ไหปีศาจ - บทที่ 1017 การกลับมาของเสี่ยวไป่
บทที่ 1017
การกลับมาของเสี่ยวไป่
จักรพรรดิกลับมา
เฒ่าเฉินขอเกษียณ
อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองเหตุการณ์นี้ทำให้ราชวงศ์มังกรเร้นกายตกตะลึงอีกครั้ง
หัวหน้าตระกูลใหญ่หลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจริง ๆ
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เมืองหลวงของจักรวรรดิไม่เคยมีเสถียรภาพเลย
จักรพรรดิได้จัดงานเลี้ยงอำลาอย่างยิ่งใหญ่ให้กับเฒ่าเฉินเป็นพิเศษ ภายในและภายนอกวังมีบรรยากาศที่สนุกสนานราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อนได้ผ่านไปแล้ว
ส่วนจักรพรรดิคนใหม่ที่ถูกคุมขัง
ว่ากันว่าเขากลับมาเป็นองค์ชายลำดับหนึ่งอีกครั้ง
สำหรับความมั่นคงของตำแหน่งองค์ชายลำดับหนึ่งก็ยากที่จะพูด
ว่ากันว่าจักรพรรดิยังออกคำสั่งให้เลือกนางสนมสำหรับองค์ชาย หลายคนรู้ว่าจักรพรรดิตั้งใจที่จะหาผู้สืบทอดจากกลุ่มรุ่นหลาน
แม้ว่าองค์ชายเหล่านั้นจะไม่มีคุณสมบัติ แต่พวกเขาก็เป็นสายเลือดราชวงศ์
ตอนนี้จักรพรรดิได้ระงับคำสาปและมีเวลาพอที่จะค่อย ๆ เลือกผู้สืบทอดได้อย่างไม่เร่งรีบ
หลังงานเลี้ยง ลั่วอู๋พาเฒ่าเฉินกลับบ้านพร้อมไร้หน้าและทีมผู้ล้างแค้น
“เฒ่าเฉิน มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับเจ้าเลย” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
เฒ่าเฉินเมาเล็กน้อย “ข้าไม่เหนื่อย ข้าไม่เหนื่อย กระดูกแก่ ๆ ของข้ายังแข็งแรงดี”
“งั้นเจ้าก็พักผ่อนเถอะ”
“ก็นะ…” เฒ่าเฉินพูดด้วยอารมณ์ “ข้ายุ่งอยู่แต่กับงานมาหลายปีแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเมื่อว่างแล้ว”
“ปลูกดอกไม้ ปลูกหญ้า หรืออะไรทำนองนั้น” ลั่วอู๋ยักไหล่ “ถ้าไม่ชอบงั้นก็เลี้ยงสัตว์วิญญาณที่เชื่องเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายของเจ้าก็ได้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มีเหตุผล”
เฒ่าเฉินเริ่มหัวเราะ จากนั้นมองไปที่ลั่วอู๋และพูดช้า ๆ “ในอนาคตข้าคงดูแลอะไรไม่ได้อีกแล้ว มาที่บ้านข้าเมื่อเจ้ามีเวลาบ้างล่ะ”
“แน่นอน”
ลั่วอู๋ชื่นชมเฒ่าเฉินอยู่เสมอ
ไม่ใช่แค่เพราะเฒ่าเฉินช่วยทุกคนในสำนักโล่พิทักษ์ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเท่านั้น
แต่เพราะเฒ่าเฉินยังเป็นคนมีปัญญามากอีกด้วย
หลังจากส่งเฒ่าเฉินกลับบ้านแล้ว ลั่วอู๋ก็กลับไปยังสำนักโล่พิทักษ์
ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีและอิทธิพลของสำนักโล่พิทักษ์ก็เพิ่มขึ้น โดยพื้นฐานแล้ว มันคือยักษ์ใหญ่ในระดับเดียวกับคฤหาสน์ชวนเทียน ด้วยอำนาจของลั่วอู๋ มีคนไม่มากที่กล้าหาเรื่องสำนักโล่พิทักษ์
การกลับมาของลั่วอู๋ก็ยังเป็นแรงใจให้คนในสำนักโล่พิทักษ์อีกด้วย
หลังจากหวนคิดถึงอดีต ลั่วอู๋ตรวจดูธุรกิจอีกครั้งและมองไปที่สมุดบัญชี เขาพบว่าตอนนี้เขารวยมาก
ในปัจจุบัน ธุรกิจของสำนักโล่พิทักษ์ โดยพื้นฐานแล้วจะครอบคลุมราชวงศ์มังกรเร้นกายทั้งหมด และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่อาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับหยู่เฮา ขั้นตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ยาก
อาจกล่าวได้ว่าหากสำนักโล่พิทักษ์ล้มลงตอนนี้ ทั้งราชวงศ์มังกรเร้นกายจะตกอยู่ในความปั่นป่วนครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ลั่วอู๋พอใจมาก
ดี ดีแล้ว
จากนั้นลั่วอู๋ก็จากไปและพบกับเฉินซังเทียนระหว่างทาง หลังจากรำลึกความหลังได้เล็กน้อย เฉินซังเทียนก็ถามด้วยความสงสัย “เจ้ากลับมาแล้ว แต่หลงเซี่ยและผู้บัญชาการหลิงหลงล่ะ?”
