ไหปีศาจ - บทที่ 1021 วิญญาณส่วนสุดท้ายของหยู่
บทที่ 1021
วิญญาณส่วนสุดท้ายของหยู่
“อีกาเพลิงสีม่วง?” ลั่วอู๋ถามอีกครั้ง
เฉินหมิงหยู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้ว”
“มันคือสัตว์วิญญาณแบบไหน?” ลั่วอู๋นึกถึงสัตว์วิญญาณทุกตัวที่เขารู้จัก ดูเหมือนว่าไม่มีชื่ออีกาเพลิงสีม่วง เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “เจ้ารู้จักมันไหม?”
เฉินหมิงหยู่รู้ข้อมูลกว้างขวาง
นางเคยมั่นใจในความรู้ของตัวเองมาก
พอหลังจากแพ้ด้วยน้ำมือลั่วอู๋ นางก็ปรับปรุงตัวมากขึ้น
เฉินหมิงหยู่ส่ายหัวอย่างหมดหนทาง “ข้าก็ไม่รู้”
“แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้รึ?”
“ใช่” เฉินหมิงหยู่ส่ายหัว “บางทีท่านน่าจะรู้อะไรบางอย่าง นายน้อย”
ท้ายที่สุดแล้ว ลั่วอู๋เป็นเด็กหนุ่มคนเดียวที่นางเชื่อมั่น
“มันอยู่ในดาวดวงนี้รึ?” ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม
“น่าจะเป็นแบบนั้น เมื่อสามวันก่อน อีกาเพลิงสีม่วงปรากฏตัวพร้อมกับชายชราผมขาวบนหลัง พวกเขาออกจากดาวดวงนั้น และข้าก็อยากเข้าไป แต่ข้าก็ไม่สามารถทำลายม่านพลังมิติได้ และพอผ่านไปครึ่งวัน อีกาเพลิงสีม่วงก็บินกลับมา โชคดีที่ข้าไม่ได้เข้าไป ไม่อย่างนั้น…”
“เดี๋ยวก่อน” ลั่วอู๋ขัดจังหวะเฉินหมิงหยู่
“อะไรรึ?”
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เฉินหมิงหยู่หยุดชั่วคราว “ข้าเปิดม่านพลังมิติไม่ได้”
“ไม่ใช่ ประโยคก่อนหน้านั้น”
“มีชายชราผมขาวอยู่บนหลังอีกาเพลิงสีม่วง?”
“ใช่ นั่นแหละ ชายชราคนนั้นมีลักษณะอย่างไรบ้าง?” ลั่วอู๋ถาม
เฉินหมิงหยู่รู้สึกสับสนเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าทำไมลั่วอู๋สนใจชายชราอะไรขนาดนั้น มันเห็นได้ชัดว่าอีกาเพลิงสีม่วงนี้เป็นปัญหาใหญ่มากกว่า
“ดูเหมือนจะเป็นภูติ แต่ลมปราณไม่แข็งแกร่ง ประมาณระดับเพชร 3 หรือ 4” เฉินหมิงหยู่ขมวดคิ้วและเริ่มอธิบาย พยายามนึกถึงชายชราผมขาว
พอลั่วอู๋ได้ฟังก็พ่นควันออกปาก “เป็นเจ้าอีกแล้ว เรื่องใหญ่ ๆ เกิดขึ้นแต่ล่ะที ไม่เคยไม่มีเงาของเจ้าเลย ภูติไห”
“ภูติไหอะไร?”
เฉินหมิงหยู่กำลังสับสน
“มันอธิบายยากน่ะ” ลั่วอู๋พูดอย่างเคร่งเครียด “สิ่งที่เจ้าต้องรู้ก็คือเขาเป็นคนเลว เขาเป็นคนที่สร้างปีศาจในนรกมนตรา”
เฉินหมิงหยู่ตกใจ
ชายชราผมขาวคนนั้นน่ากลัวมากขนาดนั้นเลย
“แต่โชคดีที่เขาไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ หากเจ้ามีโอกาสพบเขาอยู่ตัวคนเดียว อย่าลืมฆ่าเขาเสีย” ลั่วอู๋พูดขึ้นมาทันที
เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนเขาจะพูดเรื่องนี้กับผู้บัญชาการหลิงหลงแล้ว
พวกเขามาที่นี่เพราะตามภูติไหมาหรือ?
