ในโลกของเกมที่ผู้ชายถูกกีดกัน สิ่งที่ผมต้องทำนั้นจึงมีเพียงอย่างเดียว (เกิดใหม่เป็นผู้ชายในโลกเกมยูริ) - ตอนที่ 11 ชายผู้อยากเข้าไปอยู่กลางวง
- Home
- ในโลกของเกมที่ผู้ชายถูกกีดกัน สิ่งที่ผมต้องทำนั้นจึงมีเพียงอย่างเดียว (เกิดใหม่เป็นผู้ชายในโลกเกมยูริ)
- ตอนที่ 11 ชายผู้อยากเข้าไปอยู่กลางวง
แขนขาขาวเนียนนุ่ม สวมเสื้อฮู้ดบาง ๆ กับกางเกงขาสั้น…
ผมสีทอที่สลวยอยู่เสมอของเธอนั้น ตอนนี้ถักเปียไว้เป็นโพนี่เทล ดวงตาสีเงินที่มองผ่านใต้หมวกเบสบอลนั้น แทบจะเจิดจ้าขึ้นทุกครั้งที่เธอกระพริบตาเลยล่ะ
ราวกับเป็นภาพ 2D ที่มาปรากฏขึ้นในโลกความจริงเลย
ผมของเธอพริ้วปลิวไหวเมื่อตอนที่ลมพัดมา แล้วทุกครั้งที่ลมพัดมา ก็จะเหมือนกับทรายทองที่ถูกพัดขึ้นไปบนอากาศเลย
“……”
แล้วสาวสวยคนนั้น ก็กำลังเกาะผมไว้แน่น
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้นุ่มนิ่มขนาดนั้นแฮะ…?
หน้าอกเล็ก ๆ ของเธอ แนบลงมาที่แขน แต่ถ้าโดนรู้ว่าคิดแบบนี้คงโดนเชือดทิ้งแหง ๆ
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเธอคือลาพิส คลูเอ ลา ลูเมต ยังไงล่ะ
เจ้าหญิงเพียงคนเดียวอัลฟ์ไฮม์ดินแดนแห่งเอล์ฟ…เธอเป็นเจ้าหญิงตัวจริงเสียงจริง ซึ่งปกติแล้วผู้ชายไม่ควรจะได้แตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องห้ามสำหรับผู้ชาย
ในตอนที่ยังเล่นอยูเอสโก้อยู่นั้น จะสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ได้ตอนเฉพาะที่เดินไปไหนมาไหนด้วยกันและทำเหมือนเป็นคู่รักเท่านั้น
เธอนั้นคือนางเอกของเกมยูริ
ในขณะที่ผมมันเป็นแค่ ผู้ชายสวะที่อยู่ท่ามกลางยูริ
ทั้งอย่างนั้น เรากลับกำลังเดินไปตามถนนหน้าสถานี้อย่างใกล้ชิดกัน
ความรู้สึกขัดแย้งนี่ ทำให้รู้สึกปวดท้องเลย ผมก็เลยหันไปกระซิบกับเธอที่อยู่ข้าง ๆ เบา ๆ
“…ลาพิส”
“เอ๊ะ อะไรเหรอ? อ๊ะ แล้วข้าวเที่ยงวันนี้จะเอายังไงดีล่ะ? มีอะไรที่อยากกินบ้างมั้ย? ฮิอิโระมีอาหารที่ชอบกินรึเปล่า?”
“ลิลลี่ล่ะมั้งนะ”
“นี่กินดอกไม้ด้วยเหรอ!?”
“ไม่สิ ไม่ใช่…เดี๋ยวก่อนนะ…ฉันสับสนไปหมดแล้ว…มันก็จริงอยู่ว่าตอนนี้มันใกล้ถึงมื้อกลางวันแล้ว แต่ก็ขอเคลียร์กับสถานการณ์ตอนนี้ก่อนได้รึเปล่า…?”
