ไหปีศาจ - บทที่ 1074 ความวุ่นวาย
บทที่ 1074
ความวุ่นวาย
จักรวรรดิอยู่ในความวุ่นวาย
ทุกคนรู้สึกได้ถึงภัยอันตราย
กองกำลังนับไม่ถ้วนตกอยู่ในความตื่นตระหนก
เช่นเดียวกับในพระราชวังจักรวรรดิ ขุนนางหลายคนในห้องโถงเฟิงเทียนหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมืออย่างเป็นกังวล แต่สถานการณ์ปัจจุบันจะแก้ไขได้ที่ไหน
“ฝ่าบาท ทำไมท่านยังไม่ออกมาอีก” ขุนนางถามอย่างไม่สบายใจ
แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้
“ใช่แล้ว ฝ่าบาท ถ้าท่านยังไม่ออกมาจัดการสถานการณ์โดยรวม ข้าเกรงว่าจักรวรรดิจะล่มสลายก่อนที่นรกมนตราจะบุกถึงเมืองหลวงเสียอีก” ขุนนางคนหนึ่งพูดขึ้น
พวกเขาคิดหาวิธีไม่ได้
พวกเขาทำได้เพียงต้องพึ่งพาหลี่ซวนซงเท่านั้น
ขุนนางอาวุโสจ้องพวกคนใช้และคำราม “เจ้าทำมางงอะไรอยู่ ไม่ไปรายงานฝ่าบาทให้ท่านออกมาสักทีเล่า?”
เหล่าคนใช้ซึ่งผิดชอบในการรับใช้องค์จักรพรรดิมีรอยยิ้มที่ขมขื่น
พวกเขาสามารถตัดสินใจพฤติกรรมของฝ่าบาทได้ที่ไหน
การหารือของขุนนางล้มเหลว และในที่สุด พวกเขาก็ทำได้เพียงมองชายชราที่อยู่ใกล้บัลลังก์ที่สุดเท่านั้น
เฒ่าเฉินหลับตาลงและรู้สึกถึงความเงียบเหนือห้องโถง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกหมดหนทางจะพลิกชีวิต
“ไม่ต้องกังวล” เฉินพูดอย่างใจเย็น
บางคนไม่สบายใจ “จะไม่ให้กังวลได้ยังไง? ในความยุ่งเหยิงเช่นนี้จักรพรรดิกลับไม่โผล่ออกมา”
“ฝ่าบาท… แน่นอนเขามีแผนของเขาเสมอ” รอยย่นบนใบหน้าของเฒ่าเฉินเริ่มลึกขึ้นเรื่อย ๆ และเสียงของเขาก็เบาลงเรื่อย ๆ “ผู้เฒ่าอย่างเรา ๆ รู้เพียงแต่จะพูดเรื่องบนกระดาษเท่านั้น ณ จุดนี้ เป็นการดีที่สุดที่จะไม่สร้างปัญหาให้ฝ่าบาท”
พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถพูดอะไรเพื่อหักล้างได้
หากเป็นคนอื่น การเรียกขุนนางอาวุโสว่าเป็นผู้ที่พูดได้แต่เรื่องในกระดาษจะต้องทำให้ส่วนใหญ่ไม่พอใจ
แต่เมื่อผู้เฒ่าตรงหน้าพูดเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่มีอารมณ์โกรธเลย
เพราะอีกฝ่ายเป็นอัครเสนาบดีของราชวงศ์คนปัจจุบัน ขุนนางอาวุโสที่ดูแลราชวงศ์สี่รุ่น เป็นอาจารย์ของจักรพรรดิสามรุ่น เป็นขุนนางที่มีความสามารถอย่างยิ่ง และแม้แต่หัวหน้านักวิชาการในโลก ก็ไม่มีใครกล้าหักล้างคำพูดของเขา
ผู้เฒ่าเฉินพ่นอากาศขุ่นออกมาเต็มปาก และความกังวลที่มองไม่เห็นแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
