โรมโบราณ: จากนายทาสสู่มหาจักรพรรดิ์ - ตอนที่ 132
ตอนที่ 132 – เดิมพันม้า
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
เย่เทียนหันไปตามเสียงนั้นแล้วก็เห็นเด็กหนุ่มชั้นสูงคนหนึ่งอายุราวๆ16ปี. ชุดที่เขาใส่ดูหรูหรามากสําหรับยุคนี้ เขาตัวไม่สูงเลย, ประมาณ160เซ็นได้ เขาจ้องมาที่เย่เทียนด้วยสายตายั่วยุ ความรู้สึกอิจฉาตาร้อนฟังเต็มไปหมด
“เจ้านั่นใครรึ?”
เย่เทียนยิ้มและดูไม่ใส่ใจมากนักจึงหันไปถามปอมปิย์
“อาสการ่านะ, ท่านจะเรียกเขาว่าเจ้าหนูสกิปิโอ้ก็ได้. เขามาจากตระกูลสกิมิโอ้อันโด่งดัง บรรพบุรุษของเขาคือ “ผู้พิชิตแอฟริกัน” สกิปโอ้ยังไงล่ะ! ในบันทึกโบราณกล่าวว่าสกิปโอ้คือหนึ่งในสายเลือดที่สูงสุดที่สุดของสาธารณะรัฐโรมันเลย!”
ปอมปิย์อธิบายอย่างยิ่งใหญ่
“ผู้พิชิตแอฟริกัน- สกิบิโอ้, ข้ารู้จักเขาและข้าก็ยกย่องเขามาก. ถ้าไม่มีเขาบางทีพวกเราอาจจะไม่มีอํานาจและความรุ่งโรจน์เช่นทุกวันนี้ก็ได้ เขาเป็นลูกน้องเจ้ารึป่าว เจ้าหนูสกิปิโอ้นะ? ถ้าใช่มันก็คงไม่มีอะไรน่าอายหรอก. ข้าไม่รู้ว่าท่านสกิมิโอ้ผู้ยิ่งใหญ่จะรู้สึกยังไงถ้าได้ยินแบบนี้ล่ะนะ ถ้าเป็นข้า ข้าคงโกรธมากถึงขนาดทุบฝาโลงศพออกมาจากความตายแล้วบีบคอเจ้าแน่”
(ท่อนนี้ eng แปลมาแม่งโคตรงงเลย ผมพยายามเต็มที่แล้วครับ)
เย่เทียนยิ้มแล้วกล่าว
“เจ้า…”
อาสการ่าเดือดดาลขึ้นมาทันที เขาชี้นิ้วไปทางเย่เทียนแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“ยุคสมัยเปลี่ยน, ทุกอย่างเปลี่ยน อย่าโมโหไปเลยน่า, ข้าก็แค่พูดไปงั้นเอง. ก็เจ้าถูกเรียกว่า เจ้าหนูสกิบิโอ้นี่นะ เจ้าควรจะมีศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษเจ้าบ้างและก็ควรจะเข้าใจสถานะตัวเองด้วย. เจ้าควรคิดว่าปอมปิย์เป็นคู่แข่งไม่ใช่เป็นลูกพี่, เข้าใจมั้ย?”
เย่เทียนยิ้มพร้อมพยายามยั่วทั้งสองให้แตกหักกัน
“เจ้านี่มัน…”
ปอมปิย์ห้ามตัวเองไว้ เพราะจําเรื่องก่อนหน้านี้ได้ จนเขาแทบจะคลื่นไส้
“จะว่าไปแล้วเจ้าหนูนั่นไปไหนล่ะ, มาโคเนียน่ะ? ข้านึกว่าพวกเจ้าจะอยู่ด้วยกันตลอดซะอีก พวกเจ้าเลิกกันแล้วหรอ?”
