ตั้งแต่ที่เริ่มแต่งงานกับอันหรัน ผมก็เคยพูดกับคุณแม่ไปแล้วนี่ว่า ผมไม่มีทางรักเธอ สำหรับผมเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาเท่านั้น ไม่สามารถเกิดเป็นความรู้สึกได้ กับเรื่องความรักยิ่งไม่สามารถเป็นไปได้เลย”
“พอได้แล้ว!” หลี่รูยาลุกขึ้นก่อนจะก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วดึงเสื้อของฮั่วเทียนหลันให้ไปนั่งลงตรงที่อันหรันนั่งอยู่
“ภรรยาของแกอยู่ตรงหน้าแกแล้ว ตอนนี้ก็พูดขอโทษกับเธอซะ แล้วฉันจะปล่อยเรื่องทุกอย่างไป!”
ฮั่วเทียนหลันไม่ขยับเขยือนใดๆ ไม่ว่าแม่ของเขาจะดึงรั้งเพียงใดเขาก็ยังคงไม่ไหวติง
สายตาเย็นชาของเขากวาดมองไปที่อันหรัน ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ : “เธอมีความสุขแล้วหรือยัง ที่เห็นเรื่องมันเป็นแบบนี้”
อันหรันเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจและงงงัน ราวกับว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ฮั่วเทียนหลันเอ่ยออกมา เธอกำลังจะอ้าปากอธิบาย
แต่เมื่อมองเห็นดวงตาเย็นชาของฮั่วเทียนหลัน เธอก็ทำแค่เพียงยิ้มขึ้นอย่างขมขื่น และก้มหน้าลงอีกครั้ง
จะพูดอะไรล่ะ ยังจำเป็นต้องพูดอะไรอีกเหรอ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเชื่อคนอย่างเธออยู่แล้ว
“คุณแม่ครับ คุณแม่เคยตรวจสอบผู้หญิงคนนี้อย่างละเอียดแล้วหรือยัง” ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“อันหรันเป็นคนที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเล็ก เธอเป็นเด็กดี ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรทั้งนั้น!” หลี่รูยาตอบเสียงเข้ม
ฮั่วเทียนหลันราวกับได้ยินเรื่องตลกขบขัน เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างเสียงดังและพูดว่า : “คุณแม่ครับ คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณแม่จะโดนผู้หญิงสำส่อนคนนี้หลอกลวงได้ น่าตลกดีนะครับ ถ้าคุณแม่อยากจะรู้จริงๆว่าทำไมผมถึงไม่ชอบเธอนักล่ะก็ คุณแม่ก็ลองสืบข้อมูลของเธออย่างละเอียดดูสิ! ”