ไหปีศาจ - บทที่ 209 ทิ้งเขาซะ
บทที่ 209
ทิ้งเขาซะ
“ฟิ้ว … ”
มีดคมที่ทำมาจากกระดูกพุ่งผ่านไป
ลั่วอู๋ใช้ดาบระบำแห่งความตายฟันมีดกระดูกนั้นออกเป็นสองท่อนทันที จากนั้นต้าหวงก็พุ่งออกไปพร้อมกับร่างเงาสิบร่าง เข้าโจมตีจระเข้กระดูกหินที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
จระเข้กระดูกหิน เป็นสัตว์วิญญาณชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกของอาณาเขตราชวงศ์มังกรเร้นกาย มันเป็นสัตว์วิญญาณที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในมณฑลทางใต้และเขตหวงชา
ว่ากันว่าสัตว์วิญญาณชนิดนี้ชอบกินหินทุกชนิด
“ไหลลงไปซะ”
หลังจากเอาชนะจระเข้กระดูกหินได้แล้วลั่วอู๋ก็เก็บมันเข้าไปในไหปีศาจ
นี่ก็เป็นวันที่สามแล้วนับจากตอนที่เขามาถึงพื้นที่ล่าสัตว์ที่เป็นสนามในการสอบคัดเลือก ลั่วอู๋ได้นำสัตว์วิญญาณมากกว่า 70 ตัวที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเก็บลงไหปีศาจ และหนังสือสัตว์วิญญาณก็ได้รับการเพิ่มเติมข้อมูลขึ้นมามาก
พื้นที่ล่าสัตว์แห่งนี้มีขนาดใหญ่อย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าต้าหวงนั้นจะตามกลิ่นหลี่หยินมาสามวันแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่พบนาง
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่าใกล้แล้ว
หลี่หยินนั้นน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่
สำหรับฉูจงฉวนดูเหมือนว่าเขาจะหายตัวไปโดยสมบูรณ์ ต้าหวงไม่แม้แต่จะได้กลิ่นของเขา ราวกับว่าเขาจงใจปกปิดกลิ่นของตัวเองด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ส่งแผ่นหยกนั่นมาให้พวกข้าซะ” ไม่ไกลนักมีเสียงที่ดูภาคภูมิใจดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงสะท้อนหลายครั้ง
ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและหันไปทางนั้น
เจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้ชายในชุดสีฟ้าขาว เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทอง มิติ 2 มันไม่ได้ถือว่าสูงก็จริง แต่เขามีลมปราณที่แข็งแกร่งมาก
เขามาพร้อมกับพรรคพวกเป็นชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่ง พวกเขาทุกคนสวมเสื้อผ้าสีฟ้าขาวแบบเดียวกัน แต่รูปแบบลวดลายนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาจากที่เดียวกัน
“ไม่” เสียงที่ตอบพวกเขาไปนั้นเป็นเสียงอันที่หนักแน่นและชัดเจนว่าเป็นของหลี่หยิน
มุมปากของชายในชุดสีฟ้าขาวขยับขึ้น
นี่มันสนุกมากสำหรับเขา
พวกเขามาจากกองกำลังอันทรงพลังในเขต เจียงซี, ทีมฮันซาน
พวกเขาทั้งสี่คนเป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของทีมฮันซาน พวกเขายอมไปหากองกำลังอื่นเพื่อซื้อโควตามาเพิ่มอีกสองโควตาสำหรับการทดสอบเฉียนหลงในครั้งนี้
ซึ่งแน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามการคาดการณ์ ทั้งสี่คนล้วนผ่านการทดสอบรอบแรก
หลังจากเข้าสู่พื้นที่ล่าสัตว์ในรอบที่สอง พวกเขาก็หากันเจออย่างรวดเร็วและเริ่มออกตามล่าชิงแผ่นหยกจากคนอื่น ๆ
แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือการผ่านเข้ารอบสองไปทั้งกลุ่ม
“มิติวิญญาณของเจ้าไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก แต่สัตว์วิญญาณตัวนั้นน่าสนใจมาก” ชายในชุดสีฟ้าขาวยิ้ม “ข้าปล่อยให้เจ้าหนีไปเจ็ดครั้งติดต่อกัน เพราะฉะนั้นดูเหมือนว่าตอนนี้พลังวิญญาณของเจ้านั้น ไม่น่าจะเหลือเพียงพอให้หนีต่อไปได้อีก อย่าดิ้นรนไปเลยน่ามอบแผ่นหยกนั่นมาให้พวกเราซะ”
