โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” - ตอนที่ 143 บทที่ 7 ตอนที่ 27
บทที่ 7 ตอนที่ 27
บาดแผลของโนโซมุและเพื่อนๆที่ได้รับจากการต่อสู้ได้รับการรักษาแบบทันทีโดยซอนเน่
เมื่อโนโซมุควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเขาก็นอนหลับเป็นเวลาหลายวัน แต่ต้องขอบคุณการรักษาของซอนเน่ ทำให้เขาได้สติมาภายใน สิบนาที
เมื่อเขาตื่นและเข้าใจสถานการณ์ เขาก็กัดริมฝีปากพร้อมกับโค้งคำนับให้ไอริสกับคนอื่นๆ
「ขอโทษทุกคนจริงๆ ที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะผม ขอโทษจริงๆครับ……」
โนโซมุก้มหัวลงแนบกับพื้น
「โนโซมุ เงยหน้าขึ้นเถอะค่ะ……」
ร่างกายของโนโซมุสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงอันหนักแน่นของไอริส
รู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด โนโซมุมองหน้าเธอด้วยความกลัว
ทันใดนั้นก็มีแรงกระแทกสองครั้งตรงหน้าอกเขา
「ตึกตัก ตึกตัก……」
「อา โม่ว รู้ไหมว่าพวกเรากังวลมากแค่ไหนที่ต้องทำให้นายสบายใจเนี่ย!」
คนที่กระโดดเข้ามาหาเขาคือลิซ่าเธอซุกหน้าอกเขาไปที่อกเหมือนกับไอริส ทั้งสองต่างมีแววตาที่ชุ่มชื้น
ด้านหลังทั้งสองคนมีซีน่าที่กำลังลูบอกด้วยความโล่งใจ
โนโซมุได้แต่เขินอาย
สายตาของสาวๆที่อยู่ในอ้อมอกเขาตอนนี้มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
ผมสีดำมันวาวครั้งหนึ่งซึ่งเคยเป็นของไอริส เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับคนแก่ และผมสีแดงเพลิงของลิซ่าก็ถูกตัดออกอย่างไร้ความปราณี
「เอ่อคือ…ทั้งสองคนผมขอโทษจริงๆ……」
「ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่เป็นไรเลยสักนิด……」
「หึ รู้ไหม ที่ฉันต้องให้นายเห็นสภาพแบบนี้เพราะอยากจะให้นายขอโทษยังไงล่ะ!?」
ไอริสและลิซ่าต่างหลั่งน้ำตาออกมา ซีน่าที่เฝ้าดูอยู่ด้านหลังก็มองโนโซมุด้วยสายตาตำหนิเช่นกัน
โนโซมุอดไม่ได้ที่จะเงียบหลังจากโดนสามสาวดุ
เพื่อนของพวกเขาที่ทนไม่ไหวก็ตะโกนเรียกจากด้านหลัง
「นั่นสินะ มันไม่ใช่เวลามาแสดงสีหน้าขมขื่นแบบนั้นเวลาแบบนี้ต้องยิ้มเข้าไว้สิ」
「ข้าน้อยไม่ขออะไรมาก แค่ชดใช้ค่าเสียหายเรื่องยันต์ทั้งหมดให้ข้าน้อย พร้อมกับเงิน……」
「ในหัวมีแต่เรื่องเงินรึไงไอ้จิ้งจอกนี่」
「หุบปากไปเลยน่า แกน่ะ」
「เกี๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!」
ฟีโอที่พูดเรื่องตลกได้หน้าตาเฉย แต่ซีน่าและมิมูรุทำให้เขาหุบปากได้ในทันใด
นี่มันไม่ถูกต้องเลยสักนิด ! มีเสียงแบบนั้นตะโกนมาจากฟีโอ แต่เนื่องจากเป็นเรื่องราวที่เห็นเป็นประจำจึงปล่อยผ่านไป
ในขณะเดียวกันโนโซมุ ค่อยๆ มองต่ำลงอีกครั้ง เมื่อเห็นแววตาของไอริสกับลิซ่า ใบหน้าของโนโซมุก็กลับมาหดหู่อีกครั้ง ด้วยความรู้สึกผิดบาปที่ทำร้ายพวกเธอ
แม้ว่าบาดแผลบนร่างกายจะหายดีหมดแล้วก็ตาม แต่การได้เห็นทั้งสองคนก็ยังทำให้เขาหยุดเสียใจไม่ได้
ความผิดพลาดนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เป็นถึงสองครั้ง เป็นเรื่องดีที่ทุกคนรอดมาได้ แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์น่าสลด เขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร
ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าพวกเธอไม่ต้องการคำขอโทษจากโนโซมุ
「อ่า ขอบคุณนะทุกคน……」
โนโซมุขอบคุณเหล่าเพื่อนๆของเขาอย่างสุดหัวใจ และค่อยๆลูบผมของทั้งสองที่แนบอกเขาอย่างช้าๆ
ในใจของเขายังรู้สึกเจ็บและเกลียดชังตัวเอง โนโซมุรู้สึกถึงบางอย่างอันร้อนรุ่มมาจากในตัวเช่นกัน
ทันใดนั้นซอนเน่ที่มองสถานการณ์ตรงหน้าก็พูดขึ้น
「แน่ใจว่าเด็กคนนั้นมีหลายเรื่องอยากจะพูด แต่คืดว่าควรจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเธอก่อนนะ」
「อืม……」
หลังจากได้ยินคำพูดของซอนเน่ ทุกคนก็หันไปสนใจร่างของอาเซลที่ถูกพันธนาการไว้
ซอนเน่ก้าวไปข้างหน้าอาเซลและจ้องมองด้วยแววตาเย็นชา
โนโซมุและคนอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบเพราะเห็นวิญญาณมากมายหลั่งไหลออกมาจากตัวเธอ