เขาหวังว่ามนุษย์จะสามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัตินี้ไปได้
……
……
ที่ไหนสักแห่งในวัง
หลี่ซวนซงสวมเสื้อคลุมมังกร และร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณมังกรที่น่ากลัว แสงสีทองส่องผ่านร่างของเขา แสดงถึงศักดิ์ศรีและความแข็งแกร่งของเขา ราวกับว่ามีมังกรแก่นแท้ออกมาจากตัวเขา
ตรงหน้าเขาเป็นห้องโถงที่เรียบง่าย
คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาใกล้ เนื่องจากเป็นที่ของผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ซวนชิงหยู่
หลี่ซวนซงจ้องไปที่ห้องโถงและคำราม “ซวนชิงหยู่ ออกมาซะ”
พลังของมังกรเต็มไปทั้งห้องโถง
แต่ซวนชิงหยู่ยังไม่ปรากฏตัว
“เจ้าเป็นแค่คนขี้ขลาดเมื่อเจ้าเอาแต่ดูแลโชคชะตา!” หลี่ซวนซงแผดเสียงอย่างโกรธเคือง “เจ้ากักขังข้าและปล่อยให้ข้าออกมาเพื่อดูแลความวุ่นวายพวกนี้ แต่เจ้ากำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงหลักและปฏิเสธที่จะปรากฏตัว ตอนนี้นรกมนตราบุกเข้ามาแล้วและมนุษย์กำลังตกอยู่ในอันตราย เจ้ายังจะซ่อนตัวและเล่นอยู่กับสิ่งที่เจ้าเรียกว่าหนทางแห่งโชคชะตาของเจ้าต่อไปอีกหรือ?”
ความโกรธของเขาพุ่งสูง
เขาอาจจะเป็นวีรบุรุษเลือดเย็น
แต่เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติเช่นนี้ หัวใจของเขาก็ไม่มีความคิดอื่นใดนอกจากการปกป้องมนุษย์
เขาต้องการครอบครองแผ่นดินใหญ่และโลก
แต่ก็ต่อเมื่อโลกยังเป็นของมนุษย์
ถ้ามนุษย์ถูกทำลาย ต่อให้เขาจะมีความสามารถพอจะกำจัดปีศาจทั้งหมดได้ มันจะมีประโยชน์อะไรในการเป็นเจ้าแห่งทวีปเช่นนี้?
แต่แม้ว่าหลี่ซวนซงจะเรียก ซวนชิงหยู่ก็ยังไม่ปรากฏ
ทั้งห้องโถงเงียบ
หลี่ซวนซงกัดฟันของเขาและปราณมังกรแก่นแท้ก็รวมตัวกันเป็นหมัดที่ยากจะต้านทานและพุ่งไปที่ห้องโถง
ตู้ม!
เกิดเสียงคำราม
ทั้งวังสั่นสะเทือน แต่ห้องโถงหลักยังคงไม่บุบสลาย
แต่หลี่ซวนจงถอยไปหลายก้าวเพราะแรงตีกลับจากพลังของเขา
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ค่อยปกติ
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ห้องโถงสามารถถูกถล่มได้ง่าย
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพราะซวนชิงหยู่เฝ้าห้องโถงอยู่
หลี่ซวนซงกำหมัดของเขาอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะไม่ออกมารึ?”
ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในห้องโถงหลัก
“งั้นก็อย่าเสียใจทีหลังล่ะ” หลี่ซวนจงพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าคือจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าจะนำมนุษย์ไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจ ตอนนี้เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
หลังจากนั้นหลี่ซวนซงก็หันหลังกลับและจากไป
เหล่าคนใช้ที่อยู่ห่างไกลรีบเข้ามา
“ฝ่าบาท ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว” คนใช้คนหนึ่งเดินออกมาอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ขุนนางทุกคนกำลังรอท่านอยู่”
หลี่ซวนจงพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้ารอให้ข้าไปเพื่ออะไร? สถานการณ์ปัจจุบันมันจำเป็นต้องหารือด้วยรึไง? จงส่งต่อคำสั่งของข้าและไประดมกองกำลังทั่วประเทศเพื่อเดินทัพสู่ป่าหวงชา นอกจากนี้ ประกาศด้วยว่าข้าจะให้การสนับสนุนอย่างดีที่สุดในการเกณฑ์ทหาร บอกกองบัญชาการทหารว่าไม่ว่าจะด้วยการเงินเบิกเกินบัญชีหรือการบังคับเกณฑ์ทหาร ข้าต้องการให้พวกเขาเกณฑ์ทหารหลักสิบล้านนายให้ได้ภายในวันเดียว”
“วัน… วันเดียว!” ขาของคนใช้สั่นด้วยความกลัว
มันเป็นไปไม่ได้
เกรงว่านั่นจะทำให้ประชาชนขุ่นเคือง
“เจ้ามัวทำอะไรอยู่ หรือว่าเจ้าอยากเข้าร่วมกองทัพด้วย” หลี่ซวนซงเหลือบมองพวกเขา
คนใช้ลนลานมาก “ไม่ ข้าจะไปส่งต่อคำสั่งของฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”
……
……
ในห้องโถงหลัก
ซวนชิงหยู่ ลอยอย่างเงียบ ๆ มีสายลมอยู่ใต้ร่างของเขา เขายังคงไร้ฝุ่นเกาะและให้ความรู้สึกเหนือกว่า ดูเหมือนว่าเขาพร้อมที่จะปรากฏตัวและกลายเป็นเซียนได้ทุกเมื่อ
อารมณ์แบบนี้ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่มีอะไรแบบนี้
เขาใช้เส้นทางที่ผิดปกติ
แต่นอกจากความสงบข้างต้นแล้ว สีหน้าของเขากลับดูเหนื่อยเล็กน้อย
แต่เดิมดวงตาที่ลึกราวจักรวาลและเปล่งประกายตอนนี้ก็อ่อนลงมาก
เขาได้ยินเสียงคำรามของหลี่ซวนซงนอกห้องโถง แต่ไม่มีคลื่นในหัวใจของเขา เขามองเข้าไปในความว่างเปล่าด้วยตาที่เปิดอยู่ราวกับว่าเขากำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
เขามองอยู่เช่นนี้นานแล้ว
ห้องโถงมีเสียงสะท้อนพร้อมกับเสียงถอนหายใจ
ซวนชิงหยู่เหยียดนิ้วของเขาออกและชี้ออกไปในความว่างเปล่า ราวกับปัดฝุ่นออกไป
ด้ายแห่งโชคชะตาถูกเขย่า และพลังที่มองไม่เห็นก็สลัดออกมา
หลังจากสงบลง มันก็ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
……
……
เมืองหลวงของจักรวรรดิอยู่ในความโกลาหล
ราชวงศ์มังกรเร้นกายอยู่ในความโกลาหล อาณาจักรภูเขาแห้งแล้งก็เช่นกัน
โชคดีที่หยู่เฮาส่งเสริมระบบพันธมิตรอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งอย่างแข็งขัน และชนเผ่าทุกขนาดก็ได้รวมตัวกันเป็นพันธมิตร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แต่ก็มีความกลมกลืนกัน
การบุกรุกของนรกมนตราทำให้เกิดความกลัวอย่างมาก
แต่สำหรับชาวอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง นี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายจิตต่อสู้ของพวกเขา
อาณาจักรภูเขาแห้งแล้งรวบรวมกองกำลังของชนเผ่าต่าง ๆ ด้วยความเร็วที่สูงมาก พร้อมที่จะต่อสู้กับนรกมนตรา
ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้ ชาวอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งทุกคนจะมาที่เผ่าเทียนหวู่เพื่อบูชารูปปั้นขนาดใหญ่ของท่านหม่าเฉินและอธิษฐานเพื่อขอชัยชนะ
ท่านหม่าเฉินได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อที่สองของทุกชนเผ่าในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่ผู้คนในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งมักจะรู้สึกว่ารูปปั้นที่สูงและทรงพลังนั้นเผยให้เห็นความผันผวนของพลังงานที่แตกต่างออกไปราง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาคู่นั้นซึ่งน่าเกรงขามและภาคภูมิ มักจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าท่านหม่าเฉินฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วจริง ๆ