พอมองไปที่กลุ่มวัยรุ่น เย่เทียนจึงอดถามไม่ได้เพราะเขาหาตัวมาโคเนียไม่เจอเลย, เขาคิดในใจว่าตระกูลสุละคงไม่เคลื่อนไหวเร็วแน่
“เขามีบางอย่างต้องไปทํา…”
ปอมปิย์พูดแล้วอยากตบปากตัวเอง, ทําไมเขาต้องไปตอบคําถามเจ้าบ้านด้วย เขาเลยปิดปากแล้วเงียบไป.
จู่ๆทุกอย่างก็เงียบขึ้นมา พวกวัยรุ่นมองมาทางเย่เทียนด้วยสายตาอิจฉาเล็กน้อยเพราะเขาดูเด่นเกินไป.
เย่เทียนไม่เพียงแค่เด่นและหล่อเหลาเท่านั้น แต่ทั้งสูงและกํายําอีกด้วย พวกวัยรุ่นรู้สึกว่าตัวเองดูเหมือนเด็กไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“เดิมพันม้าป่ะ? ข้าสงสัยจริงว่าข้ามีสิทธิ์พอจะร่วมได้หรือไม่?”
เย่เทียนกล่าวพร้อมยิ้ม
“ซาตาน, ถ้าจะเดิมพันม้าล่ะก็ไม่ใช่แค่ลมปากเท่านั้นนะ! ถ้าจะร่วม นอกจากเจ้าต้องขี่ม้าเก่งแล้วเจ้าก็ต้องมีม้าดีๆด้วย!”
อาสการ่ากล่าว เมื่อตะกี้นี้เขาถูกเย่เทียนสอนเข้าให้จึงอารมณ์ไม่ดีนัก
“เหอะเหอะ….บางทีข้าอาจจะทําให้ม้าวิ่งเร็วได้ด้วยลมปากก็ได้นะ?”
เย่เทียนยิ้มพร้อมทําสายตายียวน.
บางทีเขาอาจจะไม่ต้องให้สโนวไวท์มาแข่งกับม้าเด็กๆพวกนี้ก็ได้ เพราะยังไงเจ้ายูนิคอร์นมันก็น่ากลัวยิ่งกว่าจ้าวแห่งอาชาอยู่แล้ว แค่ให้มันคํารามจากในปาก็คงชนะได้เลยมั้ง
“พอซักที!”
รอบนี้นอกจากอาสการ่าและปอมปีย์แล้ว พวกวัยรุ่นคนอื่นๆทุกคนก็จ้องมาทางเย่เทียนด้วยสายตาขยะแขยง
“หรือจะมาแข่งด้วยกันล่ะแต่เราควรเปลี่ยนกติกา. ถ้าข้าชนะพวกเจ้าทุกคน พวกเจ้าทั้งหมดต้องเอาม้ามาให้ข้า!”
เย่เทียนเดิมไปทางม้าของเคซ่า, ลูบแผงคอของมันแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วถ้าเจ้าแพ้ล่ะ? เจ้าสาวเจ้ามีม้าแค่ตัวเดียว แต่พวกเรามีกันตั้งเยอะ”
อาสการ่ากล่าวด้วยความขยะแขยง
“แม้ข้าจะไม่มีม้ามากมายแต่ข้าสามารถชดเชยเงินที่เจ้าซื้อม้ามาได้ตามราคาที่ซื้อเลย!”
เย่เทียนยิ้มแล้วมองไปหาม้าสูงๆรอบๆ, สายตาของเขาดูชื่นชมพวกมันมาก. เขารู้ว่าพวกมันเป็นม้าที่ดี
“เจ้าไหวเหรอ?”