「อาเซล เจ้าฝ่าฝืนเจตจำนงของเผ่ามังกร ข้ามมายังโลกมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทางเราได้ตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวข้องแวะ ทั้งอีกสร้างความวุ่นวายให้แก่หมู่มวลมนุษย์ นี่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่อาจจะนำพาไปสู่การล่มสลายของทุกเผ่า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกความเห็นของแต่ละฝ่าย ในนามของหัวหน้าและอดีตผู้นำของเผ่ามังกรขาว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าน่าขายหน้านัก」
「คุณปู่ ! ทำไมถึงไม่เข้าใจฉันเลย ! ? ยัยสารเลวนั่น….มันพรากพ่อ!」
「ข้าเข้าใจถึงอันตรายที่เด็กคนนี้ได้ผนึกมันเอาไว้ยิ่งกว่านั้นมันยังอันตรายมากกว่าตอนนั้นหลายขุมนักเพราะตกมาอยู่ของเจ้าเด็กคนนี้。
แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่เจ้าทำจะไม่มีวันได้รับอภัยโทษ」
อาเซลพยายามประท้วง แต่ซอนเน่ก็โบกแขนของเขาและพันธนาการก็รัดแน่นขึ้นไปอีก บังคับให้เธอเงียบ
รูปร่างหน้าตาของเขาดูสง่างามจนไม่คิดว่าเป็นตาแก่เฮงซวยบ้ากามคนนั้น
ซอนเน่ค่อยๆหันกลับมา ดวงตาที่ให้ถึงความรู้สึกเหมือนปราชญ์และความมมุ่งมั่นอันแรงกล้ามุ่งตรงไปยังโนโซมุและคนอื่นๆ
「ดีล่ะถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าทั้งหลายอยากจะทำอะไรกับแม่สาวน้อยคนนี้ กรณีที่คิดว่าพวกเจ้ากลายเป็นเหยื่อก็ไม่แปลกใจเลย พวกเจ้าล้วนมีสิทธิ์ในการตัดสินโทษอาเซล」
「โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าจะแปลกเลยล่ะหากได้รับโทษประหารชีวิตไปเลย」
「หึ ก็ฟังดูเข้าท่า แต่ว่าเรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น~」
เพื่อตอบคำถามของซอนเน่ มาร์และฟีโอหายใจออกตอบกลับด้วยความโมโห
ไอริส ลิซ่า และคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไรอย่างชัดเจน แต่พวกเธอต่างมองดูอาเซลที่ถูกควบคุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ช่วยรอสักครู่จะได้ไหม”
ในเวลานั้น เสียงอันสดชื่นดังก้องอยู่ในจิตใจของมาร์และเพื่อนๆของเขา
หากมองใกล้ๆจะเห็นว่าคริสตัลที่ซอนเน่ถืออยู่ในมือกำลังเปล่งแสง
「อะไรน่ะ คริสตัลเหรอ?」
“ชั้นจะไม่บอกให้พวกคุณยกโทษให้อาเซ, ไม่มีทางที่ชั้นจะพูดแบบนั้นได้เลย แต่ว่าชั้นเองก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนการครั้งนี้ ถ้าจะตัดสินโทษอาเซลลูกสาวของชั้น ก็ขอให้ตัดสินโทษชั้นด้วย”
เมื่อมาร์ถามมิคาเอลว่าใครพูด เขาก็พูดว่าให้ช่วยตัดสินโทษเขาด้วย
มาร์และฟีโอคิดว่ามิคาเอลอาจหวังว่าโทษของอาเซลจะถูกลดหย่อนลงด้วยการก่ออาชญากรรมร่วมกัน แต่ทุกคนต่างไม่รู้เจตนาที่แท้จริง
นอกจากนี้ยังเป็นคำถามที่ยากอีกด้วยว่าการลงโทษแบบใดจึงจะเหมาะสมกับมิคาเอล เนื่องจากมาร์และเพื่อนๆของเขาไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับมิคาเอลเลย
「หรือว่าข้าไม่ควรจะพูดมากเกินไป?」
เมื่อพิจารณาถึงขนาดนั้น มาร์ก็คิดว่าตัวเองไม่ควรยุ่ง
คนที่บอกให้ตัดสินใจคือซอนเน่ ที่บอกเกี่ยวกับสถานการณ์ขอให้ทำแต่เรื่องนี้มันมาจากความสัมพันธ์ระหว่างเผ่ามังกรและเทียแมตเท่านั้น
ในกรณีดังกล่าวจะเป็นการเหมาะสมที่สุดที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ตกเป็นของเจ้าทุกข์โดยตรง
「……ก็คงเป็นเช่นนั้น โนโซมุและแม่สาวผมแดงจะเอาเช่นไรล่ะ?」
「เอ๊ะ? ผม?」
「ผมสีแดงนี่หมายถึงฉัน?」
「คราวนี้เหยื่อตัวเป้งก็คือทั้งสองคนนี่ เจ้าโดนอาเซลทำร้ายจนปางตาย และเทียแมตที่ควบคุมตัวเองไม่ได้……」
หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ มากมาย มาร์ก็ตัดสินใจว่าจะดีกว่าสำหรับโนโซมุและลิซ่าที่จะตัดสินใจ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทิ้งการตัดสินโทษของอาเซลและมิคาเอลไว้ให้พวกเขา
โนโซมุมองดูเพื่อนคนอื่นๆเงียบๆและถามว่าพวกเขาควรทำอะไร แต่ดูเหมือนว่าไอริสและคนอื่นๆ จะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆเป็นพิเศษเช่นกัน
「ถึงจะว่าแบบนั้น……」
「คุณปู่ เผ่ามังกรขาวจะตัดสินเธออย่างไร?」
เมื่อเห็นโนโซมุกังวล ลิซ่าจึงถามซอนเน่คร่าวๆว่าเผ่ามังกรจะตัดสินการกระทำของอาเซลได้มากแค่ไหน