อยู่ใกล้กันซะจนแทบจะนับขนตาที่เรียวยาวนั้นของเธอได้เลย
ลาพิสที่เงยหน้ามองผมนั้น ใบหน้าของเธอสวยมากซะจนคิดว่าเป็นโมเดลสาวสวย 3D ที่ถูกสร้างขึ้นมาคมชัดระดับสูงที่สุดเลยทีเดียว
“ก็ได้อยู่หรอก”
“หลังฝึกนรกกับอาจารย์แล้ว ฉันก็ไปเจอเรื่องน่าเศร้าเรื่องนึงเข้าน่ะนะ ถ้าพูดแบบง่าย ๆ ก็คือตอนที่กำลังจะไปอาบน้ำ ก็ดันไปเห็นลาพิสเปลือยอยู่ ซึ่งมันเป็นอุบัติเหตุ ถึงจะไม่ดี แต่ก็ต้องบอกว่ามันคืออุบัติเหตุ เพราะงั้นจำเลยจึงสามารถขอลดหย่อนโทษได้นะครับ ใช่แล้วครับตามนั้นเลย”
“จ้า ๆ อุบัติเหตุจ้ะ อุบัติเหตุ ก็บอกแล้วนี่ ว่าไม่เป็นไรน่ะ”
“แต่ตอนที่เกิดเหตุ เธอก็ตัวแดงไปทั้งตัวแล้วก็ร้อง [ว้ายยยย!] พร้อมนั่งลงไปเลยนี่-“
“แล้วทำไมถึงอธิบายเหตุการณ์ได้ซะตรงเป๊ะเลยล่ะ”
ผมกระแอมเงียบ ๆ ในขณะที่ลาพิสกำลังหน้าแดง
“สำหรับเรื่องนั้นก็ขอโทษจริง ๆ นะ”
“อืม เพราะพวกเราก็อาศัยอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้แหละ และฉันก็เป็นฝ่ายที่อยากมาอยู่เองด้วย เพราะงั้นการที่ฮิอิโระจะสับสนบ้าง ฉันก็เข้าใจ เพราะงั้นฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก”
“แล้ว”
ผมมองไปที่ลาพิสที่กำลังโอบแขนของผม
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?”
“ก็บอกไปแล้วนี่นา”
ลาพิสเขย่าแขนของผม
“ปลอม~ตัว~ไง!”
พอเห็นลาพิสยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมก็ถอนหายใจออกมา
“…เดี๋ยวสิ นี่เธอน่ะ เข้าใจความหมายของคำว่าปลอมตัวบ้างรึเปล่าเนี่ย?”
“ก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วสิ ก็ใส่หมวกตามสูตรแล้วด้วย ชุดก็ดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไป แถมฉันยังเดินควงแขนกับผู้ชายอีก…ใครเห็นก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าฉันคือลาพิส คลูเอ ลา ลูเมตน่ะ คนดังมันก็มีปัญหาในแบบคนดังนั่นแหละนะ แค่เดินเล่นในเมืองก็ยังมีแต่คนเข้ามาคุยเลย บางคนแค่เจอกันครั้งแรกก็สารภาพรักเลยก็มี ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ”
ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
แต่ตอนที่ผมขอโทษที่เห็นร่างเปลือยของเธอนั้น
เธอก็ตอบกลับมาอย่างเรียบ ๆ เพียงแค่ว่า [‘งั้นก็ช่วยมาซื้อของด้วยกันหน่อยสิ] เอง
ถ้าเป็นตามปกติล่ะก็ ฮิอิโระคงได้สู่ขิตไปตรงนั้นในทันทีแล้วล่ะ
หน่วยเงาทั้ง 12 คนของเธอ ตอบสนองต่อเสียงร้องของลาพิส และรีบวิ่งเข้ามาในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว…แล้วจากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ว่า [อะไรกัน (คุณ)ฮิอิโระเองเหรอ] แล้วก็แยกย้ายกันไปในทันที
