โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง - ตอนที่ 190 ความรู้สึกผิดภายในใจ
เขาลากมู่เหว่ยไปที่รถ โดยมิลลี่เดินตามมาติดๆ แต่ว่ามู่เหว่ยก็จ้องมองด้วยสายตาดุดัน มิลลี่ก็รู้สึกกดดันจึงทำได้แค่เพียงยืนอยู่ข้างรถ
ฮั่วเทียนหลันขับรถมุ่งตรงไปยังโรสเฮาส์ มู่เหว่ยนั่งอยู่ข้างๆ เมื่อถึงตรงที่มีสัญญาณไฟจราจร เธอถือโอกาสซบลงไปที่ไหล่ของเขา “เทียนหลัน ถ้าวันนี้คุณไม่มาล่ะก็……”
เธอหยุดพูด แต่ก็รู้ดีว่าเธอต้องการจะสื่อออกไปนั้น คืออะไร
ฮั่วเทียนหลันจึงพูดขึ้นว่า“ เรื่องนี้ไม่ว่ามันจะจบยังไง เธอก็ไม่ต้องคิดมากหรือเป็นกังวลไป ยังไงฉันก็จะเลี้ยงดูเธอเอง”
ใจของเธอเหมือนถูกหนามทิ่มแทง เมื่อไม่ได้ยินประโยคดังกล่าว
ฮั่วเทียนหลันรู้ดีว่า ครั้งนี้มู่เหว่ยน่าจะเล่นละครตบตา เลยดึงคนทุกคนมาเป็นตัวละครประกอบฉากของเรื่อง
ฮั่วเทียนหลันไม่มีทางที่ไปลงโทษหรือทิ้งมู่เหว่ยได้
ตั้งแต่ที่เจอเธอครั้งแรก ก็หวังไว้กับตัวเองเสมอว่า
หากไม่มีอันหรัน ตำแหน่งภรรยาของเขาคงหนีไม่พ้นเธอแน่นอน
เธอปกติดี ไม่มีพิษสงอะไร
เมื่อก่อนไม่ว่ามู่เหว่ยทำผิดอะไรเล็กๆน้อยๆ ฮั่วเทียนหลันก็ไม่ได้ไปใส่ใจอะไร
เขาก็แค่คอยดูๆไปก็แค่นั้น
หนึ่งเดือนเต็มๆ ที่ฮั่วเทียนหลันไม่กลับบ้านของเขา
อันหรันคิดว่าเขาคงจะพักอยู่ที่บ้านของมู่เหว่ย แต่จริงๆแล้วมู่เหว่ยก็อยู่กับฮั่วเทียนหลันแค่ในเวลากลางวัน กลางคืนก็แยกย้ายกันไป
ฮั่วเทียนหลันซื้อบ้านหลังหนึ่งไว้บนภูเขา ตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายต้องการพักผ่อน พร้อมกับคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ
เขาเก็บซ่อนความรู้สึกของเขาไว้ในใจ เพราะไม่อยากให้ใครรับรู้มัน
ขณะนั้นหลี่รูยาพยายามจะโทรศัพท์ติดต่อเขา แต่เขาก็แข็งใจที่จะไม่รับโทรศัพท์
คืนนี้ โทรศัพท์ของอันหรันดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นหลี่รูยาโทรมา หลี่รูยาโทรมาทำไมนั้นเธอเองก็รู้ดีเป็นอย่างยิ่ง เธอรับโทรศัพท์พร้อมกับพูดว่า “เทียนหลันยังไม่กลับมาค่ะคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ยังไงเขาดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแน่ๆค่ะ”
หลี่รูยาทั้งโกรธและผิดหวัง เธอพูดขึ้นว่า“ไอ้เจ้าลูกชายคนนี้นี่นะ!หรือว่ามันจะโกรธฉันหรือเปล่า?”
“ไม่น่าจริงมั้งคะ อันที่จริงเทียนหลัน…..” อันที่จริงอันหรันอยากจะพูดชมฮั่วเทียนหลันออกมา แต่ฟังจากน้ำเสียงโกรธของหลี่รูยาตอนนี้แล้ว ไม่ว่าพูดอะไรออกมาเธอก็คงคิดว่าฮั่วเทียนหลันไม่ใช่คนแบบนี้แน่นอน
“โอเค เธอไม่ต้องออกรับแทนเขาเลย ช่วงนี้ก็ช่วยกันดูด้วยหล่ะว่าเขาไปหลบอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้าเขากลับมาต้องให้เขามาพบฉันให้เร็วที่สุด”
อันหรันไม่รู้ว่าหลี่รูยาสั่งให้ฮั่วเทียนหลันรีบไปพบทำไม แต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ที่จริงแล้วเธอก็ยังแปลกใจอยู่ว่าฮั่วเทียนหลันไปอยู่ที่ไหนกัน ไปหลบซ่อนอยู่จริงหรือเปล่า
วันนี้เธอมีนัดกับฉีหลาน ผ่านไปสักพักก็ใกล้จะถึงเวลานัด เธอจึงรีบเตรียมตัวที่จะออกจากบ้าน
พอออกจากบ้าน เธอก็เห็นรถเบนซ์s450เบรกต่อหน้าเธอ ฝุ่นฟุ้งกระจัดกระจาย
อันหรันขมวดคิ้ว ยังไม่ทันพูดอะไร กระจกรถก็ปรับลดลง และพูดว่า “ขึ้นรถ!”
เสียงที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคยทำ ทำให้อันหรันทั้งตกใจ ทั้งประหลาดใจ ฮั่วเทียนหลันกลับมาได้อย่างไร?
