ไหปีศาจ - บทที่ 1046 กลับสู่ป่าหวงชา
บทที่ 1046
กลับสู่ป่าหวงชา
ในเวลาต่อมา ผู้คนเกือบทั้งหมดกำลังตามหาเสือบูรพา
ในวันธรรมดา คำทักทายจากญาติในละแวกนั้นเปลี่ยนจาก “กินข้าวแล้วหรือยัง?” เป็น “มีเบาะแสอะไรไหม?”
แม้แต่คนธรรมดาก็มีความสุขที่ได้เบาะแสจากนวนิยาย ตำนาน และเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่ไม่เป็นทางการ
น่าเสียดายที่มันใช้ไม่ได้
ตรงกันข้าม คนขายหนังสือก็ทำเงินได้มาก
เป็นผลให้มีนักเขียนนวนิยายจำนวนมากถึงกับโผล่ออกมา คนเหล่านี้เขียนและประกอบเล่มหนังสือ แล้วไปทำให้หนังสือดูเก่าและส่งออกในฐานะหนังสือโบราณ และพวกเขาสามารถขายมันได้ในราคาที่สูง
ในความโกลาหลนี้ ข่าวจริงและเท็จทุกประเภทกำลังแพร่กระจาย
ต่อให้จะมีข่าวจริง แต่ก็ไม่มีทางแน่ใจได้
สถานการณ์น่าวิตกจริง ๆ
อีกด้านหนึ่งที่กองทัพสยบมังกรผู้บัญชาการหลิงหลงและหลงเซี่ยก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
แต่ก็ไม่มีข่าวดีมามากนัก
พวกเขาไม่รู้ข้อมูลอะไร
ลั่วอู๋คิดว่าร่างของผู้บัญชาการหลิงหลงผนึกวิญญาณพยัคฆ์ขาวไว้ และนางน่าจะรู้อะไรบางอย่าง ท้ายที่สุด พยัคฆ์ขาวและเสือบูรพาก็เป็นสัตว์ระดับจักรพรรดิสองตัวที่เหลือรอดจากยุคมืด
และเวลาที่พวกมันตายก็ใกล้กันมาก
ในเรื่องนี้ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าวว่า “วิญญาณพยัคฆ์ขาวถูกผนึกอยู่ในร่างกายของข้า แต่ความทรงจำของมันก็ไม่สามารถส่งต่อมาหาข้าได้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร! ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีชีวิตอยู่มานานหลายสิบปีเท่านั้น”
ลั่วอู๋พ่ายแพ้
ก็ได้ ๆ เจ้าเป็นคนปกติ
เวลาผ่านไป
เหวินเสี่ยว กู่ฉวน และฉูจงฉวนกลับมาแล้ว
อาณาจักรภูเขาแห้งแล้งไม่มีข่าวอะไรมากเกี่ยวกับเสือบูรพา
สัตว์ประหลาดในหุบเขามรณะเหล่านั้นก็ไม่สนใจเสือบูรพาและแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีเบาะแสที่เป็นประโยชน์
แต่วังเป่ยหมิงทำให้ลั่วอู๋แปลกใจ ที่นั่นมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเสือบูรพาอยู่
ในช่วงยุคมืด คนที่เหลือรอดถ้าไม่อพยพไปยังภูเขาแห้งแล้งก็ติดตามราชาหมอกซานเหรินไปยังทะเลเหนือ
แต่การแข่งขันของภูเขาแห้งแล้งนั้นรุนแรงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นบรรพบุรุษเหล่านั้นจึงไม่ได้ทิ้งข้อมูลไว้มากนัก แต่ผู้คนในวังเป่ยหมิงนั้นต่างออกไป
พวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและปรองดองกันมากกว่า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การปกครองของราชาหมอกซานเหริน ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก
ดังนั้นพวกเขาจึงมีเวลาบันทึกประสบการณ์ที่ผ่านมาได้มากขึ้น