ถ้าเป็นฮิอิโระคนเก่ามาเห็นร่างเปลือยลาพิสละก็ เจ้านี่คงจะถูกเหล่าหน่วยเงาแทงยับจนเลือดอาบ พร้อมกับทิ้งข้อความด้วยเลือดไว้ว่า [หน่วยเงาเอล์ฟ] ไปแล้ว
อย่างลาพิสเอง ก็ไม่ควรที่จะให้อภัยฮิอิโระแบบนี้เหมือนกัน
อย่างฮิอิโระน่ะ เธอแสดงความรังเกียจอย่างโจ่งแจ้งเลยล่ะ แบบว่าเพียงแค่มองก็รู้สึกเหมือนเป็นพิษแล้ว แถมเจ้านี่ยังเป็นผู้ชายที่ถูกฆ่าเพราะแค่กินไอศกรีมอีก การที่ไปเห็นเธอเปลือยแบบนี้ มันไม่น่าจะจบแค่โดนควักลูกตาแน่
เพราะงั้น การที่แค่ต้องมาถือของให้แค่นี้ เลยถือว่าเบาไปเลย
ถึงจะเต็มใจทำให้…แถมยังปลอมตัวแล้วก็เถอะ แต่ถ้ามาเดินควงแขนกับผู้ชายแบบนี้มันก็ถือว่า OUT แล้วนะ เพราะงั้นไอ้แบบนี้น่ะ ขอทีเท้อ
“ก็จริง อย่างการเดินควงแขนผู้ชายเนี่ย ไม่มีทางที่คนอย่างเจ้าหญิงลาพิสจะทำหรอก แต่เอาจริง ๆ แบบนี้น่ะ ยังไงมันก็ถือว่า OUT แล้วแหละ เพราะเป็นถึงเจ้าหญิงของประเทศเลยนี่ ถ้าถูกจับได้ว่ามายุ่งเกี่ยวกับผู้ชายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
“หา? อะไรเนี่ยฮิอิโระ นี่คิดเรื่องที่ฉันควงแขนถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? แหม ๆ มีด้านน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย”
“หา? (หน้าซีเรียส)”
ลาพิสหัวเราะคิกคักพร้อมสะกิดแขนผมไปด้วย
“ก็การจับมือถือแขนเนี่ย ถึงจะไม่ใช่คนรักกันมันก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กผู้หญิงอยู่แล้วนี่ ปกติแล้วฉันก็เดินควงแขนแอสเทมีร์อยู่บ่อย ๆ อยู่แล้วด้วย”
มันก็จริง
ไม่ว่าจะเป็นสาว ๆ คนไหน ทุกคนก็ต่างเดินควงแขนกันไปอย่างสนุกสนานกันหมดล่ะนะ
“ก็เพราะความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมันเป็นไปไม่ได้ คนที่เห็นก็คงจะคิดว่าคนที่ควงแขนด้วยคงจะเป็นคนรักหรือเป็นหญิงที่แต่งชายอยู่แล้ว แล้วถ้าได้เห็นคะแนนของฮิอิโระแล้ว ยังไงคนก็คงต้องหันหน้าหนีอยู่แล้วรึเปล่า?”
“อ๊ะ ครับ นั่นสินะครับ”
“ก็นะ แต่ฉันก็ยอมรับฮิอิโระในฐานะผู้ชาย…ไม่สิ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งนะ แม้แต่แอสเทมีร์คนนั้นก็ยังยอมรับเลย การที่คนที่วิงหนีจากการท้าดวลของฉันอย่างฮิอิโระยอมให้มาอยู่ด้วยกันน่ะ ฉันดีใจมากเลย ฮิอิโระน่ะเป็นคนที่น่าสนใจมากนะ”
“เรื่องนั้นก็ขอบคุณแล้วกัน”
ในขณะที่เธอกำลังควงแขนผม ผมก็ได้แต่คิดอยู่คนเดียวว่า ยังไงมันก็เลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะนะ
“แล้ววันนี้เจ้าหญิงอยากจะทำอะไรล่ะครับ?”
