ไหปีศาจ - บทที่ 323 ได้พบคนรู้จักอีกครั้ง
บทที่ 323 ได้พบคนรู้จักอีกครั้ง
บทที่ 323
ได้พบคนรู้จักอีกครั้ง
ภายใต้สวนของคฤหาสน์ขององค์ชายมีห้องลับซ่อนอยู่
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของห้องลับห้องนี้ ข้างนอกของห้องมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่ทรงพลังหลายคนคอยคุ้มกันอยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครสามารถเล็ดลอดเข้ามาใกล้ได้
ข้างในนั้นหลี่ซวนซง หรือองค์ชายเล็กกำลังนั่งอยู่ในห้องแห่งความลับ
“กรร”
ในห้องลับนี้มักจะมีของเสียงมังกรดังออกมาตั้งแต่ในระยะไกลไปจนถึงในระยะใกล้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ยาก
หลี่ซวนซงนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยมังกรวิญญาณลึกลับ ดวงตาของเขาเปิดออกอยู่ตลอดเวลาและแสงสีทองก็ไหลมาบรรจบกันที่ระหว่างคิ้วของเขา ร่างกายของเขาปล่อยลมปราณอันเย่อหยิ่งของจักรพรรดิออกมา
ถ้าคนนอกมาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าคงจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เป็นที่รู้กันดีว่าองค์ชายเล็กนั้นไม่รู้วิชาการฝึกฝนพลังวิญญาณ เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยบอกปฏิเสธว่าไม่ต้องการจะเรียนรู้มัน และต้องการที่จะเป็นอิสระจากโลกวิญญาณ
หลี่ซวนซง หายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมลมปราณมังกรทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเขาเข้าไปในร่างกาย จากนั้นเขาก็ค่อยๆหลับลงไป ลมปราณของเขาขาดช่วงหายไปในทันที กลับมาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากคนทั่ว ๆ ไป
มีเพียงแค่แสงสีทองสว่างไสวในดวงตาของเขาที่ไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ?” หลี่ซวนจงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วโบกมือ ดวงตาของเขาเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของเงาซ้อนทับกันหลายชั้น และรูม่านตาของเขาก็หดตัวอย่างรวดเร็วทำให้แสงสีทองถูกระงับ
จากนั้นแสงสีทองก็มาบรรจบกัน ทำให้ดวงตาของเขาดูแปลก ๆ ไป
ทันใดนั้นก็มีร่างเงาลอยเข้ามาอย่างช้า
“มีอะไรงั้นเหรอ ไหนเจ้าบอกว่าไม่มีอะไรสำคัญไง ? อย่ามารบกวนข้าสิ” หลี่ซวนจงกล่าวเบา ๆ
เสียงประหลาดดังมาจากทางร่างเงา
“ข่าวจากคฤหาสน์ชวนเทียน?” ใบหน้าของหลี่ซวนซงดูสง่างามมากขึ้น “โฉวหยวนกัวเนี่ยนะ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ ?”
หลี่ซวนซงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เว้นแต่โฉวหยวนกัวนั้นจะเป็นผลที่เติบโตจนถึงขีดสุด อย่างไรก็ตามพยายามเพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่ไม่จำเป็น ไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช้เส้นสายของคฤหาสน์ชวนเทียนหรือไม่ ห้ามปล่อยให้โฉวหยวนกัวไปปรากฏต่อหน้าองค์จักรพรรดิโดยเด็ดขาด”
ร่างเงาน้อมรับคำสั่งและลอยออกไปอย่างช้าๆ
……
……
ในที่สุดก็ถึงวันเทศกาลเสริมอายุยืนยาว
องค์จักรพรรดิได้ปรากฏตัวในงานรื่นเริง ดอกไม้ไฟอันสวยงามเบ่งบานไปทั่วท้องฟ้าประกาศการมาถึงของพระองค์ในวันนี้
ความเจิดจรัสอันเจิดจ้านับไม่ถ้วนโรยอยู่ไปทั่วท้องฟ้าเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ทว่านี้มันยังเป็นเพียงช่วงกลางวันเท่านั้น
เมื่อถึงช่วงกลางคืนแล้ว งานเลี้ยงดอกไม้ไฟที่แท้จริงจึงจะเริ่มขึ้น
