โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” - ตอนที่ 131 บทที่ 7 ตอนที่ 15
บทที่7ตอนที่15
เมน่านำทางโนโซมุไปยังห้องที่ดูหรูหราเป็นพิเศษ
ตามคำบอกเล่าของเหล่าเมดวัยกลางคนที่พาพวกเราดูรอบๆ ดูเหมือนนี่จะเป็นห้องรับแขกที่ถูกเก็บไว้
โนโซมุเองก็เคยอยู่ในคฤหาสน์นี้ครั้งหนึ่ง แต่ประตูตรงหน้าเขามันแข็งแรงมั่นคงมาก
「นายท่านดิฉันพาเขามาแล้วค่ะ」
เมน่าที่นำทางโนโซมุมาตลอดทางนี้ จู่ๆก็เคาะประตู
「อืม เชิญเข้ามาได้」
เพื่อตอบสนองต่อนายท่านของเธอจึงเปิดประตูห้องอย่างช้าๆ
เมื่อโนโซมุเดินผ่านสิ่งที่ดูดึงดูดสายตาคือห้องขนาดใหญ่ที่เหมาะกับประตู
อย่างไรก็ตามเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งด้วยสีโทนอ่อนเช่นสีขาว ให้ความรู้สึกโมเดิร์น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดโนโซมุมากที่สุดก็ไม่พ้นวิคเตอร์กำลังชงชาอยู่ที่มุมห้อง
「อะ เอ่อ..คือว่า?」
「โนโซมุคุง ต้องขอโทษด้วยแต่ว่าช่วยรอสักนิดชาใกล้จะพร้อมแล้วล่ะ」
「ถ้างั้นเชิญนั่งพักที่โซฟาทางด้านนี้ด้วยค่ะ」
โนโซมุนั่งลงบนโซฟาที่โดนเมน่าบอกให้เขานั่งลง
หลังจากที่เมน่านำทางโนโซมุเสร็จแล้ว เธอก็หายตัวไปทางด้านหลังห้อง และดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะไม่สนใจท่าทางลำบากลำบนใจของโนโซมุเลย
เทน้ำร้อนลงในกาน้ำชาและถ้วย
จากนั้นก็ใส่ใบชาลงในกาน้ำชาแล้วเทน้ำร้อนจากตำแหน่งที่สูงขึ้นเล็กน้อย
วิคเตอร์ดูพอใจเมื่อใบชาที่แหวกว่ายอยู่ในกาน้ำชา
ในที่สุดวิคเตอร์ก็เริ่มเทชาลงในถ้วยชา
โนโซมุไม่รู้รายละเอียดด้านการชงชา แต่การเคลื่อนไหวเขาดูซับซ้อนมาก
เมื่อวิคเตอร์ชงชาเสร็จแล้ว เมน่าก็ปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับถือถาดกลม ถาดนั้นเต็มไปด้วยคุกกี้และขนมหวานอื่นๆ
「ขอโทษด้วยนะที่เรียกเจ้ามาในเวลาแบบนี้ พอดีอยากจะคุยกันแบบตัวต่อตัวน่ะ」
「ด้วยความยินดีครับ……」
「ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทางการนักก็ได้ ตอนนี้ช่วยคุยกันเหมือนเพื่อนปกติเถอะ」
วิคเตอร์วางถ้วยชาไว้ข้างหน้าโนโซมุและตัวเขาเอง จากนั้นเมน่าก็เอาขนมมาวางตรงหน้าพวกเขา
ตามการกระตุ้นของวิคเตอร์ โนโซมุก็จิบชา
กลิ่นหอมเข้นข้นกระจายไปทั่วปาก พูดตามตรง โนโซมุรู้สึกว่ารสชาติดีกว่าชาที่เขาดื่มเมื่อก่อน
「มันเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ข้าทำขึ้นมา ภูมิใจที่มีฝีมือดีถึงแม้หน้าตาจะดูโหดๆก็เถอะนะ……」
「ศักดิ์ศรีของนายท่านควรจะปล่อยให้เหล่าเมดได้ทำหน้าที่นะคะ……」
「อ้าว แหมพูดแบบนี้ตอนข้าคั่วเมล็ดกาแฟข้าก็ทำได้ดีกว่าไม่ใช่รึ」
คำพูดของวิคเตอร์ทำให้เมน่าทำหน้าตาน่ากลัว ขณะที่เขามองเธออย่างสนุกสนาน
「……อย่างไรก็ตามเรื่องที่คุยก็ไม่พ้นเรื่องที่ช่วยลูกสาวของนายท่านเอาไว้」
「ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรทั้งนั้นแหละ นอกจากนี้โนโซมุยังเป็นแขกคนพิเศษของข้า ข้าจะชงชาต้อนรับแขกหน่อยไม่ได้เหรอไง?」
การที่เขาล้อเลียนคนอื่นด้วยรอยยิ้มแบบนี้ทำให้นึกถึงไอริสเลย
เข้าใจแล้วว่าทำไมไอริสถึงบอกว่าท่านพ่อมีนิสัยขี้เล่น
「แกล้งเมน่าก็สนุกดีอยู่หรอก แต่หากหนักกว่านี้ข้าได้โดนดีแน่ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องข้อตกลงลับๆระหว่างตระกูลฟรานซิสกับตระกูลวาจารต์」
ตามที่คาดไว้ โนโซมุปรับท่าทางให้ตรงและจดจ่อกับคำพูดของวิคเตอร์
「ไม่แปลกใจเลยเมื่อทราบสถานการณ์ในจดหมายจากลูกสาวของข้า ตัวข้าเองก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวนี้เช่นกัน แต่หลังจากค้นคว้าประวัติหัวหน้าตระกูลของข้าแล้วก็พบว่ามีข้อตกลงแบบนั้นจริงๆ」
ตามที่วิคเตอร์กล่าวไว้ ข้อตกลงนั้นถูกส่งต่อกันต่อหัวหน้าตระกูลฟรานซิส
อย่างไรก็ตาม ปู่ของวิคเตอร์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ก่อนที่จะได้ส่งต่อความลับของตระกูลให้กับรุ่นของเขา ดังนั้นก็เลยไม่ทราบเรื่องราว จนสุดท้ายก็เป็นตระกูลวาจาร์ตเลยมาทวงข้อตกลง
ในท้ายที่สุด สนธิสัญญานั่นก็ไม่ได้ถูกส่งต่อเพราะปู่ที่ตายด้วยอุบัติเหตุ และดูเหมือนว่าจะไปเจอสนธิสัญญามาจากข้าวของส่วนตัวของปู่เขา
「เธอคนนั้นคือสมบัติชิ้นสุดท้ายของภรรยาข้า เมื่อพวกเขารู้ข้อตกลงลับนี้ พวกข้าก็โกรธมากที่บรรพบุรุษเลี้ยงดูลูกหลานเพื่อส่งต่อเจ้านั่น……」
สีหน้าของวิคเตอร์ที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรมาจนถึงตอนนี้ กลับกลายเป็นความโกรธ
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกลับ และเขาก็มองตรงเข้าไปในตาของโนโซมุ
「ในจดหมายจากไอริสดิน่า มีบางอย่างเกี่ยวกับพวกนาย ชีวิตของลูกสาวได้ถูกช่วยเอาไว้ตอนที่วิญญาณจะถูกเอาออกจากร่าง
ข้าเองก็รู้สึกขอบคุณไม่เพียงในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิสเท่านั้น แต่ยังรู้สึกขอบคุณในฐานะคนเป็นพ่อด้วย……」
วิคเตอร์โค้งคำนับให้กับโนโซมุอย่างสุดซึ้งด้วยความขอบคุณ
ขุนนางผู้มากอำนาจกำลังโค้งคำนับและมอบคำขอบคุณให้กับ โนโซมุที่กำลังงุนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้ ซึ่งจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่หากเป็นสถานการณ์ตามปกติ
「ไม่ ไม่เลยผมเองก็ได้ความช่วยเหลือจากไอริสมากมาย……」