「ฉันไม่สามารถมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ ดังนั้นแม้ว่าอาเซลจะเป็นมังกรสาว ข้าเองก็ไม่สามารถตัดสินโทษประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม เผ่ามังกรเองก็มีจำนวนน้อย ถ้าเป็นไปได้ ฉันคิดว่ามันเหมาะสมที่จะตัดสินให้พวกเขาถูกผนึกพันปีเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก……」
「พันปี……」
「เมื่อถึงเวลานั้น ปรมาจารย์อาจจะไม่มีชีวิตอยู่?」
โนโซมุและลิซ่าอดไม่ได้ที่จะมองดูถึงความยาวในชีวิต พันปี
มันยาวนานมากแน่นอน เป็นความยาวนานที่โนโซมุและลิซ่าจินตนาการไม่ถึง
นอกจากนี้ โนโซมุยังรู้สึกโกรธที่อาเซลทำร้ายลิซ่า แต่เขาก็ทำร้ายเพื่อนๆของเขาหลังจากควบคุมตัวเองมไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะสงสัยทำอย่างไร
สำหรับลิซ่า เธอสับสนอยู่ตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าโนโซมุเป็นดราก้อน สเลเยอร์ ถูกบังคับให้ต่อสู้กับวิญญาณชั้นสูงในตำนานและได้รับบาดเจ็บสาหัสและต่อสู้กับโนโซมุที่ไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อมาถึงขีดจำกัดทางร่างกายและจิตใจแล้ว และพูดตามตรง ฉันไม่สามารถคิดอะไรได้เลย
「หลังจากนั้นแล้วล่ะ?」
「หากเป็นเช่นนั้นจะปล่อยให้ใช้ชีวิตตามปกติ เนื่องจากถูกฑัณฑ์บน อาจจะลดกำลังลงเหลือเท่าหนูน้อยไปอีกประมาณ 2,000 ปี……」
ครั้งนี้เป็นเวลาสองพันปี โนโซมุและลิซ่าแทบจะลมจับเพราะอายุหลายพันปีและสัมผัสที่แตกต่างจากเผ่ามังกร
ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ข้างๆเขา มาร์เอียงศีรษะกับคำพูดของซอนเน่ก่อนหน้านี้
「หรือว่านี่คือมังกรวัยหนุ่มสาว?」
มาร์ไม่เคยเห็นมังกรวัยนี้ด้วยตาของตัวเองแต่ร่างของอาเซลยังมีขนาดเท่าบ้านสามชั้น
นอกจากนี้เวทมนตร์ประเภทต่างๆ ที่ยืมพลังของวิญญาณยังคุกคามมากกว่ามังกรแห่งความตายที่พวกเขาต่อสู้มาก่อน
มาร์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าของพลังดังกล่าวคือมังกรวัยหนุ่มสาว
ไอริสดูเหมือนจะเห็นด้วย ขณะที่เธอเอามือปิดปากแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
「จริงๆแล้วถ้าโนโซมุเอาจริงก็รั้งเขาไว้นี่ไง」
「ความแข็งแกร่งของเธอค่อนข้างเข้าขั้นวัยหนุ่มสาวเผ่ามังกร แต่เธอมีอายุเพียงประมาณ 700 ปี เท่านั้น นั่นคืออายุประมาณสิบสี่ปีในร่างมนุษย์」
「「หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!?」」
「อายุนน้อยกว่าพวกเรางั้นเหรอ!?」
โนโซมุและมาร์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาว่าอายุน้อยกว่าที่คาดไว้สำหรับมังกร และไอริสส่งเสียงตกใจออกมา
「อายุสิบสี่งั้นเหรอ……」
「อัตราการเติบโตของมังกรช้ากว่ามนุษย์มาก หลังจากมีชีวิตอยู่ได้ประมาณพันปีก็จะเข้าวัยผู้ใหญ่
เมื่อมาถึงจุดนั้น ร่างกายของเด็กผู้หญิงคนนี้กลับเติบโตอย่างรวดเร็วและความแข็งแกร่งของเธอก็เทียบได้พวกผู้ใหญ่ แต่เธอยังมีหนทางอีกยาวไกลในด้านควบคุมจิตใจ……」
อายุยัง 700 ปี อยู่เลย อายุช่วงจิตใจยังประมาณ 14 ปี
อย่างไรก็ตาม มีบางแง่มุมที่สมเหตุสมผล เช่น เธอออกจากหมู่บ้านเพียงลำพังเพื่อล้างแค้นศัตรูของพ่อ
「แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?」
ซอนเน่เรียกร้องให้โนโซมุตัดสินใจอีกครั้ง
โนโซมุสบตากับลิซ่าสั้นๆ
เป็นอีกครั้งที่เธอทิ้งการตัดสินใจไว้ที่โนโซมุ โบกมือและส่งสัญญาณให้เขาอย่างเงียบๆ
「ผม……」
คราวนี้โนโซมุเงยหน้าขึ้นต่อหน้ามังกรสาวที่มีอายุ 700 ปีและมีอายุทางจิตเท่ากับ 14 ซึ่งจ้องมองเขาด้วยสายตาที่แสดงความเกลียดชัง
————————————————————————————
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น โนโซมุและเพื่อนๆ กลับมาจากป่าและมุ่งหน้าไปยังสถาบันขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างทิวทัศน์ของเมือง นี่เป็นการแจ้งจิฮัดให้ทราบถึงเหตุการณ์ครั้งนี้
เมื่อมาถึงสถาบันจิฮัดกำลังรอโนโซมุและเพื่อนๆอยู่ที่ออฟฟิศอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ข้างๆยังมีอาจารย์อินด้าซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเขา เช่นเดียวกับอาจารย์อันริและอาจารย์นอร์น แล้วก็มีวิคเตอร์ หัวหน้าครอบครัวตระกูลฟรานซิส
