โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 128
ตอนที่ 128 – หญิงงามแห่งสุละ!
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
“มาดูซิว่าแกเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย, ถ้าแกเป็นตัวผู้, ชั้นจะหาม้าตัวเมียมาให้ทีหลัง, กองทัพยูนิคอร์นของชั้นขึ้นอยู่กับแกแล้ว!!”
ความรู้สึกตื่นเต้นและกําลังใจผุดขึ้นมาในใจของเย่เทียน จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านหลังของเจ้ายูนิคอร์นแล้วยกหางมันขึ้น
พึ่บบบ!
เจ้ายูนิคอร์นดูท่าจะกลัวจึงยกเท้าทีบใส่เย่เทียน
“เชี่ยแล้ว!”
เย่เทียนเกิดอาการกลัวจึงยกแขนขึ้นมาบังแต่พละกําลังมหาศาลก็ทําให้เขาสะเทือนไปทั่วตัว แล้วกระเด็นถอยไป
“ครืดคราดๆๆ..”
เท้าของเย่เทียนไถลไปกับพื้นก่อนที่เขาจะยืนแบบปกติได้เหมือนเดิมและทั่วทั้งแขนเขาก็ชาไปหมด. ถ้าเป็นคนอื่นถูกถีบล่ะก็ คงจะมีรูที่ตัวไปแล้ว
“เจ้าม้าแสนสวย, แรงเยอะจังนะ…”
เย่เทียนอยากจะหัวเราะและร้องไห้ออกมาพร้อมกัน แต่ในตอนนั้นเขาก็ต้องยอมรับอย่างน่าเสียดายว่าเจ้าม้าตัวนี้เป็นตัวเมีย
ถึงแม้ความเร็วในการตอบสนองของยูนิคอร์นจะเร็ว แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นของลับของมันทัน.
“ถึงจะไม่ใช่ตัวผู้ก็ช่างมันเถอะ, ยูนิคอร์นตัวเมียที่แข็งแกร่งและยิ่งยโสแบบนี้จะยอมรับม้าตัวผู้ธรรมดารีปาวนะ?”
เย่เทียนยิ้มอย่างขมขื่น, นอกจากสายเลือดที่สูงส่งและแข็งแรงของยูนิคอร์นแล้ว ออร่าของมันยังน่ากลัวกว่าสิงโตด้วย, เขาเกรงว่าแม้แต่ม้าตัวผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกคงไม่กล้าเข้าใกล้มันแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายูนิคอร์นตัวนี้ยังโตไม่เต็มวัยด้วย เมื่อมันโตเต็มวัยแล้วมันคงจะตัวใหญ่ขึ้น และน่าเกรงขามกว่าเดิมแน่
ช่างมันเถอะ, เจ้ายูนิคอร์นตัวนี้จะต้องกลายเป็นม้าพิเศษสําหรับสุดยอดจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดของโรมันในอนาคต!
แผนกองทัพม้ายูนิคอร์นพังลงเย่เทียนจึงรีบปัดความคิดนั้นทิ้งแล้วคิดในแง่บวกเข้าไว้
ในอนาคตเขาจะต้องครอบครองทั้งสาธารณะรัฐโรมัน, ทั่วทั้งเมดิเตอเรเนี่ยนแล้วก็ทั่วทั้งโลกเลย, สัตว์ที่เขาจะขี่จะต้องพิเศษและน่าพิศวง
หรือว่ายูนิคอร์นทุกตัวจะเป็นตัวเมียนะ? ถ้ามีตัวผู้มันก็คงจะไปออกลูกกับม้าธรรมดาแน่ แต่ทําไมยูนิคอร์นถึงมีน้อยนัก? ด้วยความแข็งแกร่งของยูนิคอร์น ม้าทั่วๆไปคงไม่กล้าปฏิเสธแน่ และ ลูกที่ออกมาจะต้องมียีนของยูนิคอร์นเด่นกว่าแน่นอน แต่ถ้าเป็นตัวเมีย, พวกม้าตัวผู้คงไม่กล้าเข้าใกล้, แล้วพวกมันสืบพันธุ์กันยังไงนะ? ถ้าพวกมันไม่สืบพันธุ์แล้วทําไมถึงมีข่าวยูนิคอร์นโผล่ออกมาตลอด?
ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ตาของเย่เทียนก็มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด
“ไปเลย!!”
พอคิดไม่ออกเย่เทียนก็ไม่อยากคิดอีกต่อไป ถึงยังไงเป้าหมายของเขาก็ไม่ได้จะไปเป็นนักวิทยาศาสตร์นี่นะ
เย่เทียนตะโกนเบาๆ เจ้ายูนิคอร์นก็กระทุ่งกีบแล้วทะยานไปในความมืด, ความเร็วถึงขีดสุดจนเหมือนกับรถสปอร์ทเลย.
เย่เทียนไม่จําเป็นต้องชี้ทางเลย. เจ้ายูนิคอร์นมีความจําที่ดีมาก มันจําได้ว่าทางกลับบ้านเย่เทียนไปทางไหน
แม้แต่ม้าแก่ๆยังรู้ทางเจ้ายูนิคอร์นเองก็ต้องจําได้เช่นกัน
เมื่อเย่เทียนกลับบ้านมา ตอนนั้นก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว, เขาเอาเจ้ายูนิคอร์นไปเก็บที่คอก แล้วเดินที่ห้องเขาเพื่อหาไดอาน่าและคนอื่นๆแล้วก็เข้านอนด้วยกัน
เหมืองเหล็กของฟิลิปนั้นไม่ได้อยู่ในโรมแน่ แต่เป็นพื้นที่ในเขตหุบเขาไกลๆจากโรม.
ตามคําสั่งของเย่เทียนแล้ว ฟิลิปจะต้องออกเดินทางกับทาสนับพันตอนกลางคืน
ในช่วงเวลานี้ เมืองโรมนั้นยังมีกําแพงอยู่ ตามประวัติศาสตร์แล้วพอถึงหมดยุคสมัยของสาธารณะรัฐโรมัน ซีซาร์จะทลายกําแพงรอบเมืองลง. เขามีความคิดว่าแนวป้องกันของสาธารณะรัฐโรมันควรอยู่ที่ชายแดนของประเทศไม่ใช่ที่เมืองหลวง
ต้องยอมรับเลยว่าซีซาร์นั้นเป็นคนที่มีความกล้าหาญและความคิดของเขาก็ทันสมัยอีกด้วย
คําสั่งของเย่เทียนนั้นทําให้ฟิลิปรู้สึกแหม่งๆมาก, ถ้าเขาจะไปขุดเหมืองแบบลับๆ ทําไมจะต้องพาทาสจํานวนมากออกจากโรมพร้อมๆกันด้วยแทนที่จะไปที่ละกลุ่มแทน, แบบนี้ก็ถูกคนอื่นรู้ได้ง่ายๆเลยน่ะสิ. การทําแบบนี้กับขุดเหมืองแบบปกติมันต่างกันยังไง?
แต่ถ้าเขาอยากขุดเหมืองแบบโจ่งแจ้ง แล้วทําไมต้องให้ไปตอนกลางคืนด้วย?