เพื่อค่ำคืนแห่งเทศกาลเสริมอายุยืนยาวนั้นทางจักรวรรดิได้เชื้อเชิญช่างฝีมือดอกไม้ไฟระดับมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมสุดมาร่วมกันสร้างท้องฟ้ายามค่ำคืนสำหรับองค์จักรพรรดิ
ดอกไม้ไฟจะร่วงหล่นลงมาราวกับอุกกาบาตอันหนาแน่น สะท้อนท้องฟ้ายามค่ำคืนให้สว่างไสวเหมือนกลางวัน
ผู้คนนับไม่ถ้วนจะรีบกรูกันไปที่ถนน เพื่อที่จะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงาม
กลุ่มของคฤหาสน์ชวนเทียน ได้เคลื่อนรถไปที่พระราชวังอย่างช้าๆ โดยลั่วอู๋เองก็อยู่ในขบวนนั้นด้วย
เบื้องหน้าของเขาคือพระราชวังอันยิ่งใหญ่และงดงาม กระเบื้องเคลือบสีทองต่างถูกแสงแดดสาดส่อง มีเหล่าราชองครักษ์ผู้ทรงพลังคอยเฝ้าปกปักประตูวังอันหนักอึ้งทิ้งร่องรอยด่างดำเก่าแก่ ยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจ ประตูสีแดงและหลังคาสีทองให้ความรู้สึกอันเคร่งขรึมแก่ผู้คน
“นายน้อยเจ้าคะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นพระราชวังอันงดงามเช่นนี้” หลี่หยินกล่าวด้วยเสียงต่ำ
“เจ้าชอบมันไหมล่ะ?” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะสร้างวังเช่นนี้สักวันหนึ่ง เจ้าจะมาอยู่ด้วยกันกับข้าไหมล่ะ ?”
ผู้คนรอบข้างต่างมองไปทางอื่น
แน่นอนว่าพวกเขาไม่คิดว่าลั่วอู๋พูดจริงจัง นี่คือพระราชวังเลยนะ เจ้าจะไปหาพระราชวังมาเพิ่มได้อีกที่ไหนกัน ? พวกเขาทั้งหมดคิดว่าลั่วอู๋กำลังหยอกล้อกับสาวใช้ตัวเล็ก ๆของเขา
“แน่นอนเจ้าค่ะ!” หลี่หยินพยักหน้าอย่างมีความสุข
บางทีคงมีแค่หลี่หยินเท่านั้นเชื่อใจ ลั่วอู๋ โดยไม่มีเงื่อนไข
แต่ลั่วอู๋รู้ดีว่าเขาไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ
ในมิติไหตอนนี้บ้านของเขามีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับพระราชวังขนาดเล็ก และบ้านนั้นยังสามารถยกระดับได้อีกสองครั้ง
ถ้าเขายกระดับมันไปจนถึงขั้นสุดท้าย ลั่วอู๋คิดว่ามันน่าจะกลายเป็นพระราชวัง
ขณะนี้พวกเขาได้ผ่านการตรวจสอบจากทางพระราชวังแล้ว กลุ่มของคฤหาสน์ชวนเทียนจึงได้ทยอยเดินเข้าไปในพระราชวังอย่างช้าๆ และไปรวมกลุ่มกับกองกำลังต่างๆ ที่ลานจัตุรัสซวนวูขนาดใหญ่ในพระราชวัง
“หึ กำลังพูดถึงความฝันอะไรอยู่กันแน่เจ้าโง่” เสียงที่ไม่ดูลงรอยดังขึ้นมา“ พระราชวังขององค์จักรพรรดิ เป็นอาคารสูงตระหง่านที่สร้างขึ้นภายในเวลาเพียงสามเดือนโดยช่างฝีมือหลายพันคน และผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิอีกเกือบสิบคน ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้งอาณาจักร กำแพงด้านนอกไม่สามารถทำลายได้ด้วยการโจมตีทุกรูปแบบ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจเพียงใดหรือต่อให้เป็นการโจมตีของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงด้วยกำลังทั้งหมดก็ไม่อาจสร้างริ้วรอยให้กับมันได้ คำพูดของเจ้านั้นเป็นการล่วงละเมิดอย่างเห็นได้ชัด เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ถึงมีความคิดที่จะสร้างวัง? ”
ลั่วอู๋มองไปที่ต้นเสียง
เสียงนั้นมาจากกลุ่มของคฤหาสน์องค์ชายรัชทายาทแห่งพิงหนาน ผู้พูดเป็นชายคนหนึ่งในชุดผ้าที่มีสีหน้าของการดูถูกเหยียดหยามบนใบหน้าของเขา
คนส่วนใหญ่ได้ยินคำพูดของลั่วอู๋ ก็คิดเพียงแค่ว่ามันเป็นเรื่องตลกและปล่อยผ่านไปด้วยรอยยิ้ม มีเพียงชายคนนี้เท่านั้นที่จริงจังมากเกินปกติ
ทว่าลั่วอู๋กลับมีความสุขที่ได้พบกับชายคนนี้
หลี่ชวนเฉิง บุตรขององค์ชายรัชทายาทแห่งพิงหนาน?