หลี่หยินส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่”
ข้าง ๆ ของนางมีเสี่ยวไป่ที่ใช้พลังวิญญาณของมันจนหมดไปแล้ว มันดูเหนื่อยมาก ดังนั้นหลี่หยินจึงดึงมันกลับเข้าในแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
สัตว์วิญญาณเพียงตัวเดียวที่ยังสามารถต่อสู้ได้อยู่ของนางตอนนี้มีเพียงแค่เสี่ยวหลวน
แต่ฝ่ายนั้นเป็นถึงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงถึง 4 คน ความแตกต่างในด้านความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นใหญ่มาก มันเป็นที่แน่นอนแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
ถึงอย่างนั้นหลี่หยินก็ยังคงปฏิเสธที่จะมอบแผ่นหยกให้อีกฝ่ายอย่างแน่วแน่
“อย่ามาโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้าก่อนล่ะ” ในที่สุดใบหน้าของชายในชุดสีฟ้าขาวก็มืดมนลง เขาไม่มีเวลามาเสียไปกับแผ่นหยกเพียงแค่อันเดียว
หลี่หยินดูประหม่า เสี่ยวหลวนในอ้อมแขนของนางนั้นเริ่มจะเปล่งแสงอันดุร้ายและดูเหมือนว่ามันพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว
ชายในชุดสีฟ้าขาวเรียกสัตว์วิญญาณของตัวเองออกมา
มันคือวิญญาณไม้น้ำแข็ง
นี่เป็นสัตว์วิญญาณที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง มันมีรูปทรงของต้นไม้ และมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับทองมิติ 4 ร่างกายของมันแห้งขรุขระ กิ่งก้านของมันบิดเบี้ยวและแปลกประหลาด นอกจากนี้ทั่วร่างกายของมันยังปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง
เมื่อเห็นสัตว์วิญญาณตัวนี้ปฏิกิริยาแรกของผู้คนก็จะคิดว่ามันคือสัตว์วิญญาณต้นไม้อ่อนแอที่มีน้ำแข็งเกาะธรรมดา ๆ
แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น
ความจริงแล้ววิญญาณไม้น้ำแข็งเป็นสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังมาก มันมีทักษะที่หายากและทรงพลังถึงสามทักษะ
“พี่ชาย ที่แขนเสื้อของพี่มีแมลงเกาะอยู่” หญิงสาวจากทีมฮันซานกล่าว
ชายในชุดสีฟ้าขาวรู้สึกหงุดหงิดแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็ยกแขนเสื้อขึ้นสลัดสิ่งสกปรกออก
“มีอีกรึเปล่า?” ชายในชุดสีฟ้าขาวถาม
หญิงสาวตอบว่า “ไม่รู้ มันหายไปแล้ว”
ชายในชุดสีฟ้าขาวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เขาไม่ชอบแมลง ดังนั้นเขาจึงมักจะใช้ยากันแมลงอยู่เสมอ และด้วยพลังในการรับรู้ของเขาแมลงเหล่านี้ มักจะไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลยแม้แต่ปลายเล็บ
แต่คราวนี้มันแปลกไปหน่อยที่เขาไม่รู้สึกถึงแมลงใด ๆ คืบคลานอยู่บนตัวเขาเลยจนต้องให้คนอื่นเตือน บางทีเขาอาจให้ความสนใจกับอีกฝ่ายมากเกินไป
ชายในชุดสีฟ้าขาวมองไปที่หลี่หยินดวงตาของเขาดูเย็นชา “เจ้าเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ แต่นี่เป็นพื้นที่ล่าสัตว์และเป็นการทดสอบ ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบแผ่นหยกให้ข้าดี ๆ ละก็ ข้าก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป”
ร่างวิญญาณไม้น้ำแข็งปล่อยลมเย็นอันเบาบางออกมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องของนกกระเรียนดังก้องไปทั่ว
ผู้หญิงที่มีท่าทางเย็นชาขี่นกกระเรียนบินลงมาด้วยภาพลักษณ์ที่ดูศักดิ์สิทธิ์และเย่อหยิ่ง ทำให้ผู้คนต้องยอมถอยออกห่าง
สีหน้าของชายในชุดสีฟ้าขาวเปลี่ยนไปในทันที “นกกระเรียนแห่งการจุติใหม่ ของราชาขนนกงั้นเหรอ?!”