เฉินหมิงหยู่พยักหน้า
นางยังตระหนักถึงความจริงจังของเรื่องนี้
“เข้าไปตรง ๆ เลย” ลั่วอู๋จ้องไปที่ดาวสีดำ คราวนี้คิดว่าจะจับภูติไหได้อย่างไร
สมกับเป็นภูติไหจริง ๆ มีสัตว์วิญญาณแปลก ๆ ที่ทรงพลังอยู่ข้างกายได้ตลอด
แต่โชคดีที่ไม่มีสัตว์วิญญาณระดับกึ่งจักรพรรดิคอยติดตาม ไม่เช่นนั้นคงจะเป็นปัญหา
เฉินหมิงหยู่ประหลาดใจ “ท่านบ้าไปแล้วหรือ? ข้าเพิ่งบอกว่ามีอีกาเพลิงสีม่วงอยู่ในนั้นนะ”
“ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งวิตกไป ข้ามีวิธีจัดการกับมัน” ลั่วอู๋กล่าว
“อย่าบ้าน่า ท่านเป็นระดับเพชรขั้นสองเอง”
ลั่วอู๋ยิ้มแล้วเรียกศพมรณะเซียวอวี้จากโลกไห
เขาถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำและไม่เผยร่างกายที่น่าสะพรึงกลัว
ศพมรณะเซียวอวี้เป็นสัตว์ประหลาดที่สร้างขึ้นโดยสัตว์ประหลาดในหุบเขามรณะเหล่านั้น เขามีร่างกายที่เกือบจะเป็นอมตะ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักการใช้ทักษะใด ๆ แม้ว่าเขาจะต่อสู้ด้วยกำลังกายอย่างเดียว แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเทียบได้กับระดับเพชรสูงสุด
และที่สำคัญที่สุด เขาจะไม่ปฏิเสธคำสั่งใด ๆ จากลั่วอู๋
“นี่มันอะไร?” เฉินหมิงหยู่รู้สึกประหลาดใจ
นางไม่ได้ถามว่านั่นเป็นใคร
เพราะ “คน” ตรงหน้าไม่แสดงอารมณ์เลย แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความตาย ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตเลย
“สัตว์ประหลาด” ลั่วอู๋กล่าวว่า “สัตว์ประหลาดที่ทรงพลังและเชื่อฟังอย่างสุดใจ”
ด้วยความช่วยเหลือจากศพมรณะเซียวอวี้ พวกเขาก็จะปลอดภัยขึ้นมาก
มีม่านพลังมิติอยู่เหนือดาวสีดำ
จะพังมันเพื่อเข้าไปก็ได้ แต่นั่นจะทิ้งร่องรอยและจะทำให้เกิดแรงสะเทือน ดังนั้นในความเป็นจริงจึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้อีกฝ่ายตื่นตัว
แต่โชคดีที่หลังจากเชี่ยวชาญทักษะ “ครอบครองมิติจำลอง” หลี่หยินสามารถข้ามม่านพลังมิติอย่างเงียบ ๆ ได้โดยไม่มีร่องรอยใด ๆ
ผู้คนจึงเข้าสู่ดาวสีดำได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าในโลกนั้นมืด
มันเหมือนกับนรกมนตรา แต่สภาพแวดล้อมต่างจากนรกมนตราอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าดาวดวงนี้จะใหญ่โต แต่ก็เล็กกว่ามิติหลักของลั่วอู๋มาก มันอาจจะใหญ่กว่าโลกไหและเหมือนเป็นมิติแยกที่เปิดออก
แต่ลั่วอู๋รู้ดีว่านี่คือมิติจริง โดยมีกฎแห่งสวรรค์และโลกที่สมบูรณ์แบบ
พลังวิญญาณที่นี่มีไม่มากนัก แม้จะน้อยกว่าพื้นที่ที่ห่างไกลที่สุดของราชวงศ์มังกรเร้นกาย แต่มันก็ยังเป็นพลังวิญญาณและสามารถฝึกฝนด้วยมันได้
ดวงตาของลั่วอู๋กวาดไปทั่วพื้นที่
ผืนดินที่นี่คิดเป็น 90% และอีก 10% ที่เหลือก็ไม่ควรเรียกว่าทะเล อาจจะเรียกว่าทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่น้ำใสมาก
มองจากภายนอกดาวทั้งดวงเป็นสีดำ
ลั่วอู๋ก็ได้พบคำตอบ
เพราะดินเป็นสีดำจึงดูเหมือนโลกเป็นสีดำ มีพืชพันธุ์แปลก ๆ ที่นี่ และพืชทุกชนิดสีออกไปทางสีดำโดยไม่มีข้อยกเว้น
