โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” - ตอนที่ 1 บทที่ 1 ตอนที่ 1
บทที่ 1ตอนที่1
สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์
เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน
ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้
คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด
ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์
สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง
เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า
เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน
ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน
「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」
เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า
ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น
พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า
ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ
แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด
เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา
ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง
มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก
「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」
ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ
ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ
หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน
ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา
เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」
ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว
ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน
ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้
ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง
ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย
เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ
「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」
「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」
「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」
เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้
เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า
「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」
มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า
「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」
「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」
พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด
「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」
พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง
ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ
ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย
ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ
เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ
ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ
ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ
ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้
ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า
ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน
สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น
ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด
เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ
ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย
ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย
「เฮ้ออ!」
ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง
เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง
หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ
นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ
สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้
วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน
อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน
「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」
เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่
อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก
อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า
เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้
อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว
ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。
「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」
เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย
「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」
มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง
มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ
ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน
อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ
ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก
มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง
「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」
การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ
「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」
มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง
ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ
ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น
「ฮ่าๆ!」
ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ
「สายไปละโว้ย!」
มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น
มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี
ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว
ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่
มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。
「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」
มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น
“คิ”
เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป
มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ
ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว
ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู
「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」
มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้
เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง
เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”
เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ
การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า
มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10
ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่
เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้
พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง
「แหลกไปซะเหอะมึง!!」
บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก
「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」
ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู
แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น
และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่
ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด
ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น
「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」
รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม
ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง
「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」
ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์
「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」
ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว
ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล
「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」
ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล
ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ
เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย
「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」
「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」
「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」
เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับยิ้ม การแสดงออกของเธอให้อารมณ์เหมือนกับพี่สาวที่เป็นห่วงน้องชาย
ในความเป็นจริงเธอไม่ใช่เพียงแค่สวยเท่านั้น แถมยังเป็นคนที่คอยเอาใจใส่และเป็นคนที่พึ่งพาได้อีกด้วย ในความเป็นจริงเธอนั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนโดยไม่เกี่ยงเพศเลยล่ะ
ขณะนั้นเองก็มีอีกคนหนึ่งเข้ามาในห้องพยาบาลพร้อมกับเสียงงัวเงีย
「นอร์นนนน~~~โนโซมุคุงเป็นยังไงบ้างจ้ะ~~~~」
เป็นคุณอันริเองงที่พาผมมาที่ห้องพยาบาลแห่งนี้
「อันริ ที่นี่มันยังอยู่ที่โรงเรียนนะ เรียกฉันว่าอาจารย์สิ」
「เอออออ๋~~~、ไม่มีใครอยู่ที่นี่สักหน่อยถ้างั้นก็เซฟ~~~~」
「อย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่ตรงนี้นะ」
พวกเธอทั้งสองเป็นคนจากสถาบันโซลมินาติและยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถึงแม้จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับกับคนอื่นก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอค่อนข้างจะเหนียวแน่น
「ถ้าเป็นโนโซมุคุงละก็ไม่เป็นไรหรอกเน้อ โนโซมุเองก็เข้าใจดีใช่ไหมล่า~~~?」
อันริมองมาทางนี้ด้วยท่าทางกังวล
「อะแฮ่มขอโทษที่ขัดจังหวะ……เขาปวดหลังนิดหน่อยและก็สติยังคงเบลอๆจากแรงกระแทกน่ะ」
「อื้อ ข้าไม่เป็นไร」
「ดีแล้วล่ะน้าาา~~~。เป็นห่วงแทบแย่เลยล่ะ โนโซมุคุงละก็ชอบทำอะไรยุ่งยากจังเลยน้า」
เธอยิ้มพร้อมกับพูดเช่นนั้น
เธอดูเป็นห่วงข้ามากเลยล่ะ
「ไม่เป็นไรหรอกน่า อันริ ถ้าแค่ระดับนี้ละก็สำหรับหมอนี่ก็เป็นเรื่องปกตินี่นะ」
「โม่ววววว นอร์นเนี่ยเย็นชาจังเลยน้าาา」
「ฉันเข้าใจสภาพของเขาดีน่า ดังนั้นอย่ากังวลไปเลยอันริ ไว้ใจลูกศิษย์ตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิ ปล่อยเวลาให้เขาได้เติบโตขึ้นบ้าง」
แม้ว่าจะดูเถียงกันอยู่ แต่อันริก็มีน้ำเสียงหนักแน่นกว่าปกติและนอร์นเองก็พูดด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลาย
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอทั้งสองนั้นสนิทกันมากแค่ไหน แถมยังไม่มีอะไรปิดบังต่อกัน
เมื่อมองไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าดวงอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าไปแล้ว ใกล้ถึงเวลาไปฝึกตามปกติแล้ว
ข้ารีบเก็บกระเป๋าและเตรียมตัวกลับ จากนั้นก็ทักทายเหล่าอาจารย์เล็กน้อย
「ขอขอบคุณ คุณหมอนอร์นและอาจารย์อันริด้วยนะครับ ถ้างั้นผมขอตัว!」
ข้ารีบออกจากห้องพยาบาลด้วยท่าทางอันเร่งรีบ
เมื่อฉันเห็นเขาออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบแล้วฉันก็เรียนเพื่อนสนิทของฉัน
「นี่เขาน่ะเป็นคนในข่าวลือรึเปล่า? ได้ยินข่าวลือที่เหลือเชื่อมาด้วยล่ะ」
「ก็น่าจะเป็นงั้นแหละน้า~~~」
เพื่อนสนิทของฉันยิ้มตอบ
โนโซมุ・เบลาตี้
เป็นนักเรียนซ้ำชั้นในปีสอง
มีข่าวลือที่ว่าตอนเขาอยู่ปี 1 นั้นเขาเป็นคนรักของลิซ่า เฮาวน์และมีเพื่อนสมัยเด็กอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องเดียวกันด้วย แต่ว่านั่นเขาโดนนอกใจ
ผลการเรียนของเขาไม่โดนเด่นเท่าไร เพราะฉะนั้นจึงถูกกดขี่มาตลอด
แต่เมื่อฉันที่คอยดูแลเขาก็พบว่าเขาไม่ใช่คนเหลวไหล
ตอนที่เขามาที่นี่เพื่อตรวจร่างกาย ตอนที่เขาถอดเสื้อมานั่น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อหนักแน่นที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี หุ่นที่ดูเพอร์เฟคถึงระดับนั้น
สิ่งที่ผิดปกติก็คือร่างกายของเขามันไม่เหมือนร่างกายคนปกติ
ก็เหมือนกับการที่เขาใช้ดาบร่างกายของเขาที่ฝึกฝนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียจนน่ากลัว
เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเขาเลยที่จะมีความละโมบโลภมาก
ไม่หรอกไม่มีใครในปี 2 ฝึกหนักจนได้สภาพร่างกายถึงขนาดนั้นหรอกนะ
ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขานั้นมีบาดแผลไปทั่วร่าง เทียบได้กับนักผจญภัยรุ่นเก๋าเลยเชียวล่ะ
บางทีข่าวลือนั่นมันคนละเรื่องกับข่าวลือเรื่องของลิซ่า เฮาวน์เลยก็ได้
ความแปลกประหลาดของเขา
มันเป็น “ความสามารถ”ของเขาที่ตื่นขึ้นในปี 1 นั่นเอง
“ความสามารถ”
เป็นคำทั่วไปสำหรับความสามารถที่จะแสดงออกมาให้เห็น เพื่อให้ผลบางอย่างแก่บุคคลนั้นๆ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับความสามารถ
มันก็มีความหลากหลายรูปแบบอย่างเช่นการเสริมพลังเวทย์เอย การเสริมพลังกาย และอีกมากมาย
ซึ่งความสามารถของโนโซมุคือ “ความสามารถในการพันธนาการ”
เมื่อมันปรากฏขึ้นมามันจะเป็นดั่งโซ่ตรวนที่พันธนาการความสามารถของบุคคลนั้นจนการเติบโตจะถึงขีดจำกัดเมื่อไปถึงระดับหนึ่ง
ความสามารถในการพันธนาการมันแตกต่างออกไปตามแต่บุคคล แต่ในกรณีของเขานั้นพลังเวทย์และคินั้นจะถูกพันธนาการไว้ซึ่งนั่นกลายเป็นปัญหาอันใหญ่หลวงสำหรับเขา
แม้ว่าจะเป็นความสามารถที่หาได้ยากมากที่จะพบเจอได้ แต่มันเป็นผลเสียต่อผู้ที่ได้รับความสามารถนั่น มันคอยฉุดรั้งตัวของเขาไว้
แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์เสริมพลังและคิ แต่ผลของมันก็ได้เพียงครึ่งเดียว
สิ่งนี้แหละที่เป็นตัวฉุดรั้งเขาไว้ทำให้เขาตกต่ำลงจนถึงขีดสุด
แม้ว่าจะสามารถไปเรียนปี 3 ได้ด้วยการสอบข้อเขียน แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีการทดสอบอื่นๆรออยู่อีกสองอย่าง
「ฉันเข้าใจนะ ว่าทำไมอันริถึงห่วงเขาน่ะ」
「ใช่มั้ยล่าาา~~~。ทุกคนน่ะเอาแต่บ่นว่าโนโซมุแย่อย่างงู้นอย่างงี้ แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่มาโดยตลอดใช่ไหมล่า อย่างน้อยก็อยากจะเป็นกำลังให้เขา~~~」
โดยปกติแล้วอันริจะเป็นพวกสมองกลวงและเป็นคนที่เชื่อถืออะไรไม่ค่อยได้ แต่บางครั้งเธอนั้นก็เป็นเจ้าสังเกตและมักจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
ฉันนั้นได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตัวโนโซมุในด้านแย่ๆมาโดยตลอด
บางทีชีวิตประจำวันของเขาก็เปรียบเสมือนความไม่ลงรอยกันกับชาวในข่าวลือกับชายที่เป็นตัวจริงนั่นละนะ
ฉันไม่รู้หรอกทำไมเขาถึงต้องพยายามอย่างหนักมากเสียขนาดนั้น
อย่างน้อยฉันก็อยากจะคอยสนับสนุนเขาในฐานะอาจารย์และมนุษย์คนหนึ่ง เหมือนเพื่อนสนิทของฉันนี่ละนะ