“เสื้อผ้า! ไหน ๆ ก็ใกล้จะได้เข้าโรงเรียนแล้วด้วยสิ ถ้าเข้าโรงเรียนไปก็จะมี [สิ่งนั้น] ด้วยนี่นา? แล้วฉันก็ว่าจะไปซื้อชุดเดรสด้วย”
ถึงผมพอจะรู้อยู่แล้วก็เถอะ
แต่วันที่ ผม ลาพิส เรย์ กับนางเอกอีก 2 คนที่เหลือ…แล้วก็ตัวเอกที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนหญิงโอโตรินั้น มันใกล้เข้ามาแล้วนั่นเอง
ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแแล้วสินะ
โลกแห่งเอสโก้ของจริงที่จะได้เจอกับจิตสังหารมากมายในโรงหญิงโอโตริที่พุ่งตรงมาที่ฮิอิโระน่ะ
แล้วก็ [สิ่งนั้น] ที่ลาพิสตั้งตารอนั้น…ผมก็รู้ว่าเรื่องราวมันจะเป็นยังไงด้วย…อืม เอาเถอะ ก็ช่วยตั้งตารอต่อไปนะครับ…ผมจะคอยให้กำลังใจตัวหลักอย่างห่าง ๆ นะครับ
“แต่ว่าก่อนอื่น เราไปกินข้าวเที่ยงกันก่อนดีมั้ย? พอจะรู้จักที่ดี ๆ บ้างรึเปล่า?”
“อืม…อา….”
ผมหาของในกระเป๋าเงินของตัวเอง
แล้วจากนั้นผมก็ดึงบัตรสมาชิกร้านอาหารหรูของตระกูลซันโจออกมา
ในตอนที่ผมบอกว่า [จะไปซื้อของกับลาพิสนะ] สโนว์ เมดผมขาวก็ยื่นบัตรนี้มาไว้ให้ผมด้วยสีหน้าซีเรียส
“ไปร้านอาหารกันดีมั้ย?”
“เอ๊ะ อะไรเนี่ย จะเลี้ยงเองเลยเหรอ!?”
“นี่เธอน่ะ อย่าดูถูกทายาทตระกูลขุนนางเชียวนะ ฉันมีเงินพอที่จะเอาไว้ใช้โยนลงไปให้เต็มสระน้ำเลยนะ จะบอกให้ (พูดเแบบเวอร์ๆ)”
ลาพิสแสดงสีหน้าตกใจเมื่อเห็นบัตรเครดิตดำ (แบล็คการ์ด)
“…นั่นแปลว่า มีเงินงั้นเหรอ?”
คุณเจ้าหญิงแท้ ๆ !! อย่ามาเหยียบย่ำจุดแข็งเพียงอย่างเดียวของฮิอิโระสิครับ!!
แอบเศร้ากับความแตกต่างนั่นเหมือนกันแฮะ
ผมหันไปตรวจสอบคุกิ มาซามุเนะที่พกไว้ที่เอวของผม
“ลาพิส เธอเอาอุปกรณ์เวทย์มาด้วยรึเปล่า?”
“เอ๊ะ…อื้ม”
ลาพิสเอาคันธนูที่พับเก็บไว้มาให้ผมดู
“ถึงไม่ใช้ก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่เอาจริง ๆ อย่าใช้มันเลยดีกว่า แล้วก็ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้ด้วยนะ”
“เอ๊ะ? อะไรเนี่ย หมายความว่ายังไงน่ะ?”
“ก็แบบว่า เผื่อไว้น่ะ…แต่ขอเวลาเดี๋ยว เดี๋ยวฉันกลับมานะ”
นี่ก็เผื่อไว้เพื่อความชัวร์
ไม่สิ บางทีมันก็ต้องเผื่อไว้ก่อนนี่แหละ…ถ้าไม่เตรียมตัวเผื่อไว้บางทีอาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้
พอผมกลับมา ลาพิสก็โอบแขนของผมอีกครั้ง
“โทษที่ให้รอนะ ไปกันเลยมั้ย”
“อะ…อื้ม…ว่าแต่มีอะไรเหรอ? ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ไม่มีอะไรหรอก แต่จะยังไงก็ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะแสดงความเป็นซันโจ ฮิอิโระให้ได้เห็นเอง”
ผมยิ้มอย่างไร้ความกลัว
“วันนี้น่ะ ปล่อยให้ฉันจัดการเอง”
ผมเสยผมไปด้านหลังแล้วยกนิ้วให้กับลาพิส
“จะกินเท่าไหร่ก็จัดมาเลย ถ้าเงินล่ะก็จ่ายให้ได้ไม่อั้นอยู่แล้ว”
“ว้าย! ฮิอิโระ เท่มาก!”