“เสือบูรพาตายในป่าเตียนวู” เหวินเสี่ยวด้านสว่างกล่าว “มันตายไปพร้อมกับสัตว์วิญญาณมากกว่า 10 ตัว ตามการคาดเดาของบรรพบุรุษที่วังเป่ยหมิง มีสัตว์วิญญาณอย่างน้อยหนึ่งตัวที่เป็นระดับปรมาจารย์ปีศาจ”
ฝูงชนตกใจกลัว
อย่างที่รู้กัน เสือบูรพายอมสละชีวิตตัวเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะเสือบูรพาตอนนี้คงมีปรมาจารย์ปีศาจมากกว่าเก้าตนในนรกมนตรา
ถ้ามีปรมาจารย์ปีศาจเพิ่มอีกสักตน ก็คงจะผนึกนรกมนตราได้ยากขึ้น
เสือบูรพาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมากต่อคนทั้งโลก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันถูกตั้งว่าเป็นสัตว์มงคลและได้รับการสืบทอดตำนานต่อมา
แม้ว่าหลายคนจะลืมเรื่องราวดั้งเดิมไป ถึงขั้นลืมความสำเร็จของเสือบูรพา แต่เมื่อพูดถึงเสือบูรพาปฏิกิริยาแรกของทุกคนก็คือมันเป็นสัตว์มงคล
“ป่าเตียนวู นั่นไม่ใช่ป่าหวงชาในปัจจุบันหรอกหรือ?” ลั่วอู๋ถาม
เหวินเสี่ยวด้านสว่างพยักหน้า “ใช่ ที่นั่นแหละ”
ลั่วอู๋ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะไม่ใช่แค่สถานที่ที่ผนึกนรกมนตราไว้เท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่ร่างของเสือบูรพาฝังอยู่ด้วย
“มีบันทึกในหนังสือโบราณของวังเป่ยหมิงหรือไม่ว่าร่างของเสือบูรพาถูกเก็บรักษาไว้หลังจากการตายของมัน?” ลั่วอู๋ถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เหวินเสี่ยวด้านสว่างถอนหายใจ “นั่นแหละปัญหา ในตอนแรกหลังจากที่ร่างของเสือบูรพาล้มลงไป สวรรค์และโลกก็คร่ำครวญและถึงกับตกเลือด บางคนไปหาศพเสือบูรพาแต่ไม่มีศพเหลืออยู่เลย”
“นั่นไม่ใช่ข่าวดีแล้ว” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
“แต่มันก็ไม่แน่”
คำพูดของเหวินเสี่ยวทำให้ทุกคนใจชื้นขึ้น
“ไม่แน่ยังไง?”
“มันไม่ใช่แค่ไม่เหลือศพของเสือบูรพา แต่แม้แต่ร่องรอยของมันก็ไม่เหลือเช่นกัน” เหวินเสี่ยวกล่าว
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ “มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันเหมือนกับการระเบิดตัวเองหรือเปล่า?”
“ถึงจะเป็นการระเบิดตัวเองก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้” เหวินเสี่ยวส่ายหัว “ผู้อาวุโสสงสัยว่าเสือบูรพาตายจริงหรือไม่ด้วย”
“เรื่องสำคัญขนาดนี้ไม่ถูกสานต่อเลยหรือไง?”
“ตอนนั้นโลกอยู่ในความวุ่นวาย มีคนคอยตรวจสอบเรื่องนี้อยู่หรอก แต่หลังจากสงครามครั้งนั้นเสือบูรพาก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย เป็นใครก็ต้องคิดว่ามันตายแล้ว”
บางทีคงมีเพียงผู้อาวุโสของวังเป่ยหมิงที่บันทึกเรื่องนี้เป็นนิทานแปลก ๆ เท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้
ลั่วอู๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ “อย่างน้อยก็ยังมีเบาะแส ไปที่ป่าหวงชากันก่อนเถอะ”
“ได้” ฝูงชนพยักหน้า
ในเวลานี้ ลั่วอู๋ถามด้วยความสงสัย “แล้วเหวินเสี่ยวอีกคน...อยู่ที่ไหน?”
