ไหปีศาจ - บทที่ 265 ถูกฆ่า
บทที่ 265 ถูกฆ่า
ทันใดนั้นเปลวไฟสีเขียวเข้มก็ตกลงมา อย่างไรก็ตามพื้นดินนั้นไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อยราวกับว่ามีเพียงสายลมพัดผ่านไป
เปลวไฟนั้นกลายเป็นเหมือนกับตัวหนอนเข้ารัดพันร่างกายของเอ๋าเฉาแน่น ไฟอันเย็นเฉียบนั้นได้ทำการกัดกร่อนแก่นวิญญาณของเขา
ฝูงชนต่างประหลาดใจ
“ช่างเป็นการควบคุมพลังวิญญาณที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“คนหนึ่งสามารถใช้กระแสปั่นป่วนเปลี่ยนให้เป็นโล่ได้ ส่วนอีกคนก็สามารถใช้ร่างแยกเพลิงซ้อนทับกันได้สองชั้น ทั้งสองคนนี้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการต่อสู้ดีกว่าคนทั่วไปมาก”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเกมจิตวิทยาของพวกเขา ทั้งคู่ดูเหมือนจะทำตัวสบาย ๆ แต่ที่จริงแล้วพวกเขาต่างก็กำลังมองหาข้อบกพร่องของอีกฝ่าย”
ผู้ชมบางคนถอนหายใจ “เจ้าคนที่ชื่อว่าฉูจงฉวนถึงเขาจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่ทักษะการต่อสู้ของเขาก็แข็งแกร่งมาก จนจัดได้ว่าอยู่ในระดับของเหล่าวีรบุรุษ”
“อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายนั้นเป็นหนึ่งในสองพี่น้องตระกูลเอ๋า เอ๋าเฉา ผู้ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เขาได้เผชิญหน้ากับความท้าทายมามากมายและคงจะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน” ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้น
ทว่าบางคนกลับปฏิเสธที่จะยอมรับคำพูดนั้น “ใครกำหนดว่าอัจฉริยะจากเมืองหลวงของจักรวรรดิจะไม่มีทางแพ้ได้กัน เจ้ากำลังจะบอกว่าอัจฉริยะจาก 36 มณฑล ไม่ได้รับอนุญาตให้แข็งแกร่งกว่าคนในเมืองหลวงของจักรวรรดิรึไง? “
“ฮึ่ม แต่เมืองหลวงของจักรวรรดินั้นมีบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่นมาตั้งแต่ในสมัยโบราณนะ”
“เจ้ากำลังแบ่งแยกภูมิภาค!”
“ข้ากำลังพูดถึงความเป็นจริงเท่านั้นแหละ ว่าตระกูลที่มีอำนาจต่างก็ย้ายไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิกันทั้งนั้นแหละ”
จากนั้นก็เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นในที่สุด
นี่เป็นเรื่องปกติมาก ความขัดแย้งระหว่างผู้คนจากเมืองหลวงของจักรวรรดิและมณฑลทั้ง 36 เป็นเรื่องปกติที่มีอยู่ตลอด
ฉูจงฉวนไม่มีเวลามาสนใจการทะเลาะวิวาทของคนรอบข้าง สายตาของเขาจ้องมองไปที่เอ๋าเฉาอย่างจริงจัง ใบหน้าของเขายังดูสง่างามอยู่
“มันเจ็บใช้ได้เลย” เอ๋าเฉาพูดอย่างใจเย็น
ร่างกายของเอ๋าเฉาถูกปกคลุมไปด้วยทรายดูดตื้น ๆ มันเป็นทรายที่ประกอบไปด้วยพลังวิญญาณซึ่งช่วยสกัดกั้นการเผาไหม้ของไฟแห่งความว่างเปล่า
ทักษะ ระดับ A [กำแพงทรายดูด]
มันเป็นทักษะที่ใช้ในการป้องกัน
เดิมทีมันคือทักษะที่ใช้สร้างโล่ทรายดูด เพื่อต้านทานการโจมตีทั้งหมดอย่างอิสระ แต่เอ๋าเฉาสามารถควบคุมมันเป็นชั้นบาง ๆ ที่แนบตามร่างกายของเขาได้ด้วยความสามารถในการควบคุมอันเฉียบคม
ด้วยวิธีนี้เขาจึงสูญเสียพลังวิญญาณน้อยกว่าปกติมาก และสามารถคงสภาพของโล่ทรายดูดได้เป็นเวลานาน แต่มันก็ต้องใช้สมาธิในการควบคุมพลังวิญญาณมากกว่าปกติเช่นกัน
