ไหปีศาจ - บทที่ 394 กลุ่มของศพเดินได้
บทที่ 394 กลุ่มของศพเดินได้
บทที่ 394
กลุ่มของศพเดินได้
“ ตายแล้ว!”
“เจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยตายแล้ว!”
ในห้องโถงอันมืดมิ เหล่าสัตว์ประหลาดวัยชรากำลังร้องโหยหวน ด้วยเสียงอันหยาบกร้าน พวกเขามีสีหน้าอันมันมืดมนเย็นชาราวบ่นแบบนี้มาตลอดชีวิต แผ่นพลังวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากเพดานด้านบนของห้องโถง
บนแผ่นพลังวิญญาณเหล่านั้นมีชื่อของพวกเขาทุกคนเขียนอยู่
สัตว์ประหลาดเหล่านั้นต่างสวมชุดผ้าคลุมสีดำของตนเอง จากนั้นก็ดึงมือของพวกมันออกจากไหที่เต็มไปด้วยของเหลวเหม็น และวางเครื่องใช้สีขาวที่สกปรกในมือลง
ไม่เคยมีสิ่งใดที่จะหยุดพวกเขาจากการวิจัยทดลองได้
ยกเว้นการตายของสัตว์ประหลาดตัวน้อย
“เสียเปล่าจริง ๆ พวกเราเลี้ยงมันมาตั้งแต่แรกเกิด แต่มันกลับมาตายเช่นนี้”
“ในหุบเขามรณะไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับทองขั้นสูงบุก เข้ามาทำไมเขาถึงตายได้กัน?”
“มันเป็นใคร?”
“มันเป็นใคร?”
“เขาควรจะเป็นความหวังของพวกเรา แต่เขาตายแล้ว ตายแล้ว!”
เสียงร้องโหยหวนอันน่ากลัวสั่นสะเทือนไปทั่วห้องโถง ทำให้ทั่วทั้งห้องสั่นสะเทือน
แต่แล้วก็มีเสียงอันเรียบง่ายดังขึ้นมา “หุบปาก”
เหล่าสัตว์ประหลาดต่างแหงนหน้ามองไปที่ต้นเสียง
เจ้าของเสียงนั้นนั่งอยู่บนบัลลังก์ ด้านบนสุดของห้องโถงใหญ่ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำเหมือนกับคนอื่น ๆ
เขาคือ ฉิงชา ผู้เป็นจ้าวแห่งหุบเขามรณะ
เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกสามคนแรกของหุบเขามรณะ โดย ฉิงชา นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามคนนั้น และยังเป็นผู้ที่ควบคุมคำสาปอมตะของหุบเขามรณะอีกด้วย
คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้รู้ถึงเรื่องของภูตไห
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเหล่าสัตว์ประหลาดต่างไม่มีใครกลัว ฉิงชา พวกเขาต่างก็ตายกันหมดแล้วเหลือเพียงแค่ร่างศพ แม้ว่าฉิงชาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ฆ่าพวกเขาที่เป็นศพเดินได้ไปแล้วไม่ได้อยู่ดี
“ฉิงชา เจ้าคนอำมหิต”
“เจ้ายังมีหน้า โผล่มาพูดอีกเหรอ ? ไอ้คนโกหก ไอ้ปีศาจ”
“ความอมตะที่เจ้ามอบให้ มันไม่ใช่อะไรนอกเสียจากเรื่องไร้สาระ และตอนนี้ความหวังเดียวของพวกเราก็ได้พังทลายลงแล้ว แบบนี้พวกเราก็ต้องกลับไปวิจัยศึกษาพิษแห่งการกวาดล้างอีกครั้งจริง ๆ งั้นเหรอ?”
