โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” - ตอนที่ 117 บทที่ 7 ตอนที่ 2
บทที่7ตอนที่2
ลิซ่านั้นไปเยี่ยมโนโซมุที่ห้องพยาบาลเร็วกว่าพวกไอริส
ลิซ่าก็เหมือนกับพวกไอริสที่โดนขอร้องมาให้ช่วยดูแลโนโซมุ
มือของเธอนั้นถือถังน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูไว้เช็ดตัว
ผมสีแดงยาวสลวยที่เป็นดั่งตัวตนของเธอนั้นเปล่งประกายในอากาศ หุ่นของเธอเรียกได้ว่าสวยงามได้รูปอย่างมาก
ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าลิซ่าที่กำลังก้มหน้าอยู่ แต่ว่าเห็นใบหน้าเล็กๆที่สะท้อนอยู่บนถังน้ำได้ในมือ
ยังไงก็ตามแต่การแสดงออกของลิซ่านั้นค่อนข้างมืดมนอย่างมาก ราวกับเมฆหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้า
ด้วยใบหน้าเศร้าๆของเธอ สาวน้อยผมแดงเดินเข้ามาที่ประตูห้อง
เธอนั้นยืนอยู่หน้าประตูไม้ที่ค่อนข้างหนา ลิซ่าค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบลูกบิดประตู
แต่ว่าพอมือได้จับลูกบิดร่างกายก็สั่น
ปากที่กัดจนแน่น พร้อมกับเสียงถอนหายใจสักพักเธอรู้สึกว่าทางเดินเข้าไปมันช่างเงียบสงบ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ลิซ่าตัดสินใจค่อยๆเปิดประตูอย่างช้าๆ
ประตูสงเสียงเอี๊ยดอ๊าดไปทั่วทางเดิน จากนั้นเธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มตรงหน้า
ห้องที่เห็นเป็นห้องที่เรียง่ายถูกปิดไปด้วยกำแพงสีขาว มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง
ลิซ่าหยิบถังน้ำออกมาและเริ่มหยิบผ้าปูที่นอนและของต่างๆที่อยู่ใกล้ๆ
หน้าที่ของเธอก็เช่นเดียวกับพวกไอริส เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและคอยดูแลอาการเขา
หลังจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เธอก็เอื้อมมือไปหยิบฝูกที่อยู่ข้างๆเขา
「อึก!……」
แต่ในตอนนั้นที่พยายามยื่นมือออกไปถังน้ำในมือก็ร่วงลง
เมื่ออยู่ต่อหน้าเขามือของเธอที่เหยียดตรงออกไปก็เริ่มไร้เรี่ยวแรง
โนโซมุ・เบลาตี้
เพื่อนสมัยเด็กของ ลิซ่า・เฮาวด์ ตัวเขานั้นสนับสนุนความฝันของเธอ
แม้กระทั่งจนถึงสุดท้ายเขาก็พยายามช่วยลิซ่าที่หนีความจริงให้รับรู้
โนโซมุที่กำลังหลับไหลไม่แสดงออกทางสีหน้า ดูเหมือนกับรูปปั้นหิน มีเพียงเสียงเต้นของหัวใจและลมหายใจที่ยังคงทำงานตามปกติ
ไม่นานหลังจากนั้นลิซ่าได้แต่ยืนนิ่งลืมหน้าที่ของเธอไป
ตอนนั้นเองประตูห้องก็ส่งเสียงดังและประตูก็ถูกเปิดออก
เธอหันกลับไปมองก็พบกับหญิงสาวที่เบิกตากว้างจ้องมองเธออยู่
ไอริสดิน่า・ฟรานซิสกับซีน่า・จูเรียล
ในทางกลับกันแล้วเป็นตัวตนที่เธอไม่อยากเจอมากที่สุด
ทั้งสามต่างจับตามองกันและกัน จากนั้นหมอก็เข้ามาขัดจังหวะ
「เอ่อต่อจากนี้จะเริ่มการตรวจสุขภาพแล้ว ได้เตรียมของไว้อย่างถูกต้องไหมคะ?……อืมดูท่าจะมีปัญหาอยู่นะ」
「ขอโทษค่ะ……!」
หมอเตือนเธอ ลิซ่าเริ่มก้มหัวขอโทษและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนที่โนโซมุนอนอยู่
ในเวลาเดียวกันขณะที่ลิซ่าเอื้อมมือไปหยิบฟูกที่โนโซมุใช้อยู่ร่างกายของเธอก็แข็งราวกับหิน
「อึก!」
มือที่เหยียดตรงออกไปนั้นสั่นอย่างมาก
ลิซ่าหายใจออกอย่างรนรางและเหงื่อก็ไหลท่วมหน้าเหมือนกับน้ำตา เห็นได้ชัดเลยว่าเธอมีความลังเลที่จะแตะต้องตัวโนโซมุ
「……ไอริสดิน่า ซีน่า ขอโทษด้วยนะแต่ช่วยไปทำแทนลิซ่าหน่อยได้ไหม ส่วนลิซ่าเธอมาช่วยงานทางฝั่งฉันนี่」
「แต่ว่า……」
「ไม่มีเวลามากสำหรับคนที่ไม่กล้าแตะต้องผู้ป่วยหรอกนะ เพราะงั้นรีบมาช่วยทางนี้ได้แล้ว」
ลิซ่าไหล่ตกกับคำพูดอันหนักแน่นของหมอ จากนั้นก็ถอยออกมา ไอริสและซีน่าก็ไปทำหน้าที่แทน
ลิซ่าเริ่มตระหนักถึงความผิดพลาดที่เธอทำ