กำแพงทรายดูดนั้นไม่สามารถป้องกันความเสียหายจากไฟแห่งความว่างเปล่าได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันก็สามารถปิดกั้นความเสียหายส่วนใหญ่ได้ ซึ่งทำให้เอ๋าเฉา สามารถทนรับความเสียหายจากไฟแห่งความว่างเปล่าได้โดยไม่ได้รับอันตรายอะไรเท่าไหร่นัก
รูม่านตาของเอ๋าเฉากะพริบ พลังวิญญาณอันน่ากลัวควบแน่นขึ้นในดวงตาของเขา จากนั้นมันก็ระเบิดออกมา ทักษะ [รังสีแห่งความตาย] ถูกใช้งาน
ฉูจงฉวนรู้สึกประหลาดใจ
มันเป็นการโจมตีในระยะใกล้มากจนเขาทำได้แค่ป้องกันมัน
ใช้งานทักษะ [สู่ธาตุ]
รังสีแห่งความตายทะลุผ่านหน้าอกของเขาทำให้มีบาดแผลทะลุทะลวงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น แต่ฉูจงฉวน นั้นไม่ได้มีเลือดไหลออกมาเลย และบาดแผลนั้นก็เต็มไปด้วยทรายละเอียดไหลลงมาแทน
“ฟู่” ฉูจงฉวนปล่อยเปลวไฟอันร้อนแรงออกมาอีกครั้ง ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นฟูและบาดแผลนั้นก็ค่อย ๆ หายไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
แต่มันก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากจริง ๆ
ทักษะสู่ธาตุนั้น สามารถต้านทานความเสียหายทางกายภาพได้ แต่เห็นได้ชัดว่ารังสีแห่งความตายนั้นไม่ได้จัดอยู่ในความเสียหายทางกายภาพ ดังนั้นถึงแม้ว่าฉูจงฉวนจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปอย่างมาก
เอ๋าเฉาพยักหน้า “เจ้าแข็งแกร่งมากจริง ๆ สัตว์วิญญาณของเจ้าเองก็เก่งมาก นอกจากนี้ทักษะของเจ้าเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน ข้าไม่ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจขนาดเจ้ามานานแล้ว”
“ขอบคุณมากสำหรับคำชม” ฉูจงฉวนยังคงรักษาท่าทางอันสุขุมของเขาไว้
“น่าเสียดายที่เจ้าจะไม่มีทางชนะข้าได้” เอ๋าเฉาทำท่าทางเสียใจ “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธสัญญาตัวที่สาม ซึ่งนั้นจะเป็นตัวกำหนดว่าตัวเจ้าไม่มีวันเอาชนะข้าได้”
ดวงตาของฉูจงฉวน เป็นประกายสีเขียวจาง ๆ “ข้าไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ”
“โอ้เจ้านี่มันช่างเย่อหยิ่งเหลือเกิน” เอ๋าเฉาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชาลงอย่างมาก “ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อช่วยลั่วอู๋ ในกรณีนี้เจ้าจึงถือเป็นศัตรูของข้า และข้าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับศัตรูโดยเด็ดขาด ข้าจะแสดงให้เจ้ารู้ถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเจ้ากับข้าเอง ”
ลมปราณของเอ๋าเฉาเริ่มรุนแรงขึ้นมาก
เงาของเนตรทรราชชั่วร้ายด้านหลังเขาสว่างขึ้น ทันใดนั้นลูกตาขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ควบแน่นออกมาจากความว่างเปล่า
ทักษะระดับ S [สายตาแห่งความตาย]
พลังวิญญาณของฉูจงฉวนลดลงในทันที
แสงรอบตัวของเขาดูเหมือนจะจางลง โลกกลายเป็นสีดำสนิท ไม่มีแสงไม่มีเสียงไม่มีกลิ่นอะไรหลงเหลืออยู่เลย
หัวใจของฉูจงฉวนดิ่งจมลง
เขาเคยได้ยินมาว่าเนตรทรราชชั่วร้าย นั้นเป็นสัตว์วิญญาณประเภทอสูร มันเกิดจากการรวมตัวกันของอารมณ์อันโหดร้าย ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความแค้น
สายตาแห่งความตายเป็นทักษะที่สามารถสร้างภาพลวงตาและลบพลังวิญญาณของคู่ต่อสู้ออกไปได้ตลอดเวลา
เมื่อทักษะนี้สิ้นสุดลง นั่นหมายถึงอีกฝ่ายได้อ่อนล้าและสูญเสียพลังวิญญาณส่วนมากไปแล้ว
ฝูงชนที่มองดูอยู่ต่างรู้สึกหนาวเหน็บ
มันเป็นทักษะที่แย่มาก
