ไหปีศาจ - บทที่ 289 ความชั่วช้า
บทที่ 289 ความชั่วช้า
บทที่ 289 ความชั่วช้า
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับลั่วอู๋ที่จะชนะได้ไม่ยาก
เนื่องจากคู่ต่อสู้จอมหยิ่งผยองในการต่อสู้ครั้งแรกนั้นใช้ความแข็งแกร่งของยักษ์หินหวู่หลิง ดังนั้นลั่วอู๋นอกจากการใช้พลังวิญญาณที่สูงกว่าแล้ว เขาแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย
ยักษ์หินหวู่หลิงนั้นมีข้อบกพร่องมากเกินไป
ต้าหวงได้เรียนรู้ทักษะ [ฉีกกระชากสายฟ้า] จากเล่กุย ขณะที่ผีเสื้อปีกมายานั้นเรียนรู้ทักษะ [เชิญพายุคลั่ง] จากวานรพายุคลั่ง
แต่คุณสมบัติน้ำแข็งนั้นยุ่งยากยิ่งกว่า
เนื่องจากธรรมชาติของธาตุน้ำแข็ง สัตว์วิญญาณต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นน้ำแข็งและเต็มไปด้วยหิมะ แต่ราชวงศ์มังกรเร้นกายนั้นมีสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และมีสถานที่เช่นนี้อยู่ไม่กี่แห่ง
สัตว์วิญญาณที่มีทักษะธาตุน้ำแข็งจึงมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ลั่วอู๋ไม่ได้พบมันในสำนักเฉียนหลง ตวนซีนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าเขาจะต้องการก็ตาม
แต่มีนักเรียนคนหนึ่งของสำนักเฉียนหลง ชื่อทัวป๋าเจียฉี เขานั้นมีแมงมุมเร้นกาย ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่พบได้ยากมากอยู่
แมงมุมเร้นกาย นั้นมีทักษะอยู่น้อยมากเพียงสามทักษะ แต่ก็มีจุดที่น่าประหลาดใจอยู่หลายจุด
มันมีทักษะวิญญาณระดับ SS
ใยของแมงมุมเร้นกาย สามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติได้ตามที่ต้องการ และยังสามารถเปลี่ยนการใช้งานในรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น การผูกมัด, เฉือน, ประสาทหลอน, พิษ, ลอยตัว, บิน ฯลฯ
แน่นอน ทักษะที่แข็งแกร่งเช่นนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบ ในฐานะที่เป็นทักษะระดับ SS พลังของมันนั้นด้อยกว่าทักษะระดับ S เสียอีก
ตวนซีเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นแมงมุม
มันสำรอกตาข่ายน้ำแข็งออกมาพร้อมกับทักษะ [ฉีกกระชากสายฟ้า] และทักษะ [เชิญพายุคลั่ง] ทำให้สมดุลของธาตุทั้ง 5 ในร่างกายของพาสูนั้นอ่อนแอลงมาก
นั่นคือแผนของลั่วอู๋
ในด้านทักษะการต่อสู้ลั่วอู๋ไม่ได้เหนือกว่า แต่ในแง่ของมิติลั่วอู๋นั้นด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย และในแง่ของสัตว์วิญญาณของคู่ต่อสู้ก็ไม่ได้อ่อนแอเลย
ดังนั้น หากลั่วอู๋ต้องการใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของตัวเองอย่างเต็มที่ จะไม่มีใครบอกว่าการใช้กลยุทธ์นี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นจุดแข็งได้
หากเราพูดถึงด้านการยับยั้งแล้วละก็ เราควรเป็นคนแรกที่มีตวนซี ซึ่งสามารถพัฒนากลายเป็นทุกอย่างได้
“โชคดีชะมัด!” ผู้คนของสำนักหม่าเฉินไม่ชอบใจที่จะจ้องมองลั่วอู๋ “คราวหน้าเจ้าไม่มีวันโชคดีแน่”
ใช่แล้ว มันสามารถนำมาประกอบกับความโชคดีได้เท่านั้นเอง
พาสู แม้จะต่อสู้กับจักจั่นสีทองที่ทรงพลังที่สุดในหมู่พวกมัน แต่เขาก็ไม่มีแววจะแพ้เร็วนี้แน่
“ใครบอกกันละว่า โชคนั้นไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความเข้มแข็ง ” ฉูจงฉวนยืนขึ้นและตอบว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่มีโชคกันล่ะ?”