ใช่แล้ว พวกเขาเลิกศึกษาวิจัยพิษแห่งการกวาดล้างมาตั้งนานแล้ว
นั่นก็เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ
หลังจากได้เสียเวลาวิจัยมันมาเป็นเวลาหลายพันปี พวกเขาได้ทดลองใช้ยาพิษต่าง ๆ นานา ๆ หาส่วนผสมของมัน
จนในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่า พิษแห่งการกวาดล้าง นั้นไม่มีอยู่จริง
พวกเขาไม่เต็มใจที่จะมุ่งมั่นขวนขวายหาเป้าหมายที่ไม่สามารถจับต้องได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกทางอื่นนั่นก็คือศพมรณะ
แม้ว่าศพมรณะของ หยีเทียนเฉิน จะยังหยาบกร้าน แต่พวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างมันจนสำเร็จ และบางทีพวกเขาอาจจะเจอวิธีที่จะทำลายคำสาปอมตะนี้
น่าเสียดายที่หยีเทียนเฉินตายลงไปแล้ว
ฉิงชา ตะคอกอย่างเย็นชา “หุบปากซะ เจ้าพวกขยะเก่า ๆ ในเมื่อพวกเจ้าเลือกที่จะอยู่ที่นี่ พวกเจ้าควรตระหนักว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งนี้”
คำพูดของ ฉิงชา ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดเงียบ
“ถ้าเพียงพวกเรามีมังกรกระดูกผีอีกสักตัวละก็…” หลังจากนั้นไม่นานมีสัตว์ประหลาดคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย
เหล่าสัตว์ประหลาดชราคนอื่น ๆ ต่างถอนหายใจ
ใช่ มันคงจะดีถ้าพวกเขามีมังกรกระดูกผีอีกตัว
พวกเขาได้แรงบันดาลใจในการสร้างศพมรณะมาจากมังกรกระดูกผี สัตว์วิญญาณชนิดหนึ่งที่ถือเกิดขึ้นมาในสุสานมังกร ร่างกายของมันประกอบไปด้วยกระดูกของสัตว์วิญญาณมังกรต่างๆ
อย่างไรก็ตามการวิจัยเกี่ยวกับศพมรณะได้ดำเนินไปเป็นเวลาหลายพันปีโดยไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
นั่นก็เพราะสัตว์วิญญาณแบบมังกรกระดูกผีนั้นหาได้หายากมาก
พวกเขาขาดแคลนวัตถุดิบในการวิจัย มันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะหมกมุ่นอยู่กับการวิจัยศพมรณะ
ทว่าเมื่อสองปีที่แล้วพวกเขากลับได้รับข้อความว่า มีมังกรกระดูกผีปรากฏตัวในพื้นที่หวงชา
หุบเขามรณะจึงส่งหยีเทียนเฉินไป
เพราะเขาเท่านั้น ที่ยังเป็นคนเป็น ๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ เขาจึงสามารถเดินเข้า ออกจากหุบเขามรณะได้
ด้วยวัตถุพลังวิญญาณที่เหล่าสัตว์ประหลาดชรามอบให้หยีเทียนเฉิน เขาจึงสามารถรวบรวมกลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณเข้าจับมังกรกระดูกผีมาได้สำเร็จ
ด้วยเหตุนี้เอง หยีเทียนเฉินจึงเกือบพลาดการทดสอบเข้าสำนักเฉียนหลง
เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว หยีเทียนเฉินถูกฆ่าและฟื้นคืนชีพด้วยความช่วยเหลือของกล่องแห่งความตาย จากนั้นเขาก็ฝึกฝนตัวเองในหุบเขามรณะ
เขามีพรสวรรค์สมควรแก่การถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย แม้ว่าเขาจะมีอายุเพียง 20 ปี แต่ความสามารถของเขาก็เยี่ยมยอดมาก เป็นความหวังของเหล่าสัตว์ประหลาดในหุบเขามรณะ
เพียงแค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เหล่าสัตว์ประหลาดต่างก็มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับศพมรณะ และหยีเทียนเฉินนั้นก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำได้ดีที่สุด
แต่มันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งเกี่ยวกับมังกรกระดูกผี
เนื่องจากถูกใช้ในการวิจัยอย่างต่อเนื่อง ผ่านความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดที่สะสม ไฟพลังวิญญาณของมังกรกระดูกผีที่พวกเขาจับมาได้จึงมอดดับลง
มังกรกระดูกผีนั้นได้ตายลงไปแล้ว
ไม่แน่ใจว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะมันการฆ่าตัวตาย หรือเป็นเพราะการวิจัยมีข้อผิดพลาดทำให้ไฟพลังวิญญาณของมันดับลงไป
ความก้าวหน้าในการวิจัยจึงได้หยุดลง
อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์หยีเทียนเฉิน เขาสามารถจุดไฟพลังวิญญาณกลับขึ้นมาได้ และสร้างสัตว์วิญญาณใหม่ขึ้นมาเป็น ศพมรณะ
แต่หลังจากที่เขาสำเร็จในการวิจัย หยีเทียนเฉิน ก็ได้เสียชีวิตลงเสียอย่างนั้น
แถมคราวนี้เขายังตายไปแล้วจริงๆ
เหล่าสัตว์ประหลาดชราที่เห็นว่าเขาเป็นความหวังต่างก็จมลงสู่ความสิ้นหวัง
บางคนก็ถอนหายใจออกมา พลางนึกว่าถ้าหากพวกเขามีมังกรกระดูกผีอีกตัว พวกเขาก็อาจจะสามารถศึกษาวิจัยเกี่ยวกับศพมรณะต่อไปได้
“พวกเจ้าหุบปากซะเถอะ คนที่ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยได้เดินทางมาถึงพื้นที่ใจกลางของหุบเขามรณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” เพียงแค่ ฉิงชา พูดออกมาเพียงประโยคเดียว เขาก็สามารถจุดประกายความโกรธของทุกคนขึ้นมาได้ในทันที
มันเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?
มันกล้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?