ทักษะนี้ส่งผลโดยตรงต่อพลังวิญญาณ มันจะค่อย ๆ กลืนกินพลังวิญญาณของศัตรูไป นอกจากนี้มันยังถือว่าเป็นทักษะระดับสูงในบรรดาทักษะที่อยู่ในระดับเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าสายตาแห่งความตายเป็นทักษะที่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับ S
ฉูจงฉวนถอนหายใจ เขามองไปที่ความมืดและความว่างเปล่าตรงหน้าเขา “ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ คงถึงเวลาที่ข้าจะต้องใช้ไพ่ตายแล้ว”
สายตาแห่งความตายเป็นทักษะ
ฉูจงฉวนยกมือข้างที่เกือบจะเน่าเสียด้วยพิษไฟขึ้นมา อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากลัว และเปลวไฟทั้งหมดก็ดูเหมือนจะปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา เปลวไฟนั้นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและสลายไปในความมืด
จู่ ๆ เอ๋าเฉาก็รู้สึกได้ว่าทักษะของเขาถูกขัดจังหวะ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ครู่ต่อมาเขาก็เห็นสภาพร่างกายของฉูจงฉวนที่เปลี่ยนไป ร่างกายของเขาสว่างและกลายสภาพเป็นเปลวไฟสีเขียวเข้ม ต่อมาร่างกายของเขาก็ถูกกลืนกินไปโดยเปลวไฟสีเขียวเข้มทั้งหมดทั้งร่าง
เปลวไฟลุกขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับเปลวไฟขนาดยักษ์ที่เผาผลาญผืนป่า
เขากลายร่างเป็นยักษ์เปลวเพลิงอันดุร้ายและสง่าผ่าเผย เขามีแขนหกแขน ความร้อนรอบตัวพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน่ากลัว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวแม้แต่หมู่เมฆละลายหายไป
“พระเจ้าช่วย! มันมีทักษะแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย ?!”
“พลังนั่นมันช่างน่ากลัว นี่คือพลังของทักษะระดับ SS ไม่ผิดแน่”
“ทั่วทั้งสนามประลองเหลือเพียงแค่ออร่าแห่งธาตุไฟ ออร่าของคุณสมบัติธาตุอื่น ๆ ก็ถูกขับออกไปและแม้แต่ขอบเขตที่ถูกสร้างขึ้นก็ยังถูกทำให้ละลายสลายหายไป!” มีการพูดคุยกันเกิดขึ้นมากมาย
ผู้คนส่วนใหญ่ที่ดูการต่อสู้อยู่ต่างรู้สึกไร้พลังและไม่สามารถต้านทานพลังอันน่ากลัวนี้ได้
ทักษะระดับ SS มักจะมีความสามารถอันเหลือเชื่อ
มีเพียงไม่กี่คนที่เท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังที่แท้จริงของทักษะระดับ SS ได้ การเป็นเจ้าของทักษะนั้นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ต้าหวงไม่สามารถใช้ลมหายใจมังกรได้อย่างสมบูรณ์ และ ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะนั้นก็สามารถใช้พลังของทักษะมิติเวทมนตร์ได้น้อยกว่าหนึ่งในสิบ
ทว่าฉูจงฉวนนั้นสามารถควบคุมทักษะ อัญเชิญเทพเพลิงได้ถึง 30%
“ตูมมม”
เทพเจ้าเพลิงยกหมัดขึ้นแล้วชกมันลงไป
ทั่วทั้งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
ราวกับว่าแมกม่าได้ปะทุออกมากลืนกินทั่วทั้งแผ่นดิน พลังอันน่ากลัวของมันทำให้ทุกคนในที่เกิดเหตุตัวสั่นด้วยความกลัว ฝุ่นฟุ้งขึ้นไปทั่วเวทีการแข่งขันทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหมอก
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่
ความโกลาหลค่อย ๆ บรรเทาลงและในที่สุดผู้คนก็สามารถเห็นฉากแห่งความหายนะ