เธอเข้ามาเพื่อช่วยเป็นคนดูแลโนโซมุอย่างไม่ลังเล แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกผิดบาปมันก็ยังอยู่ในตัวเธอทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอ
เพราะงั้นระยะห่างระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมามันยิ่งใหญ่มาก แม้แต่จะแตะต้องตัวเขาที่ไม่ได้สติเธอยังลังเลได้ขนาดนี้
ไอริสและซีน่าใช้เวลาเพียงแปปเดียวในการทำงานตามที่สั่ง
ไอริสและซีน่าเข้าขากันได้ดีจากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้กับโนโซมุ
จากนั้นก็ทำการบำบัดร่างกายยืดข้อต่อและกล้ามเนื้อทั่วร่างอย่างช้าๆ
กล้ามเนื้อของโนโซมุที่ป่วยไปไม่ได้ทำงานเลยแม้แต่น้อย เพื่อลดอาการแผลกดทับทั่วร่างต้องทำให้เขาขยับร่างกายอยู่เป็นครั้งคราว
ไอริสและซีน่ายังคงทำการบำบัดร่างกานโนโซมุต่อไป ลิซ่าจ้องมองดูพวกเธอ
「นี่ เร็วเข้าสิ เร็วเข้า」
「คะค่า!」
ตอนนั้นเองหมอก็เรียกตัวเธอไป
ขณะที่ไอริสและซีน่าช่วยกันเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ลิซ่ายังแอบดูขณะที่จัดอุปกรณ์ทำความสะอาดไปด้วย
「เอาล่ะ ถ้างั้นจะเริ่มแล้ว เดี๋ยวจะขอไปเช็คอาการเขาก่อน ดังนั้นพวกเธอก็ทำตัวตามปกติ……」
「เข้าใจแล้วค่ะ」
「คะ……」
หลังจากเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและบำบัดร่างกายเบื้องต้น หมอก็เริ่มตรวจร่างกายโนโซมุ ไอริส ลิซ่า ซีน่า จากคอยช่วยหมอในการทำงานให้ราบรื่นขึ้น
แต่ว่าพวกเธอก็ยังคงเป็นห่วงโนโซมุ ขณะที่ทำงานไปด้วยเหล่าสาวๆก็จ้องมองไปที่การตรวจร่างกาย
ตอนนั้นเองลิซ่ากับไอริสเผชิญหน้ากัน
「เอ่อ……」
「…………」
เป็นลิซ่าที่มองออกไป
ลิซ่าหลบตาเธอจนสุดท้ายของปลายสายตาก็จ้องมองไปยังชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง
ไอริสเพียงแค่จ้องมองเธอ
การแสดงออกทางสีหน้าของไอริสที่เหมือนกับใส่หน้ากาก แต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าภายใต้ดวงตาสีดำกำลังสั่นไหว
◆◇◆
เมื่อได้เข้าไปช่วยบำบัดร่างกายโนโซมุ ไอริสและอีกสามคนก็ออกจากห้อง
จากนั้นพวกเธอก็จะกลับไปที่สถาบันพร้อมๆกัน
หลังจากมาถึงประตูหลักของสถาบันกลอวรัม ขณะที่พวกเธอยังคงก้าวย่างไปอย่างเงียบๆ
「ลิซ่าดูแลโนโซมุคุงเสร็จแล้วเหรอ?」
เมื่อทั้งสามออกมาก็มีใครบางคนมาหาลิซ่า
สาวน้อยผู้ถือคฑาแต่งตัวด้วยชุดสถาบันโซลมินาติ คามิลล่า เพื่อนสนิทของลิซ่ากำลังรออยู่หน้าประตู
「อืม ร่างกายของเราไม่เป็นไรน่ะ……」
「แล้วโนโซมุคุงตื่นรึยัง?」
ลิซ่าส่ายหน้ากับคำถามของคามิลล่า
「อืม ไม่ต้องกังวลหรอกนะ! หมอนั่นน่ะอึดเป็นบ้าเลยล่ะ ไม่นานก็ต้องฝืนกลับมาแน่เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ!」
คามิลล่าพยายามจะเอาใจช่วยลิซ่าเท่าที่ทำได้ แต่ว่าคำตอบของลิซ่านั้นกลับนิ่งเฉย
คามิลล่าพูดอะไรไม่ออกจากก้นบึ้งของหัวใจ จากท่าทีของลิซ่า จากนั้นซีน่าก็เอ่ยต่อ
「……ส่วนเธอไม่เป็นไรงั้นเหรอ? ได้ข่าวว่าโดนแผลบาดลึกที่ขาเลยนี่」
「อ่า นั่นสินะ แผลมันค่อยๆปิดตัวเอง แต่ว่าก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวละมั้ง?」
คามิลล่าที่โดนซีน่าถามก็ตอบด้วยคำถาม
ระหว่างเหตุการณ์ก่อนหน้านี้คามิลล่าโดนเคนเข้าทำร้าย
แผลแม้จะหายสนิทดีแล้ว ต้องขอบคุณหน่วยรักษาแต่ว่าเธอก็ยังเหลือมีความรู้สึกว่ายังเหลืออยู่
เหนือกว่านั้นคามิลล่าไม่รู้จะทำยังไงกับเพื่อนสนิทตรงหน้า
ไม่เหมือนกับคามิลล่าและซีน่าที่พูดคุยกัน แต่ว่าไอริสกับลิซ่านั้นแทบจะไม่พูดคุยกันเลย
ไอริสเพียงแค่มองไปข้างหน้า ดวงตาสีดำกำลังจ้องมองลิซ่าที่ไหล่ตก
ความเงียบระหว่างทั้งสองทำให้เกิดบรรยากาศตึงเครียด
ผู้คนในเมืองก็เริ่มตื่นกันแล้วและเริ่มมาลงเดินบนถนนตามปกติ อีกอย่างพวกเขายังจ้องมองไปทางเหล่าเด็กที่เรียนอยู่ในสถาบันโซลมินาติ