“เจ้าสูบบุหรี่มากเกินไปไหม? ” (คล้าย ๆ เมากาว)
อากูดะดูเหมือนเขาจะไม่ยอมอดทนต่อไปแล้ว เขาเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมกับแสงสว่างวาบดั่งจากดวงตาของเขา ดั่งหมาป่าผู้หิวโหย “อย่าพูดจาอวดดีไปหน่อยเลย ไม่มีอะไรน่าภูมิใจมากไปกว่าการได้พิชิตขยะบางคน ข้าจะฆ่าเจ้าซะ”
ในช่วงแรกพวกเขาเหมือนกับอยู่ท่ามกลางานเทศกาลบางอย่าง
อากูดะนั้นอยู่ในอันดับที่ 3 ของรายชื่อของสำนัก เฉียนหลง และความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้
“ไม่ต้องห่วง มันถึงตาเจ้าแล้ว” ลั่วอู๋พูดอย่างเบา ๆ
อากูดะหัวเราะ ” เจ้าคิดว่าข้ากำลังท้าทายเจ้าอยู่ใช้ไหม? ตอนนี้ข้าเพียงแค่ต้องการที่จะเอาชนะเจ้า ตราบใดที่เจ้าเริ่มเข้าสู่การประเมินการต่อสู้ ข้าจะโจมตีเจ้าทันที ”
“ข้าจะหนี เจ้าตามข้ามาไม่ทันหรอก ” ลั่วอู๋ยังคงสงบ
“หืม หนีงั้นหรือ?” ดวงตาของอากูดะนั้นมีแต่ความกระหายเลือด ” ไม่มีใครรอดพ้นจากการล่าของหมาป่าได้หรอก ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะทำอะไรต่อไปเมื่อถูกข้าไล่ตาม”
ลั่วอู๋หัวเราะและแสดงสายตาที่เย็นชาออกมา “ ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าเข้ามาแทรก การท้าทายครั้งนี้ก่อนเวลาดีกว่า คนส่วนมากอาจเห็นว่าคนในสำนักหม่าเฉินนั้นไม่กล้าพอที่จะยอมรับการท้าทาย เทียบกับพวกเราแล้ว พวกเจ้ามีกันแค่ 30 คนดังนั้นมันคงจะดีกว่า ถ้าไม่มาเจ็บตัวก่อนลำดับของตัวเอง ”
เห็นได้ชัดว่าการท้าทายครั้งนี้ไม่ได้มาอย่างเป็นทางการ
และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าคนในระหว่างการต่อสู้จริงโดยไม่ถูกหยุด
“เจ้ากำลังขู่ข้างั้นเหรอ? ” อากูดะโกรธมาก “เจ้ากล้าฆ่าคนงั้นหรือ? ถ้าเกิดเจ้าหนีไป ข้าจะสุ่มเลือกฆ่าคนจากสำนักเฉียนหลงซะ!”
คำพูดนั้นไปกระตุ้นเหล่าผู้คนในสำนักเฉียนหลงนับพันโกรธอย่างมาก
อวดดีชะมัด!
กล้าพูดแบบนั้นออกมาโดยไม่อายได้อย่างไร
“กล้ามากนะ!”
“อากูดะ เจ้าอย่าอวดดีให้มากนัก ”
นักเรียนระดับสูงของสำนักเฉียนหลงต่างตะโกนขึ้น
แม้ว่าลั่วอู๋จะหมายถึงสิ่งเดียวกันอย่างน้อยก็คลุมเครือไม่ชัดเจนต่างจากอากูดะ ในมุมมองของผู้คนนั้นบอกว่าเขาต้องการฆ่าคนในสำนักเฉียนหลง
ลั่วอู๋ไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด “เจ้าก็ฆ่าไปซะสิ เจ้านี่มันช่างอวดดีชะมัด ข้ารับรองว่าเจ้าต้องตายก่อนแน่นอน เพราะว่าที่นี่คือสำนักเฉียนหลง”
ใช่แล้ว เพราะที่นี่คือสำนักเฉียนหลง
มันคือสิ่งที่อยู่ในใจของลั่วอู๋
ถ้าหากเจ้าสังหารนักเรียนของสำนักเฉียนหลงด้วยเจตนาร้าย ข้าเกรงว่ารองประธานหลี่หวู่หยวนจะโกรธในทันที และอาจจะฆ่าอากูดะตายก็เป็นได้
ใบหน้าของอากูดะเปลี่ยนไป เขาเป็นคนตัดสินใจเร็ว แต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
“เจ้ามีเมล็ดพันธุ์อยู่ด้วย ถ้าเจ้าโชคดีพอที่จะท้าทายข้า ตลอดทางข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปไหนแน่ ” อากูดะพูดออกมาแล้วเดินจากไปด้วยความโกรธ
ผู้คนจากสำนักหม่าเฉินที่เหลือก็จากไปเช่นกัน
พวกเขาจ้องมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความโกรธ
เหว่ยเฉิงโฉวกล่าว ” ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า น้องชายลั่วจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ เมื่อได้พบกับเอ๋าหยู่ เจ้านั้นไม่มีทักษะที่มีคุณสมบัติของธาตุลมและน้ำแข็ง ”
นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปคิด
เอ๋าหยู่เมื่ออยู่ในสงครามเขาจะซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ มันต่างกับลั่วอู๋มากเกินไป