สัตว์วิญญาณของราชาขนนกแห่งพระราชวังหยู่หวังนั้นเป็นที่รู้จักกันดี
หนานกงหยิงเอ๋อพูดออกมาเบา ๆ “เจ้ามีความรู้รอบตัวดีใช้ได้เลยนี่นา”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดชายในชุดสีฟ้าขาวและพรรคพวกก็แสดงสีหน้าอันโกรธเคืองออกมา
“เจ้าก็แค่เป็นคนที่มาจากพระราชวังหยู่หวัง คิดว่าพวกเราทีมฮันซานจะเกรงกลัวเจ้างั้นเหรอ? เจ้ามันก็แค่ตัวคนเดียว” ชายในชุดสีฟ้าขาวพูด
ความแข็งแกร่งระหว่างฝ่ายของพระราชวังหยู่หวังและทีมฮันซานนั้นไม่ใหญ่มาก
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสี่คนเพิ่งได้รับการยกมิติวิญญาณเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงและยังไม่มีเวลาไปหาสัตว์วิญญาณคู่พันธสัญญาตัวที่สาม เพราะสัตว์วิญญาณระดับทองนั้นไม่ใช่อะไรที่หากันได้ง่าย ๆ
นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบของฝ่ายพระราชวังหยู่หวัง
ด้วยอิทธิพลของพวกเขาหนานกงหยิงเอ๋อจึงมีสัตว์วิญญาณชั้นดีไว้ในครอบครอง เช่นนกกระเรียนแห่งการจุติใหม่ ซึ่งมันเข้ากันได้ดีกับทักษะของนางที่มาจากพระราชวังหยู่หวัง
นางมีนกกระเรียนที่ได้รับมาจากราชาขนนก ทำให้ความแข็งแกร่งของนางพุ่งสูงขึ้น
“ข้าคนเดียวก็พอแล้ว” หนานกงหยิงเอ๋อพูดเบา ๆ จากนั้นมองไปที่หลี่หยิน “เจ้าต้องการให้ข้าช่วยไหม?”
หลี่หยินลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า
ปากของหนานกงหยิงเอ๋อมีรอยยิ้มผุดขึ้นมา “ตราบใดที่เจ้ายอมออกจากการเป็นคนรับใช้ของลั่วอู๋ และไม่คิดว่าตัวเองเป็นสาวใช้อีกต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างดี แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า”
“ทำไมกันล่ะเจ้าค่ะ ?” หลี่หยินตะลึง
หนานกงหยิงเอ๋อกล่าว “ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรอก ข้าก็แค่อยากให้เจ้าตอบกลับว่าเจ้ายอมที่จะทำตามที่ข้าเสนอหรือไม่ ?”
“ไม่เจ้าค่ะ” หลี่หยินหันหัวของนางไปอีกทาง
ชายในชุดสีฟ้าขาวเยาะเย้ยและพูดว่า “ดูเหมือนว่านางจะไม่เห็นถึงคุณค่าของเจ้านะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะยุ่งเรื่องของนางผู้นั้นมากเกินไปแล้ว”
“มันไม่ใช่ธุระของเจ้า” หนานกงหยิงเอ๋อตะคอกและจ้องกลับไปที่หลี่หยิน “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง แค่ยอมออกห่างจากลั่วอู๋แล้วข้าช่วยเจ้าให้ผ่านการทดสอบในรอบที่สองนี้เอง”
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของนาง นางถือเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้เข้าร่วมการทดสอบ แน่นอนว่านี่เป็นเพราะว่าในบรรดาผู้เข้าร่วมการทดสอบยังมีคนที่ไม่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธสัญญาตัวที่สามอยู่หลายคน
“ไม่เจ้าค่ะ” หลี่หยินยังคงปฏิเสธอีกครั้ง
หนานกงหยิงเอ๋อโกรธ “เจ้าลั่วอู๋นั่นมันมีอะไรดีล่ะ มันคุ้มค่าแล้วเหรอที่เจ้าจะติดตามเขา ? ในตอนนี้ที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย เขาไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ?”
หลี่หยินไม่ตอบ แต่นางกลับตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงทั้งสี่คน ด้วยสัตว์วิญญาณระดับเงินเพียงหนึ่งตัวของนาง
นี่มันบ้ามาก
“แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน” หนานกงหยิงเอ๋อหันหัวของนางกลับไป
กลุ่มคนจากทีมฮันซานในชุดสีฟ้าขาวทั้งสี่ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่ต้องการจะปะทะกับหนานกงหยิงเอ๋อในตอนนี้
จากนั้นพวกเขาก็มองกลับไปที่หลี่หยินพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดหยามบนใบหน้า ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 5 คนนี้จะสามารถรับมือกับพวกเขาได้รึยังไงกัน?
“ฮึ่ม”
จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงพึมพำ
เสียงพึมพำนั้นดูเหมือนจะมีพลังวิญญาณมหาศาล ซึ่งทำให้ร่างกายของพวกเขาพลุ่งพล่านอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“อา..”
เหล่าผู้คนในชุดสีฟ้าขาวทั้งสี่ต่างแสดงสีหน้าอันเจ็บปวดและตื่นตระหนกออกมา
พลังวิญญาณในเส้นวงจรวิญญาณวิ่งไปมาอย่างไม่เป็นระเบียบ ซึ่งทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานะผิดปกติ
นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกเขาถูกโจมตี?
นี่มันเป็นผลของพิษอย่างนั้นเหรอ ? แต่มันก็ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นพิษเลยนี่นา ?
“ใครมันบังอาจกล้ามาแตะต้องสาวใช้ของข้า!” ลั่วอู๋เดินออกมาอย่างช้า ๆ ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและโกรธเกรี้ยว