ไหปีศาจ - บทที่ 393 ฆ่าอีกครั้ง
บทที่ 393 ฆ่าอีกครั้ง
บทที่ 393
ฆ่าอีกครั้ง
ศพมรณะมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ระดับทองขั้นสูง
เทียบเท่ากับเล่กุยของหนิงฮัวที่มีมิติวิญญาณอยู่ในระดับทองขั้นสูง แต่ลั่วอู๋กลับไม่ได้มองหนิงฮัวอยู่ในสายตาเลย
เนื่องจากระดับฝีมือในการต่อสู้ของเขานั้นยังไม่เพียงพอ และระดับความเชี่ยวชาญในทักษะของเขาเองก็ต่ำมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือหนิงฮัวปฏิเสธที่จะยกระดับการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
เขาจึงไม่สามารถใช้พลังของเล่กุยได้อย่างเต็มที่
แต่ศพมรณะนั้นแตกต่างกัน มันมีสัญชาตญาณในการต่อสู้อันแข็งแกร่งและทักษะที่หลากหลาย นอกจากยังมีความเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ในระดับสูง มันสามารถนำเอาประสิทธิภาพการต่อสู้ของมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงออกมาได้ถึง 100%
ลั่วอู๋ที่ใช้พละกำลังทั้งหมด ยังสามารถต่อสู้กับมันได้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น หากเขายังคงยื้อเยื้อการต่อสู้นี้ต่อไปเขาจะต้องเป็นฝ่ายที่แพ้อย่างแน่นอน
แม้ว่าจะเปลี่ยนไปให้ตวนซีจะกลายร่างเป็นลิงเผือกไปสู้กับมัน ตวนซีก็ยังคงต้องรับบาดเจ็บอย่างหนักกลับมา ด้วยที่มิติวิญญาณของมันยังต่ำเกินไป
อย่างไรก็ตาม ตามที่ลั่วอู๋ได้พูดไว้ ข้อดีของการมีเพื่อนพ้อง ทำให้เขาไม่ได้ต่อสู้เพียงตัวคนเดียว เขาจึงสามารถเอาชนะมันได้ในที่สุด
เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยของลั่วอู๋ หยีเทียนเฉินก็ทำได้เพียงแค่กระอักเลือดออกมา เขานั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสมันจึงยากมากที่เขาจะสามารถควบคุมความปั่นป่วนของพลังวิญญาณภายในร่างกายได้
“เจ้าก็แค่โชคดี เจ้าไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้ด้วยตัวเอง หากไม่ได้พึ่งพาเพื่อนพ้องของเจ้า ตัวเจ้าจะไปทำอะไรได้” หยีเทียนเฉิน กล่าวอย่างไม่เต็มใจ
ลั่วอู๋ หัวเราะเยาะ “สู้ด้วยตัวเองงั้นเหรอ เจ้าถูกข้าฆ่าตายไปครั้งหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสจนต้องหนีไปครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังต้องยอมทิ้งสัตว์วิญญาณไป เจ้ายังมีหน้ามาท้าทายข้าอีกเหรอ ?”
ใบหน้าของหยีเทียนเฉินซีดเซียว ริมฝีปากของเขาขยับ แต่เขากลับไม่สามารถพูดตอบโต้กลับไปได้
ลั่วอู๋ตรงไปที่ศพมรณะที่ถูกกลืนกินสวรรค์กลืนร่างส่วนใหญ่ไปจนหมด โชคดีที่ศีรษะของมันยังอยู่ครบถ้วน
“อย่างน้อยก็ขอให้ท่านได้หลับอย่างสงบ” ลั่วอู๋ก้มหัวให้ หนิงเจียงซาน
เขาเสียชีวิตเมื่ออายุ 200 ปีเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่สะสมอยู่ในร่างกายจากการปกป้องอาณาจักร
บุคคลเช่นนี้สมควรได้รับความเคารพ
ลั่วอู๋ต้องการนำศีรษะของเขากลับไปเพื่อฝังศพ
องค์หญิงเจียโรว ตบ หยีเทียนเฉิน ด้วยความโกรธ “ศพส่วนที่เหลือศพของนายพลหนิงอยู่ที่ไหน อย่าบอกนะว่าเจ้าขโมยมาแค่ส่วนหัว?”