ผมกับลาพิสมุ่งตรงไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่บนตึกสูงกันอย่างสนุกสนาน
“ผู้ที่มีคะแนน 0 เข้าร้านไม่ได้นะคะ”
“……”
“เข้าไม่ได้ค่ะ”
โดนปฏิเสธจนได้กลับมายืนหน้าประตูเลย
“……”
“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเศร้าขนาดนั้นสิ! นี่ไง คือฉันก็เป็นเจ้าหญิงนี่นา! อย่างร้านอาหารเนี่ย ฉันก็กินจนเบื่อแล้วล่ะ! ไปกินแฮมเบอร์เกอร์กันเถอะ แฮมเบอร์เกอร์น่ะ! ด็อกเตอร์เปเ*อร์เองก็อร่อยไม่ใช่รึไง!”
“…ขอโทษนะ”
“ไม่ต้องหรอก ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง! อย่าเศร้าไปเลย!”
ในขณะลาพิสตบหลังผมที่ผมกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่ผมก็ได้ยินแบบนั้น ก็หันหลังกลับไป-
“…ลาพิส”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง! ก็ฉันกับฮิอิโระซี้กันจะตายนี่นา!”
“ช่วยออกไปก่อนซัก 1 ชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาทีนะ”
“เอ๊ะ?”
ผมทิ้งลาพิสไว้ข้างหลังแล้วเดินไปข้างหน้า
“คะ…คุณลูกค้าคะ ทำแบบนี้ทางนี้ก็ลำบากนะคะ…”
ในตอนที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน พนักงานในชุดทักซิโด้ก็พยายามที่จะหยุดผม–แต่พอกดทริกเกอร์–เธอก็ตกใจและถอยหลังไปหลังจากที่ได้เห็นพลังเวทย์
“นี่คุณน่ะ ไม่ใช่ว่าวัดคะแนนผิดหรอกเหรอ?”
“…….”
“เนอะ?”
“คะ…ค่ะ…ฉันคงจะวัดผิดน่ะค่ะ…”
ผมดันพนักงานคนนั้นที่กำลังเหงื่อตกไปด้านข้าง
ผมเดินเข้าไปข้างใน พอเดินผ่านก็เจอกับวงออร์เคสตร้าที่กำลังเล่นอยู่ พอมาถึงข้างบนฝั่งด้านหลัง ก็เจอกับผนังที่ทำจากแก้วทั้งหมด…ที่มีแต่สมาชิกตระกูลซันโจที่รายร้อมนางเอก ซันโจ เรย์ อยู่
เหมือนที่ได้ยินมาไม่มีผิด
*แควก*
รู้สึกเหมือนมีบางอย่างในตัวผมที่ขาดเป็นชิ้น ๆ
เดิมทีแล้ว คนที่มีคะแนนแค่ 0 ไม่ควรที่จะเดินผ่านที่ห้องโถงนี่ได้เลยด้วยซ้ำ
เหล่าสาว ๆ ที่กำลังทานข้าวกันอยู่ก็ส่งเสียงดัง ส่วนตระกูลซันโจที่เห็นผมก็เอาอุปกรณ์เวทย์ออกมา
เหล่าป้า ๆ ที่เห็นผมก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกใจ
“ไง”
ผมทำตัวให้ดูบ้าบอให้มากที่สุด เพื่อให้พวกนั้นรู้สึกอึดอัด
ผมพยายามเลียนแบบซันโจฮิอิโระ โดยเข้าไปนั่งที่โต๊ะของตระกูลซันโจ จากนั้นก็ส่งเสียงดังแล้ววางเท้าสองข้างไว้บนโต๊ะ
“ดูท่าจะกำลังทำเรื่องที่ดูน่าสนุกกันอยู่เลยนี่”
พวกเธอซ่อนความตกใจไว้ไม่มิด–ผมจึงยิ้มออกมา
“ขอฉันร่วมวงด้วยคนสิ”
[ติดตามการเคลื่อนไหวได้ที่เพจ Okuse-Translator]