โดยปกติแล้วพวกเขาทุกคนต่างเสพติดการค้นคว้าวิจัยอยู่ตลอดเวลา ยกเว้นบางช่วงที่ต้องออกไปจับ “วัตถุดิบสำหรับการวิจัย” ที่บังเอิญเข้ามาในหุบเขามรณะ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วพวกเขาแทบจะไม่ได้ออกไปจากห้องโถงแห่งนี้
แม้ว่าพวกมันจะดูชั่วร้ายมาก แต่ก็ไม่ได้กระหายเลือด
แต่คราวนี้มันต่างกัน
การตายของสัตว์ประหลาดตัวน้อย ได้จุดประกายความโกรธของเหล่าสัตว์ประหลาดชราในหุบเขามรณะทั้งหมด
ไม่เพียงแค่เรื่องของศพมรณะเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ หยีเทียนเฉินเป็นเพียงคนเดียวตัวเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในหุบเขามรณะแห่งนี้
เดิมทีเขาเป็นเด็กทารกที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้
เขาควรจะถูกนำกลับเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้เพื่อการวิจัย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เหล่าสัตว์ประหลาดวัยชรานั้นได้เปลี่ยนใจ เลือกที่จะชุบเลี้ยงเขาให้เป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย
เนื่องจากในตอนที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากับหยีเทียนเฉิน มันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
“ฆ่ามัน ปอกเปลือกลอกหนังมัน ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ”
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นไปทั่วห้องโถง
……
……
ในที่สุดพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนก็สามารถผ่านชั้นหมอกพิษสีขาวมาได้
เบื้องหน้าของพวกเขาในตอนนี้คือหมอกพิษชั้นที่ห้า ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางของหุบเขามรณะ
ลั่วอู๋ประหลาดใจมากที่หมอกพิษในชั้นสุดท้ายนั้นกลับมีสภาพโปร่งใส
หมอกพิษในชั้นสุดท้ายนั้นโปร่งใสมากเกินกว่าจะสามารถป้องกันได้ อีกทั้งมันยังมีพิษอันร้ายแรง หากไม่มีมาตรการรับมือป้องกันที่ดี ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงก็สามารถตายด้วยพิษนี้ได้ในชั่วอึดใจ
“ โชคดีจริง ๆ ที่เรามีสัตว์นรกพิษห้าสี” ลั่วอู๋หัวเราะ
ด้วยพลังของสัตว์นรกพิษห้าสี มันได้ทำการกำจัดหมอกพิษออกไปอย่างง่ายดาย
ทั้งสามคนเข้ามาในส่วนใจกลางของหุบเขามรณะ
พื้นที่ใจกลางหุบเขามรณะนั้นเงียบงัน ราวกับเป็นแดนของภูตผีที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ พื้นที่นั้นดูโล่งโจ้งว่างเปล่า บนยอดหินไม่มีสิ่งใด ๆ แม้แต่วัชพืชอยู่
สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงห้องโถงมืดมนที่ซ่อนอยู่ในหมอกบนยอดหินอันห่างไกล
“มันดูอันตรายมาก” องค์หญิงเจียโรว พูดด้วยเสียงต่ำ“ ลั่วอู๋เจ้าเอาหินทะลวงมิติที่พ่อข้าให้มาด้วยรึเปล่า ? ในช่วงเวลาวิกฤตเจ้าสามารถพาพวกเราหนีออกไปได้ใช่ไหม?”
“ข้าให้หลี่หยินไปแล้ว” ลั่วอู๋ตอบ
องค์หญิงเจียโรว ตกใจ “ไม่จริงน่า พวกเราเข้ามาในสถานที่อันตรายขนาดนี้เลยนะ ถ้าไม่มีหินทะลวงมิติแล้ว พวกเราจะหนีออกไปได้อย่างไร หากพวกเราต้องพบปัญหาที่ไม่สามารถรับมือได้”
“ไม่ต้องห่วงน่า ข้ามีวิธีอยู่” ลั่วอู๋ยิ้ม
เมื่อมองไปที่ท่าทางอันมั่นใจของ ลั่วอู๋ องค์หญิงเจียโรว ก็ทำได้แค่เชื่อในตัวเขาเท่านั้น
ทั้งสามค่อยๆเดินเข้าไปในห้องโถง
บรรยากาศนั้นดูแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ มันดูนิ่งเกินไป
ทว่าทันใดนั้นพื้นก็สั่นสะเทือนราวกับมีแผ่นดินไหว
เหล่าสัตว์ประหลาดหลายร้อยคนในชุดคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นในระยะไกล เรียกได้ว่าทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ พลังแห่งความมืดที่น่ากลัวก็เข้าปกคลุมในทันที
“เยี่ยมเลย พวกเจ้ายังไม่ได้หนีไปไหน ถ้าพวกเจ้าหนีออกไปจากหุบเขามรณะกันแล้ว พวกข้าคงไม่รู้ว่าจะตามไปฆ่าพวกเจ้าได้ยังไง”
เสียงทุ้มแหบแห้งดังขึ้นอย่างช้าๆ
มีเงาดำปรากฏขึ้นตรงหน้าของพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสาม
ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยพลังวิญญาณสีดำ
เขาเปล่งพลังวิญญาณอันชั่วร้ายออกมาอย่างชัดเจน
ชื่อของเขาคือ ฉิงชา หนึ่งในจ้าวแห่งหุบเขามรณะ