ไม่มีข่าวเกี่ยวกับการปล้นสุสานบรรพบุรุษของ หนิงเจียงซาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่มีการค้นพบใด ๆ หรือท่านตระกูลหนิงกลัวว่าจะเสียหน้าเลยไม่กล้าเปิดเผย
“ร่างกายงั้นเหรอ? มีเพียงศีรษะของเขาที่มีค่า ส่วนอื่นของร่างกายเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ข้าเลยทำลายมันทิ้งไปแล้ว” หยีเทียนเฉินพูดอย่างดูถูก
ก่อนที่แม่ทัพทหารผ่านศึกหนิงเจียงซานจะเสียชีวิต เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอยู่ในมิติวิญญาณระดับเพชร และสามารถรักษาร่างกายของเขาไว้ได้เป็นเวลานาน
เมื่อ องค์หญิงเจียโรว ได้ยินคำพูดของ หยีเทียนเฉิน นางก็รู้สึกได้ถึงความโกรธในใจ นางตบเขาอีกครั้งแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนจู้จี้จุกจิกมากใช่ไหม”
ใบหน้าของ หยีเทียนเฉิน บวมเป็นหัวหมู เขากัดฟันและไม่อ้าปากอีกต่อไป
องค์หญิงเจียโรว ตบหยีเทียนเฉินหลายสิบครั้งติดต่อกันเพื่อระบายความโกรธของนาง
หลังจากปลดการผสานพลังวิญญาณระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณ สัตว์นรกพิษห้าสี และภูตดอกไม้ก็บินเข้ามาลูบแขนของ องค์หญิงเจียโรวราวกับจะปลอบโยนนาง
หยีเทียนเฉิน เบิกตากว้าง
สัตว์นรกพิษห้าสี!
เป็นไปได้อย่างไร?
มีสัตว์นรกพิษห้าสีเพียงตัวเดียวในหุบเขามรณะ แต่สัตว์นรกพิษห้าสีตัวนั้นน่าจะตายเพราะสะพานพันธสัญญาระหว่างมันกับเขาพังทลายลงไปแล้ว
พวกลั่วอู๋ไปเอามันมาจากที่ไหน?
หมอกพิษได้ให้กำเนิดสัตว์นรกพิษห้าสีอีกตัวงั้นเหรอ?
ฟองน้ำ ไม่ได้แม้แต่จะมองไปที่หยีเทียนเฉิน ราวกับว่ามันไม่รู้จักเขา
รอยประทับพันธสัญญาระหว่างพวกเขาทั้งคู่ได้ถูกตัดออกไปแล้ว ตอนนี้ ฟองน้ำ จึงกลายเป็นตัวตนใหม่ แม้ว่าความทรงจำในอดีตจะมีอยู่ แต่ก็เป็นเพียงแค่การรับรู้
หยีเทียนเฉิน มองไปที่ องค์หญิงเจียโรว อย่างสงสัย
ลั่วอู๋ จ่อดาบระบำแห่งความตายในมือไปที่ศีรษะของ หยีเทียนเฉิน เขาพร้อมที่สับลงมา “เจ้าไม่มีหินทะลวงมิติอีกอันแล้วสินะ”
หยีเทียนเฉิน มองไปที่ ลั่วอู๋ และไม่ตอบ
ดาบระบำแห่งความตายปาดผ่านผิวหนังของ หยีเทียนเฉิน จากนั้นก็แทงลงบนมือขวาของเขา ลั่วอู๋เยาะเย้ย “มือขวาของเจ้าฟื้นตัวได้เร็วดีนี่”
แม้ว่าการถูกตัดมือจะเป็นอาการบาดเจ็บที่รุนแรงมาก แต่ก็ยังมีหลายวิธีในการซ่อมแซมรักษาแขนขาที่ขาด
ดาบระบำแห่งความตายถูกฟันลงมา
มือขวาของหยีเทียนเฉินถูกตัดขาดอีกครั้ง
เลือดไหลพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ถูกดูดซับด้วยปลายดาบโดยไม่มีสูญเปล่าใด ๆ
“ฮึ่ม” หยีเทียนเฉินสบถพร้อมกัดฟัน
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่ได้ไม่สงสาร “บอกข้ามา ภูตไหอยู่ไหน และอย่าพยายามหนีอีก ไม่งั้นข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”
“ฮ่าฮ่า อย่าพูดอะไรโง่ ๆ น่า เจ้าคิดว่าตัวเองจะได้เห็นคนอย่างภูตไหงั้นเหรอ” ด้วยความเจ็บปวดทั้งหมดที่ได้รับ หยีเทียนเฉินมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลา แต่เขาก็ยังปากแข็ง
“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักภูตไหจริงๆสินะ” ลั่วอู๋ พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าคิดว่าภูตไห มาที่นี่เพื่อพบกับใคร? ภูตไหมาที่หุบเขามรณะเพื่อพบเจ้างั้นเหรอ ? เจ้ามีคุณสมบัตินั้นรึเปล่า?”