「ถึงกระนั้น หากไม่มีเจ้า ก็คงจะมีการเสียสละเกิดขึ้นและการเสียสละนั่นอาจจะเป็นลูกสาวข้าก็ได้
ถ้าอย่างนั้นจะเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อที่น่าสงสารเช่นข้าจะก้มหัวให้กับผู้มีพระคุณเช่นนี้」
วิคเตอร์ยังไม่เงยหน้าขึ้นขณะที่ก้มหน้าลงลึกๆ เพื่อตอบสนองต่อท่าทางของโนโซมุที่กำลังงงงวย
โนโซมุที่เป็นพลเมืองธรรมดาไม่สามารถทนกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ และยอมรับคำขอบคุณแบบตรงไปตรงมา
「เอ่อ โอเคครับ ! ผมได้รับความขอบคุณเกินพอแล้วครับ!」
ดังนั้นก่อนที่โนโซมุจะกล่าวว่า “กรุณาเงยหน้าขึ้นเถอะครับ”วิคเตอร์ก็เงบหน้าขึนและยิ้ม
「อ่า โล่งอกไปทีเพื่อเป็นการขอบคุณข้าได้ส่งสิ่งของจำเป็นไปที่ห้องพักของเจ้าด้วย……」
「หยุดเถอะครับ!」
ถ้าทำแบบนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะไปที่สถาบันด้วยหน้าตาแบบไหนดี
ในสมองของโนโซมุ หน้าห้องตัวเองเต็มไปด้วยทรัพย์สินเงินทองมากมาย มีภาพตัวเองลอยไปมาขณะที่ทางผู้ดูแลหอพักชี้นิ้วไปข้างหลัง
ในตอนแรกโนโซมุก็ไม่รู้จะใช้เงินจำนวนมากยังไง
ในทางกลับกันวิคเตอร์กลับหัวเราะที่มุมปากในขณะที่ยิ้ม
โนโซมุรู้สึกว่าตัวเองถูกแกล้งเหมือนกับเมน่า ก็ได้แต่ทำสีหน้าขมขื่น แต่วิคเตอร์ยังคงยิ้มกว้างและพูดต่อไป
「ในเรื่องของไอริสดิน่า ดูเหมือนเจ้าจะเป็นนักดาบผู้เก่งกาจ ว่ากันว่าไม่เพียงแค่ผลงานดีในการฝึกพิเศษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหตุการณ์โจมตีที่สถาบันด้วย……」
เหตุการณ์ที่วิคเตอร์เล่าต่อไปนี้ คือเหตุการณ์ต่อสู้จำลองกับจิฮัด
กำแพงเวทมนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นแตกร้าวขึ้นในการต่อสู้ระหว่างโนโซมุและจิฮัดซึ่งใช้เวลาซ่อมแซมหลายสัปดาห์และใช้จำนวนเงินมหาศาล
สำหรับโนโซมุที่เป็นต้นเหตุในเหตุการณ์นั้นก็สีหน้าซีดเผือก
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมนั้น หากได้มาเป็นเงินของโนโซมุก็มีเงินพอจะใช้ทั้งชีวิตเลย
「เอ่อ คือว่านั่นผมไม่ได้ทำนะครับแต่ว่าอาจารย์จิฮัดเป็นคนทำ……」
「อืม จะว่าไปแล้ว ได้ยินมาว่าไม่ใช่แค่จิฮัดเท่านั้นแต่เจ้าเองก็สู้ใจขาดดิ้นเหมือนกันนี่?」
「เอ่อ……」
แม้ว่าพยายามบิดเบือนความจริง แต่วิคเตอร์ก็จับเขาได้ในทันที
ปฏิเสธไม่ได้เลยแหะ
นั่นเป็นความจริงที่ว่าโนโซมุนั้นได้ฝึกการต่อสู้และได้ฝึกวิชาดาบมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
แน่นอนว่าสำหรับโนโซมุ การแสดง “ความจริงใจ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับโนโซมุที่หนีจากอดีตมาตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามเกี่ยวกับอนาคตของโนโซมุเขายังคงนึกอะไรไม่ออก
「หุหุ งั้นจบเรื่องนี้ไว้เท่านี้ก่อนละกัน ถ้าแกล้งเจ้ามากเกินไป เดี๋ยวโดนเมน่าบ่นอีก」
เมื่อโนโซมุหันไปมองหลังวิคเตอร์ก็พบกับเมน่าที่จ้องตาเขม็ง
「ท่านวิคเตอร์ การมาแกล้งแขกผู้มีพระคุณเช่นนี้มันอะไรกันคะ?」
「เอ่ออออออออออออ ! โดนดุแล้วอ่า……」
ผมตกใจเล็กน้อยกับท่าทางของขุนนางผู้องอาจกลับกลัวเมดสาว
วิคเตอร์เกือบจะหงายหลังจากนั้นเมน่าก็เริ่มพูดคุยเล่นๆเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศภายในห้อง
「……สไตล์ดาบมิคางุระสินะ ไม่คิดเลยว่าจะพบเจอคนที่เชี่ยวชาญวิชาดาบของทางตะวันออกอันโด่งดังในทวีปแห่งนี้ ไม่ใช่ดาบธรรมดา แต่เป็นวิชาดาบมิคางุระ 」
「รู้ด้วยเหรอครับ?」
「อา แม้ว่าจะดูเล่นๆแบบนี้ แต่ข้าเองก็มีทักษะด้านดาบพอควร อย่างไรก็ตามข้าไม่ค่อยรู้จักวิชาดาบมิคางุรเลย……」
เมื่อได้ยินว่าวิคเตอร์เองก็ชอบดาบ โนโซมุจ้องมองร่างอันใหญ่โตตรงนั้น
ผมเห็นว่าร่างกายของเขาดูสมเหตุสมผลและสามารถเห็นผิวหนังที่ก่อตัวบนมือมันมาจากการฝึกดาบ
แต่ว่า มันก็ไม่ได้ดูฝึกหนักขนาดนั้น
เมื่อมองดูท่านั่งของเขา หลังของเขายืดตรง แต่การทรงตัวเอียงไปทางขวาเล็กน้อย อาจเป็นเรื่องจริงที่ว่าแค่ฝึกดาบเอาสนุก
อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่เพียงแต่แปลกใจที่วิคเตอร์ชอบดาบ แต่ยังรู้จักวิชาดาบมิคางุระด้วย
「อย่างไรก็ตาม ข้าน่ะตระหนักถึงชื่อเสียงของ ชิโนะ มิคางุระ ดีเพราะท่านพ่อของข้าชอบเล่าให้ฟัง เธอคนนั้นเป็นนักดาบผู้แสนงดงาม บริสุทธิ์ 」
「บริสุทธิ์? งดงาม? ใครกันแน่นะคนๆนั้น……」
ไม่น่าแปลกใจที่วิคเตอร์รู้เรื่องชิโนะ เพราะเธอก็เคยเล่าเรื่องวิคเตอร์เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามโนโซมุที่ได้ยินข่าวลือแปลกๆนั่นเกี่ยวกับอาจารย์ของเขา เขาก็รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ
สำหรับเขาแล้ว อาจารย์ก็เป็นแค่ยัยแก่ที่เห็นแก่ตัวและไม่ยอมผ่อนปรนเลย แถมชอบรังแกลูกศิษย์ตัวเอง
ถึงแม้จะสงสัย แต่วิคเตอร์ยังคงยิงคำถามต่อมา
「โนโซมุเจ้าได้พบเจอกับอาจารย์ของเจ้าเมื่อไร?」
「ดังที่ได้เล่าให้กับอาจารย์จิฮัดว่า ได้พบกับอาจารย์เมื่อตอนอยู่ปี 1 ดังนั้นก็ประมาณ 2 ปีที่แล้ว」
「หืมมม……」
วิคเตอร์เริ่มคิดหลังจากฟังเรื่องราวของอาจารย์ของเขา
เกิดความเงียบชั่วขณะ มีเพียงเสียงลมที่พัดผ่านหน้าต่าง
「เอ่อ แล้วทำไมถึงมาถามผมโดยตรงล่ะครับ?」
วิคเตอร์ยังคงเงียบ โนโซมุจึงถามว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกมาที่นี่