พวกเขารู้อยู่แล้วถึงการบุกโจมตีในป่าของอาเซล ซอนเน่ได้ใช้เวทย์วิญญาณเพื่อแจ้งให้จิฮัดทราบถึงสถานการณ์
หลังจากได้ยินสถานการณ์เฉพาะเจาะจงจากโนโซมุและคนอื่นๆจิฮัดก็สั่งให้พวกเขาพักผ่อนและกระตุ้นให้พวกเขากลับบ้านในวันนี้
นี่เป็นเพราะรู้ว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยินจากซอนเน่ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก
บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของเขาได้รับการรักษาโดยซอนเน่ แต่ชุดสีขาวขาดรุ่งริ่งแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิฮัดรู้สึกถึงความรุนแรงของการสู้รบ
คนที่ดูหนักสุดก็คือวิคเตอร์ที่เห็นสภาพของลูกสาวสุดที่รักของเขา
เมื่อเขาเห็นผมยาวของไอริสซึ่งกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เขาก็โกรธมากจนรู้สึกเหมือนกับจิฮัดครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไอริสและคนอื่นๆก็ลาจากสถาบันไปสองสามวันและมารวมตัวกันที่บ้านพักของตระกูลฟรานซิส
ไอริสพูดคุยกับเพื่อนๆของเธอที่อาจรู้สึกเบื่อและเชิญมาที่บ้านของเธอ
อย่างไรก็ตาม โนโซมุก็ไม่เห็นที่ไหนเลยไอริสเชิญเขาตามธรรมชาติ แต่เขาปฏิเสธเพราะเขาบางอย่างต้องทำ
ในขณะนี้ สาวๆยกเว้นโนโซมุ มารวมตัวกันที่บ้านพักของฟรานซิส และ เพลิดเพลินกับการต้อนรับที่คนธรรมดาทั่วไปไม่เคยได้รับจากครอบครัวฟรานซิส
และแล้วในช่วงบ่าย หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วไอริสและคนอื่นๆก็เพลิดเพลินกับชาหลังอาหารค่ำที่ห้องแต่งหน้า (ปล.หากใครลืมว่าบ้านไอริสมีห้องแต่งหน้าเหมือนร้านเสริมสวย)
「ในท้ายที่สุด โนโซมุก็ทิ้งเด็กสาวจอมซนคนนั้นไว้ในมือของตาแก่เนี่ยนะ มันจะโอเคงั้นเหรอ~?」
ห้องแต่งหน้าที่รายล้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นสูง ทันใดนั้นฟีโอพึมพำเมื่อเขาเอื้อมมือไปหาขนมหวานคุณภาพสูงที่เสิร์ฟที่นั่น
「โนโซมุบอกว่าไม่เป็นไร มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราที่จะพูดอะไรใช่ไหม?」
มาร์ตอบสนองต่อความคิดเห็นของฟีอด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว และสงสัยว่าเขาควรจะพูดตอนนี้หรือไม่
ในเวลานั้น โนโซมุตัดสินอาเซล เขาเพียงมองดูอาเซลด้วยสีหน้าขมขื่น และในขณะที่กำหมัดแน่น เขาก็พูดกับซอนเน่ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา”
มันเป็นสีหน้าขมขื่นดูเหมือนจะผสมผสานระหว่างความโกรธ ความสำนึกผิด ความเสียใจ และอารมณ์อื่นๆอีกมากมาย
แม้ว่าโนโซมุจะอยู่ในตำแหน่งของเหยื่อในกรณีนี้ แต่เขาก็ทำผิดพลาดที่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำเขาทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
มาร์และเพื่อนๆ รู้สึกว่าการที่เขาหันดาบใส่เพื่อนไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่สองครั้ง จะต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่
「ไม่ ไม่ได้โทษโนโซมุหรอกนะ ยังไงก็ตาม เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับโนโซมุ?」
「อืม ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นนั้นอาจไม่ใช่ศูนย์」
「โนโซมุนี่แบกภาระมากมายไว้บนไหล่」
ทอมและมาร์แสดงหน้าลำบากใจ โดยกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของโนโซมุ โนโซมุมีนิัยชอบแบกภาระไว้บนหลังและยัดเรื่องราวใดๆในตัวไว้มากมาย ดังนั้นเขาจึงทำให้หลายฝ่ายต้องกังวล
ในขณะนั้น ซีน่ากำลังฟังเสียงของพวกเขาอยู่ข้างๆเธอก็ค่อยๆเปิดปากของเธอ
「ฉันคิดว่าโอเคในแง่นั้น」
「เข้าใจแล้วงั้นเหรอครับ?」
「ใช่อย่างใด แต่ว่าเข้าใจแล้วล่ะ……」
หลังจากดื่มชาแล้ว ซีน่าก็คืนถ้วยใส่จานรองแล้วใช้นิ้วที่อ่อนนุ่มแตะหน้าอกของเธอเบาๆ
เธออาจสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างในแบบของเธอผ่านเส้นทางวิญญาณ
「แต่เหตุการณ์นี้ค่อนข้างจะยาก」
「ครั้งนี้ด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นยังรู้สึกเมหือนอกจะแตกเลย」
มิมูรุเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ที่หรูหราสุดๆ แล้วยืดตัว และมาร์เองก็ถอนหายใจ