มันเลยเหมือนดาวแห่งความตาย
แต่อันที่จริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
“ช่างเป็นที่ที่แปลก” เฉินหมิงหยู่พูดด้วยเสียงต่ำ “ดูเหมือนว่าไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาเลย”
ลั่วอู๋พยักหน้า “ข้าคิดว่าดาวนี้เพิ่งเกิดขึ้นมา ยังมีชีวิตมาได้ไม่นาน”
ไม่มีสัตว์อะไรอยู่ที่นี่
ไม่มีแม้แต่มดแมลงตัวเล็ก ๆ
ดาวนี้น่าจะเพิ่งเกิด
“เป็นไปได้ไหมว่าอีกาเพลิงสีม่วงเกิดที่นี่?” เฉินหมิงหยู่สงสัย
ลั่วอู๋คิดเล็กน้อย “ก็อาจจะ”
แม้ว่าเขาจะไม่พบสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญา แต่ก็ยากที่จะพูดหากนึกถึงทักษะของภูติไห
ถ้าจะบอกว่าเขาสร้างดาวดวงนี้ขึ้นมา ลั่วอู๋ก็เชื่อ
“ไปหาหลงเซี่ยและผู้บัญชาการหลิงหลงกันก่อนเถอะ” ลั่วอู๋กล่าว
เขาไม่ลืมเป้าหมายแรก
การตามหาพวกเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เฉินหมิงหยู่พยักหน้า
ทั้งสองไม่ได้แยกกันหาในครั้งนี้ แต่เริ่มสำรวจโลกนี้ด้วยกัน
มีวัตถุวิญญาณบางชนิดด้วย แต่ก็แค่พวกดอกไม้และสมุนไพรวิญญาณบางชนิด พวกมันไม่มีพลังมากนัก บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณผันผวนของสวรรค์และโลกด้วย
แต่มันก็ทำให้ลั่วอู๋ประหลาดใจ
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นพืชพรรณใหม่ ๆ
“เอาไปแล้วกัน!” ลั่วอู๋โบกมือ ดอกไม้และต้นไม้ทั้งหมดที่นี่จะถูกใส่ลงไปในไหปีศาจ
ครั้งนี้อาจจะมีอะไรน่าตกใจก็ได้
เฉินหมิงหยู่มองลั่วอู๋อย่างสงสัย “นายน้อย ข้าจำได้ว่าท่านรวยมาก ทำไมท่านไม่ปล่อยดอกไม้และหญ้าเล็ก ๆ นี้ไปเสียล่ะ?”
“เอ่อ ข้าเป็นนักสะสมน่ะ”
ลั่วอู๋ลืมตัวไปหน่อย
ในเวลานี้ ท้องฟ้าส่งเสียงแหลมสูงและรุนแรง มีเปลวเพลิงสีม่วงขนาดใหญ่ทั่วท้องฟ้า ปล่อยพลังงานอันทรงพลังออกมา
“นายน้อย ดูสิ!” เฉินหมิงหยู่กล่าวด้วยเสียงต่ำ “อีกาเพลิงสีม่วง”
คิ้วของลั่วอู๋ขมวด “เป็นมันสินะ”
พลังที่ปล่อยออกมาจากอีกาเพลิงสีม่วงนั้นไม่ทรงพลัง แต่มีแก่นแท้และเสียงแปลก ๆ เสียงของเต๋าดังขึ้น พลังงานเหล่านี้จะกลายเป็นจุดแสงสีม่วงและค่อย ๆ ตกลงมาระหว่างต้นไม้
ต้นไม้กำลังแกว่งไกวและพลังชีวิตได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างช้า ๆ
ลั่วอู๋รู้สึกว่าพลังชีวิตของโลกดูแข็งแกร่งขึ้น
“ทักษะการให้พร?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เฉินหมิงหยู่ก็เช่นกัน
นางก็เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
การให้ความรู้และความแข็งแกร่งของตนเองแก่ผู้ที่เชื่อในตนเองสุดชีวิต มันจะให้พลังพิเศษแก่พวกเขา ซึ่งเป็นผลของทักษะการให้พร
นกโง่ก็มีทักษะแบบนี้เช่นกัน
แต่ก็เป็นพรที่มีผลต่อกลุ่มพี่น้องของมันเท่านั้น
พระโพธิสัตว์ก็มี
แต่ก็มีผลเฉพาะสาวกเท่านั้น
แต่อีกาเพลิงสีม่วงนี้ ถึงกับให้พรทั้งสวรรค์และโลก เห็นได้ชัดว่ามันโง่ เพราะมันจะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ กลับมาและยังจะสูญเสียพละกำลังของมันเองอีก