“คุณฮั่ว คุณแม่เพิ่งจะโทรหาคุณ” อันหรันไม่ได้รีบขึ้นรถแต่อย่างใด เธอพูดถามในสิ่งที่จำเป็นก่อน
ใบหน้าของฮั่วเทียนหลันดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะอารมณ์ไม่ดี อันหรันยังไม่กล้าจะขัดขืนอะไร
เขาเปิดประตูรถและใช้แรงนำตัวอันหรันดันเข้าไปที่เบาะหลัง
อันหรันขึ้นรถโดยไม่ทันคาดเข็มขัด เธอแถบหงายหลัง เพราะรถพุ่งออกตัวไปด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“ คนบ้า!” หัวของเธอเกือบโขก อันหรันอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
ฮั่วเทียนหลันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองอันหรันในกระจกมองหลังแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอะอะโวยวาย เธอควรคาดเข็มขัดนิรภัยก่อน”
พูดเสร็จ เขาก็ยังคงเร่งความเร็ว อันหรันมองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนเธอตาลาย
รถวิ่งมาเร็วมาก ซึ่งเธอก็ไม่รู้เลยว่า ฮั่วเทียนหลันจะพาเธอไปไหน
ในที่สุด เสียงเบรกก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง รถเบนซ์ก็จอดลง
อันหรันทนรอไม่ไหว เธอเปิดประตูรถและรีบวิ่งออกไปอ้วก
เธอได้ยินเสียงเปิดประตูตามมาจากข้างหลังเธอ และดูไม่สนใจไยดีเธอเลย
เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อหันไปมองแล้วพบว่าฮั่วเทียนหลันพาเธอมาที่ภูเขา
จากมุมนี้มองลงไปด้านล่าง จะเห็นแม่น้ำที่คดเคี้ยวทอดยาวออกไป
ภูเขาติดแม่น้ำ?
อันหรันคิดอยู่ในใจ จากนั้นก็หันกลับมา ก็เห็นสุสานขนาดใหญ่อยู่ไม่ไกล
ทำไมฮั่วเทียนหลันถึงพาเธอมาที่นี่?
เธอเดาไม่ถูกว่าที่นี่คือที่ใด ถ้าเป็นบ้านของตัวเองก็คงไม่กลัว แต่เมื่อต้องย่างกรายไปที่ที่เป็นของครอบครัวฮั่ว อันหรันก็รู้สึกหนาวสั่น
เธอค่อยๆวิ่งตามฮั่วเทียนหลานไป
อันหรันแอบมองสีหน้าของฮั่วเทียนหลัน มีความเศร้าอยู่บนใบหน้าของเขาปะปนไปกับความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง ซึ่งอันหรันไม่เคยพบในตัวฮั่วเทียนหลัน
เมื่อเดินมาถึงหน้าสุสาน อันหรันก็เหลือบมองเล็กน้อย ซึ่งสุสานแห่งนี้เป็นสุสานของบรรพบุรุษของตระกูลฮั่ว
ฮั่วเทียนหลันเดินไปที่สุสานที่เห็นได้ชัดว่าเพิ่งสร้างใหม่ และยืนนิ่งมองไปรอบ ๆ อยู่ๆเขาก็ตะโกนออกมา แล้วคุกเข่าลง
อันหรันตกตะลึงไปชั่วขณะ และมองไปที่หลุมฝังศพที่ฮั่วเทียนหลันคุกเข่า เมื่อมองไปก็พบว่าเป็นชื่อที่คุ้นเคย แล้วเธอก็คุกเข่าลงเช่นกัน
ฮั่วเทียนหลันคุกเข่าที่สุสานเป็นเวลานาน อันหรันเงยหน้าขึ้นและเหลือบมอง และพบว่าเขาเหมือนจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าความเงียบดีที่สุดในเวลานี้ ทุกคำพูดมันแสดงออกมาผ่านทางความรู้สึกหมดแล้ว
พื้นหินอ่อนสูงเลยเพียงเข่าเล็กน้อย อันหรันทรงตัวเองให้คุกเข่า
เธอเงยหน้าขึ้นมองรูปถ่ายบนสุสาน บนสุสานคงจะมีการเปลี่ยนรูปทุกปี ในรูปเขาดูหล่อมากซึ่งเธอก็แอบนำมาเปรียบเทียบกับฮั่วเทียนหลัน อันหรันรู้สึกว่าฮั่วเทียนหลันนั้นเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมที่ดี
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ฮั่วเทียนหลันลุกขึ้น อันหรันก็ลุกขึ้นตาม ขาก็รู้สึกชาเล็กน้อย
ทำให้รู้สึกยืนไม่ค่อยมั่นคง เธอเซไปทางป้ายของสุสาน
ฮั่วเทียนหลันที่จริงกำลังจะเดินไปอีกด้านหนึ่ง แต่เมื่อเห็นอันหรัน เขาก็รีบเข้ามา
สีหน้าของเขานิ่ง ทำไมผู้หญิงคนนี้ทำให้สร้างปัญหาตัวเองไม่ว่าจะไปที่ไหน
เขาก็ยื่นมือออกไปและดึงอันหรันกลับมา
อันหรันขาชาไปชั่วขณะ เธอเกาะแขนของฮั่วเทียนหลันสักพักก็รู้สึกสบายขึ้น
“ เธอจะเกาะอีกนานไหม?” เสียงเย็นชาของฮั่วเทียนหลันฟัง ระเบิดเข้ามาในหูของอันหรัน
อันหรันรีบลุกจากอ้อมกอดของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เขินอาย : ” อ่อค่ะ ขอโทษนะคะ คุณฮั่ว … ”
ฮั่วเทียนหลันมองอันหรัน และกล่าวว่า “ขอโทษแล้วจะมีประโยชน์อะไร เธอทำอย่างอื่นเป็นไหม นอกจากสร้างปัญหา ”