ไหปีศาจ - บทที่ 1057 เผาตอไม้
บทที่ 1057 เผาตอไม้
ครืน
เสียงทื่อ ๆ ดังขึ้นในท้องฟ้าป่าหวงชา
ทรายคลุ้งกระจายเป็นเกลียวคลื่น ราวกับจะก่อตัวเป็นพายุทรายอันน่ากลัว
ตอไม้ถูกดึงออกมาและรากไม้ที่รกและหนาแน่นถูกถอนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งภายใต้การควบคุมของแก่นแท้แห่งไม้ ทำลายผืนดินและถอนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
รากไม้ยาวนับหมื่นเมตรถูกถอดขึ้นมา
ผู้คนทั่วพื้นที่ป่าหวงชา เห็นกองไม้หนาทึบลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า สูงตระหง่านเป็นก้อนเมฆ และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ครืน!
ขอบเขตของการทำลายดินกำลังขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ในทันที หนึ่งในสามของพื้นที่เมืองไมมู่ถูกทำลายเพราะรากไม้สูงตระหง่านนั้น
บ้านเรือนนับไม่ถ้วนพังทลายและกลายเป็นซากปรักหักพัง
ทุกคนถูกดึงดูดด้วยการถอนรากครั้งใหญ่นี้ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมองไปยังทิศทางของเมืองไมมู่ คำถามเดียวกันก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของทุกคน
นั่น… มันคืออะไร?
ลั่วอู๋และพรรคพวกของเขามองไปที่ภาพตรงหน้าพวกเขา และพวกเขาก็ตกใจเกินกว่าจะพูดออกมา
มันคือต้นไม้มนตรา
ใครจะเคยได้ยินเรื่องของมันมาก่อน
ธาตุทั้ง 5 ของ ฉูจงฉวนกำลังส่องแสง แต่แสงสีเขียวนั้นสว่างที่สุด พลังที่ไร้ขอบเขตวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้
แต่เขาไม่ได้รู้สึกพึงพอใจแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด
เขาคิดว่าเขาสามารถดึงตอไม้ทั้งหมดออกจากแผ่นดินได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้
พลังวิญญาณถูกกลืนกินไปอย่างบ้าคลั่ง
พลังเขาเริ่มขาดแคลน
ที่เลวร้ายที่สุดคือเขารู้สึกได้ถึงพลังแปลกประหลาดที่แผ่วเบาเข้ามาพัวพันกับแก่นแท้ของเขา ทำให้เขาหยุดไม่ได้และทำได้เพียงดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ลั่วอู๋ก็ตะโกน “ฉูจงฉวนหยุดเถอะ เจ้าจะฝืนต่อไปไม่ได้ ถ้าใต้ดินเสียสมดุลมากเกินไป มันจะทำให้เกิดดินถล่มครั้งใหญ่ได้ง่าย ๆ เลย”
ดินในป่าหวงชาเป็นดินอ่อน หากมีโพลงขนาดใหญ่อยู่ข้างใต้จะทำให้ดินทรุดตัวได้ง่าย
ในตอนนั้นก็จะไม่ใช่แค่เมืองไมมู่เท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ
เมืองครึ่งหนึ่งของป่าหวงชาจะโดนผลกระทบไปด้วย
“ข้า… ข้าหยุดไม่ได้” ฉูจงฉวนกัดฟันของเขา
เงาของสัตว์วิญญาณทั้งหมดได้ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา และลมปราณอันทรงพลังก็ปลดปล่อยออกมา ราวกับว่ามีพลังที่น่ากลัวที่จะบดขยี้ทุกสิ่ง
แต่ทุกอย่างเขาหยุดมันตามใจตัวเองไม่ได้เลย
สำหรับฉูจงฉวนที่มีความสามารถการควบคุมที่แข็งแกร่ง อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นเรื่องที่หายากมาก
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าก็ไม่รู้!” แสงสีเขียวของฉูจงฉวนสั่นไหว เขาตะโกนขึ้นว่า “ช่วยข้าหาทางที ดูเหมือนว่ามันจะดูดซับพลังของข้าอยู่”
ลั่วอู๋รีบบินขึ้นไปโดยไม่สนใจคนอื่น ๆ “เจ้าอดทนหน่อยนะ!”