วิคเตอร์หลับตา ยักไหล่ และจิบชาที่ชงด้วยตัวเอง
「อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้ ไอริสได้กล่าวถึงเจ้าในรายงานให้ข้า รายละเอียดของเวลานั้นถูกจดบันทึกไว้อย่างดี และลูกสาวฉันก็ขอบคุณเป็นอย่างมาก」
สิ่งที่ผมได้ยินก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม โนโซมุเกิดความสงสัยว่านั่นคือทั้งหมดจริงๆงั้นเหรอ
ก่อนที่เขาจะรู้ตัว รอยยิ้มหยอกล้อก่อนหน้านี้หายไปจากปากของวิคเตอร์ และเขาก็หันไปมองโนโซมุอย่างจริงจัง
「นอกจากนี้ข้ายังรู้สึกขอบคุณที่ได้เรียนรู้กับตัวเจ้าเอง แม้ว่าความสามารถของเจ้าจะถูกพันธนาการเอาไว้ แต่ก็ยังเอาชนะแวมไพร์แรงค์ S ได้ พลิกความสามารถที่แตกต่างกันเกินพิกัด และยังเอาชนะอบิส กริฟ ได้ถึงสองครั้ง สมกับเป็น”ดราก้อนสเลเยอร์”……」
「เอ๊ะ!?」
“ดราก้อนสเลเยอร์”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดมาจากปากของวิคเตอร์โนโซมุก็ตัวแข็งทื่อ
เกิดความเงียบระหว่างทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีแต่บรรยากาศตึงเครียดเต็มห้อง
ความกดดันอันหนักหน่วงที่กดดันไปทั่วร่างกายตอนนี้เหมือนกับหยุดอยู่ในสนามรบ
ในหัวของโนโซมุ สภาพของเขาเปลี่ยนไปทันที หัวใจเขาเต้นรัวขึ้น และร่างกายก็เตรียมพร้อมจะต่อสู้
「……อาจารย์จิฮัดเป็นคนเล่าให้คุณฟังใช่ไหมครับ?」
ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด จู่ๆ โนโซมุก็ทำลายความเงียบและถามคำถามกับวิคเตอร์
สมมติว่าไอริสและคนอื่นๆไม่ได้บอกอะไรเรื่อง “ดราก้อนสเลเยอร์” มีเพียงคนเดียวที่รู้ก็คือจิฮัด
วิคเตอร์ตอบรับคำถามของโนโซมุโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
「ก็ไม่ได้ยินเรื่องนี้โดยตรง แต่สามารถดูได้จากการต่อสู้จำลองกับท่านจิฮัด ก่อนหน้านี้ได้ใช้เวทย์ระยะไกลของข้าส่องดู และก็ได้รับแจ้งจากข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร」
ดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะไม่แก้ตัว และเพียงบอกว่าจิฮัดได้บอกความลับให้ทราบ
เหตุใดจิฮัดถึงได้เปิดเผยเรื่องนี้
โนโซมุผลักคำถามที่อยู่ในใจของเขา ในขณะนั้นและกระชับมือที่ท้องของเขาแน่นขึ้น
「เข้าใจแล้ว การจ้องมองที่รู้สึกได้ในตอนนั้นเป็นคุณเองสินะครับ……」
โนโซมุรับรู้ถึงแววตานั้นได้แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร วิคเตอร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
「เหห สังเกตเห็นด้วยงั้นเหรอ?」
「ก็ไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกครับ แต่มันแค่รู้สึกไม่บายใจตอนที่รู้สึกซ้อมต่อสู้เหมือนกับมีอะไรจ้องมอง……」
ในทางตรงกันข้ามวิคเตอร์ทำหน้าตกตะลึงและหายใจออกจากนั้นก็ปล่อยตัวเอนพนักพิง
「นี่มันยิ่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้อีก ด้วยพลังมหาศาลขนาดนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ไล่พ่อบ้านของตระกูลวาจาร์ตได้」
「ไม่ใช่ว่าผมทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนั้นหรอกครับ หากไม่ได้การช่วยเหลือจาก ไอริส ทิม่า มาร์ และคนอื่นๆทำงานอย่างหนักเพื่อซื้อเวลาให้กับผม ดังนั้นก็เลยช่วยโซเมียจังได้ครับ」
วิคเตอร์ตัดเข้าเรื่อง โนโซมุเองก็รีบตัดจบ
ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนๆ โนโซมุก็คงไปช่วยไม่ทันเวลา
นอกจากนี้ ในเวลานั้น โนโซมุยังลังเลที่จะใช้พลังนั่นต่อหน้าทุกคน
หากไม่ใช่เพราะความกล้าของมาร์และทิม่าและเสียงร้องไห้ของไอริส ผมเองก็คงหลงทางไปจนถึงจุดจบ
「แน่นอนข้าเข้าใจเรื่องนั้นดี แต่ถ้าไม่ใช่ดราก้อนสเลเยอร์ก็อาจจะเป็นเหยือไปอีกคน ในแง่นั้น คำพูดของไอริสนั้นคือความจริงแน่นอน」
ท่ามกลางความตึงเครียดโนโซมุกลืนน้ำลาย
เสียงน้ำลายที่กลืนเข้าไปดังก้องอยู่ในหัวของเขา
「จริงๆแล้วตอนที่ไอริสส่งจดหมายมาบอกว่าการต่อสู้กับพ่อบ้านตระกูลวาจาร์ต ก็ได้แต่สงสัยว่าเจ้าคงมีความสามารถอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตามการต่อรองกับตระกูลวาจาร์ตเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องนั้น」
วิคเตอร์ยกร่างขึ้นจากพนักพิงและโน้มตัวเข้าไปข้างหน้าเพื่อมองเข้าไปในใบหน้าของโนโซมุ
「ขณะเดียวกัน ข้าก็เริ่มสนใจเพื่อนที่ลูกสาวอยากจะเก็บเอาไว้ด้วยสิ」
วิคเตอร์บอกว่าเขาสนใจ แต่โนโซมุสงสัยว่ามันคงมีอะไรมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม โนโซมุไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่
แม้ว่าจะมีรอยยิ้มแบบเดิมบนใบหน้าเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังมองไปยังก้นบ่อแห่งความมืด
「……แล้วคิดจะทำอะไรกับผมกันแน่หากรู้ความจริงที่ว่าผมเป็นดราก้อนสเลเยอร์แล้ว?」
「ถ้าบอกให้เปิดเผยต่อสาธารณะล่ะ?」
ในขณะนั้น ความตึงเครียดที่ลอยออกมาจากร่างของโนโซมุก็มาถึงจุดวิกฤติทันที
การมีอยู่ของดราก้อนสเลเยอร์ที่ไม่ได้รับการยืนยันมากว่าหลายร้อยปี นอกจากนี้ ดราก้อนสเลเยอร์ยังอยู่ในอาร์คาซัมซึ่งผลประโยชน์ของอาณาจักรต่างๆเกี่ยวพันกัน
จริงๆแล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยหากเปิดเผยต่อสาธารณะ
เขาจะกลายเป็นผู้กอบกู้และถูกส่งไปยังแนวหน้าหรือเขาจะถูกควบคุมตัวและปฏิบัติเหมือนเป็นการทดลอง?