แน่นอนเย่เทียนมีเหตุผลที่ต้องทําแบบนี้แน่
ทาสมากกว่าพันคนออกไปนองเมืองพร้อมๆกันนั้นก็เพื่อให้ตระกูลสุละรู้, ส่วนการที่ให้เดินทางตอนกลางคืนนั้นก็เพื่อให้นักรบสปาต้นตามไปได้ง่ายๆ
เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้พวกทาสหลบหนีระหว่างทาง พวกมันจึงต้องถูกล่ามโซ่ไว้ที่เท้า
นักรบสปาตนเองก็ต้องถูกล่ามไว้เช่นกัน แต่พวกเขามีมีดซ่อนไว้กับตัวอยู่, และถ้าเทียบกับพวกทาสนักขุดเหมืองนั่นแล้ว ขนาดตัวของพวกเขาก็นึกขึ้นเกินไป ต่อให้ปะปนอยู่ในฝูงก็ตามพวกเขาก็ยังดูเตะตาอยู่ดี
ถ้าพวกทาสหนีไปตอนกลางวัน พวกมันคงเป็นจุดสนใจคนอื่นๆแน่
พวกสายลับไงล่ะ, เย่เทียนคิดเสมอว่ามีพวกสายลับของตระกูลใหญ่ๆซ่อนอยู่ทั่วทั้งโรมเต็มไปหมด.
“เวรเอ้ย, พวกแกรีบๆเดินเข้า, พวกแกทุกคนไม่ได้กินอะไรแน่จนกว่าจะเช้า…”
ฟิลิปเป็นคนรีบร้อนและลนลาน เขาไม่มีนิสัยทําอะไรช้าๆดังนั้นเขาจึงบ่นออกมา
เขานอนอยู่บนเกี้ยวที่มีทาสสองคนแบกอยู่ (ผมไม่รู้จะใช้คําไหนมาแปลดีครับ เลยใช้คําว่า เกี้ยวแทน) พร้อมหวดแส้เบาๆในมือขู่พวกทาสไป.
พอมองดูพวกทาสเหล่านั้น เหล่าสปาต้นตัวใหญ่ก็เดินหน้าไปตามปกติพร้อมสีหน้าที่ไม่แยแส
ในเช้าตรู่วันต่อมาหลังจากได้ยินข่าวแล้ว มาร์โคเนียก็รีบไปที่ห้องนอนทันที
“ท่านแม่ครับ”
มาโคเนียผลักประตูเข้าไปแล้วตะโกนอย่างดังจากนั้นสายตาของเขารุ่มร้อนขึ้นมาแต่ก็ต้องรีบปรามไว้ทันที
ด้านหน้าของเขานั้นมีสตริงามหนึ่งคนที่เพิ่งตื่นนอน นางนั่งอยู่บนปลายเตียงในชุดนอนที่สวยงามมาก. ผมของเธอค่อนข้างยุ่งเหยิง, ใบหน้าของเธอดูค่อนข้างเพลียแต่ก็ดูงดงามนัก.
“มาโคเนีย, แม่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้เคาะประตูก่อนเข้าห้องมาน่ะ?”
สตรีงามผู้นั้นพูดด้วยความหน่าย แต่เสียงของนางก็อ่อนโยนมาก
“ขออภัยครับ ท่านแม่…”
มาโคเนียรีบกล่างขอโทษพร้อมกับความกลัวที่ผุดขึ้นมาในดวงตัวของเขา จากนั้นก็ก้าวออกห้องไปแล้วปิดประตู
เฮ้อ. อ้าววววว..
สตรีงามผู้นั้นหาวออกมาแล้วบิดเอว รูปร่างที่งดงามของเธอชัดเจนมาก มันดูราวกับว่าจะดึงดูดสายตาของผู้ชายทั้งโลกได้เลย
จากนั้นนางก็แต่งตัวให้เรียบร้อยและดูสง่า
“เกิดอะไรขึ้น, ทําไมเจ้าดูลนลานนัก?”
พอเปิดประตูออกมาสาวงามนั้นก็ถามมาโคเนียด้วยน้ําเสียงที่ดูไม่พอใจหน่อยๆ
“ข้าได้รับรายงานมาครับ. เมื่อคืนนี้เจ้าบ้าฟิลิปนั้นพาทาสเกือบพันออกไปนอกเมือง ถ้าลูกเดาไม่ผิดล่ะก็มันคงออกไปขุดเหมือนเหล็กของเราแน่!”
มาโคเนียคิดถึงเรื่องนั้นแล้วกล่าวอย่างลุกลี้ลุกลน.