ทุกคนก็สงสัยเหมือนกัน
เหวินเสี่ยวทั้งสองไปวังเป่ยหมิงด้วยกัน เป็นไปได้อย่างไรที่เหวินเสี่ยวด้านสว่างกลับมาแค่คนเดียว
เหวินเสี่ยวด้านสว่างพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “หลังจากที่เขารู้ข่าวเขาก็ไปที่ป่าหวงชาคนเดียวโดยตรง ข้าหยุดเขาไว้ไม่ได้ ข้าเลยกลับมาบอกเจ้าก่อน”
ฝูงชนพูดไม่ออก
เหวินเสี่ยวอีกคนช่างเป็นตัวป่วนจริง ๆ
แบบนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะเดือดร้อนเองรึ
เขาไม่กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้คนอื่นรึไง
พวกเขาออกเดินทางทันทีและมาถึงป่าหวงชา แม้ว่ามันจะเป็นระยะทางที่ยาว แต่พวกเขามาถึงได้ในเวลาอันสั้น
ป่าหวงชาก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในตอนแรกมีนักล่าสมบัติมากมายในพื้นที่ห่างไกล
อันที่จริง ภูเขาและป่าไม้ที่รกร้างหลายแห่งที่เคยรกร้างว่างเปล่า เมื่อไม่นานมานี้ก็มีผู้คนพลุกพล่านมาก
หลายคนเดาตำแหน่งของเสือบูรพาจาก “หนังสือโบราณ” ซึ่งไม่มีความถูกต้องเลยและจากข่าวลือที่คลุมเครือ จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางเพื่อเสี่ยงโชคทีละคน
ลั่วอู๋ไปที่เมืองแห่งความพินาศที่คุ้นเคยที่สุดก่อน
เพียงแต่ไม่มีใครจำเขาได้
“เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยรึ?” ลั่วอู๋อดรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้
เมืองแห่งความพินาศ ไม่ใช่เหมือนที่เคยเป็นแล้ว
ในเวลานี้ ชายหนุ่มสวมหมวกผ้าสีดำเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “นี่น้องชาย เจ้าจะลองเสี่ยงเข้าไปในป่าหวงชารึ? ในป่าลึกนั่นมันอันตรายมากเลยนะ เจ้าต้องการคนนำทางไหม?”
บนไหล่ของชายคนนั้นมีเหยี่ยวรูปงามอยู่ ท่าทางเขาดูมีฝีมือ มือของเขาด้านไปหมด และเอวของเขาก็เหน็บมีดพร้าไว้ เขาดูเก่งมาก
“โอ้?” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเป็นสมาชิกทีมเขี้ยวหมาป่าหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “แน่นอน ทีมเขี้ยวหมาป่าคือทีมชั้นนำในเมืองแห่งความพินาศ เชื่อถือได้อย่างแน่นอน เจ้าสามารถสอบถามข้อมูลใด ๆ ก็ได้”
เขามองลั่วอู๋อย่างถี่ถ้วน เห็นว่าเขาเด็กมากจนต้องเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นแน่นอน
ลูกหลานแบบนี้ต้องรวยมาก
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเข้ามาเสนอตัว
เขี้ยวหมาป่า?
ในตอนลั่วอู๋รู้สึกประทับใจเล็กน้อยกับทีมนี้ สำนักโล่พิทักษ์และทีมเขี้ยวหมาป่าเคยได้ทำธุรกิจร่วมกัน
“คิดราคาเท่าไหร่?” ลั่วอู๋มีรอยยิ้มบนริมฝีปากของเขา
“ไม่แพง ไม่แพง” ชายหนุ่มกล่าว “หินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อน ร้อยคนจะออกเดินทาง”
“มีคนอื่นด้วย?”
“แน่นอน” ชายหนุ่มกล่าว “ไม่ต้องกังวล เราคุ้นเคยกับป่าหวงชาเป็นอย่างดี ปลอดภัยอย่างแน่นอน”
ลั่วอู๋ยักไหล่ “ไม่ล่ะ ข้าไม่สนใจ เจ้ารู้ไหมว่าสำนักงานใหญ่ของทีมหวงชาอยู่เมืองไหน?”