“อะไรนะ? พวกเขายังไม่กลับมาอีกหรือ?” ลั่วอู๋แปลกใจ
“ยังไม่กลับมาเลย” เฉิ้นซังเทียนส่ายหัว
“ไม่สิ พวกเขาแค่ส่งข้าไปให้อาณาจักรโบราณหมื่นอมตะแล้วแยกจากกัน ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะยังไม่กลับมา” ลั่วอู๋คิด “พวกเขาติดอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดหรือ?”
ในเวลานั้น เนื่องจากการตั้งพิกัดมิติใหม่ ผู้คนจึงไปโผล่ที่ความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดและสามารถเข้าสู่อาณาจักรโบราณหมื่นอมตะโดยการทำลายกำแพงมิติโดยตรงเท่านั้น
แต่ลมปราณของหลงเซี่ยและผู้บัญชาการหลิงหลงนั้นแรงเกินกว่าจะซ่อนได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้ามาพร้อมกับลั่วอู๋
เฉินซังเทียนประหลาดใจ “เป็นไปไม่ได้”
ถ้าเป็นเช่นนั้นมันจะเป็นปัญหาใหญ่
“ข้าจะให้หมิงหยู่พากู่เหอไปตามหาเขาทันที!” เฉินซังเทียนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
วิธีที่ดีที่สุดในการระบุพิกัดในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุดคือการใช้สัตว์วิญญาณแห่งความว่างเปล่า
“นางอยู่ที่ไหน?”
“สำนักเฉียนหลง”
ลั่วอู๋พยักหน้าทันที “ข้าจะไปหานางเดี๋ยวนี้”
หลังจากนั้นลั่วอู๋ก็หันหลังและจากไป
แม้ว่าเขาจะสามารถเปลี่ยนตวนซีให้เป็นสัตว์วิญญาณแห่งความว่างเปล่าได้ แต่ยิ่งมีคนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งมีโอกาสหาพบมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อลั่วอู๋มาที่จัตุรัสเพื่อกลับไปที่สำนักเฉียนหลงทางช่องมิติ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยและพลังมิติที่แข็งแกร่งมาก
“หืม?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
ความรู้สึกนี้มาจากไหน
เขาไปตามทาง
ทันใดนั้นเขาก็เห็นกลุ่มคนที่อยู่ไกลๆ ดูเหมือนพวกเขาจะชี้ไปที่บางสิ่ง
“ว้าว กระต่ายตัวโตอะไรอย่างนี้ นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย?”
“ดูเหมือนพลังจะน่ากลัวมาก” บางคนไม่ชอบมัน
“แต่ขนมันนุ่มนิ่มเหมือนหมอนใบใหญ่เลย”
“ดูเหมือนกระต่ายแห่งแดนสาบสูญ”
“อย่าล้อเล่นน่า ไม่มีกระต่ายที่ตัวโตขนาดนี้หรอก”
กระต่ายขาวราวกับหิมะสูงเกินสองคนต่อตัวกันนอนอยู่บนพื้นอย่างมีความสุข หรี่ตา เคี้ยวหญ้าพระจันทร์สีเงินหวานสองสามคำอย่างช้า ๆ
และมีชายคนหนึ่งอยู่ข้างกระต่ายตัวใหญ่นั้น ชายคนนั้นดูกระวนกระวายและกล่าวว่า “นี่เป็นสัตว์วิญญาณหายากที่ไม่เคยถูกพบมาก่อน มันกินแต่หญ้าพระจันทร์สีเงินเท่านั้น เจ้าน่าจะเห็นว่ามันเป็นอาหารที่หายากเพราะมีความต้องการสูง ข้าจับมันได้โดยบังเอิญ ตอนนี้เจ้าสามารถซื้อมันได้ด้วยหินเพียง 50,000 ก้อนเท่านั้น”
“อะไรนะ มันแพงเกินไปไม่ใช่รึไง?”