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน
เขาคือคนที่ตั้งใจจะชนะการประมูลภูตดอกไม้เพื่อเอาใจองค์หญิงเจียโรวแต่เขาก็ล้มเหลว และได้ส่งคนไปตามฆ่าลั่วอู๋
น่าเสียดายที่ลั่วอู๋ไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายใด ๆ จากการสั่งฆ่าในครั้งนั้น
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องปกติที่บุตรขององค์ชายรัชทายาทแห่งพิงหนานจะต้องมาปรากฏตัวที่นี่ในวันครบรอบวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิ
“โอ้ ท่านองค์ชาย ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน” ลั่วอู๋มองไปที่หลี่ชวนเฉิงด้วยรอยยิ้ม
หลี่ชวนเฉิง ตกตะลึงเมื่อได้เห็นหน้าของลั่วอู๋
เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับลั่วอู๋ที่นี่
ทว่าเขานั้นกลับไม่รู้สึกตัวเมื่อได้ยินคำพูดของลั่วอู๋ เขาเพียงแค่เหลือบมองชายที่พูดออกมา และดูเหมือนผมสีเงินของเขาจะทำให้หลี่ชวนเฉิงนึกถึงชายที่เขาเกลียดเข้าไส้ เขาไม่พอใจมากจนเกือบจะเผลอพูดออกไป
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายที่พูดออกมาจะเป็นชายคนที่เขาเกลียดจริงๆ
ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงศัตรูของตัวเองได้
หลี่ชวนเฉิงกัดฟันแน่นด้วยรอยยิ้มอันบิดเบี้ยว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างบังเอิญจริงๆ”
เป็นเพราะชายคนนี้ เขาถึงได้ไปเผลอทำให้องค์หญิง เจียโรวโกรธ อีกทั้งเขายังต้องจ่ายหินวิญญาณจำนวนมากไปโดยเปล่าประโยชน์ จนเขาต้องถูกบิดาของเขาดุด่าและกักบริเวณไปตลอดทั้งปี
มันเป็นเรื่องที่น่าละอายใจจริง ๆ
“แม้ว่าเราจะมีมิตรภาพต่อกันเพียงเล็กน้อยก็ตาม”หลี่ชวนเฉิงกล่าวด้วยใบหน้าอันเที่ยงตรง “แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่า เจ้าเพิ่งพูดคำอันล่วงเกินเหล่านั้นออกไป ซึ่งแสดงถึงความไม่เคารพในสถานที่เป็นอย่างมาก!”
ตอนนี้ ณ ลานจัตุรัสซวนวู มีกองกำลังมากมายรวมตัวกัน
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเดินไปไหนตามอำเภอใจได้และกำลังรอคอยอย่างเบื่อหน่าย ท่าทางที่ดูมีชีวิตชีวาของทั้งสองคนย่อมตกเป็นเป้าสายตาของพวกเขา
นี่เป็นการฉวยโอกาสของหลี่ชวนเฉิงเพื่อที่จะได้แก้แค้นลั่วอู๋
ทว่าลั่วอู๋กลับไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด “ข้าก็แค่พูดล้อเล่นแบบเป็นกันเองเท่านั้น แต่ข้ารู้มาว่ามีคนเคยทำให้องค์หญิงขุ่นเคืองด้วยคำพูดมาก่อนเช่นกัน ข้าไม่รู้ว่ามันนับเป็นอาชญากรรมในการดูหมิ่นเหมือนกันรึเปล่า?”
ใบหน้าของหลี่ชวนเฉิง แข็งทื่อไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
ลูกน้องของหลี่ชวนเฉิงเคยพูดจาลวนลามองค์หญิง เจียโรวโดยไม่รู้ตัว หากมีการตรวจสอบเชิงลึกแล้วล่ะก็จะต้องพบว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับหลี่ชวนเฉิง
หลี่ชวนเฉิง พูดอะไรไม่ออกและได้แต่ทำสีหน้าอันมืดมน
เขาไม่สามารถคุยในหัวข้อนี้ต่อไปได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องเป็นฝ่ายที่สูญเสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน
หลี่ชวนเฉิง พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “วันนี้เป็นเทศกาลเสริมอายุยืนยาว ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิ อย่าพูดถึงเรื่องอันน่าผิดหวังเหล่านั้นเลย จะว่าไปแล้วข้าไม่คาดคิดเลยว่าน้องชายลั่ว จะอยู่ในกลุ่มของคฤหาสน์ชวนเทียน ข้าจำได้ว่าน้องชายลั่วไม่ใช่คนของคฤหาสน์ชวนเทียนไม่ใช่เหรอ?”