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถอยู่กับเพื่อนๆได้เลย
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวโนโซมุก็ลืมเรื่องตำแหน่งของเขากับวิคเตอร์ไปแล้ว และจ้องมองเขม็งใส่
「……ล้อเล่นน่า ไม่สามารถทำแบบนั้นได้หรอก หากเปิดเผยต่อสาธารณะ มีความเสี่ยงมากที่ข้อตกลงของข้ากับตระกูลวาจาร์ตจะถูกยกเลิก。
ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย ข้าเองก็ไม่มีความคิดจะทำแบบนั้นหรอก ตระกูลวาจาร์ตเองก็สัญญาว่าจะวางหอกลงจากเรื่องนี้」
วิคเตอร์หยุดยิ้มและประกาศด้วยสีหน้าที่ว่าเขาจะไม่พูดเรื่องนี้กับคนอื่น
แต่พอเกิดความสงสัยแล้ว มันก็ไม่มีทางจะหายไปง่ายๆ
「ยิ่งไปกว่านั้นหากเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เมืองจะตกอยู่ในความวุ่นวาย
ในขณะที่ความโกลาหลที่เกิดจากการปรากฏตัวของอบิส กริฟ กำลังจะจบลงในที่สุด การเปิดเผยเรื่องตัวเจ้าจะเป็นการสร้างปัญหาให้ท่านจิฮัดมากขึ้นไปอีก
หากเกิกเหตุการณ์แบบนั้นทางสถาบันคงต้องหยุดการสอน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ」
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น โนโซมุก็จำได้ว่านี่เป็นหนึ่งในคนที่ผลักดันในการก่อตั้งสถาบันโซลมินาติขึ้น และยังให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก
ตามที่ไอริสได้กล่าวไว้ คฤหาสน์นี้เองก็กำลังจะถูกบริจาคให้ทางสถาบันหลังจบการศึกษาของไอริส
ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ให้การสนับสนุนเยอะขนาดนี้ต่อสถาบันจะทรยศหรอกนะ
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศตอนทานข้าวเย็นด้วยกัน เขารักลูกสาวมากๆ
อย่างน้อยเขาก็ไม่กล้าทรยศลูกสาวตัวเอง
「เฮ้อ……」
โนโซมุสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำใจให้สงบ
เลือดที่ไหลผ่านไปทั่วร่างกำลังช้าลง และบรรยากาศตึงเครียดก็ลดตาม
「……เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลวาจาร์ต?」
「เพื่อประโยชน์ของฝ่ายเราทั้งคู่ ข้าไม่สามารถลงรายละเอียดได้ แต่ตอนนี้ก็อยู่ในจุดที่พอใจแล้ว」
วิคเตอร์บอกว่าปัญหาได้ถูกแก้ไขแล้ว แต่เขาไม่อยากเล่าถึงรายละเอียด
โนโซมุรู้สึกว่าเหมือนมีกำแพงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ระหว่างทั้งสอง
「คราวนี้ขอถามหน่อย เจ้าจะใช้พลังนั้นเพื่ออะไร?」
「……หมายความว่าไงครับ?」
「ที่เจ้ามาที่เมืองนี้เจ้าคงจะมีจุดประสงค์อะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ต้องมีบ้างล่ะ?」
วัตถุประสงค์โนโซมุที่ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มคิดถึงพลังที่เขาได้รับมา
พลังนี้มันยิ่งใหญ่เหลือคณานับ มันใช้งานและควบคุมได้ยาก แต่เมื่อพูดถึง “พลังทำลายล้าง” ไม่มีอะไรจะเทียบได้อีกแล้ว
ผมเองก็ได้พลังนี้ช่วยไว้หลายรอบ ถึงกระนั้น โนโซมุเองก็ได้รับความเมตตาจากเทียแมตอยู่หลายครั้ง แต่มีครั้งหนึ่งที่เขาคุ้มคลั่ง ก็เรียกได้ว่าเป็นหายนะอันยิ่งใหญ่ที่ยังคงฝังใจ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม โนโซมุไม่มีความคิดเรื่องพลังที่ใช้เพื่ออะไร
「……ตอนนี้ยังไม่มีครับ」
วิคเตอร์มองโนโซมุที่ตอบกลับด้วยความคลุมเครือ
โนโซมุดวงตาคู่นั้นราวกับพยายามค้นหาความจริงจากตัวเขา
「ดราก้อนสเลเยอร์หายตัวไปเป็นเวลากว่าหลายร้อยปี ไม่เพียงแต่มีพลังอันเรียบง่าย แต่แค่ชื่อก็เป็นที่กล่าวขานแล้ว ขึ้นอยู่กับวิธีใช้งานของเจ้า แต่ว่า……」
วิคเตอร์หยุดชั่วคราวและจ้องไปที่โนโซมุ
เขาดูน่ากลัวมากจนไม่นึกเลยว่าจะมาชงชาได้อย่างใจเย็น
「ในขระเดียวกัน การดำรงอยู่ของเจ้าก็เป็นหายนะอย่างยิ่ง พลังของมังกรที่ดึงดูดเข้ามาทั้งควบคุมไม่ได้และไม่เสถียร ดูเหมือนว่าจะเคยคุ้มคลั่งมาครั้งหนึ่งใช่ไหม?」
「……รู้เยอะจริงๆเลยนะครับ ท้ายที่สุดแล้วไม่เพียงแค่เห็นการต่อสู้ในครั้งนั้น แต่ยังได้ยินประวัติของผมจากใครบางคนด้วยสินะ」
「คราวนี้ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าจะใช้พลังนั่นเพื่อสิ่งใด?」
โดยไม่สนคำพูดของโนโซมุ วิคเตอร์ถามอีกครั้ง ด้วยแววตาที่ไม่ยอมให้เขาโกหกแต่อย่างใด
มีแรงกดดันเงียบๆจากการจ้องมองที่มุ่งตรงต่อโนโซมุว่าไม่ยอมให้โกหกเด็ดขาด โนโซมุที่เห็นเช่นนั้นก็ตาเบิกกว้างไปด้วยความกลัว
「ผม……」
จะใช้พลังนั่นเพื่ออะไร? โนโซมุไม่รู้ว่าจะตอบมันออกไปยังไง
จุดประสงค์ที่เขามาที่นี่คือสนับสนุนความฝันของลิซ่า ซึ่งมันพังทลายไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่อยากให้เธอละทิ้งความฝันนั่น
แต่เมื่อถูกถามว่าจะทำตามความฝันนั่นอีกต่อไปไหม มันก็มีแรงผลักดันในใจ
ก่อนอื่นตอนนี้ผมต้องการอะไรกันแน่?