ความตื่นเต้นผุดขึ้นมาในสายตาของพวกวัยรุ่นผู้ดีนั้น
แม้ม้าของเคช่าจะดูงดงาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่เก่งเท่าของพวกนั้น, แถมมันยังต้องแบกเย่เทียนที่ตัวใหญ่ตลอดการแข่งด้วย
สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือกติกาที่เย่เทียนสร้างขึ้นมานั้น, เขาต้องชนะทุกคนพร้อมๆกัน แต่ถ้าพวกเขาคนใดคนหนึ่งชนะเย่เทียน พวกเขาก็จะชนะด้วยกันทั้งหมดเลย
ม้าของพวกเขาไม่ได้ถูกๆเลย พวกเขาใช้เงินซื้อมาเยอะมาก
อาจพูดได้เลยว่า ถ้าเย่เทียนแข่งกับพวกนี้จริงๆ มันก็เหมือนกับการเอาเงินไปโปรยเล่นนี่เอง
“ข้ามีพอที่จะจ่ายให้พวกเจ้าน่า, ถ้าเจ้าไม่เชื่อล่ะก็ลองถามท่านชายปอมปีย์ดูสิ!”
เย่เทียนยิ้มพร้อมพูดจา กระแนะกระแหน จากนั้นก็พูดว่า “ถ้าข้าแพ้จริงๆ ก็คิดซะว่าเงินนั่น เป็นของกํานันให้พวกเจ้าแล้วกัน มันก็แค่ขําๆน่า ข้าแค่อยากสนุกเอง…”
ฮึ่ม!
ปอมป์ย์ถอนหายใจเพราะเย่เทียนพูดเรื่องน่าอายในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว, ม้าของเคช่านั้นอ่อนกว่าของพวกเขามากๆ มันเป็นม้าที่เหมาะให้สตรีขี่แต่ไม่เหมาะที่จะแข่งกับพวกนั้นเลย
แล้วเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าเย่เทียนจะเล่นตุกติก แต่ก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเย่เทียนเจ้าปีศาจละโมบตัวนี้จะให้เงินพวกนั้นไปฟรีๆ
เขาไม่รู้เลยว่าเย่เทียนจะทําอะไร. เขาสูญเสียไปมากเพราะเย่เทียน เขาหวาดกลัวเย่เทียนมากๆ
“เจ้าจะใช้ม้าของเคช่าแข่งกับพวกเราจริงๆรึ?”
ปอมปีย์ถามด้วยน้ําเสียงจริงจัง เขาอยากจะเอาชนะเย่เทียนโดยเฉพาะโอกาสหายากแบบนี้ ต่อให้เขาพลาดเขาก็เสียแค่ม้าไปเท่านั้น ถึงยังไงเขาก็เสียทองตั้งไทาเลนตั้มให้เย่เทียนไปแล้ว เขาเลยไม่สนใจเรื่องม้ามากนัก
“ใช่! ถูกต้อง!”
เย่เทียนยิ้ม. เขาไม่ให้สโนวไวท์มาแข่งกับพวกนั้นแน่ เพราะถ้าสโนวไวท์ชนะพวกนี้ได้ง่ายเกินมันก็คงไม่สนุก
“เจ้าสัญญาได้มั้ยล่ะว่าจะไม่ทําร้ายใครระหว่างการแข่งขัน?”
ปอมปิย์ยังคงต้องถามเพื่อความปลอดภัย เพราะเขาได้เห็นพละกําลังอันน่ากลัวของเย่เทียนมาแล้ว
“ข้าว่าข้าควรกลัวมากกว่าว่าพวกเจ้าจะวางแผนทําร้ายข้ารึป่าว!”
เย่เทียนกล่าว
“ปอมปีย์, เจ้าจะแข่งกับเราหรือไม่? ถ้าไม่เจ้าก็ควรถอยไปซะ, อย่ามาทําให้เสียเวลา พวกเราอยากจะแข่งกับลอร์ดซาตานแล้ว…”
คนอื่นๆดูจริงจังมาก. พวกเขาเห็นปอมปีย์ถามเย่เทียนไปๆมาๆ จึงกลัวว่าเย่เทียนจะเปลี่ยนใจไม่แข่งกับพวกเขา แล้วใครจะให้เงินกันเล่า?