ไหปีศาจ - บทที่ 347 เข้าสู่นรกมนตรา
บทที่ 347 เข้าสู่นรกมนตรา
บทที่ 347
เข้าสู่นรกมนตรา
มิติเกิดการสั่นสะเทือน
ลั่วอู๋ และอีกหลายคนก้าวข้ามผ่านประตูมิติ ด้านหน้าของพวกเขามีแต่ความมืดมิด พวกเขาได้เข้าไปในห้วงมิติที่ไม่มีแสงสว่าง
พลังวิญญาณรอบตัวของเขาขุ่นมัวและค่อย ๆ เริ่มขาดแคลนพลังวิญญาณ ซึ่งทำให้ลั่วอู๋รู้สึกอึดอัด
คนรอบ ๆ ตัวเขาเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน
ฉูจงฉวนคร่ำครวญแล้วพูดออกมาว่า “ บรรยากาศที่นี่มันแย่มาก ข้าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อดึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ออกมา ”
“ ที่นี่คือนรกมนตรายังไงล่ะ ” หลี่หวู่หยวนพูดช้า ๆ “ นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับพวกเจ้าเลยนะ พวกเจ้าจะได้เรียนรู้วิธีการใช้พลังวิญญาณให้น้อยที่สุด และคอยดูดซับพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์มาจากบรรยากาศโดยรอบ ”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
นี่ควรเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของพวกเราจริง ๆ งั้นหรือ?
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องยอมรับว่า ถ้าพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในระดับที่รองเจ้าสำนักกล่าวถึงได้ล่ะก็ ความสามารถในการควบคุมพลังวิญญาณของพวกเขาต้องพัฒนาไปในระดับที่สูงยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาทุกคนคงจะหมดสภาพกันไปก่อนแน่ ๆ
ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะกล้าปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาอย่างบ้าคลั่ง เพราะในที่แห่งนี้มันยากเกินไปที่จะฟื้นฟูพลังวิญญาณ
โชคดีลั่วอู๋นั้นมีไหปีศาจเป็นตัวช่วย เขาสามารถใช้ไหปีศาจเพื่อการดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธื์ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ในกรณีนี้
เพราะการฝึกให้ตัวเองสามารถดึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ออกมาจากรอบนอกได้นั้น จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขามาก
ดังนั้น เขาจึงพยายามอย่างหนักแทนที่จะใช้โชคลาภที่ได้รับแทน
“ สถานที่ที่เราอยู่ตอนนี้เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างจะปลอดภัยเป็นอย่างมาก พวกเราต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา เพราะสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในนรกมนตรานั้นมีความก้าวร้าวเป็นอย่างมาก ” หลี่หวู่หยวนเตือน
ฉูจงฉวนยกมือขึ้น “ ที่อยู่ของปีศาจเสน่ห์อยู่ที่ไหนกันขอรับ? ”
“หุบปาก”
“โอ๊ะ”
ฉูจงฉวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหุบปาก
“ ทำไมเจ้าถึงเมิน ความเห็นหลินยูหลันกัน? ” ลั่วอู๋ถามด้วยเสียงต่ำ
“ ถ้าข้าไม่ยอมรับความเห็นของนาง ข้าคงจะไม่ได้มาดูมันแบบนี้แน่ ๆ ”ฉูจงฉวนรู้สึกหดหู่
ลั่วอู๋หัวเราะ
หลี่หวู่หยวนพูดต่อ “ แน่นอนว่า แม้แต่ในนรกมนตราอันแห้งแล้งนี้ พวกเจ้าก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรได้อยู่ดี ”
“ สมุนไพรวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ของนรกมนตราคือดอกไม้กัดกระดูก สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้สามารถพบเจอได้ทุกหนแห่งในนรกมนตรา แต่มันก็เป็นเพียงสมุนไพรวิญญาณระดับกลางเมื่อเทียบกับสมุนไพรวิญญาณของเมืองเรา อย่างไรก็ตามมันมีมูลค่าหลายร้อยหินวิญญาณเลยทีเดียว ”