หลังจากนั้นเขาก็เตะเข้าไป
ปัง
ร่างกายของฉูจงฉวนสั่นสะท้านและมีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา เขากระเด็นกลับหัวและล้มลงกับพื้นอย่างแรง แสงของธาตุทั้งห้าในร่างกายของเขาสลายหายไปในทันที
เมื่อพลังหยุดชะงัก ตอไม้ขนาดใหญ่ก็หยุดถอนขึ้นมาเช่นกัน
ทุกอย่างสงบลง
ปราณที่ยุ่งเหยิงค่อย ๆ เสถียรขึ้น โดยมีเสาแสงสูงเสียดฟ้าเพียงเสาเดียวที่ค้ำยันตอไม้ไว้
“เฮ้อ” หลินยูหลันเข้ามาพยุงฉูจงฉวน เขาลุกขึ้นและบ่นว่า “ลูกเตะนี้โหดร้ายจริง ๆ”
ลั่วอู๋กลอกตา “ในกรณีฉุกเฉินเช่นนี้ ข้าออมแรงไม่ได้หรอก”
ทุกคนรู้ดีว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บเพราะลูกเตะนี้
แต่เพราะพลังที่เข้ามาแทรกแซงที่นำไปสู่การกัดกินร่างกายตัวเอง
ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร มันก็ทำให้เขาหยุดตัวเองไม่ได้แม้จะอยากหยุดก็ตาม
ฉูจงฉวนปรับลมปราณของเขาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาเป็นสีเขียวสดใส และลมปราณของเขาก็ค่อย ๆ คงที่ หลังจากพลังชีวิตฟื้นกลับมา เขาก็ผสานเข้ากับมันทันทีและบรรเทาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากปราณตีกลับ
“มันแปลก” ฉูจงฉวนพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “รากนี้เป็นเหมือนหลุมไร้ก้นบึ้ง ข้ารู้สึกว่าข้าถอนมันออกมาได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น”
ลั่วอู๋เงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าเป็นอะไรไหม?”
“ไม่เป็นไร แค่โดนกัดกินพลังนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ตอไม้…อาจไม่ตาย อย่างน้อยก็ยังไม่ตายสนิทแน่นอน” ฉูจงฉวนอธิบายความรู้สึกของเขา
มีพลังที่มองไม่เห็นรบกวนเขา
ถ้าขืนถอนมันต่อไป เขาอาจจะถูกดึงพลังไปจนหมด
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
ต้นไม้ที่ตายแล้วยังไม่ตายสนิท?
ลั่วอู๋พึมพำกับตัวเอง “ตอไม้ มันงอกแบบกลับหัวกลับหางรึยังไง? นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำไมมันถึงหยั่งรากที่เหลือเชื่อเช่นนี้”
ดังนั้นเขาจึงพยายามสื่อสารกับต้นไม้นั้นอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เขาก็ไม่ได้รับการตอบกลับแม้แต่น้อย
ในที่สุด ลั่วอู๋ก็ถูกความรีบบังคับ สีหน้าเขาเปลี่ยนไปและพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ถ้ายังไม่ตอบข้าอีก เชื่อไหมว่าข้าจะเผาเจ้าให้เป็นจุลและผ่าออกเป็นสองซีก?”
ในเมื่อไม่สามารถเอามันไปได้ มันก็ไม่มีความหมายที่จะตามหามันอีก
ตอไม้ยังนิ่งโดยไม่มีการส่งกระแสจิตหรือการแสดงเจตจำนงใด ๆ
“แมลงเปลือกแข็งแค่ไหนก็ตายได้ ไม่ต้องพูดถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่อย่างเจ้าเลย” ลั่วอู๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ในเมื่อเจ้ายังไม่เต็มใจที่จะสื่อสาร งั้น… ฉูจงฉวน ถอนมันขึ้นมาเลย!”
ฉูจงฉวนยื่นมือออกมาและจุดไฟวิญญาณสีเขียวที่น่ากลัวและลึกล้ำ ไฟลุกโชนและคลื่นความร้อนแผ่ออกไป
สภาพแวดล้อมที่ร้อนและแห้งเป็นทุนเดิม ตอนนี้เหมือนกับอยู่ในภูเขาไฟ
ตอนนี้ถ้าฉูจงฉวนใช้ทักษะไฟที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ชื่อเสียงเขาต้องสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแน่นอน
“เอาจริงรึ?” ฉูจงฉวนถามด้วยเสียงต่ำ
ลั่วอู๋ตอบเขาด้วยสายตา “เผาก่อนแล้วค่อยดับไฟ”
ฉูจงฉวนพยักหน้าและอาบไฟไปทั่วร่าง ทันใดนั้น เปลวไฟก็ลุกโชนกลายเป็นไฟกลายเป็นยักษ์ เมื่อเทพแห่งไฟปรากฏตัว เขาก็ดูยิ่งใหญ่และสง่างาม เขาเผาไหม้ได้ทุกอย่างและอากาศที่ร้อนระอุก็ระเบิดออกมา
“เผามันซะ!”