「นี่ ยัยนั่น……」
เป็นเสียงของผู้หญิงที่ได้ยินมาจากทางสวนกลางนั่นเอง
คามิลล่าจ้องมองนักเรียนสามคนที่เข้ามาถามว่าทั้งสามกำลังทำอะไรอยู่
ไม่สิไม่ใช่ทั้งสามแต่เป็นลิซ่าคนเดียวที่ถูกจับจ้อง เกิดความคิดแย่ๆเข้ามาในหัวของคามิลล่า
「อ่าาา ยัยนั่นเป็นผู้หญิงที่มีแฟนคลั่งเข้าไปทำร้ายนักเรียนอีคอร์สใช่ไหม」
จากนั้นพวกรุ่นน้องก็เริ่มพูดนินทา
ลิซ่าถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยินเช่นนั้น
「ไม่เข้าใจเลยเนอะว่าทำไปทำไม?」
「ลองคิดดูสิ…..ไม่ใช่เรื่องที่งดงามเลย พวกเรากำลังพูดถึงเขาคนนั้นที่ไปทำร้ายเด็กอายุ 10 ขวบเองนะ คนแก่ไล่ทำร้ายเด็ก」
「อุหวาาา หยะแหยง……」
เมื่อกี้พวกเธอกำลังพูดถึงเคนและพูดถึงเหยื่อที่โดนกระทำ
ยังไงก็ตาม ทางสถาบันได้ปลดปล่อยข่าวนี้ให้รู้จักอย่างกว้างขวาง แต่ว่าก็มีการปิดบังความจริงบางส่วน
รักสามเส้าของเราสามคนระหว่าง โนโซมุ เบลาตี้ เคน โนทิส และ ลิซ่า เฮาวด์ จบลงด้วยการกระทำอันบ้าคลั่งของเคน
เคนใช้”หน้ากากน้ำสะท้อนใจ”ปลอมตัวเป็นโนโซมุและพยายามจะโยนความผิดให้เขาด้วยการทำให้ถูกไล่ออกจากสถาบัน
ยังไงก็ตามโนโซมุที่โดนจับไปก็ได้ให้การว่าเคนคือผู้กระทำความผิด
ผลลัพธ์นั่นทำให้เคนถูกไล่ออกจากสถาบันและถูกส่งตัวเข้าคุกในฐานะอาชญากร
เพิ่มเติม โนโซมุนั้นที่ต่อสู้กับเคนและล้มเขาลงได้ก็หมดสติไปและถูกส่งไปยังโรงพยาบาล นี่คือสิ่งที่พวกเขาได้อธิบายแก่นักเรียน
เหนือกว่านั้น การใช้ความสามารถพิเศษในทางที่ผิด ทำให้ทางสถาบันต้องเข้มงวดกับการตรวจตราความสามารถเฉพาะบุคคลเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง
「ได้ยินมาว่าเธอคนนั้นก็คบกับคนที่คลั่งนี่? เคยได้ยินแบบนั้น……」
「หาาา เอาจริงดิ!?」
จากนั้นรุ่นน้องก็ชี้ไปทางลิซ่าด้วยความสงสัย
จากนั้นเอง เคนที่เป็นอาชญากรก็ถูกไล่ออกจากสถาบัน บรรดาความสนใจและความไม่พอใจก็ได้มุ่งเป้ามาที่ลิซ่าคนเดียว
ยิ่งกว่านี้ เรื่องราวนั้นถูกคาดเดาไปต่างๆนาๆจนเกิดการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา
เคนและลิซ่านั้นร่วมหัวจมท้ายโนโซมุ ลิซ่าถูกตราหน้าว่าเป็นนังร่านเปลี่ยนผู้ชายไปทั่ว เธอเลิกกับโนโซมุเพราะไม่พอใจ เคนเองก็มาคลั่งอีก
「ถ้างั้นก็เป็นความจริง? แล้วทำไมถึงยังอยู่ที่สถาบันได้อีก? ไม่เข้าใจเลยทำไมรุ่นพี่ไอริสถึงได้ไปยืนข้างยัยนั่น……」
「งี่เง่ารึเปล่าเนี่ย? รุ่นพี่ไอริสดิน่านั้นคอยจับตาดูไม่ให้ยัยนั่นไปทำอะไรผิดแปลกไงเล่า」
ข่าวลือที่ไร้ซึ่งหลักฐาน แต่ว่าสายตาที่จับจ้องมาที่ลิซ่านั้น เธอกลายเป็นคนโดดเดี่ยวไปโดยสมบูรณ์แล้ว มันเหมือนฉากเมื่อสองปีก่อนอย่างที่โนโซมุถูกกระทำ
เมื่อได้รับรู้ความจริงทุกอย่างเจตนาอาฆาตมาดร้ายทั้งหมดที่มุ่งหาโนโซมุก็สะท้อนกลับมาที่ลิซ่า
ไม่เพียงแต่มีคำพูดที่น่ารังเกียจ แม้แต่คำพูดที่ทำร้ายจิตใจนั่นก็ทำให้จิตใจเธอแตกสลายแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใดทุกสิ่งทุกอย่างมันทะลวงอกเธอไปแล้ว……。
「ยังไงก็ตามเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่เคน?」
「โดนไล่ออกในวันนั้นเลย……」
「แต่สุดท้ายแล้ว รุ่นพี่โนโซมุก็ต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดเพราะรุ่นพี่ลิซ่า」
มันเป็นสิ่งที่พรากความสุขของโนโซมุไปอย่างสมบูรณ์
「อึก !…..ขอโทษนะคามิลล่าขอไปก่อนเถอะ」
「เอ๋ ! ลิซ่าา!?」
เธอกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดไหล ลิซ่าพยายามมุ่งหน้าไปที่สถาบัน คามิลล่าก็รีบตามเธอไป
ไอริสและซีน่ามองตากันจากนั้นก็ค่อยๆตามไป
หลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องอบิสและเรื่องที่โนโซมุเป็นดราก้อนสเลเยอร์ก็ถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพียงแค่ ไอริส จิฮัด อินด้า ที่รู้เรื่องพลังของโนโซมุว่าเป็นดราก้อนสเลเยอร์ ภาพจำนั้นยังไม่เคยลืมเลือน
ใช่แล้วแม้กระทั่งลิซ่ากับคามิลล่าก็ไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนี้เลย
จริงๆมันก็ควรจะอธิบาย แต่ไอริสกับซีน่าไม่รู้จะพูดยังไงออกไป
ในอดีต ไอริสและเพื่อนๆก็ต่างโกรธกับการกระทำอันไร้เหตุผลของโนโซมุ
ในขั้นต้น ไอริสและซีน่าก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน สำหรับลิซ่า ทั้งสามคนต่างมีความรู้สึกให้โนโซมุ
แต่ตอนนี้เขายังคงหลับไหล บางอย่างที่พูดไม่ได้มันก็คั่งค้างอยู่ในอก
◆◇◆
ลิซ่าออกมาจากพื้นที่นั้นราวกับว่าหนี จากนั้นเสียงและคำนินทามากมายก็ไม่ได้หายไปเลย
เมื่อถึงเวลาเหล่านักเรียนก็เริ่มมาที่สวนกลางและกำลังเข้าไปที่สถาบัน
「โอ้ ดู ยัยนั่นสิ……」
「ไม่เข้าใจเลยทำไมถึงยังอยู่นี่ได้ คิดว่าจะโดนไล่ออกไปแล้วซะอีก……」
ในสถานการณ์แบบนี้ ลิซ่านั้นเด่นเกินไป
เธอเป็นคนที่ดูดีเช่นเดียวกับไอริสและเป็นไม่กี่คนที่ขึ้นไปถึงแรงค์Aได้ในสามปี
ยังไงก็ตามเรื่องราวเหล่านั้นก็ต้องมาแปดเปื้อนทุกอย่างก็เพราะสิ่งที่เคนก่อขึ้น
สายตาทั้งหลายล้วนจับจ้องมาที่เธอ
「นั่นมันผู้หญิงของเคนใช่ไหม? แต่ถึงแบบนั้นก็เถอะจะบอกว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยมันก็ไม่ใช่?」
「หา? ถ้างั้นก็ร่วมหัวจมท้ายกันอะดิ……」
「ไอ้โง่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็โดนไล่ออกไปนานแล้วมั้ง? ดูเหมือนว่าพอเคนใช้งานไม่ได้ก็คิดจะกลับไปหาคนเก่าสินะ?」
เพราะการนินทาว่าร้ายอย่างไม่หยุดหย่อน
มันก็ตั้งสองสัปดาห์แล้วที่เคนโดนไล่ออก และเป็นข่าวกระจายไปทั่ว
สายตาที่จับจ้องมองมาที่ลิซ่า นั้นมีท่าทีเกลียดชังและขยะแขยงในตัวเธออย่างมาก
「ฮะฮะฮะ……」
ด้วยเสียงแห้งๆ เธอหัวเราะออกมาเพื่อกลบเกลื่อนแผลใจที่ได้รับ
เย็นชาเหลือเกิน
เธอรู้สึกโดดเดี่ยวราวกับถูกทิ้งให้อยู่บนภูเขาน้ำแข็งคนเดียว และคำนินทาทั้งหลายล้วนเป็นดั่งศรน้ำแข็งที่แทงทะลุหัวใจของเธอ
โลกนั้นกลับตาลปัตร
แน่นอนบางคนก็มองเธอด้วยความเห็นอกเห็นใจในตอนแรก แต่ว่าตอนนี้มันก็น้อยลงเรื่อยๆและกลายเป็นความเกลียดชัง
ลิซ่าที่โดนบีบคั้นด้วยความเอาแต่ใจของตัวเองและความสำนึกผิดที่ทำให้เธออยากจะกรีดข้อมือตัวเอง ไม่มีใครเห็นอกเห็นใจเธออีกแล้ว
ไม่มีทางหนีความจริงได้เนื่องจากเธอไม่เคยเชื่อใจโนโซมุแม้แต่ครั้งเดียว
ลิซ่าพยายามใจแข็งและพยายามปกป้องจิตใจของเธอที่ถูกทำร้าย
ร่างกายของเธอเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็เพียงแค่สวมหน้ากากไม่แสดงความรู้สึก
เพราะว่าอย่างน้อยก็มีแสงน้อยๆในใจของเธอ
“ลิซ่า ผมขอโทษ……”
น้ำเสียงที่ดังก้องกังวาล
สิ่งที่เธอนึกได้คือคำพูดของโนโซมุที่ขอโทษเธอขณะกุมมือเธอเอาไว้
“ผมคิดว่าผมจะพยายามให้ดีที่สุดสำหรับเธอ แต่ผมก็หนีความจริงไปฝึกฝนและไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ผมคิดว่าหากฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น สักวันหนึ่งเธอก็จะได้เชื่อว่ามันไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย
งี่เง่าใช่ไหมล่ะครับ ผมที่หนีและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับเธออย่างตรงไปตรงมา และไม่มีทางที่ลิซ่าจะได้เห็นในสิ่งที่ผมเป็นเลยจริงๆ……“
ตามปกติแล้วเธอควรจะได้รับความโกรธความเกลีดจากเขา แต่ว่าสิ่งที่เขาทำก็แค่ทำในสิ่งที่อยากทำ
อย่างไรก็ตามตัวเขาก็แค่คิดถึงลิซ่าในเวลานั้น สัมผัสอันร้อนรุ่มที่ได้แตะผ่านมือมันเข้าไปลึกในใจของลิซ่า
「โนโซมุ……」