การโจมตีของอาเซลพร้อมกับตัวตนที่แท้จริงของซอนเน่มาด้วยการมีอยู่ของมิคาเอล และบาเรียผนึกมังกร และการที่โนโซมุอาละวาดด้วยความสามารถเหนือธรรมชาติ
เหตุการณ์ที่เกิดเรื่องต่างๆขึ้นและเรื่องต่างๆถูกเปิดเผย แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วยังมีบางส่วนที่ฉันยังจัดการไม่เสร็จสิ้น
「ชายชราคนนั้นบอกว่าเขาจะพาอาเซลไปด้วยและกลับไปที่หมู่บ้านมังกรขาว เขาบอกว่าจะกลับมาในอีกไม่กี่วัน……」
「เป็นไปได้ไหมที่จะกลับมาในเวลาใกล้ๆนี้?」
「เห็นได้ชัดว่าไม่มีปัญหาหากใช้ชีพจรมังกรเพื่อก้าวข้ามมิติ ตาแก่นั่นต้องโง่เง่าขนาดไหนเนี่ย……」
ปัจจุบันซอนเน่ออกจากอาร์คาซัมเพื่อนำอาเซลไปส่งที่หมู่บ้านมังกรขาว
ตามเรื่องราวที่นั่นไม่ใช่ที่มนุษย์จะไปได้ แต่สำหรับซอนเน่ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ที่จะไปกลับด้วยเวลาน้อยนิด
ตามที่เขาพูด “เหมือนกับล่องเรือไปเมืองถัดไป”
「เมื่อตาแก่บอกว่าจะตัดสินโทษหลานสาว เขาก็ดูน่ากลัวจริงๆนะ」
「แน่นอนว่ารู้สึกได้ถึงศักดิ์ศรีที่ทำให้ใจสั่นสะท้าน」
เมื่อซอนเน่จะลงโทษอาเซล เขาเต็มไปด้วยศักดิ์ศรีไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตน จนแม้แต่ไอริสและคนอื่นๆยังตกใจ
ซอนเน่พยักหน้าตอบรับคำขอของโนโซมุและบอกอาเซลว่าให้พาไปที่หมู่บ้านมังกรขาวและตัดสินกันที่นั่น จากนั้นก็โค้งคำนับโนโซมุและจากไป
ในที่สุดตอนที่ขอบคุณก็หายไปในพริบตา
「ในตอนท้าย คุณปู่ขอบคุณคุณโนโซมุด้วย ฉันคิดว่าเขาน่าจะกังวลเกี่ยวกับหลานของเขามากๆเลยค่ะ」
「เพราะแบบนั้นแหละน้าเลยโยนงานหินให้พวกเรา」
มาร์ค่อยๆหันไปทางด้านข้าง
ที่นั่นมีคริสตัลที่มีต่างหูทองอยู่ข้างในประดิษฐานอยู่ มิคาเอลคือคนที่พยายามผนึกโนโซมุพร้อมกับอาเซล
ขณะที่ซอนเน่พาอาเซลกลับหมู่บ้าน เขาก็ทิ้งมิคาเอลไว้ให้กับไอริส
ตามที่ซอนเน่กล่าว “ถ้าอยากจะชดใช้บาปของเจ้า ก็จงยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาซะ”
อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นั้นมิคาเอลยังคงเงียบ
「ไม่พูดอะไรเลยนะนับแต่ตอนนั้น?」
「อืม ต้องการให้ปกป้องลูกสาวของเขาจริงๆสินะ?」
มาร์บ่นด้วยท่าทางไม่พอใจ ขณะที่มิคาเอลยังคงเงียบไม่พูดอะไร
เบื้องหลังคำพูด เขาบอกเป็นนัยว่าวิธีชดใช้บาปคือการแก้สถานการณ์ในตอนนี้
อย่างไรก็ตามซีน่ายังส่ายหัวปฏิเสธคำพูดนั่น
「ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นเลย บางทีเขาอาจจะพูดไม่ได้มากกว่า」
「พูดไม่ได้เพราะเป็นเผ่ามังกร? ตอนนั้นก็เห็นคุยกันรู้เรื่องนี่?」
มาร์ถามกับซีน่าด้วยสีหน้าสงสัย
อันที่จริงมาร์และเพื่อนๆได้ยินคำพูดของมิคาเอลในป่า
「ไม่ใช่แบบนั้นหรอก บางทีอาจเป็นเพราะความสามารถในการพูดของอาเซลต่างหาก?」
「หมายความว่าไง?」
อย่างไรก็ตามคราาวนี้เป็นทิม่าที่ตอบคำถามของมาร์
มาร์ยังคงงงและซีน่าก็พูดอีกครั้ง
「ฉันคิดว่าตามที่ทิม่าซังพูด ตาแก่นั่นพูดว่ามิคาเอล “เกิดมาเพื่อปิดผนึกเท่านั้น” ไม่ใช่เหรอเพราะงั้นเขาไม่น่าจะมีความสามารถอื่นเหนือจากนี้」
「กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่สามารถพูดด้วยตัวเองได้?」
「ไม่ใช่แค่นั้น เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะคิดว่าเขาไม่มีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เกี่ยวข้องในการใช้ชีวิต」
จากข้อมูลของซีน่า มิคาเอลไม่สามารถมองเห็น ได้ยิน อะไรเลย เห็นได้ชัดว่าไม่มีประสาทสัมผัสทั้งห้า จึงไม่มีทางรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
และเขาคงอยู่ในสถานะนั้นมาหลายพันปีแล้ว
หลังจากพูดแบบนั้น ใบหน้าของซีน่าก็ดูเศร้าๆ
「เขาคงไม่มีความรู้สึกอีกแล้ว ความรู้สึกของลมที่กระทบแก้ม ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ เสียงของแม่น้ำ และความอบอุ่นจากคนรัก……」
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น มาร์ก็ตาเบิกกว้างและเงียบ จากนั้นก็ได้แต่แสดงความเจ็บปวดให้เห็น
「แต่ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนั้น……」
「ตามที่ได้ยินมา แม้ว่าเผ่ามังกรจะมีพลังมหาศาล แต่ดูเหมือนว่าจะเฉพาะมังกรที่โตเต็มวัย แต่หลังจากนั้นจะหยุดซึ่งการเติบโตอีก」