“ระดับของสัตว์วิญญาณนี้คืออะไร ทำไมถึงสัมผัสไม่ได้เลย?”
“เชื่องขนาดนี้ มันไม่สามารถเป็นสัตว์วิญญาณคู่สัญญาได้หรอก และมันก็แพงมากด้วย”
“แยกย้าย แยกย้าย มันก็แค่กระต่ายตัวใหญ่เท่านั้นแหละ”
“หญ้าพระจันทร์สีเงินหายากมาก ข้าจะเลี้ยงมันได้ที่ไหน?”
คนกลุ่มหนึ่งกำลังจะแยกย้ายกันไป
ชายคนนั้นกระวนกระวายใจยิ่งกว่าเดิม “อย่าเพิ่งไป 45,000 เป็นไง? นี่เป็นสัตว์วิญญาณลึกลับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ถ้ามันยังแพงไป 40,000 ก็ได้ อย่าเพิ่งไป”
เขากังวลมาก
หากเขาขายมันไม่ได้ เขาก็จะไม่สามารถหาค่าหญ้าพระจันทร์สีเงินคืนได้ด้วยซ้ำ
กระต่ายตัวนี้ก็ปรากฏขึ้นตอนที่นรกมนตรากำลังจะรุกราน ชายคนนี้คิดว่าเขาพบกับสัตว์วิญญาณหายากบางชนิด จะเก่งหรือไม่ใครจะรู้ แต่กระต่ายตัวนี้เป็นสินค้าหลอกขายได้
มันเชื่องมาก ไม่มีการต่อต้านเลย เห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์วิญญาณที่ไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้
สัตว์วิญญาณชนิดนี้แทบไม่เป็นที่ต้องการ
เว้นแต่จะมีคนซื้อมันเพื่อเอาไปเป็นหมอนจริง ๆ
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นกระต่ายตัวนี้
เสี่ยวไป่?
กระต่ายตัวนี้จะเป็นใครได้อีก? แน่นอนว่าเป็นราชากระต่ายแห่งแดนสาบสูญเสี่ยวไป่
ในตอนแรก มันถูกบังคับให้อยู่ในนรกมนตราเพื่อติดตามปรมาจารย์ปีศาจ ไม่คิดเลยว่ามันใช้ประโยชน์จากการรุกรานของนรกมนตราและหลบหนีมาได้อย่างลับ ๆ
เสี่ยวไป่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่มีลมปราณในร่างกาย ผู้คนจึงไม่รู้สึกถึงมิติวิญญาณของมันเลย
ลั่วอู๋บินไปอย่างรวดเร็วและเรียกหลี่หยินจากโลกไห
“เสี่ยวไป่!” หลี่หยินประหลาดใจมากจนนางอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
เสี่ยวไป่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ก็ตื่นขึ้น ร่างกลม ๆ สั่นสะท้าน แล้วกะพริบตา แล้วหายไปจากตรงนั้น วินาทีถัดมา มันก็ตรงมาที่หลี่หยิน
มันสัมผัสได้ถึงหลี่หยิน
หลี่หยินโอบกอดเสี่ยวไป่อย่างมีความสุขและไม่ยอมปล่อยไปชั่วขณะ
ฉากนี้ทำให้ผู้ชมหลายคนตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พระเจ้า นั่นมันทักษะมิติที่หายากที่สุด”
“ระยะไกลขนาดนั้น ทะลวงมิติในตำนานหรือเปล่า?”
“นั่นเป็นกลอุบาย!”
ชายที่ขายเสี่ยวไป่ก็ประหลาดใจเช่นกัน กระต่ายนั่นรู้จักทักษะอันทรงพลังเช่นนี้ด้วยหรือ? นี่เป็นทักษะอันล้ำค่า ต่อให้ไม่นับอะไรเลย แค่ทะลวงมิติเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านหินวิญญาณแล้ว
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ชายคนนั้นตะโกนใส่หลี่หยิน “ปล่อยมือของเจ้าซะ นี่คือสัตว์วิญญาณของข้า อย่าแตะต้องมันถ้าเจ้าไม่ซื้อมัน!”