ลิซ่าเอามือกุมอกราวกับกุมแสงสว่างอันน้อยนิด เธอพยายามควบคุมแสงนั้นเพื่อให้ความร้อนแก่หัวใจของเธอ และพยายามนึกหน้าของเขา
แต่ว่าพอมองเห็นหน้าของโนโซมุก็จะเห็นพวกเธอที่อยู่ข้างๆเขา
ไอริสและซีน่า พวกเธอที่ยืนอยู่เคียงข้างโนโซมุพยายามสนับสนุนเขาและเป็นเพื่อน
ในภาพนั้นลิซ่าเองก็คิดว่าช่วยไม่ได้จากนั้นก็มีความคิดขุ่นมัวขึ้นในใจ
แม้ว่าจะรู้ว่าไม่มีพื้นที่สำหรับเธอให้อยู่ข้างโนโซมุอีกแล้ว เธอไม่มีคุณสมบัตินั้นอีกต่อไป
「ตัวฉันก่อความผิดบาปไปแล้ว…」
ทุกครั้งที่นึกถึงเขาสิ่งที่เธอนึกถึงก็ได้แต่คิดว่าตัวเธอนั้นผิดบาป
ความอิจฉา สำนึกผิด ความเห็นแก่ตัว จิตใจของเธอราวกับติดลูปความรู้สึกเหล่านี้
จากนั้นเธอก็ยังนึกถึงโนโซมุที่จะทำให้ตัวเธอได้ก้าวเดินต่อไป
◆◇◆
หลังจากแยกกับไอริสและคนอื่นๆ มาร์ก็ได้ผ่านสวนกลางและมุ่งหน้าไปที่ประตูหลัก
มาร์และอีกหกคนเดินไปตามถนนของสวนกลางที่มีต้นไม้เรียงราย
ต้นไม้เรียงรายในสวนเขียวชอุ่มและแสงของพระอาทิตย์ขึ้นส่องช่องว่างระหว่างใบ
「ดังนั้นก็เลยกังวลว่าโนโซมุจะตื่นไหมในวันนี้?」
「เอาน่า…..พวกเขาเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น……」
ทอมพูดแบบนั้นและก็เอื้อมมือไปที่กระเป๋า
「พอดีว่าผมไปค้นหาในห้องสมุด ก็เคยอ่านเรื่องราวของคนที่หายไปในภูเขาหิมะเป็นครั้งแรกในรอบประมาณหนึ่งเดือนและได้สติกลับมา」
ทอมหยิบกระดาษห่อเล็กๆออกมาขณะกรอกตาไปมา
เท่าที่เห็นดูเหมือนจะตรวจสอบอาการของโนโซมุ
ตามความเห็นของทอม ดูเหมือนว่าจะมีอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่หลับไปนานเหมือนโนโซมุในตอนนี้
「มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?」
「เท่าที่ได้ยินมาจากเรื่องราว มีตัวอย่างบางส่วน ที่มีอีกประมาณ 10 เคส ในกรณีใช้เวทมนตร์ เราก็พูดอะไรไม่ได้มากเพราะสถานการณ์ต่างๆจากโนโซมุ……」
มีบางกรณีที่หลับไปเพราะใช้พลังเวทย์มากเกิน แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่ค่อยเกิดขึ้นภายใต้สภาพตามธรรมชาติ
ในกรณีของการหลับยาวไปด้วยเวทย์ มีบางกรณีที่นอนหลับได้มากพอๆกับโนโซมุ แต่ยังมีข้อจำกัดเนื่องจากเรื่องอาหารและความชุ่มชื้น และระบบไหลเวียนโลหิตที่อ่อนแอลง
「อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปหากหยุดการแก่สภาพของร่างกายได้ แต่ไม่มีเวทย์แบบนั้น อย่างไรก็ตามมันก็มีขีดจำกัดในสิ่งที่ทำได้……」
เวทย์ไม่สามารถควบคุมเวลาได้ในปัจจุบัน
เนื่องจากมีตัวอย่างของการนอนหลับในระยะยาวเนื่องจากการใช้เวทย์ มีการดูแลโนโซมุที่ติดเตียงอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาพื้นฐาน จึงเป็นเพียงการบรรเทาเท่านั้น
「แล้วมีคนที่รอดบ้างไหมจากอาการบาดเจ็บถาวรแบบนี้?」
มาร์วางมือบนคางและถามทอม
ทอมละสายตาจากบันทึกอีกครั้งและพลิกกระดาษ
「ก็นะ….มีกรณีที่อวัยวะภายในเกือบหยุดทำงาน แต่ดูเหมือนว่าจะฟื้นตัวในภายหลัง」
「แล้วโนโซมุจะเป็นไรไหมเนี่ย……?」
「นั่นสินะ? ในขั้นต้น ร่างกายมนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบไม่ให้ถูกจำศีลและในกรณีของโนโซมุมันมีปัจจัยพิเศษมากมาย……」
ฟีโอเอามือโอบด้านหลังศีรษะและแหงนมองท้องฟ้า ได้ยินเรื่องจากทอมก็พูดออกมาราวกับถอนหายใจ
「ดราก้อนสเลเยอร์….ไม่สิรู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ในตัวโนโซมุ……」
รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของทอมเมื่อเขาได้ยินคำพูดของฟีโอ
ทอมแบไม่ได้ยืนยันในกรณีนี้ และไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาพยาบาล
「ทอมถามอาจารย์นอร์นเกี่ยวกับอาการของโนโซมุหรือเปล่า? คนนั้นก็เป็นบุคคลากรทางการแพทย์?」
เป็นเรื่องจริงที่ว่านอร์นนั้นเชี่ยวชาญด้านการแพทย์