ต้องการยุติความสัมพันธ์กับลิซ่า? แทนที่จะรื้อทิ้ง แต่กลับต้องสร้างใหม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับอดีต
「อา……」
หลังจากคิดมากขนาดนั้น โนโซมุก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเลือดในตัวมันเดือดพล่าน
「ไม่มีเหตุผลให้ผมอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ผมแค่อยากจะชำระล้างเรื่องราวในอดีต แต่ผมไม่ก็ไม่ได้มีความคิดอะไรเกี่ยวกับอนาคตของตัวเองเลย」
ใช่แล้ว ทุกสิ่งที่โนโซมุทำมาตลอดคือ “จมปลักอยู่กับอดีต”
ลิซ่าและเคน เขาพยายามดิ้นรนเพื่อยุติความสัมพันธ์ของทั้งสองที่มันบิดเบี้ยว
ไม่ใช่ว่าโนโซมุมีอนาคตอันแสนชัดเจนอยู่ในใจ
「ตอนนี้เห็นเพียงแค่อดีตกับปัจจุบัน ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “อนาคต” รอเจ้าอยู่ เหมือนเรือที่ลอยไปตามทะเล ดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องเพื่อนสมัยเด็กของเจ้าจะจบลงด้วยเหตุการณ์ที่ไม่น่าพอใจนัก……」
「…………」
ผมปฏิเสธไม่ได้เลย
โนโซมุคิดอยู่ในใจว่าเมื่ออดีตคลี่คลายแล้วเขาอาจจะเดินหน้าต่อไปได้
แม้ตอนนี้จะจินตนาการถึงอนาคตแต่มันก็ไม่ชัดเจน
ดังนั้นโนโซมุได้แต่ยอมรับคำพูดอันรุนแรงของวิคเตอร์ต่อไป
「ขอโทษด้วยนะคะ แต่ว่าเวลา……」
ในบรรยากาศอันตึงเครียด เมน่าเข้ามาขัดจังหวะ
「อ๊ะ ถึงเวลานั้นแล้วเหรอ? โนโซมุคุง ขอโทษที่ชวนคุยหลายเรื่องนะ พอดีข้ามีเรื่องต้องทำ ขอโทษด้วยจริงๆ แต่ไว้คงต้องหาเวลาคุยกันในวันอื่นแล้วล่ะ」
「……เข้าใจแล้ว ถ้างั้นผมจะกลับหอพักละครับ」
「เอาล่ะ วันนี้ก็คุยกันหอมปากหอมคอ ตอนนี้ก็รู้เรื่องของเจ้ามานิดหน่อยแล้ว」
「ครับ เป็นประสบการณ์อันมีค่าสำหรับผม ผมคงหวังว่าไม่ต้องสวมเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้อีกต่อไปแล้ว」
「มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วจากนี้ไป ตอนนี้เจ้ายังเด็ก ตอนเจ้าเติบใหญ่ยังมีอะไรให้เจ้าได้ทำอีกเยอะ」
「…………」
นี่คิดจะแซวหรือยั่วกันแน่
โนโซมุออกจากห้องของวิคเตอร์อย่างเงียบๆโดยไม่สนใจคำพูดเสียดสี
「นี่ โนโซมุ มีอะไรงั้นเหรอ หน้าตาดูเครียดเชียว?」
「……มาร์เหรอ? ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ?」
ขณะที่ออกมาจากห้องของวิคเตอร์ ก็เจอมาร์ที่มาพร้อมกับเมด
「เอ่อพอดีเมดเรียกตัวข้าก็เลยต้องมาเข้าพบเห็นบอกว่าจะขอบคุณเรื่องที่ช่วยสู้กับแวมไพร์?」
「อ้อ งั้นก็ดี」
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาอยากจะขอบคุณคนที่ช่วยโซเมียจากการลอบโจมตีของลูกาโต้
「อ่าาาาาาาาาาาาาห์」
มาร์มองเข้าไปที่หน้าของโนโซมุขณะที่ครุ่นคิด และมองราวกับคิดอะไรออก
โนโซมุมองเขาราวกับสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มาร์ยักไหล่ราวกับช่วยไม่ได้
「ก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่หรอกนะ แต่อย่าคิดมากเกินไป ในกรณีของแก แม้ว่าจะคิดว่าแปลกก็เถอะ แต่ก็แค่ทำตัวตามเดิม ทำทุกอย่างให้เหมือนปกติ เหมือนกับหนูที่วิ่งไล่ตามหางของตัวเองก็พอแล้ว」
「เฮ้อ….พูดจาแบบนี้อีกแล้วนะ」
「อิเต้! ทำบ้าอะไร?」
「ท่านมาร์ ได้เวลาแล้วค่ะ……」
「อา เข้าใจแล้ว แต่ว่าเล่นกันแรงแบบนี้ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรแหะ」
โนโซมุสูดหายใจเข้าลึกๆขณะที่มองมาร์ที่บ่นกำลังเข้าห้องวิคเตอร์ไป
เดาว่าคงจะปลอบใจว่าอย่าคิดมาก
「เป้าหมาย ไม่ใช่ ความฝันงั้นเหรอ?……」
ขณะที่คิดถึงสิ่งเหล่านั้น โนโซมุก็หันหลังกลับไปหาเพื่อนๆ
บางทีต้องขอบคุณคำพูดของมาร์ ทำให้อารมณ์หดหู่คลายลง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกปักเข้ามาในใจมันยังคงไม่จางหายในเร็ววัน และท้ายที่สุดแล้วโนโซมุก็ไม่สามารถจะให้คำตอบกับคำถามของวิคเตอร์ได้จนจบงานเลี้ยง
——————————————–
หลังจากโนโซมุและเพื่อนๆกลับบ้าน วิคเตอร์กำลังนั่งบนโซฟาในห้องของเขา ดื่มไวน์ที่นำมาด้วย และคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มที่พบในวันนี้
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทั่วทั้งเมืองกำลังหลับใหล
จากมุมมองของเขา ชายหนุ่มคนนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ใช่ด้านร่างกาย แต่เป็นจิตใจ
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือสถานการณ์ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมาย
แม้ว่าจะกล่าวได้ว่าตอนนี้เจ้านั่นสงบลงแล้ว แต่ก็มีหลุมพรางจำนวนมากที่ไม่สามารถจะหยั่งรู้ได้
ตัวเขาเองมีพลังทำลายล้างมหึมาเหมือนกับภูเขาไฟ พูดตามตรงก็กังวลเกินเหตุ
ในสถานการณ์แบบนี้ ควรจะรับมือยังไงในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิส ในห้องที่เต็มไปด้วยความเงียบยามค่ำคืน วิคเตอร์ยังคงครุ่นคิด
จุดประสงค์ที่เชิญเขามาในครั้งนี้ก็เพื่อเข้าใจบุคลิกของตัวเขา
แม้ว่าจะพูดคุยกันเป็นเวลาสั้นๆ แต่วิคเตอร์ก็ได้ประสบการณ์มากมายที่เคยพูดคุยกับสังคมชั้นสูง แม้จะคุยกันได้เล็กน้อย แต่เขาก็พอจะรู้จักตัวตนของโนโซมุ เบลาตี้ แล้ว