“ ดอกไม้กัดกระดูกนั้นไม่ได้เป็นสมุนไพรวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่มันเต็มไปด้วยแก่นวิญญาณที่มีพลังวิญญาณอันลึกลับ ซึ่งมีกลิ่นอายอันบริสุทธิ์อยู่ และเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการปรับแต่ง ”
“ นอกจากนี้ยังมีสัตว์วิญญาณของนรกมนตราที่พวกเจ้าไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนบนโลกภายนอก และลึกลงไปใต้ดินเองก็มีเหมืองแร่วิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนรกมนตราเช่นกัน ”
“ ข้าคงบอกพวกเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้ เพราะพวกเจ้าต้องลงไปดูด้วยตาของตัวเอง เพราะนี่เองก็ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของพวกเจ้าเช่นกัน ”
“ จำเอาไว้เสมอว่าพวกเจ้าต้องระมัดระวังตัวเสมอ เพราะพวกเจ้าต่างก็เป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในตระกูลของพวกเจ้า ” หลี่หวู่หยวนกล่าวด้วยความจริงจัง
พวกเขาทั้งหมดคือความหวังในหมู่เหล่านักเรียนทุกคน พวกเขาจะต้องอยู่รอดและพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้
ทุกคนต่างได้รับหินนำทาง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนหินก้อนนี้ก็จะชี้ไปยังทิศทางเดิมเสมอ
สิ่งนี้จะช่วยมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่หลงทาง
“ พวกข้าต้องใช้ที่นี่นานแค่ไหนกัน? ” หยู่เฮาถาม
หลี่หวู่หยวนหัวเราะ “ มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า มีคนที่สามารถทนอยู่ในที่แห่งนี้ได้เพียงแค่ 3 วัน จากนั้นเขาก็เลือกที่จะออกจากที่นี่ไป บางคนก็ยืนกรานว่าจะขอออกเดินทางเป็นเวลากว่าครึ่งปี ”
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
ตราบใดที่พวกเขาต้องการจะออกไป พวกเขาก็สามารถเลือกที่จะกลับออกไปเมื่อไหร่ก็ได้
แต่การมายังที่แห่งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ใครมันจะกล้าที่จะออกตั้งแต่แรก ๆ ไปกัน
ที่แห่งนี้คือนรกมนตรา อันกว้างใหญ่ เป็นสถานที่ที่ไม่มีกฏเกณฑ์ และพวกเขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ ในที่แห่งนี้
แต่ถ้าหากว่าพวกเขาเผชิญกับอุปสรรค พวกเขาก็สามารถเลือกที่จะเดินทางออกไปจากที่แห่งนี้เมื่อไหร่ก็ได้
“ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความมืดมิด มันเต็มไปด้วยเลือดแห่งการฆ่าฟัน ที่นี่คือสถานที่ของผู้ที่ถูกเนรเทศ ” หลี่หวู่หยวนกล่าวอย่างใจเย็นกับคนอื่น ๆ “ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องแบกรับภาระทางจิตใจใด ๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในที่แห่งนี้ที่ไม่เป็นภัย ”
หัวใจของทุกคนสั่นไหวด้วยความเกรงกลัว
จากคำพูดของรองเจ้าสำนัก พวกเขาได้รับรู้ได้ถึงความเกลียดชังอันรุนแรง
การออกเก็บเกี่ยวประสบการณ์นั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่ารองเจ้าสำนักไม่ได้ตามพวกเขามาด้วย
“ ร่วมมือกันไหม? ” ลั่วอู๋ถาม
หยู่เฮาส่ายหัว “ ทำไมพวกเราจะต้องร่วมมือกันด้วย? การอยู่ด้วยกันแล้วปลอดภัยมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันก็เหมือนกับว่าข้าเองก็จะพลาดประสบการณ์ดี ๆ ไปด้วยในตัวน่ะ ”
นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นความคิดของทุกคนในสำนักหม่าเฉินเช่นกัน
นี่ถือเป็นแนวคิดของผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง และด้วยเหตุนี้ผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง ถึงได้แข็งแกร่งขึ้นในทุก ๆ รุ่น
ทุกคนในสำนักหม่าเฉินต่างแยกย้ายกันออกไป พวกเขาเลือกที่จะไปตามทางของตัวเอง เพื่อพวกเขาจะได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย
ขณะนั้น หลังจากมีการเปลี่ยนสถานที่แล้ว