ฟีโอและคนอื่นๆต่างหวังว่าเธอคงจะสังเกตเห็นสิ่งต่างๆ แต่ทอมส่ายหัวช้าๆ ดวงตาของเขามองต่ำลง
「อาจารย์เองก็บอกแบบตรงไปตรงมาไม่ได้…ร่างกายของโนโซมุแข็งแรงดี ดังนั้นคิดว่าน่าจะเกิดจากปัจจัยทางจิต แต่ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลของสัตว์อสูรตัวนั้นหรือ “เขา” ในตัวโนโซมุก็ตาม……」
เห็นได้ชัดว่าอาจารย์นอร์นเองก็ตัดสินใจไม่ได้
ถึงแม้จะเป็นปัจจัยทางด้านจิตใจ แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นคงสร้างภาระทางจิตให้โนโซมุไม่น้อยเลย
ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเพื่อนสมัยเด็ก เป็นเวลากว่าสองปีที่บาดหมางกันและในที่สุดก็ต้องจบเหตุการณ์สักที แต่เพราะโดนอบิสสิงสู่เลยต้องปลดปล่อยพลังของเทียแมต
พูดให้ชัดเลยว่ามันมีหลายๆปัจจัยมากเกินไป
โซเมียเองก็ทำสีหน้าเศร้าๆ มองขึ้นไปที่ทอมและคนอื่นๆพยายามทำตัวร่าเริง
「หนูเองก็คิดว่าน่าจะทำอะไรได้บ้างหากเป็นเวทย์สัญญาของซีน่าซัง……」
「ขอโทษนะโซเมียจัง จากคำกล่าวของซีน่าดูเหมือนว่าหัวใจของเขาและวงจรเวทย์ของโนโซมุจะเชื่อมต่อกันได้ไม่ดีนักถึงจะพยายามก็มองไม่เห็นอะไร อย่างใดก็ตามมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกับ “โซ่ที่ขวางหน้าเธอเอาไว้”」
「งั้นเหรอคะ……」
เมื่อได้ฟังจากเรื่องราวของมิมูรุ โซเมียก็ทำสีหน้าหดหู่
แม้แต่ซีน่าที่เก่งเรื่องเวทย์พันธสัญญาและอ่อนไหวกว่ามนุษย์ธรรมดามาก ก็ยังไม่เข้าใจสภาพของโนโซมุ
ตอนนั้นเองทิม่าพูดขึ้นราวกับนึกอะไรออก
「นี่นี่ ถ้างั้นตาแก่นั่นน่าจะรู้อะไรนะคะ?」
「ตาแก่……โอ้! ตาแก่หมอดูนั่นเหรอ!?」
ฟีโอพูดตอบกลับทิม่า
ซอนเน่เป็นตาแก่ที่มีอาชีพเป็นหมอดูในย่านการค้าและเป็นตาแก่บ้าตัณหาที่ไล่จีบผู้หญิงอย่างไร้เหตุผล
จวบจนบัดนี้ได้ปรากฏตัวต่อหน้าโนโซมุและคนอื่นๆสร้างความวุ่นวายมากมาย แต่ว่าการโผล่มาของตาแก่ในคืนนั้นเป็นภาพลักษณ์ที่ห่างไกลจากตัวเขาตามปกติ
「ตาแก่ตอนนั้นก็แปลกจริงๆนั่นแหละ……」
「อืมไม่อยากจะเชื่อเลยล่ะ ตอนนั้นไม่เคยเห็นพลังเวทย์แบบนั้นมาก่อนเลย และทำมันง่ายๆเหมือนกับตัดกระดาษด้วยกรรไกรมันยิ่งกว่าพลังเวทย์ของฉันซะอีกค่ะ……」
ซอนเน่ที่รีบเข้ามาเมื่ออบิสพยายามกลืนกินลิซ่า ที่หลอมรวมไปกับเคนแล้ว ได้ปฏิเสธที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างและเริ่มใช้เวทย์ที่ดูยากมาก
วงเวทย์ขนาดใหญ่มีลวดลายซับซ้อน แถมยังมีหลายชั้น ไม่เคยเห็นเวทย์แบบนั้นมาก่อนเลย
แม้ว่าจะใช้เวทย์แปลกๆเช่นนี้ แต่ว่าก็ไม่ได้มีความหวั่นไหวใดๆ
ตาแก่นั่นสามารถปราบวีรบุรุษของทวีปนี้ได้อย่างง่ายดาย
มาร์และคนอื่นๆก็ต่างหวาดหวั่นกับแรงกดดันที่ถูกปลดปล่อยออกมา
「ไงก็ตามแต่ ไม่เคยได้ยินเรื่องของตาแก่ในย่านการค้าหลังจากนั้นเลย บางทีอาจจะอยู่กับอาจารย์จิฮัด……」
จิฮัดได้เห็นพลังเวทย์ที่สลับซับซ้อนของซอนเน่ที่ใช้ในวันเกิดเหตุอีกด้วย แน่นอนว่าต้องตามหาแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ซอนเน่ไม่น่าจะโดนจับง่ายๆ
ถ้าจิฮัดจับซอนเน่ได้ อาการของโนโซมุอาจจะดีขึ้นบ้างก็ได้
แม้กระนั้น ตาแก่ก็กลับหายหัวไปโดยไร้ร่องรอย
สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนยังคงดำเนินต่อไปและพวกมาร์ก็พูดอะไรไม่ได้
ตอนนั้นเองก็มีร่างหนึ่งโผล่มาจากด้านข้าง
「อุบ」
「เอ๊ะ!?」
ปึก ! พร้อมกับเสียงนั่นอาการช็อควิ่งไปบนไหล่ของมาร์ที่เดินชนกัน
มาร์ที่แต่เดิมมีพลังกายมากหากแค่โดนชนก็แค่เซนิดหน่อย แต่ตอนนี้เขาทรุดลง
แม้ว่าฤดูร้อนจะใกล้เข้ามาแล้ว แต่ว่าคนตรงหน้าก็สวมเสื้อคลุมทั้งตัว
ฮูดที่ปกคลุมลึกเข้าไปในดวงตาทำให้มองเห็นใบหน้าได้ยาก แต่ราบใดที่มองดูคางที่เรียวและมือสีขาวที่บอบบางก็สังเกตได้ว่าเป็นผู้หญิง
ทิม่าดูเหมือนจะรีบวิ่งไปหาคนที่ล้มลง