ตู้ม!
เปลวไฟพุ่งออกไป
แม้ว่าเงาของเทพแห่งไฟจะยังเล็กเมื่อเทียบกับตอไม้ แต่พลังอันน่ากลัวก็บดขยี้ตอไม้ที่ตายแล้วและไร้ชีวิตจนหมด
เปลวไฟก็ลุกไหม้และกลืนกินส่วนล่างของรากไม้
ไกลออกไป ผู้คนเห็นเปลวเพลิงลุกโชนอย่างรวดเร็วไปตามรากไม้ แล้วกลายเป็นเสาไฟสูงตระหง่าน แสงที่ร้อนระอุทำให้พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นสีแดง
มันเหมือนกับภูเขาเปลวเพลิง
พื้นที่ป่าหวงชาอยู่ในความตื่นตระหนก
ถ้าเกิดไฟไหม้จะสร้างความเสียหายมากเกินไป
แต่พวกลั่วอู๋ไม่สนใจสถานการณ์ภายนอกตอนนี้ พวกเขาจ้องไปที่ตอไม้ หวังว่าจะรู้สึกได้ถึงกระแสจิตแม้เพียงเล็กน้อย
น่าเสียดายที่ความจริงไม่ดีเท่าที่พวกเขาต้องการ
ตอไม้ยังคงไม่ตอบ
“เอาล่ะ ดับไฟได้แล้ว” ลั่วอู๋ส่ายหัวอย่างหมดหนทาง
ฉูจงฉวนพยักหน้าและเริ่มรวบรวมเปลวไฟกลับมา
แต่เปลวไฟยังคงลุกไหม้ไม่มีหยุด มีแต่แนวโน้มว่าจะเผาไหม้หนักกว่าเดิม
ลั่วอู๋ไม่เข้าใจ “หืม? เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? ดับไฟสิ”
“ข้า… ข้าคุมไม่ได้” ฉูจงฉวนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “มันตัดขาดการควบคุมไฟของข้าและเผาตัวเอง”
ฝูงชนตกใจ
มันเป็นไปได้ยังไง
ไฟลุกลามอย่างบ้าคลั่ง แต่ตอไม้ก็ถูกไฟกลืนกินไป
“นี่มันแย่แล้ว!”
หัวใจของลั่วอู๋ร่วงหล่นลงสู่ก้นบึ้ง
มันสายเกินไปที่จะดับไฟ มันคือไฟที่ปล่อยออกมาโดยฉูจงฉวนมันไม่ใช่ไฟธรรมดา
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจะควบคุมไฟนี้
ทุกคนร่วมมือกัน คาดว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะดับไฟได้หมด แต่ในเวลานั้น ตอไม้น่าจะถูกเผาจนเหลือแต่ขี้เถ้า
มันทำให้ลั่วอู๋อยากจะสบถ
เจ้าตอไม้นี่มันเป็นบ้าอะไรไปแล้ว? ถ้ามีสติจริง ๆ เจ้าควรจะพูดอะไรสักอย่างสิ
ในเวลานี้ลมพัดมาช้า ๆ
มันเหมือนกับฤดูร้อนที่แผดเผากลายเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่เย็นสบาย ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น
ไฟทั้งหมดก็ดับลง
เหลือเพียงเสาไม้ขนาดใหญ่ที่มีรอยไหม้เกรียม
“พลังนี้มัน!” ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้นทันที
พวกเขาเห็นสายลมพัดมาลอยอยู่เหนือหัวของพวกเขา และกลายเป็นชายชราผู้เป็นอมตะที่มีท่าทางที่สงบและไร้ที่ติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาคู่นั้นลึกราวกับว่าเต็มไปด้วยจักรวาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองเล็กจ้อย
ราวกับเผชิญโลกกว้างใหญ่
ชายคนนี้คุ้นเคยกับทุกคน
ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ซวนชิงหยู่