เหว่ยเฉิงโฉวก็ครุ่นคิดและกล่าวว่า “ ข้าว่าพวกเราเองก็แยกกันดีกว่า ข้ามีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวข้าเองได้ แต่ข้าไม่ถนัดในการต่อสู้เมื่ออยู่กับคนอื่น ๆ ”
นั่นคือเรื่องจริง ลั่วอู๋พยักหน้า
จากนั้นเหว่ยเฉิงโฉวก็ได้แยกจากไป
หลี่หวู่หยวนมองไปที่พวกเขาทุกคนด้วยรอยยิ้ม แต่เขาก็ได้ถอนหายใจออกมา เพราะว่าเด็กนักเรียนเหล่านี้ได้ประเมินนรกมนตราต่ำเกินไป
มันเต็มไปด้วยความเป็นความตาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีชีวิตรอดกลับมาได้ด้วยตัวคนเดียว
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องได้สัมผัสกับกำแพงอันสูงใหญ่ เพื่อที่จะได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด ถ้าระดับแค่นี้พวกเขายังผ่านไปไม่ได้ล่ะก็ ต่อให้พวกเขาจะสามารถปรับตัวเข้ากับมันได้ มันก็ไม่มีความหมายอะไร
ลั่วอู๋มองไปที่เหวินเสี่ยวและพูดว่า “แล้วเจ้าล่ะ”
“ ข้าเป็นแค่ผู้สนับสนุน ข้าจะตามเจ้าไปอย่างแน่นอน ” เหวินเสี่ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดและน่าขนลุก เขาก็ยังคงมีรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่น
“ แล้วเจ้าล่ะฉูจงฉวน?” ลั่วอู๋ ถาม
“ ข้าไม่ได้ดื้อรั้นเหมือนคนเถื่อนพวกนั้นหรอก ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีกับสถานที่แห่งนี้ด้วย พวกเราควรไปด้วยกันดีกว่า ” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างจริงจัง
ทั้งสามคนรวมตัวกัน
ลั่วอู๋ก็มองไปที่รองเจ้าหลี่หวู่หยวน ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้สึกได้ถึงความหมายของสายตาคู่นั้น
ตอนนี้เขาได้มาถึงนรกมนตราแล้ว อีกฝ่ายจะต้องบอกเขามาว่าท่านเจ้าสำนักอยู่ที่ไหน
หลี่หวู่หยวนพูดช้าๆ “ อย่ามองข้าแบบนั้น หินนำทางของเจ้านั้นแตกต่างจากคนอื่น ไปยังเสาผนึกซะ เจ้าก็จะพบว่าท่านเจ้าสำนักรอเจ้าอยู่ที่นั่น ”
จู่ๆ ลั่วอู๋ ก็ได้วิธีแปลก ๆ มาแบบนี้
หินนำทางนี้ไม่ได้พาพวกเขาไปยังประตูห้วงมิติ แต่กลับเป็นที่อยู่ของท่านเจ้าสำนัก
“ ทำไมท่านถึงไม่พาข้าไปหาเขากันล่ะ? ถ้าข้าไปถึงแล้วท่านเจ้าสำนักไม่อยู่ขึ้นมา ข้าก็จะไม่เสียใจแย่เลยเหรอ ” ลั่วอู๋กล่าว
“ ข้าไม่สามารถเดินไปรอบ ๆ ได้ ลมปราณอันอ่อนแอของเจ้าจะไม่ดึงดูดตัวตนที่น่ากลัวเมื่อเจ้าเข้าหรือออกจากนรกมนตราแห่งนี้ แต่กับข้าแล้วมันไม่เป็นเช่นนั้น ไม่ว่าข้าจะสามารถยับยั้งลมหายใจได้ดีแค่ไหน ข้าก็จะส่องไสวเหมือนกับประภาคารที่ตั้งอยู่กลางนรกมนตรา ถ้าหากข้าไปกระตุ้นกับเหล่าปรมาจารย์ปีศาจแห่งนรกมนตราทั้งเก้าเข้าล่ะก็ แม้แต่ข้าก็คงจะไม่สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ” หลี่หวู่หยวนกล่าว
หลังจากหลี่หวู่หยวนพูดจบ ร่างของเขาก็จางหายไป เห็นได้ชัดว่า เขาไม่กล้าที่จะอยู่ในนรกมนตราเป็นเวลานาน เขาจึงออกไปทางประตูมิติชั่วคราว
ลั่วอู๋ต้องการรู้ว่าแล้วทำไมท่านเจ้าสำนักถึงเดินทางมาในนรกมนตราแห่งนี้ได้อย่างอิสระ แต่เขากลับไม่มีโอกาสได้ถาม
บางทีมันอาจเป็นเพราะว่าไม่มีใครทำอะไรท่านเจ้าสำนักได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพื่อที่จะตามหาภูตไห เขาควรที่จะไปพบกับท่านเจ้าสำนักเป็นอันดับแรกเสียก่อน
ลั่วอู๋ไม่ได้สังเกตว่า ดวงตาของเหวินเสี่ยวมีความตื่นเต้น
ฉูจงฉวนถามด้วยความสงสัย “ เจ้ากำลังพูดอะไรกับท่านรองเจ้าสำนักกัน? ”
“ ข้าได้ถามท่านรองเจ้าสำนักว่าที่นี่มีสัตว์วิญญาณปีศาจบางตัวที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์และมีคุณสมบัติ ระดับเพชรไหม ” ลั่วอู๋กล่าว
“ แล้วเขาบอกว่าที่นี่มีมันหรือเปล่า? ” ฉูจงฉวนรู้สึกตื่นเต้น
“ อืม ไม่มี ”
“ ……”
ฉูจงฉวนแสดงความโกรธผ่านสีหน้า