「เอ่อ ไม่เป็นไรนะคะ?」
「ขอโทษนะคุณผู้หญิง แต่ว่าดูเหมือนจะคิดอะไรฟุ้งซ่านตั้งแต่หัววันเลยนะ」
「หมายความว่าไง……」
「…………」
มาร์หันไปมองฟีโอที่พูดล้อเล่น
เมื่อคิดว่าขอโทษแล้ว มาร์และฟีโอที่ลุกขึ้น ทิม่าเองก็ก้มหน้าลงและถอนหายใจ
「ดูสิ มาร์คุง……」
「อ่า ขอโทษนะ ไม่เป็นไรใช่ไหม?」
เมื่อได้ยินเช่นนั้นมาร์ก็เอื้อมมือไปหาเธอคนนั้น
ใบหน้าของคนๆนั้นถูกยกขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะที่สวมฮู้ดจากนั้นก็สบตากัน
「อะ!?」
「อุหวา……」
ในขณะนั้นเองตาของมาร์เบิกกว้าง
โลกสีเงินราวกับทุ่งหิมะที่แผ่ออกไปต่อหน้าพวกเขา โซเมียอดไม่ได้ที่จะชม
ผมและผิวสีขาวบริสุทธิ์ชวนให้นึกถึงหิมะ นัยน์ตาสีฟ้าที่คมชัดดุจอัญมณี
อายุประมาณ 14 ถึง 15 ปี เมื่อมองแวบแรก เธอเป็นเด็กสาวที่สวยราวกับรูปปั้นที่มีความเย็นชา
อย่างไรก็ตามเธอมัดผมไว้ที่ด้านขวาและพันด้วยริบบิ้นสีแดงอ่อน ซึ่งทำให้ดูเหมือนกับเด็ก ตรงกันข้ามกับความงามตรงหน้า
「ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยแท้~แต่ว่ามีธุระอะไรที่สถาบันงั้นเหรอ?」
「…………」
ฟีโอเข้าไปคุยกับหญิงสาวคนนั้นขณะสูดลมหายใจ บางทีเพราะเธออาจจะตื่นเต้นกับการเผชิญหน้าที่คาดไม่ถึง
อย่างไรก็ตามหญิงผมขาวคนนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าแต่อย่างใด เธอยืนขึ้นปัดมือของมาร์และหันหลังและเดินจากไป
「……ถ้างั้นขอตัวก่อนค่ะ」
「อะไรกันทำตัวเย็นชาจังเลยนะคะ」
ขณะที่มองไปที่ด้านหลังของหญิงสาวโซเมียก็พูดออกมาราวกับผิดหวัง
ในทางกลับกันฟีโอนั้นกำลังตกใจที่พูดออกไปแล้วไม่ได้รับการตอบกลับ
「เห็นด้วยเลย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลยสักนิด อย่างน้อยก็ควรจะพูดว่า “หยาบคายจังเลยนะคะ” แล้วทุบมาร์ อย่างน้อยถ้าเป็นฉันคงเลือกเข้าหาฟีโออะ」
「มิมูรุ……」
มิมูรุพูดอะไรไม่รู้เรื่อง อาจเป็นเพราะสนใจเช่นเดียวกันกับฟีโอ
ทอมที่อยู่ข้างๆก็ตกใจ
「แต่ว่าเธอคนนั้นสวยมากเลยนะ!」
「งั้นเหรอ? นอกจากรูปลักษณ์แล้วแต่กิริยามารยาทดูไม่ได้จริงๆค่ะ……」
โซเมียนั้นพูดพร้อมกับแสดงท่าทีอันสง่างามเหมาะสมตามวัย
ดูดีพอๆกับไอริสและซีน่าเลยล่ะ
อย่างไรก็ตาม มาร์เองก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงแบบนั้นเท่าไร
มาร์ที่ไม่ได้มองหน้าเธอคนนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร
มาร์มองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวที่เดินไปด้วยความไม่มั่นใจ
ในเวลานั้นมิมูรุก็พูดข้างๆมาร์
「อาเระ? มาร์คุงชอบสาวประเภทนี้งั้นเหรอเนี่ย ชอบที่ “รูปลักษณ์” แต่ไม่ใช่ “ภายใน”งั้นเหรอ?」
「ไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย!?」
จู่ๆมิมูรุก็พูดอะไรไร้สาระออกมาอีกแล้ว และมาร์ก็ตบมุข
ไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับมาร์ รูปร่างหน้าตาของเธออาจจะดูสวยงาม แต่ถ้าต้องอยู่ใกล้ๆกับผู้หญิงที่เห็นแล้วน่าหงุดหงิดก็ขอบาย
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ดังกว่าที่ตัวเองคิดไว้ มิมูรุเองก็คิดจะใช้ประโยชน์จากตรงนั้น
「ค่อนข้างสงสัยจังเลยน้าว่าชอบผู้หญิงแบบไหนกัน~~」
มิมูรุยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะผ่อนคลาย ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับบอกว่าได้โอกาส
บังเอิญไม่มีตัวขัดพอดีด้วยเพราะงั้นแหละ
มันสายไปแล้วเมื่อมาร์คิดว่าไม่พอใจ และมีเสียงเศร้าๆดังมาจากด้านข้าง
「มาร์คุง……」
ทิม่าที่อยู่ข้างๆมองขึ้นไปพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า
เดิมทีทิม่านั้นมีความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนและอ่อนแอ แต่ตอนนี้เธอดูเหมือนว่าจะปลิวพัดไปได้ทุกชั่วขณะ