เขาเองก็ไม่ใช่คนไม่ดี แต่เขาก็ไม่ใช่ประเภทที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นคนดีเช่นกัน
เขาไม่ได้เรียกร้องค่าชดเชยจากการช่วยลูกสาวจากลูกาโต้ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถถึงระดับโน้มน้าววิคเตอร์ได้ แต่ก็ไม่ทำแบบนั้น
ในทางตรงกันข้ามเขายังยกย่องลูกสาวและเพื่อนๆสำหรับความสำเร็จของพวกเขา ณ จุดนี้แทนที่จะเป็นคนดีกลับดีเกินไปจนน่าเสียดายด้วยซ้ำ
เขาเป็นคนที่น่าเอ็นดูมากกว่าพวกขุนนางไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า
ถึงกระนั้น จากมุมมองของวิคเตอร์ เขาไม่สามารถยอมรับโนโซมุ เบลาตี้ จากเรื่องนั้นได้
แม้ว่าบุคลิกและความสามารถของเขาจะไม่ได้แย่ แต่ก็เป็นความจริงทีว่านโซมุไม่สามารถยอมรับสถานะตัวเองในปัจจุบันได้
「นายท่านเองก็เป็นคนไม่ดีนะคะที่เล่นทดสอบเขารุนแรงซะขนาดนั้น……」
「เมน่า……」
เมดที่เป็นคนสนิทของเขาปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลัง
เมดที่กำลังมองดูเจ้านายของเธอด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
「เป็นเรื่องจริงที่ว่าท่านโนโซมุไม่มีจุดประสงค์ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม คำว่า “เรือที่ลอยไปตามทะเล” ที่นายท่านได้ใช้นั้นเป็นคำที่ค่อนข้างหยาบตาย และยากที่จะบอกว่าจะสำเร็จเป้าหมายอย่างแน่นอน」
แม้ว่าวิคเตอร์จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับความคิดของโนโซมุที่เหมือน “เรือที่ลอยในทะเล” แต่ก็ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงเป้าหมายปลายทาง
หางเสือที่ไม่สามารถคุมเรือได้จนไม่รู้ว่าเรือจะล่องไปทางไหน เรือที่สูญเสียใบเรือ ความเร็วจะลดลง อุปกรณ์นำทาง หรือ แม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะบอกได้……。
「คิดอย่างงั้นหรือเปล่าล่ะ?」
「ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น ก็คงไม่ยึดติดกับอดีตมากเกินไปด้วยซ้ำ อาจจะใช้เวลาทั้งวันในการหนีความจริงและหลงทางไปกับชีวิตประจำวันอันแสนวุ่นวาย
แต่ท่านโนโซมุนั้นต่างออกไปเลือกที่จะเผชิญปัญหาในอดีต เขามีหลักการที่ชัดเจนในการจัดการปัญหาของเขา แต่ทิศทางนั้นก็กลับวนไปสู่อดีต นายท่านเองก็คงจะสังเกตเห็นสินะคะ?」
หากคิดแบบนั้น โนโซมุก็เหมือนเรือที่ “สูญเสียปลายทาง”
ไม่ใช่ว่าหางเสือหัก และไม่ใช่ว่าข้ามคลื่นลมทะเลแรงไม่ได้
「…………」
วิคเตอร์ไม่ตอบสนองกับคำพูดนั่นจากนั้นก็ดื่มชาที่มีรสหวานอมเปรี้ยวลงไปในคอ
แต่ความเงียบนั้นก็เป็นคำตอบได้มากมาย
เพื่อจะเข้าใจตัวตนของโนโซมุ เบลาตี้ วิคเตอร์จึงจี้จุดอ่อนของเขา
ผลก็คือความไม่มั่นคงที่ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
นั่นคือสิ่งที่วิคเตอร์คาดหวังเอาไว้ในระดับหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากเพื่อนๆที่คอยสนับสนุนตัวเขาและความบาดหมางกับเพื่อนสมัยเด็ก เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ง่ายๆ
ขาดความรู้สึกถึงจุดมุ่งหมายระยะยาวของตัวเอง และสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในก็คือ “ความสงสัย” ที่ว่าตัวเองจะทำอะไรต่อไป
แม้ว่าจะถูกเพื่อนหลอกใช้จากความหวังดีแต่ความลังเลนั่นก็ทำให้เขาก้าวหน้าได้ช้าลง
ความจริงที่เขาไม่สามารถตอบคำถามนั่นได้คือเครื่องพิสูจน์
「อย่างไรก็ตามหากถามว่าท่านโนโซมุเป็วพวกใจอ่อนหรือไม่ ฉันก็คงตอบได้แค่ว่าไม่ค่ะ」
ใช่ถ้าถามว่าวิญญาณของโนโซมุนั้นเปราะบางไหม ต้องบอกว่าไม่ใช่
แม้ว่าเขากำลังจะต้องเผชิญกับความจริงที่เบือนหน้าหนีมาตลอด แต่เขาก็จ้องมองวิคเตอร์อย่างไม่ลดล่ะ
นั่นคือข้อพิสูจน์ว่าเขายอมรับความผิดพลาดในอดีตและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้า ซึ่งเรื่องแบบนี้แม้แต่เมน่าก็รู้ว่าไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้
จริงๆแล้วการพูดเกินจริงอย่าง “เรือที่ลอยอยู่กลางทะเล” ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน เป็นวิธีที่ใช้ปลุกใจของเขาและมองดูตัวตนอันแท้จริง
「จุดสำคัญของเขา ก็คือมีคนแบบเขาน้อยมากที่จะยอมรับจุดอ่อนของตัวเองเช่นนี้……」
แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจและโดนเอาเรื่องจุดอ่อนขึ้นมาอ้าง แต่โนโซมุก็ไม่ได้กังวลกับมันเลยแม้แต่น้อย นั่นไม่ใช่อะไรนอกจากการยอมรับความอ่อนแอของตนเอง
วิคเตอร์ดื่มไวน์ในแก้วในคราวเดียวแล้วเทเครื่องดื่มใหม่ลงในแก้วเปล่า
「ด้วยเหตุนี้จึงต้องทำให้ท่านโนโซมุประหลาดใจด้วยการลงมือชงชาด้วยตัวเองงั้นเหรอคะ?」
「……ไม่หรอก นั่นเป็นสิ่งที่ข้าอยากทำจริงๆ」
ในขณะที่เขย่าแก้วอย่างเพลินใจกับกลิ่นหอมของไวน์ วิคเตอร์ก็เอียงคอด้วยท่าทีห่างเหิน
เมื่อเมน่าเห็นสภาพของเจ้านายที่เป็นแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจอย่างฉุนเฉียว
เมื่อพบเจอกับคนที่ไม่รู้จักเป็นครั้งแรก ยังจะสร้างอุปสรรคขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าพวกเขาจะตั้งใจขึ้นมาหรือไม่ก็ตาม
เมื่อเมน่าพาเขามาที่ห้อง เขาสาธิตวิธีการชงชาด้วยตัวเอง แต่จริงๆแล้วก็แค่พยายามจะทำให้โนโซมุประหลาดใจเท่านั้นเอง