เทพเจ้าเพลิงขนาดใหญ่ได้สลายหายไปและฉูจงฉวนก็ได้คลายสภาวะการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณออก เขาพยายามที่จะหายใจและหัวของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาพยายามที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นลมล้มลงไป
เบื้องหน้าของเขามีร่างกายที่แตกสลาย ราวกับว่าเพิ่งถูกแมกม่าราดลงใส่จนแข็งตัวแล้วแตกออกมา อย่างไรก็ตามมันมีรูปร่างเหมือนเอ๋าเฉา ลมปราณของเขาลดลงต่ำจนวิกฤต
หากเขาไม่ได้รับการรักษาทันเวลาเขาคงจะต้องตาย
“การประลองได้จบลงแล้ว รีบไปทำการรักษาซะ” ใบหน้าของอาจารย์ที่คุมลานประลองเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง
ทว่าในช่วงเวลาต่อมาร่างกายของเอ๋าเฉา กลับปกคลุมไปด้วยแสงสีดำแปลก ๆ อาการบาดเจ็บของเขาถูกฟื้นฟูด้วยความรวดเร็ว
พิษไฟในร่างกายถูกขจัดไปจนหมด มันกลายเป็นแมกม่าอันน่ากลัวหยดลงบนพื้นกัดเซาะพื้นดิน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฉูจงฉวนตกใจ
ใบหน้าของเอ๋าเฉามืดมนมากจากนั้นเขาก็คำราม “เจ้าฆ่าข้า เจ้ากล้าดียังไงมาฆ่าข้า!”
ทุกคนต่างสับสน เจ้ายังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ?
เหวินเสี่ยวถอนหายใจ “มันเป็นไปได้ที่จะกลับมาจากความตายด้วยทักษะบางอย่าง เท่าที่ข้ารู้เนตรทรราชชั่วร้ายมีทักษะระดับ A ที่หายากมาก [คืนชีพจากความตายจำลอง] ซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้เมื่อถูกทำร้ายจนได้รับความเสียหายสุ่มเสี่ยงที่จะถึงแก่ความตาย มันจะช่วยให้ผู้ที่ครอบครองฟื้นฟูและรอดจากความตายนั้นมาได้ครั้งนึง”
แม้ว่าทักษะนี้จะอยู่ในระดับ A แต่มันก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าทักษะระดับ SS อย่างไรก็ตามมันสามารถใช้งานได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ทักษะที่คล้ายกันได้แก่ “คืนชีพจากนิพพานจำลอง” และ “ร่างอมตะศักดิ์สิทธิ์จำลอง”
ทักษะเหล่านี้เป็นอะไรที่ไม่สามารถยับยั้งการใช้งานได้ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผู้ครอบครองนั้นกำลังอยู่ในสภาวะเสียชีวิต คู่ต่อสู้สามารถใช้ทักษะที่มีความสามารถในการผนึกการเคลื่อนไหว ทำให้ข้อได้เปรียบของการคืนชีพหายไปได้
น่าเสียดายที่ฉูจงฉวนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีทักษะนี้
เขาจึงไม่มีทางเตรียมรับมือกับมันได้ทัน
“ข้ายอมแพ้!” ฉูจงฉวนยกมือขึ้นแล้วหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือข้าจะปล่อยให้ลั่วอู๋ เป็นคนจัดการเอง”
อาจารย์ที่คุมลานประลองก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
เขานั้นลังเลว่าจะตัดสินให้ใครเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ โชคดีที่การประลองนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
“อย่ามายอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ แบบนี้สิ!” ทันใดนั้นเอ๋าเฉาก็คำราม ดวงตาอันชั่วร้ายที่สลายไปในอากาศก็ค่อย ๆ รวมตัวกันอีกครั้งและรังสีแห่งความตายก็ถูกปล่อยออกมา
เขารับไม่ได้
เขารับไม่ได้ที่เขาถูกฆ่าตายบนลานประลอง
เขาวางแผนที่จะใช้ทักษะฟื้นขึ้นมาจากความตาย เพื่อประเทศ เพื่อครอบครัว หรือเพื่อคนสำคัญแล้วฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอย่าวีรบุรุษ
แต่ทว่าเขาเพิ่งตายไปและได้สูญเสียมันไปแล้ว
เขาถูกฆ่าตายบนเวทีการประลอง
เขารับความจริงนี้ไม่ได้
เขาจะต้องฆ่าอีกฝ่ายให้จงได้