ในเวลาเดียวกัน ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่อยากปกป้องก็ถูกกระตุ้น แต่มาร์ก็พยายามข่มใจไว้
「เดี๋ยวก่อนสิ ! มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดนะ!」
เขาขึ้นเสียงดังเกินไป มันทำให้ทิม่ายิ่งกังวลไปอีก
「อาร่า อา่รา~ขอโทษด้วยนะคะทิม่าซัง ทั้งๆที่ช่วยฝึกมาร์คุงขนาดนั้นแล้วแท้ๆ~」
อนึ่งมีแมวร้ายที่หยิบยื่นข้อเสนอของปีศาจให้ทุกเมื่อ
「มิมูรุ เฮ้ย……」
「อุ๊ย น่ากลัวจังเลย ไปก่อนละกัน~~」
มิมูรุที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันก็หนีไปในพริบตา พร้อมกับกอดทอม
สำนวนที่ว่า “มารน้อย” มันเหมาะกับตัวเธอที่เร้าสถานการณ์และปล่อยทิ้งไว้จริงๆ
อย่างไรก็ตามแน่นอน ว่ามาร์ไม่คิดจะปล่อยให้มิมูรุหนีไป
ไม่ว่ายัยแมวป่านี่จะเร็วสักแค่ไหน แต่ว่าก็อยู่ข้างๆทอม เพราะงั้นมาร์ตามได้ทันอยู่แล้ว
เมื่อคำนึงถึงสิ่งนั้นมาร์เตรียมจะออกวิ่ง
「……มาร์คุง ชอบผู้หญิงแบบนั้นเหรอคะ?」
「ไม่ไม่ไม่ ทำไมถามแบบนั้นล่ะ……」
อย่างไรก็ตาม เสียงของทิม่าก็หยุดการเคลื่อนไหวของมาร์ที่พยายามจะพุ่งออกไป และหยาดน้ำตาที่สะสมมาจนถึงขีดสุดก็เอ่อล้น
มาร์ที่เดิมที่ไม่ประสีประสาเรื่องการปลอบใจคนอื่น ไม่รู้จะพูดอะไร
「ฮึก ฮึก ฮือ……」
ทำไงดี มาร์พยายามหาทางทำอะไรสักอย่าง
ทิม่าเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและมีภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างรักตัวสงวนตัว
ในทางกลับกันมาร์นั้นมีร่างใหญ่ยักษ์สวมเครื่องแบบ แต่เดิมก็เป็นคนที่มีชื่อเสียในย่านการค้าและคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
เนื่องจากความไม่เข้ากันแบบสุดโต่งก็มีโอกาสที่มาร์จะทำให้ทิม่าร้องไห้ออกมา
「เอ่อดูเหมือนทิม่าซังจะร้องไห้นะคะ……」
「หมอนั่นทำอะไรลงไปเนี่ย……」
ณ ตอนนั้นเองก็มีเหล่านักเรียนเริ่มมองดูสถานการณ์ตรงหน้าเพราะยืนนิ่งมาสักพักแล้ว
ต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิดแล้ว
มาร์พูดเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของทิม่า
อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาก็โดนกลบด้วยคำพูดของฟีโอ
「ถ้างั้นก็ลาล่ะ มาร์ ข้าน้อยและคนอื่นๆจะไปสถาบันแล้ว โซเมียจังเองก็ด้วย บัย!」
「เอ๋ ! แต่ทิม่าซัง……」
มาร์ที่โดนแกล้งอีกรอบก็จ้องมองไปที่ฟีโอด้วยความแค้น
ฟีโอที่เห็นมาร์จ้องมาแบบนั้นก็รีบผลักหลังโซเมียที่กำลังกังวลใจไปที่สถาบัน
「เอาล่ะ เอาเลย ! ก็แค่พูดความรู้สึกของตัวเองออกไป อย่าได้เกรงกลัว ! ถ้าไม่รีบสายนะเออ」
「นี่ ฟีโอซังกรุณาอย่าดันหลังหนูได้ไหมคะ!」
「เอาเลย เอาเลย!」
ไม่นานหลังจากที่มาร์กรีดร้อง “หนอยไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์” ฟีโอก็หนีไปพร้อมกับโซเมีย
เหลือแต่มาร์ที่ตะลึงไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ เขาทำให้แม่มดที่เก่งที่สุดในสถาบันต้องร่ำไห้ !
「นี่ ! มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ! ก็รู้นี่?」
「ฮือ ดูเหมือนมาร์คุงจะชอบผู้หญิงผมยาวมากกว่าสินะ….สงสัยคงไม่ชอบผู้หญิงผมสั้นแบบฉัน……」
เดิมทีทิม่านั้นมักจะคิดลบอยู่เสมอ
มาร์พยายามดิ้นรนและแก้ไขความเข้าใจผิดกับทิม่า
แม้ว่าจะได้ยินคำบางคำที่ฟังดูแปลกๆ แต่ทั้งสองก็ขาดความสงบโดยสิ้นเชิงและดูเหมือนว่าจะคุยกันคนละเรื่อง
มาร์พยายามแก้ไขความเข้าใจผิดอย่างหมดรูป แค่ความสงสัยของทิม่าไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ในขณะที่มิมูรุและฟีโอก็ใส่เชื้อเพลิงเข้าไปเรื่อยๆ
ด้วยวิธีนี้มาร์จะต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิดกับทิม่าก่อนที่โฮมรูมจะเริ่มขึ้น