ไหปีศาจ - บทที่ 403 จงไปฆ่าเขา
บทที่ 403
จงไปฆ่าเขา
แม้แต่เทพเจ้าก็ทำไม่ได้ นับประสาอะไรกับเจ้า
มันเป็นคำพูดอันเย่อหยิ่ง ดังลั่นขึ้นไปบนท้องฟ้า
พลังของเทพพิทักษ์เวหานั้นทรงพลังมาก จนทำให้ดาบของผู้บัญชาการหลิงหลงหักออกเป็นเสี่ยง จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปหวังจะกลืนกินผู้บัญชาการหลิงหลง
“ถ้าเจ้าอยากจะกลืนข้า ก็ลองดูสิ”
ผู้บัญชาการหลิงหลงสร้างดาบพลังวิญญาณขึ้นมาใหม่
ทั้งภูเขาและแม่น้ำต่างก็พังทลาย ท้องฟ้ามืดมิดด้วยที่ลมปราณอันรุนแรงของทั้งคู่ได้เข้าปะทะกัน การถล่มทลายและการแตกกระจายของพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกหนาวสั่น
ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงกับสัตว์วิญญาณระดับเพชรตัวหนึ่งกำลังปะทะกันอย่างสูสีก้ำกึ่ง จนยากที่จะสามารถแยกแยะฝ่ายที่ได้เปรียบเสียเปรียบ
ทางด้านภูตไหนั้นยังคงไม่แยแสอะไร แม้ว่าเขาจะเพิ่งเผชิญหน้ากับพลังวิญญาณอันน่ากลัวของผู้บัญชาการหลิงหลง แต่เขาก็ไม่มีความผันผวนในใจ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก แต่เขาก็มีวิธีการรับมืออันไม่สิ้นสุด จนแม้แต่ เฮา จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่กล้าที่จะดูถูกเขา
ภูตไหส่ายหัว
มันไม่มีความหมายอะไร
เขาจะได้ประโยชน์อะไรหากฆ่าผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อว่า หลิงหลง ได้
การฆ่าเป็นเพียงวิธีการไม่ใช่จุดจบ
เขาไม่สนใจเกี่ยวกับความเสียมารยาทของผู้บัญชาการ หลิงหลงที่มีต่อตัวเขาเอง หรือแม้ว่าเขาจะได้พบกับลูกหลานของผู้ที่ทรยศเขา แต่หัวใจของเขาก็ไม่ได้ผันผวน
เกลียด? มันเป็นเพียงแค่อารมณ์อันไร้ประโยชน์ของพวกชั้นต่ำ
ในเวลานี้เหวินเสี่ยวก็ได้ผ่อนคลายลงในที่สุด เขาคุกเข่าลงต่อหน้าภูตไหอย่างนอบน้อม เสียงของเขาแหบแห้งและโหยหวน “ข้าขอร้องเถอะท่าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอดีต แต่ผู้คนมากมายในปัจจุบันนั้นไร้เดียงสา โปรดช่วยรักษาสัตว์วิญญาณตัวนั้นและช่วยผู้คนให้รอดด้วยเถอะ”
“ไร้เดียงสางั้นเหรอ ? ภายใต้หิมะถล่ม นั้นไม่มีเกล็ดหิมะที่ไร้เดียงสาหรอกนะ” ภูตไหพูดประโยคดังกล่าว ซึ่งทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสับสน
เหวินเสี่ยวไม่เข้าใจ แต่เขาสัมผัสได้ถึงความหมายของภูตไห
“ได้โปรดเถอะ ท่าน” เสียงของเหวินเสี่ยวสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาได้แต่ขอร้อง “ข้าเต็มใจที่จะเป็นวัวและม้าเพื่อท่าน และยอมมอบชีวิตของข้าให้ท่าน”
“ข้าไม่สนใจ”
เสียงของภูตไหยังคงเย็นชา
เขาเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ บนโลกนี้มากแล้ว
เขาจึงไม่สนใจต่อสิ่งใดนอกจากความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของเขา
ทันใดนั้นดวงตาของเหวินเสี่ยวก็ปกคลุมไปด้วยเงาชั้นหนึ่ง เขาจ้องมองไปที่ภูตไหจากนั้นลมปราณของเขาก็เริ่มรุนแรง พร้อมพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยเสียงต่ำ “ภูตไห!”