“เจ้าอยากไปทำอะไรที่สำนักงานใหญ่ของทีมหวงชา?” ชายหนุ่มลังเลเล็กน้อย “คนของพวกเขาอาจไม่รู้จักป่าหวงชาดีไปกว่าทีมของเราหรอก”
“ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำในทีมหวงชา” ลั่วอู๋พูดอย่างไม่ใส่ใจ
แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เขาก็ชี้ไปยังจุดที่ไม่ไกลแล้วพูดว่า “อยู่นั่นไง”
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
ข้าไม่คิดเลยว่าทีมหวงชาจะย้ายสำนักงานใหญ่มายังเมืองแห่งความพินาศโดยตรง
“ขอบคุณมาก. ก่อนที่เขาจะจากไปลั่วอู๋ก็ควักเหรียญวิญญาณจำนวนหนึ่งแล้วมอบให้กับชายคนนั้น “ถือว่าเป็นค่าถามทาง แล้วก็ฝากทักทายเจ้านายเพิง หงเทียนของเจ้าให้ข้าด้วย”
เมื่อชายหนุ่มรับเหรียญไว้ แล้วเขาก็อดยิ้มไม่ได้ เขาเป็นสมาชิกของตระกูลใหญ่จริง ๆ แถมยังควักเงินออกมาง่าย ๆ อีก
เดี๋ยวก่อน
เจ้านายเพิง หงเทียนของเรา?
ชายคนนั้นประหลาดใจ ชายคนนี้รู้จักลุงเพิงได้อย่างไร
ลุงเพิงเป็นชายชราที่มีชื่อเสียงมากในแวดวงทีมล่าสัตว์ของป่าหวงชา
ทุกคนต่างเรียกเขาว่าคุณเพิงด้วยความเคารพ
ว่ากันว่าสถานะที่สูงส่งของเพิงนั้นเกิดจากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับสำนักโล่พิทักษ์
ชายคนนั้นอยากจะถามอีกครั้ง ทว่าพวกลั่วอู๋หายตัวไปจากตรงนั้นเสียแล้ว
“ไปเร็วจริง ๆ” ชายคนนั้นพึมพำ
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนหลายคนวิ่งเข้ามาพร้อมกับลมปราณอันแรงกล้า
ชายหนุ่มตกตะลึง “ลุงเฉิน ลุงหวัง มาที่นี่ทำไมรึ?”
คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนสำคัญในป่าหวงชา
“พวกนายน้อยอยู่ที่ไหน?” เสียงของหลายคนสั่นคลอน
ชายคนนั้นไม่สนใจและตอบว่า “ลุงพูดเรื่องอะไร? พวกนั้นเป็นแค่คนจากตระกูลใหญ่ ๆ สักตระกูลต่างหาก ทำไมต้องไปเกรงใจกับคนพวกนั้นกันเล่า?”
ทีมล่าสัตว์ของป่าหวงชานั้นหัวแข็งมาก ไม่ชอบเอาใจตระกูลใหญ่เหล่านั้น
ชายวัยกลางคนพูดว่า “เจ้าไม่รู้รึไงว่าคนนำกลุ่มนั้นเป็นใคร?”
“ใครกันล่ะ?”
“หัวหน้าที่อยู่เบื้องหลังสำนักโล่พิทักษ์ในตำนานไง”
ชายหนุ่มตกตะลึง
หัวหน้าสำนักโล่พิทักษ์ในตำนาน?
ตำนานของลั่วอู๋เป็นที่นิยมในป่าหวงชา ท้ายที่สุดทุกคนรู้ว่าชายหนุ่มเกิดในป่าหวงชา
เขาสร้างอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่
เป็นนักเรียนที่มีความสามารถระดับสูงของสำนักเฉียนหลง
ปราบการกบฏของคฤหาสน์องค์ชาย
ราชินีแห่งฝันร้าย ซึ่งเป็นคนสนิทของเขา ได้บุกเมืองหลวงเพื่อแก้แค้นให้เขา สังหารผู้คนไปนับไม่ถ้วน
หลังจากหายตัวไปเป็นเวลาหกปี เขาก็กลับมาและบุกเข้าไปในวังเพื่อโค่นจักรพรรดิหนุ่มลง
แต่ล่ะคนในป่าหวงชาต่างภูมิใจ
มันเป็นความรู้สึกภาคภูมิใจ
ผู้อาวุโสในทีมล่าสัตว์หลายคนอยากจะพบเขา
หากโชคดีพอที่ก็จะได้สัตว์วิญญาณที่นายน้อยเป็นคนฝึกฝนมากับมือ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเป็นคนมีชื่อเสียง
ชายหนุ่มเติบโตขึ้นมาและได้ฟังตำนานของลั่วอู๋
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้เจอตัวจริง