ใบหน้าของหยีเทียนเฉินดูมืดมน
เขาไม่มีคุณสมบัตินั้น
ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถเป็นจ้าวแห่งหุบเขามรณะได้
“ถ้าเจ้าต้องการพบภูตไหเจ้าจงเดินทางต่อไป ตราบใดที่เจ้าไม่กลัวความตาย เจ้าก็จะเจอเขา” ร่องรอยแห่งความบ้าคลั่งปรากฏขึ้นในดวงตาของหยีเทียนเฉิน
“ข้าจะมองดูวาระสุดท้ายของเจ้าเอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า แค่ก ๆ”
หยีเทียนเฉิน ยิ้มอย่างอ่อนแรง ลมหายใจของเขาติด ๆ ขัด ๆ และไอออกมา
ลั่วอู๋เหลือบมองเขา “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าข้าจะตายได้ยังไง แต่อย่างน้อยข้าก็รู้ว่าเจ้าจะต้องตายยังไง”
พูดจบลั่วอู๋ก็กวัดแกว่งดาบระบำแห่งความตายในมือ
ศีรษะของหยีเทียนเฉินถูกตัดออก
ตาของเขาเบิกกว้าง
บางทีเขาอาจจะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาตายแบบนี้
วิชาของหยีเทียนเฉินนั้นแปลกประหลาด เพื่อป้องกันการฟื้นคืนชีพของเขา ลั่วอู๋ จึงได้ใช้ดาบระบำแห่งความตายและหั่นศพของเขาออกเป็นหลายสิบชิ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ทำแบบนี้
เลือดทั้งหมดถูกสูบจนแห้งโดยดาบระบำแห่งความตาย
ทันใดนั้นดาบระบำแห่งความตายก็เปล่งแสงออกมา มันเป็นแสงสีโลหิตพร้อมกับลมปราณอันแข็งแกร่ง
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
มันถูกยกระดับเป็นขั้นสูงแล้วงั้นเหรอ!
ดาบเลือดเดือดสามารถดูดซับเลือดเพื่อยกระดับตัวเองได้ ดาบระบำแห่งความตายเองก็เป็นดาบเลือดเดือดที่ได้รับการปรับปรุงยกระดับ
ดาบระดับต่ำของปฐพี ได้รับการยกระดับเป็นระดับกลางของระดับปฐพี
ดูเหมือนขั้นตอนสุดท้ายในการยกระดับขั้นนี้จะสำเร็จด้วยการดูดซับเลือดของหยีเทียนเฉิน ในครั้งนี้หรืออาจจะมากกว่านั้น
คมดาบของดาบระบำแห่งความตายคมขึ้น เครื่องหมายตรามังกรสีเลือดเองก็ชัดเจนขึ้น แสงอันเย็นชากะพริบไปมา พลังวิญญาณของดาบสีแดงพลุ่งพล่านไปทั่วใบดาบ และพลังวิญญาณของมันได้รับการเสริมไปมากกว่าหนึ่งระดับ
ตอนนี้แม้ว่าเขาจะกวัดแกว่งมันมั่ว ๆ แต่ด้วยพลังวิญญาณอันรุนแรงของดาบอันดุร้ายก็เพียงพอแล้วที่จะตัดไม้ หรือหินให้ขาดออกจากกันได้
“ในอนาคตข้าควรจะให้ความสำคัญกับทักษะเกี่ยวกับดาบสินะ ข้าคงไม่สามารถปล่อยดาบที่ดีเช่นนี้ไว้เฉย ๆ ได้” ลั่วอู๋พูดกับตัวเอง
ทักษะเกี่ยวกับดาบนั้นหาได้ยาก
ดาบแห่งการพิพากษาและดาบแห่งการทำลายล้างของภูตสงครามเองก็ถือว่าเป็นทักษะดาบที่ดี
แต่มันยังไม่สามารถทำให้ลั่วอู๋พอใจได้
เขาต้องการทักษะเกี่ยวกับดาบระดับ SS เป็นอย่าง เพื่อให้เข้ากับดาบระบำแห่งความตายของเขา
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันต่อดี?” เหวินเสี่ยวถามด้วยเสียงต่ำ
ลั่วอู๋ตอบว่า “พวกเราจะเดินทางต่อไปยังใจกลางของหุบเขามรณะ จากสิ่งที่หยีเทียนเฉินพูด ข้าคิดว่าภูตไหต้องมาที่นี่เพื่อตามพบคนสำคัญในหุบเขามรณะ”
ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าภูตไหนั้นอยู่ที่ใจกลางหุบเขามรณะ
เหวินเสี่ยว พยักหน้า หยุดลงดูเหมือนว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
“เจ้าต้องการจะพูดอะไร?” ลั่วอู๋ ถาม
เหวินเสี่ยวถอนหายใจ “ถ้าไม่มีเจ้า ข้าคงจะไม่มีทางมาถึงใจกลางหุบเขามรณะเพียงลำพังได้ แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากภูตไหจริงๆ ไม่ว่าเจ้าต้องการจะทำอะไรกับภูตไห ข้าหวังว่า ข้าจะได้รับความช่วยเหลือจากภูตไหก่อนเจ้า”
นี่คงจะเป็นคำขอที่มากไปสักหน่อย
แต่คำพูดของเหวินเสี่ยวนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ และเขาเองก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าเป้าหมายของพวกเราจะไม่มีวันขัดแย้งกันนอกจากนี้พวกเราจะเจอภูตไหหรือไม่ มันก็ยังไม่แน่นอนสักหน่อย”
เหวินเสี่ยวพยักหน้าและมองลั่วอู๋อย่างขอบคุณ “ไปตามหาเขากันก่อน แล้วค่อยมาคุยกันอีกรอบเถอะ”