พืชและต้นไม้เหล่านี้ไม่สามารถช่วยอะไรมันได้
เว้นแต่จะได้รับพรทั้งวันทั้งคืนจนเกิดและเติบโตได้
แต่มันยากเกินไป
มันคืองานของผู้สร้าง
แต่ลั่วอู๋ไม่สนใจเรื่องนี้ เขาจ้องไปที่ร่างที่อยู่ด้านหลังของอีกาเพลิงสีม่วง ใช่ ภูติไหอยู่ที่นั่น
การให้พรจบลง
อีกาเพลิงสีม่วงดูอ่อนแอ
ภูติไหพูดเบา ๆ ว่า “มันโง่ที่จะใช้มิติวิญญาณของเจ้าไปทำเรื่องของพวกระดับจักรพรรดิ”
สร้างโลกของจริง
นี่คือเขตแดนที่ระดับจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะได้สัมผัส
อีกาเพลิงสีม่วงเหลือบมองภูติไหแล้วพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องดูแลเรื่องนี้ เราตกลงกันแล้ว เจ้าช่วยให้ข้าไปถึงระดับจักรพรรดิ และข้าจะติดตามเจ้าเป็นเวลาห้าร้อยปี”
“ข้าก็ไม่ได้สนใจชีวิตเจ้าหรอก” ภูติไหกล่าวอย่างสงบ “ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าเสียพลังเพราะเหตุนี้ เจ้าไม่จะสามารถไประดับจักรพรรดิได้”
“อย่ากังวลไปเลย ข้าคือเจตจำนงของสวรรค์และโลกนี้ เนื่องจากสวรรค์และโลกนี้สามารถสะกดวิญญาณได้ ข้าจึงกลืนกินมันได้”
หนึ่งคน หนึ่งนก สนทนากันเพียงไม่กี่คำ
จากนั้นนกกาเพลิงสีม่วงก็กระพือปีกออกไป
แน่นอนว่าลั่วอู๋และเฉินหมิงหยู่ไม่ได้ยินเรื่องนี้
เพราะพวกเขาอยู่ห่างไกลออกไปมาก
“นายน้อย ลงมือเลยไหม?” เฉินหมิงหยู่สงสัย “อีกาเพลิงสีม่วงนั่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นเวลาที่มันอ่อนแอที่สุด”
ถ้าเป็นในตอนนี้ ศพมรณะก็ต้องสู้ได้อย่างแน่นอน
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่ ภูติไหนั้นไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น”
เขาจำครั้งล่าสุดได้
เขาโจมตีภูติไหเป็นผลให้ภูติไหทิ้งอสูรต้นไทรโบราณและหนีไปตามลำพัง
ภูติไหก็ทำเช่นเดียวกันในครั้งนี้
แม้ว่าอีกาเพลิงสีม่วงจะด้อยกว่าศพมรณะ แต่พอจะทำให้ลั่วอู๋ต้องเสียเวลาฆ่ามันนานพอตัว ซึ่งก็ไม่ใช่จุดประสงค์หลักของลั่วอู๋
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่อยากให้ภูติไหหนีไปอีก
“จะทำยังไงต่อ?” เฉินหมิงหยู่ถามเสียงต่ำ
ลั่วอู๋รีบพูด “ช่างมัน ไปหาพวกเขากันต่อเถอะ”
พวกเขาเดินหา ระวังตัวอย่างมากและยังไม่ถูกพบตัว
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา อีกาเพลิงสีม่วงก็หยุดลง
ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้นมองและตกตะลึง
ไกลออกไป ท้องฟ้ากลายเป็นทะเลเพลิงสีม่วง แสงสลัวเบ่งบานโดยไม่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกเผาไหม้ มันดูงดงามเล็กน้อย
และด้านล่างท้องฟ้าเป็นหลุมขนาดใหญ่
ไม่มีก้นหลุม
ลั่วอู๋รู้สึกถึงลมปราณของผู้บัญชาการหลิงหลงและหลงเซี่ย
ไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังมีบรรยากาศที่คุ้นเคยและแปลกประหลาดอีกด้วย
ลั่วอู๋สูดลมหายใจเย็น
“จริงรึเนี่ย”
เขารู้สึกถึงความรู้สึกนี้จากหวังเทียนหยู่และราชาผีดิบ
“วิญญาณส่วนสุดท้ายของหยู่”
“มันอยู่ที่นี่”