ในเวลาเดียวกัน หากเป็นอุปสรรคที่มองข้ามไม่ได้ มันก็จะละลายจิตสำนึกของเป้าหมาย ผลของการใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของเป้าหมายนั้นมีประโยชน์กว่าหลายเท่า
เมน่ามองไปที่เจ้านายของเธออีกครั้ง
เหมือนเช่นเคย เจ้านายยังคงเพลิดเพลินกับกลิ่นหอมของไวน์ที่นำมาด้วยอย่างมีความสุข
จริงๆแล้วงานอดิเรกคือการชงชา เขาทำสิ่งนี้เพื่องานอดิเรกและความพึงพอใจส่วนตัว
「จริงๆแล้วคนอย่างคุณนี่มันน่าจะโดนระแวงมากที่สุดแล้วค่ะ
แล้วจะตอบสนองต่อท่านจิฮัดอย่างไรเกี่ยวกับความช่วยเหลือของท่านโนโซมุ ในเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะมีการขอคนคุ้มกันด้วย……」
ความช่วยเหลือที่จิฮัดต้องการคือการหาผู้พิทักษ์ให้กับโนโซมุ
เมื่อมองแวบแรกก็ดูเป็นเงื่อนไขที่ดีสำหรับเขา แต่หากพิจารณาจากสภาพปัจจุบันของโนโซมุ ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับได้
「อืม ข้าเดาว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะรับเขามาอยู่ใต้การคุ้มครองในสถานการณ์แบบนี้ การละทิ้งความสัมพันธ์กับเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีงั้นควรจะทำยังไงบ้างล่ะ」
「ยึดติดมากเกินไปรึเปล่าคะ?」
「ก็คงจะใช่」
วิคเตอร์ดื่มไวน์และพยักหน้าด้วยความพอใจ
ดูเหมือนจะชอบมันมากๆ
「แล้วเธอคิดยังไงล่ะ?」
「ฉันเห็นด้วยค่ะว่าเขาเป็นคนดี ฉันเข้าใจได้ว่าทำไมบรรดาผู้หญิงถึงได้ติดเขาแจขนาดนั้น」
เมน่าตอบคำถามของวิคเตอร์อย่างไม่แยแส
「เป็นเรื่องจริงที่ว่าท่านโนโซมุไม่มีเป้าหมายระยะยาว แต่เรายังเข้าใจได้ว่าเขามีความพิเศษในตัวเองและมีจิตใจที่ไม่มีวันแตกสลาย มีความสำเร็จมากมายได้พิสูจน์ให้เห็น……」
เขากลายเป็นดราก้อนสเลเยอร์ เพียงอายุเท่านี้ เขาได้ต่อสู้กับจิฮัด เขาต่อสู้กับแวมไพร์แรงค์ S ด้วยพลังของตัวเอง แถมยังจัดการกับ อบิส กริฟ
นอกจากนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังมังกรที่รับเข้าไป เขาก็ยังพัฒนาวิชาดาบที่ได้ร่ำเรียนจนสูสีกับจิฮัด
แม้แต่ในการฝึกพิเศษ พวกเขาก็ยังมีความสามารถในการรับมือศัตรูที่มีระดับสูงกว่าโดยใช้กับดักและการประสานงานเป็นทีม และสามารถฟันฝ่าไปถึงจุดสูงสุด
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำสำเร็จได้เพียงเพราะพลังของดราก้อนสเลเยอร์ ต้นตอของสิ่งนี้คือการเติบโตของโนโซมุเอง และเหนือสิ่งอื่นใด เขาสามารถทำมันได้โดยที่ไม่ยอมแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว
「หากเป็นเพียงแค่คนมีความสามารถ ก็จะสามารถค้นหามันจนเจอได้ อย่างไรก็ตาม ตัวเขามีคนที่เชื่อใจได้ไม่มาก แต่เขาก็พยายามอย่างหนักเพื่อก้าวไปข้างหน้า ในแง่นั้น ท่านโนโซมุกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนที่พิเศษค่ะ」
「อืม……」
เมน่าถอนหายใจขณะที่เธอสูดจมูกเข้าด้วยความไม่พอใจ
ในฐานะหัวหน้าตระกูลฟรานซิส เขาไม่สามารถไปเป็นผู้ปกครองของโนโซมุได้ เพราะเขายังต้องรักษาตำแหน่งทางสังคมเอาไว้ด้วย
เหตุผลที่จิฮัดบอกเหตุผลเกี่ยวกับตัวจริงของโนโซมุก็เพื่อปกป้องวิคเตอร์ที่ไร้ผู้สนับสนุน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่สามารถปฏิเสธความช่วยเหลือของโนโซมุได้
เรื่องนี้เป็นเรื่องของการสุมหัวกันเท่านั้น สาเหตุที่มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ก็คือลูกสาวเขาดันสนิทสนมกับโนโซมุอย่างน่าประหลาด
「แม้ว่าจะให้ดิฉันประเมิน แต่ว่าจากคะแนนเต็มร้อย คงให้ประมาณ 80 คะแนน?」
พูดตามตรงมีขุนนางไม่กี่คนหรอกที่สามารถทนแรงกดดันของวิคเตอร์ได้
เมน่าเริ่มสนใจในตัวโนโซมุ ซึ่งเขากำลังจ้องวิคเตอร์แบบตรงไปตรงมาไม่มีความลังเล
อย่างไรก็ตาม เจ้านายของเธอก็ดูจะมีความคิดที่ซับซ้อน
「……แต่ว่าข้าไม่ได้ให้คะแนนไว้สูงขนาดนั้น」
วิคเตอร์ปฏิเสธและดื่มไวน์อีกสามจิบ
เมื่อมองดูเจ้านายของเธอ เมน่าก็ถอนหายใจราวกับช่วยไม่ได้
「อย่าบอกนะคะว่าหึงหวงที่ลูกสาวไปสนิทสนมกับท่านโนโซมุ?」
「…………」
วิคเตอร์ดื่มไวน์ต่อไปอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามเขาดูทำท่าไม่พอใจ
เขาทำหน้าบูดบึ้งไม่ใช่ในฐานะขุนนางแต่ในฐานะพ่อคนนึง
「นั่น…ไม่สิ..ก็ดูสิแบบว่า เขาทำให้ลูกสาวข้าต้องเศร้าขนาดนั้นเลยนี่……」
「นายท่าน ท้ายที่สุดแล้ว ก็แอบไปสอดแนมท่านไอริสที่ซาลอนงั้นเหรอคะ」
สีหน้าเศร้าของไอริสที่ดูเธอมองตัวโนโซมุอันห่างไกลออกไป
เมน่าจ้องวิคเตอร์ที่กำลังแอบมองสีหน้าของลูกสาวตัวเอง โดยไม่สังเกตเห็นถึงการจ้องแบบอาฆาตของเมน่าผู้นี้
นอกจากนี้ วิคเตอร์เริ่มบ่นเกี่ยวกับโนโซมุว่าไม่สามารถไว้วางใจกับผู้ชายใจร้ายที่ทำให้ลูกสาวเขาต้องเศร้าแบบนี้ได้หรอก แม้ว่าจะไม่ทันระวัง แต่ตอนนี้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ในตอนนี้ ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ได้หายไป เหลือเพียงแต่วิคเตอร์ในฐานะพ่อคนที่ห่วงลูกสาวของตัวเองมากเกินไป
เมน่าที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้แต่หัวเราะกำลังเฝ้าดูเจ้านายที่ร้องไห้ฟูมฟาย
จริงๆแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาแสดงท่าทีสมเพชเช่นนี้
นับตั้งแต่สูญเสียภรรยาอันเป็นที่รักไป วิคเตอร์ได้ประคมประหงมลูกสาวแสนรักเป็นอย่างดี
บางทีเพราะความรักอันมากล้น ทำให้เขาคุมตัวเองไม่อยู่
แม้ว่ายามปกติจะดูเป็นหัวหน้าครอบครัวผู้เด็ดเดี่ยว แต่ก็พยายามรวบรวมช่างฝีมือจากทั้งอาณาจักรมาทำเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับลูกสาวในงานสังคมมากที่สุด และเมื่อโซเมียหนีออกจากบ้านเป็นต้นมา เขาถึงพยายามเรียกตัว กลุ่มอัศวินเพื่อออกตามหาลูกสาว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนโซเมียหนีออกจากบ้าน แม้แต่ไอริสก็วิ่งออกจากคฤหาสน์เพื่อตามหาโซเมีย ดังนั้นวิคเตอร์จึงพยายามส่งหน่วยอัศวินไปค้นหาและบุกเข้าไปในปราสาทเพื่อให้ช่วยค้นหาลูกสาว
ในเวลานั้นพวกอัศวินที่พยายามจะห้ามปลิวว่อนเหมือนดั่งใบไม้
วิคเตอร์ที่เงียบขรึมซึ่งปกติจะไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่นี่เป็นเหตุการณ์ของลูกสาวของเขาก็ต้องดึงศักยภาพและใช้อำนาจในทางที่ผิดเหมือนกับคนโง่
บางทีนี่อาจเป็นเพราะโนโซมุมีความไวต่อสัญชาตญาณต่างๆ จึงไม่สังเกตเห็นการที่วิคเตอร์จ้องมอง
อย่างไรก็ตาม ตอนที่มาที่อาร์คาซัมก็ยังรวบรวมรถม้าหลายคันมูลค่าพิเศษเพื่อเป็นของขวัญแด่ลูกสาวในงานครบรอบวันเกิด และก่อนงานปาร์ตี้โดยที่โนโซมุและคนอื่นๆ ไม่รู้ พวกผู้หญิงก็ได้กองของขวัญไว้ในห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
「ถ้าหากเขาทำให้ลูกสาวท่านยิ้มได้ล่ะคะ?」
「±100แต้ม !」
พูดตามตรง เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องฐานะของโนโซมุตราบใดที่เป็นคนที่ทำให้ลูกสาวเขาพอใจได้ เขาก็ยินดีที่จะยกลูกสาวให้
วิคเตอร์นั้นอ่านเจตนาของผู้อื่นได้ดีและเฉียบขาดยิ่งกว่าไอริส ดังนั้นเขามองแวบแรกก็รู้แล้วว่าลูกสาวเขาหลงรักโนโซมุ
「ไม่สิต้องให้ดับเบิ้ลสกอร์เลยด้วยซ้ำสินะคะ ? แม้จะมีความสุขแต่ก็กลับแอบอิจฉาริษยาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้แม้แต่คุณหนูโซเมียก็ยังติดเขาแจ แม้แต่ท่านไอริสก็ยังแอบหลงรัก……」
「หนอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย……」
ลูกสาวคนรองยังเด็กอยู่ ดังนั้นตอนนี้เธอคิดว่าโนโซมุเป็นเพียงพี่ชายเท่านั้น แต่ลูกสาวคนโตกลับพัฒนาความสัมพันธ์เข้าสู่โซนอันตรายแล้ว
แม้ว่าจะรู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่ก็เป็นสิ่งที่วิคเตอร์ไม่ยอมรับ
การที่เขาอิจฉาเพราะใส่ใจครอบครัว ก็เหมือนกับไอริสดิน่าทุกประการแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่ง ก็ไม่มีอะไรดูน่ารักเลย และดูน่ารำคาญมากกว่าอีกที่ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง
「……นายท่านคะฉันคิดว่าถึงเวลาที่นายหญิงต่องออกเรือนแล้วนะคะ?」
「นั่นนะเหรอที่จะพูด ! คนเป็นพ่อก็ต้องปกป้องภัยอันตรายที่จะเข้าใกล้ลูกสาวสิ!」
ไร้สาระชะมัด
ประการแรกคำพูดไม่ได้สร้างร่างกายขึ้นมา
ในฐานะพ่อก็ควรจะปล่อยให้ลูกสาวได้มีความสุขกับคนที่ชอบไม่ใช่เหรอ
อันที่จริงเมื่อเมน่าชี้ให้เห็นว่าในกรณีของเจ้านายเอง เหตุผลเดียวก็คือ “หึง” ใช่ไหม วิคเตอร์ก็ทำได้แต่กัดฟันกรอดดดด
เมื่อตระหนักได้ว่าโต้เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ วิคเตอร์จึงเปลี่ยนเรื่อง
「ลองคิดดูถ้าต้องออกเรือนมาจริงๆ จะมีคนมาสู่ขอมากแค่ไหนกัน!?」
ถูกต้องแล้ว เมน่าได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ให้ไอริสและโซเมียทราบ
เรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะส่งผลในอนาคต
อย่างไรก็ตามเมน่ายังคงพูดด้วยท่าทีสงบ
「แน่นอนว่าดิฉันเองก็คิดถึงนายหญิงและคุณหนู วิธีเดียวที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีก็คือรุกตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ และมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะตัดสินใจยังไง ในแง่นั้นดูเหมือนนายหญิงเองก็เริ่มจะมีใจให้ใครสักคนเป็นพิเศษอยู่แล้วนะคะ」
เมน่ากล่าวว่าการแต่งงานก็เพียงแค่เชื่อมสัมพันธ์ทางฐานะสังคม จะทำอย่างไรกับความสันพันธ์นั้นก็ขึ้นกับไอริส
ในความเป็นจริงเมน่าเองก็เป็นหนึ่งในข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของวิคเตอร์ วิคเตอร์รู้ดีถึงความเฉียบแหลมของเธอ
โนโซมุ เบลาตี้ มีสาวคนเดียวในใจมาตลอด ต้องเรียกว่าดั้นด้นพยายาม รักเดียวใจเดียว
สิ่งนี้สามารถเห็นได้เพราะว่าความจริงเขาไม่เคยโทษเพื่อนสมัยเด็กเลย
นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าไม่มีอะไรให้โต้แย้งเมน่าได้
「อย่างไรก็ตาม นายหญิงก็สังเกตเห็นถึงอารมณ์และความเปลี่ยนแปลงของท่านโนโซมุเป็นอย่างดี และนับตั้งแต่ที่เขากลับไปที่หอพักชายนายหญิงก็ดูเป็นกังวลมากด้วยสิคะ……」
「นี่ ข้าต้องยอมรับงั้นเหรอออออออออออออออออออออーーーーーー!」
เสียงกรีดร้องอันไร้หัวใจของคนเป็นพ่อดังก้องไปทั่วห้องในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่