「เป็นงั้นเหรอ งั้นที่เวทย์ของอาเซลทรงพลังเป็นพิเศษและสามารถทำทุกอย่างได้ ก็คือเพราะอยู่ในวัยกำลังโต?」
「นั่นเป็นเพราะว่าเผ่ามังกรไม่ได้เข้าไปข้องแวะกับวิญญาณและภูติโดยตรง บทบาทของภูติคือการแก้ไขปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ และบทบาทของมังกรคือการมอบพลังและคำสั่งที่จำเป็นในการสร้างเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมา」
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มังกรเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ และดูเหมือนจะเป็นภูติที่ใช้ประโยชน์จากถังเก็บน้ำนั่น
มันเป็นเวทย์ที่ฝากให้คนอื่นใช้งานได้
「และเพราะเหตุนั้นเขาจึงใช้วิญญาณของเขากลายเป็นคริสตัล เพื่อผนึกเทียแมต」
「เขาใช้ลูกสาวของเขาเองเพื่อจุดประสงค์นั้นงั้นเหรอ……」
คราวนี้มาร์หันกลับไปด้วยราวกับมองบางอย่างที่ดูขยะแขยง
ในฐานะคนที่เคยถูกทอดทิ้ง เขาอาจจะโกรธมิคาเอลเช่นเดียวกับพ่อแท้ๆของเขา
「ไม่ กรณีนั้นน่าจะต่างออกไปนะ」
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของเขาโดนปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
「พ่อ」
「ไอริสจัง โซเมียจัง ขอโทษนะที่พ่อช่วยอะไรไม่ได้เลยตอนที่พวกลูกกำลังลำบาก」
ผู้ที่เข้ามาในห้องแต่งหน้าคือวิคเตอร์หัวหน้าตระกูลฟรานซิส
เขาเดินไปหาลูกสาวด้วยสีหน้ากังวลและลูบหัวพวกเธอด้วยมือทั้งสองข้าง
ใบหน้าของไอริสเต็มไปด้วยความเขินอายขณะที่พ่อของเธอลูบหัวเธอต่อหน้าคนอื่นๆ
「เอ่อ คือ ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ พวกเราสบายดี」
「แล้วที่ว่าต่างออกไปคืออะไรงั้นเหรอหะ」
「มาร์คุง……」
ดูเหมือนทิม่าจะตื่นตระหนกกับคำพูดสุดกร่างของมาร์และพยายามจะหยุดเขา
วิคเตอร์ยกมือขึ้นและยิ้มออกมา จากนั้นจึงมองไปยังพวกสาวๆที่อยู่ข้างๆ
「เขาทำอะไรด้วยตัวเองไม่หรอกนะ ดังนั้นจึบได้แต่ปลอบลูกสาวของตัวเอง
ในฐานะพ่อ สิ่งที่หน้าหงุดหงิดคือไม่สามารถทำอะไรได้ในขณะที่ลูกต้องการความช่วยเหลือไงล่ะ」
วิคเตอร์เริ่มลูบหัวลูกสาวเขาอีกครั้ง
ไอริสนั้นเขินอายและตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ ก็ยอมให้เขาลูบแต่โดยดี
「บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่หยุดมันด้วยซ้ำ? แต่ว่าเขาไม่สามารถหยุดได้ด้วยตัวเอง เพราะทำอะไรไม่ได้หากไม่มีลูกสาว……」
แม้ว่าต้องการจะปกป้องลูกสาวแต่ก็ทำไม่ได้
ไม่ว่าจะปลอบประโลมได้มากแค่ไหน หรือจะเล่นด้วยกัน สร้างความทรงจำร่วมกัน หรือจะร้องไห้ด้วยกัน เขายังทำไม่ได้เลย
「เขาต้องทุกข์ทนทรมานแค่ไหนกับการที่ทำอะไรไม่ได้ภายใต้ร่างนั้น?
สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือการผนึกเทียแมตเท่านั้น เพราะสละวิญญาณเพื่อหน้าที่นั้นไม่ใช่เหรอ?
เขาพยายามปกป้องลูกสาวสุดที่รัก แม้จะทำอะไรไม่ได้ด้วยการให้ลูกสาวยืมพลังของเขาในการผนึกเทียแมต แล้วมีเพียงแค่ลูกเท่านั้นที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนเป็นพ่อได้ไม่ใช่เหรอไง?」
แน่นอนว่าไม่ใช่เหตุผลเดียว
มิคาเอลอยู่ในร่างนี้มานานก่อนอาเซลจะเกิด
หากมิคาเอลที่กลายเป็นคริสตัลตั้งแต่แรก เขาคงมีความมุ่งมั่นเต็มที่เพื่อจะผนึกเทียแมต
ความมุ่นมั่นที่จะทำเพื่อลูกสาวไม่ต้องเจอเรื่องน่าเศร้า อยากจะสะสางเรื่องราวในอดีตด้วยตัวเองแต่กลับทำไม่ได้
ไม่ยากเลยที่มิคาเอลกลายเป็นแบบนี้เพราะการขัดแย้งครั้งใหญ่ในตอนนั้น
「กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาทรยศเพื่อนตัวเอง ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ถึงสองครั้งด้วยกัน」
「เอ่อดูรู้ลึกจังเลยนะเกี่ยวกับมังกรตัวนี้ มีความสัมพันธ์กันยังไงเหรอ แล้วรู้เรื่องมังกรที่กลายเป็นคริสตัลมากแค่ไหน?」
「อืม ก็รู้เยอะแต่ไม่ค่อยอยากยุ่งสักเท่าไร」
ขณะที่พูดแบบนั้น มาร์ก็คว้าถ้วยที่มีชาอย่างเกร็งๆ
ถ้าวิคเตอร์พล่ามออกมาขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจถึงวิธีการของมิคาเอล ตัวเขาเองก็มีประสบการณ์ต้องสาปแช่งตัวเองที่ไร้พลัง
เมื่อตระหนักได้ว่ามีบางอย่างเหมือนกับมิคาเอล มาร์จึงดื่มชาที่เหลือในถ้วยของเขาในอึกเดียว พยายามระงับความรู้สึกขมขื่นที่ผุดในใจ