คนที่ไม่ได้มาจากคฤหาสน์ชวนเทียน ไม่ควรมีสิทธ์อยู่ในกลุ่มของคฤหาสน์ชวนเทียน
จึงมีได้เพียงแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น
เขาเข้ามาในพระราชวังด้วยฐานะตัวแทนของร้านค้ารายใหญ่ โดยผ่านการประชุมเสนอของขวัญ
“ใช่แล้ว ข้าไม่ได้มาจากคฤหาสน์ชวนเทียน ข้าเข้ามาด้วยพิธีมอบของขวัญ” “ข้าเป็นเจ้าของร้านชื่อสำนักโล่พิทักษ์” ลั่วอู๋พูดอย่างเงียบ ๆ
ผู้คนต่างสงสัยสำนักโล่พิทักษ์?
พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นเพียงร้านค้าเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงไม่น้อย
หลี่ชวนเฉิง หัวเราะด้วยรอยยิ้มอันภาคภูมิใจและดูถูก “โอ้ เจ้าของร้านค้างั้นเหรอ ดีมาก แต่ข้าไม่เคยได้ยินและไม่เคยรู้จักร้านค้าชื่อนี้ว่าอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิเลยนะ”
“ สำนักโล่พิทักษ์ของเรายังไม่ได้เริ่มทำธุรกิจในเมืองหลวงของจักรพรรดิ” ลั่วอู๋ กล่าว
การดูถูกเหยียดหยามในรอยยิ้มของหลี่ชวนเฉิงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ “ดูเหมือนว่าน้องชายลั่วจะต้องทำงานหนักเลยสินะ เพื่อที่จะได้มาทำธุรกิจในเมืองหลวงของจักรวรรดิ ข้าช่วยดูแลเจ้าได้นะ”
นี่มันเป็นเหมือนกับคำสาป
ต่อให้อีกฝ่ายเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่า เขาก็ยังมีคุณสมบัติเพียงแค่คนทั่วไปที่ควรจะได้รับการดูแลจากเขาเท่านั้น
อีกฝ่ายนั้นยังมีสถานะและตัวตนที่ไม่ชัดเจนในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
หัวใจของหลี่ชวนเฉิงมืดลงและเย็นชา
ที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่บทละครเล็ก ๆ เท่านั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกหดหู่ใจกับมัน แต่เขาก็มีสถานะที่สูงส่งกว่าอีกฝ่ายที่เป็นแค่นักธุรกิจ
หากลั่วอู๋ไม่ได้มีระดับสูงถึงผู้บริหารคฤหาสน์ชวนเทียน เขาก็จะไม่มีทางที่จะสามารถเอาสถานะมาเปรียบเทียบกับตัวเขาได้ ทำไมเขาจะต้องมาโกรธคนที่มีสถานะเล็กกระจ้อนร้อยขนาดนี้ด้วย
ฝูงชนมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความเห็นใจ
มันเป็นเรื่องน่าอายจริงๆที่ต้องมาถูกดูแคลนในที่สาธารณะเช่นนี้
อย่างไรก็ตามมีเหล่าทายาทของตระกูลที่มีชื่อเสียงหลายคน ซึ่งเป็นตัวแทนของตระกูลเหล่านั้นยืนอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาต่างประหลาดใจที่เห็นลั่วอู๋โดนดูถูก การแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขาดูประหลาดใจมาก เนื่องจากพรสวรรค์ของพวกเขา พวกเขาจึงได้เข้าเรียนในสำนักเฉียนหลง
ลั่วอู๋นั้นได้ผ่านการทดสอบหลายต่อหลายครั้ง จนเขาก็ได้กลายเป็นดาวดวงใหม่ผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่พวกเขา
ดังนั้นเหล่าทายาทตระกูลผู้มีอำนาจเหล่านั้นทุกคนจึงรู้จัก ลั่วอู๋
เขาเป็นปีศาจผู้พิชิตทั้งสำนักหม่าเฉิน ผู้ที่ครองอันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลงและสามารถเอาชนะคะแนนของเอ๋าเฉียนจุนได้
เขาเป็นผู้สืบทอดของตระกูลลั่วไม่ใช่เหรอ?
เขาจะมาเป็นเจ้าของร้านค้าขนาดเล็กได้อย่างไรกัน ?