ลั่วอู๋อธิบายได้ไม่ยาก เขาทำได้เพียงยิ้มอย่างเจื่อน ๆ แสร้งทำเป็นเก็บความรู้สึกเอาไว้
“น้องชายลั่วอู๋ เจ้าควรระมัดระวังตัวให้มากขึ้น มีนักเรียนไม่กี่คนของสำนักหม่าเฉินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่ และยากที่จะต่อกรอย่างยิ่ง”
วันนี้ได้มีการจัดการทดสอบการต่อสู้จริง
อัจฉริยะของทั้งสองสำนักนั้นมีความขัดแย้งกัน
ความสามารถระดับแนวหน้าของสำนักเฉียนหลงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคนอื่น ๆ มีเพียงผู้คนจากสำนักหม่าเฉิน เท่านั้นที่มีเจตจำนงในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและวิธีการเล่นที่รุนแรงและรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นในการต่อสู้ระดับสูงสำนักเฉียนหลงจึงยังคงพ่ายแพ้เล็กน้อย
ทุกคนต่างมีความเห็นร่วมกันว่าคนเหล่านี้จากสำนักหม่าเฉินยากนั้นยากจะรับมือ
“ขอบคุณที่เตือนข้า.” ลั่วอู๋กล่าว
นักเรียนที่มาจากเมืองหลวงของจักรวรรดิกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ยินดีต้อนรับ ด้วยความแข็งแกร่งของน้องลั่วอู๋ และระดับฝีมืออันน่ากลัว ไม่แปลกที่เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่สิบอันดับแรกของรายชื่อ สำนักเฉียนหลงได้ นอกจากพวกเราเองอยากเห็นรายชื่อสำนักเฉียนหลงของเรา ถูกครอบครองโดยคนในสำนักมิใช่พวกคนป่าเถื่อนเหล่านั้น”
ลั่วอู๋พยักหน้า
นั่นคือสิ่งที่หลายคนคิด
เนื่องจากการปรากฏตัวของสำนักหม่าเฉิน บรรยากาศการทดสอบระหว่างคนของสำนักเฉียนหลงด้วยกัน จึงผ่อนคลายลงไปมาก แต่ก็ไม่ค่อยมีความลงรอยกันมากเท่าไหร่
ลั่วอู๋กลับไปที่บ้าน เพื่อศึกษาข้อมูลของนักเรียนของสำนักหม่าเฉินอย่างจริงจัง
หยู่เสี่ยวฉางนั้นคือเป้าหมายคนต่อไป
สำนักหม่าเฉินอยู่ในอันดับที่เก้าในแง่ของความแข็งแกร่ง เว้นแต่หยู่เสี่ยวฉางเท่านั้น
ลั่วอู๋ไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงคนนี้เลย
แต่เขาต้องการเอาชนะนางให้ได้สักครั้ง
วันที่ 19
ลั่วอู๋เข้าสู่การทดสอบการต่อสู้จริง
หยู่เสี่ยวฉางกำลังรอเขาอยู่
นางไม่รู้ว่าทำไมส่งศิลาบันทึกของตัวเองโดยตรงใจกว้างกล่าวว่า ” ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ นำคะแนนการประเมิน 100 คะแนนของข้าไป”
“เจ้า… ” ลั่วอู๋ตะลึง
“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ” หยู่เสี่ยวฉางยักไหล่: “พี่ชายของข้าบอกข้าว่าอย่าทะเลาะกับเจ้า และให้มอบคะแนนการประเมิน 100 คะแนนให้แก่เจ้าไปเท่านั้น”
ลั่วอู๋แปลกใจ: “พี่ชายเจ้า? ใครคือพี่ชายเจ้า? ทำไมเจ้าไม่บอกเหตุผลกับข้าเลย?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเจ้าจะรู้เอง” หยู่เสี่ยวฉางกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือจากการทดสอบการต่อสู้จริง
ลั่วอู๋มองไปอย่างช่วยไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น
เมื่อลั่วอู๋ออกจากสนามการทดสอบการต่อสู้จริง กลุ่มคนจำนวนมากจากสำนักหม่าเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วจ้องมองไปที่ลั่วอู๋อย่างโหดเหี้ยม ” ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ”
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
เกิดอะไรขึ้น.
“พวกเจ้ามีปัญหาอะไรกับข้างั้นเหรอ?” ลั่วอู๋มองอย่างงงงวย
ไห่เซอเดินออกมาและจ้องมองไปที่ลั่วอู๋ “ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานนี้เจ้าได้ปฏิเสธการท้าทายของอากูดะ แต่วันนี้ เจ้ากลับใช้เล่ห์กลต่อกรกับอากูดะและสังหารเขาเสียอย่างนั้น คนของสำนัก เฉียนหลง ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”
ลั่วอู๋ตกใจมาก
อากูดะถูกฆ่างั้นหรือ?