ชาเย็นบรรเทาความโกรธของเขาได้ แต่ว่ามาร์เองก็ไม่อยากจะมองหน้ามิคาเอลมากนัก
「แต่ว่าแค่ปิดผนึกร่างของเทียแมตจึงต้องกลายเป็นคริสตัล……」
「ก็ไม่รู้ว่ามีแผลใจอะไรหรอก แต่อย่างน้อยเมื่อเลือกเส้นทางไปแล้ว มันก็คงจะเป็นความสิ้นหวังและการลาจากที่ไม่มีวันลืมนั่นแหละ」
ทุกคนในปัจจุบันต่างหันความสนใจคริสตัลบนโต๊ะ
「โอ๊ะโนโซมุคุงไม่อยู่ที่นี่งั้นเหรอ เกิดอะไรขึ้น~」
ในที่สุดมิมูรุที่ทนไม่ไหวกับบรรยากาศเครียดๆพยายามเปลี่ยนหัวข้ออย่างจริงจัง
พูดตามตรง คำพูดนั้นกลายเป็นชนวนระเบิดในครั้งนี้
「มิมูรุจัง……」
「เธอนี่ทำบ้าอะไรเนี่ย ไม่อ่านบรรยากาศเลยเรอะ」
「เอ๊ะ เอ๊ะ หมายความว่าไงอะ?」
มิมูรุไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป เดินไปมา ดวงตามองโน่นนี่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เพื่อนที่เหลือของเธอ ต่างสังเกตเห็น และถอนหายใจกับท่าทางของมิมูรุ
「ถ้าลองนึกถึงคนที่ไม่อยู่ที่นี่ เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่อาเซลจะทำร้ายมิมูรุ เธอจำได้ไหมว่าเกิดอะไร?」
「อ๊ะ ไม่มีเจ้านั่นอยู่ รึว่า!?」
ในที่สุดมิมูรุก็สังเกตเห็นและเหงื่อเย็นๆไหลอาบแก้ม เธอหันไปมองหาไอริสและเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอซีน่า
ซีน่าดูเหมือนจะไม่สนใจ กำลังเพลิดเพลินกับชาที่สดใหม่
ในทางกลับกันไอริสที่กำลังนั่งเล่นผมของตัวเองด้วยท่าทางผ่อนคลาย
และในบางครั้งเธอก็มองไปนอกหน้าต่างทำสีหน้าซับซ้อนตรู่หนึ่ง จากนั้นก็เล่นผมของเธอและตื่นตระหนกขึ้นมา
「เอ่อ พี่สาวคะ?」
「เอ่อพี่เข้าใจดี ไม่ต้องห่วงหรอกนะโซเมีย」
ก่อนหน้านั้นไอริสพยายามอย่างหนักที่จะระงับอาการหึงหวงของเธอที่มีต่อลิซ่า แต่ตอนนี้เธอยังคงผ่อนคลายได้อยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามหากมองสีหน้าของเธอที่มองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเหมือนว่าเธอจะยังคงหึงหวงชายคนที่รักอยู่
ท่าทางของไอริสเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เธอดูเหมือนกับลูกสุนัขตัวน้อย ที่อารมณ์เปลี่ยนไปมาได้ตลอด
มาร์ ทิม่า ฟีโอ มองหน้ากันแล้วพูดออกมา
「เอ่อบรรยากาศของไอริสดูแปลกๆนะ?」
「เอ่อเพราะนั่นไม่ใช่เหรอ ผมขาวๆนั่น เดาว่าเพราะตอนนั้นเพื่อช่วยโนโซมุคุง ดูเหมือนจะยังคงไฟท์กับลิซ่าอยู่……」
「หญิงสาวที่กำลังมีความรักล่ะฮู้ววววววววว~」
เส้นเลือดผุดบนหน้าของวิคเตอร์เมื่อได้ยินเช่นนั้น
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจบัดนี้กลับมืดมนอย่างน่าประหลาด และมุมปากเริ่มกระตุก
「อะ เอ่อ ไอริสดิน่า ผมนั่นไม่เป็นไรใช่ไหม?」
「อื้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพ่อ หมอบอกว่าไม่มีปัญหาด้านสุขภาพ แค่เสียเม็ดสีผมไปชั่วคราว แต่ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไร……」
ตรงกันข้ามกับน้ำเสียงผิดหวัง สีหน้าของไอริสดูมีความสุข
เธอหวีผมขาวของเธออย่างอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งรักของเธอ ขณะที่แก้มแดง
「อ๊ากกกกกกーーーーーーーーーーー! ลูกสาวชั้นเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย! ไอ้หนูนั่น ดันเอาของล้ำค่า(ใจ)ของลูกสาวชั้นไปแล้วงั้นเรอะ ปัดโถ่วเว้ย!」
ขณะที่พ่อผู้ยิ่งใหญ่ทรุดตัวลง ขณะตะโกนก้องด่าโนโซมุ เขาก็จับมือและดันขึ้นมา ด้วยความเสียใจเขากระทืบพื้นไม่หยุด
ทุกคนเบิกตากว้างเมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆของวิคเตอร์
「เอ่อเป็นอะไรไหมคะคุณพ่อ?」
「แน่นอน ว่าเธอเป็นที่หนึ่งใช่ไหม……」
「นี่ พ่อ หยุดสร้างความเข้าใจผิดได้แล้วนะคะ!」
มิมูรุยิ้มให้กับคำถามอันไร้เดียงสาของโซเมียและพยายามปลูกฝังความรู้ที่ไม่จำเป็นให้กับเธอ ขณะที่ไอริสพยายามหยุดพฤติกรรมแปลกๆของพ่อเธอ
ในขณะเดียวกันคนอื่นๆที่เฝ้ามองต่างเบิกตากว้าง
「ทรงผมนี่มันคือชีวิตของผู้หญิง และมันเป็นของสำคัญมากเลยไม่ใช่เหรอไง?」
「เข้าใจผิดแล้ว….. เอ่อจินตนาการอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?」
「หือ? ไม่เห็นต้องคิดให้ยากเลยเรื่องชู้สาวไง คิดว่าจะปกปิดได้งั้นเหรอ โนโซมุก็ต้องอยากมีหลายๆคนอยู่แล้วปะ?」
มาร์ ทิม่า และฟีโอเริ่มคุยกันอย่างลับๆ
เมื่อมาร์เหลือบมองซีน่า เธอก็ยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ดื่มช้าและหน้าแดงแปร๋ด
เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจินตนาการเกี่ยวกับคำพูดแปลกๆของฟีโอก่อนหน้านี้ สำหรับเธอที่ไม่มีประสบการณ์แล้ว
จากนั้น ทอม มิมูรุ และโซเมียก็เข้ามาพูดคุยด้วย
「เอ่อพี่เองก็จะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลด้วยค่ะ แล้วแบบนี้ฝ่ายชายจะต้องรับผิดชอบยังไงดีคะ?」
「ถ้าผู้ชายต้องรับผิดชอบก็ต้องแต่งงานสิ ! ใช่ไหมทอม!」
เมื่อพูดถึงความรับผิดชอบ แม่สาวหูแมวก็มีท่าทางเขินอายและมองคนรักของเธอ
มิมูรุเริ่มพูดคุยกับโซเมียอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้ชายควรรับผิดชอบฝ่ายหญิง
「โอ้ เอ่อ เป็นแบบนั้นเหรอคะ?」
「มันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!」
「เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงขนาดนี้ ตระกูลฟรานซิสคงหลุดไม่พ้นจากการบังคับใช้กำลัง มีสองทางเลือกให้เขาว่าจะยอมคว้านท้องตัวเองหรือโดนตัดหัวดี……」
「ขอโทษทีแบบนั้นมันฮาราคิรีไม่ใช่รึ……」
อย่างไรก็ตามดูเหมือนจะมีความคิดที่แตกต่างระหว่างมิมูรุและวิคเตอร์ ในแง่ของวิธีรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม เลือกทางไหนก็มีแต่ตายไม่ใช่เรอะ
「คุณพ่อใจเย็นๆนะคะ!」
ครู่ต่อมาใบหน้าของไอริสที่ย้อมเป็นสีแดงสด และหมัดของเธอก็จมเข้าไปในแก้มของวิคเตอร์
การปล่อยหมัดตรงของเธอทำให้ทุกคนต้องตะลึงและมันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อว่ามาจากแขนของผู้หญิง
วิคเตอร์ปลิวออกหน้าต่างไปและตกจากคฤหาสน์แล้วได้ยินเสียงดัง ตุ๊บ! เสียงกระแทกพื้นล่ะ
ห้องแต่งหน้านี้อยู่ชั้นสามของบ้านพักตระกูลฟรานซิสโดยปกติแล้วน่าจะตายคาที่เลยนะ
「มีน่า มีน่าอยู่ไหน? เรื่องใหญ่แล้ว! รวมกำลังพลทั้งหมดมาให้ชั้นที!」
อย่างไรก็ตาม วิคเตอร์ยังคงไร้ซึ่งอาการใดๆแม้จะตกบ้านสามชั้น ตอนนี้เขารีบวิ่งไปหาเมดพร้อมกับตะโกนลั่นบ้าน
แม้ว่าจะตกจากชั้นสาม แต่ทำไมไม่เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย
「วันนี้ชั้นเข้าใจแล้ว ศัตรูที่แท้จริงของบ้านเราไม่ใช่ตระกูลเฟบูรัน แต่เป็นนักเรียนจากสถาบันโซลมินาติ นามโนโซมุ เบลาตี้ รีบไปจับตัวมันมาเดี๋ยวนี้เลย!」
ด้วยสีหน้าโกรธแค้นวิคเตอร์เรียกเหล่าคนรับใช้ทั้งหมดของคฤหาสน์และดำเนินการแผนทำลายล้างโนโซมุที่กลางสวน โดยบอกว่าโนโซมุเป็นภัยคุกคามมากยิ่งกว่าศัตรูทางการเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น หากมีคนไม่พอก็บอกให้พวกที่เกี่ยวข้องอย่าง พวกทหารรักษาความปลอดภัย และหน่วยลาดตระเวน แม้กระทั่งจิฮัด มาร์และคนอื่นๆต่างหน้าเหวอกันหมด
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหลังจากนั้น
ด้วยความสามารถสุดพิสดารของวิคเตอร์ไม่เพียงแต่คนรับใช้ในคฤหาสน์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับอาร์คาซัม ทั้งหมดเพราะโนโซมุดันมาชิงของสำคัญของลูกสาวตัวเอง ไอริสยิ่งเห็นพ่อตัวเองทำแบบนี้เธอยิ่งหน้าแดงขึ้นไปอีกและอดไม่ได้ที่จะวีนใส่พ่อด้วยการลงไปซัดกับพ่อตัวเอง
ไอริสชักดาบบางๆออกมาด้วยความอายและโกรธ ส่วนวิคเตอร์ผู้ซึ่งแสดงความรักอันสุดซึ้งต่อลูกสาวก็จับดาบด้วยมือเปล่า
เมื่อพ่อที่หวงลูกสาวมากๆ พยายามกอดไอริสและพยายามห้ามเธอเอาไว้ ไอริสก็แสดงสีหน้ารังเกียจและเตะยอดหน้าพ่อเธอแล้ววิ่งหนีไป ความโกลาหลยังคงดำเนินต่อ
และนอกเหนือจากความวุ่นวายมีน่าที่กำลังเร่งให้คนรับใช้เตรียมการทำความสะอาดอย่างใจเย็น
ในท้ายที่สุด หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น บ้านพักของตระกูลฟรานซิสเต็มไปด้วยเสียงระเบิดมากมายเหมือนเกิดจลาจลกลางเมืองพร้อมกับลูกสาวและพ่อของเธอที่นอนหมดแรงทั้งคู่
ป.ล. วันนี้แดดร้อนเกินไปคนแปลไม่สู้ครับ ใครจะไปนั่งแปลในห้องตัวเองที่ร้อนถึง 42 องศาไหวกันละเห้ย
ว่าจะลง 2 ตอนให้มันจบในวันนี้ดันกลายเป็น จบ พน. พร้อมขึ้น บท 8 เฉยเลย ไอ้บ้าเอ้ยยยยย