ภูตไหส่ายหัวพลางเหยียดนิ้วออกไป เขาเปล่งแสงสีขาวริบหรี่ออกมา “พลังนี้ไม่ดี เอามันออกไป”
เงาในดวงตาของเหวินเสี่ยวสลายไปในทันที
บุคลิกภาพที่สองของเขา ซึ่งพยายามจะฉวยโอกาสนั้นถูกระงับลง
มันช่างน่าเบื่อ
ภูตไหส่ายหัว
“ดูเหมือนจะยังมีอีกคนหนึ่งนี่นา ?”
ภูตไหนึกถึงลั่วอู๋
เขาจำได้ว่ามีคนสี่คนอยู่อีกด้านหน้าเขาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้สามคนนี้ ยังมีชายหนุ่มผมสีเงิน ซึ่งน่าจะมาจากตระกูลลั่ว อย่างไรก็ตามตระกูลลั่วนั้นมีประวัติที่ไม่ได้ยาวนานเท่าไหร่ พวกเขาเป็นตระกูลใหม่ที่ผุดขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้ไม่มีจุดตัดใด ๆ ระหว่าง ภูตไหและตระกูลลั่ว การสืบทอดวิชาอันลึกลับของตระกูลลั่วนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ใด ๆ กับเขา ดังนั้นภูตไหจึงไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับตระกูลลั่ว
เพียงแค่เด็กผู้ชายผมสีเงินคนนั้นดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่หลังผู้บัญชาการหลิงหลง ทำให้เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำแบบนั้นไปทำไม
ภูตไหชำเลืองมองหาลั่วอู๋ แต่ทันใดนั้นก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องมาที่ตรงหน้าเขา โดยที่เขาไม่ทันได้คาดคิดภูตแห่งปัญญาก็ปรากฏตัวขึ้น มันถือหนังสือทองคำไว้ในมือและแสดงความเคารพต่อเขาอย่างสง่างาม
หา?
ทักษะ รวมพลเทวดา?
ภูตไหไม่มีทางจะป้องกันการโจมตีของลั่วอู๋ได้ทัน
ทันใดนั้นภูตแห่งปัญญาก็เปิดหนังสือทองคำและโจมตีด้วยรอยยิ้ม “ถ้อยคำแห่งเทพเจ้า … ”
แต่ทว่าจู่ ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของภูตแห่งปัญญาก็แข็งตัว
เพราะมันพบว่าตัวเองพูดไม่ออก
อีกด้านหนึ่งทางภูตไหได้พ่นคำพูดออกมาเบา ๆ “ถ้อยคำแห่งเทพเจ้า จงกลายเป็นคำต้องห้าม!”
เวทมนตร์!
ภูตไหได้ใช้ทักษะเวทมนตร์ของเขา!
ภูตแห่งปัญญาได้แต่ตื่นตระหนก
มันเป็นไปได้อย่างไร? มีเพียงสัตว์วิญญาณเพียงไม่กี่รูปแบบเท่านั้น ที่สามารถเชี่ยวชาญทักษะเวทมนตร์เช่นนี้ได้ นี่คือพลังที่เขาได้รับมาจากเทพเจ้าแห่งแสง แต่อีกฝ่ายกลับขัดขวางมันได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง!
“จงกลับไปเถอะ โลกนี้ช่างโสมม และมืดมน แล้วไม่ต้องกลับมาอีกล่ะ” ภูตไหไม่ได้ทำร้ายภูตแห่งปัญญา แต่โบกมือไล่มันกลับไป
เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณแห่งการขับไล่ใส่
ภูตแห่งปัญญาถูกเนรเทศและสลายไปในทันที
แต่จังหวะนั้นเองลั่วอู๋ก็ได้ใช้ทักษะทะลวงมิติเพื่อเข้ามาหาภูตไหจากทางด้านหลัง แม้ว่าเขาจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ แต่ภูตไหก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเขา
เขาคงรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้ นอกจากนี้เขายังไม่คิดว่าลั่วอู๋จะทำให้เขาเดือดร้อนได้
นี่เป็นโอกาสของลั่วอู๋
ดวงตาของลั่วอู๋เต็มไปด้วยแสงแห่งความหวัง
เขาเรียกภูตแห่งปัญญามาเพื่อดึงดูดความสนใจของภูตไห จากนั้นเขาซ่อนตัวและรอโอกาสที่จะใช้ทักษะทะลวงมิติ เนื่องจากเขาไม่สามารถระงับพลังวิญญาณของไหปีศาจได้
ด้วยความใกล้ชิดที่มันมีกับภูตไห ไหปีศาจจึงเริ่มปลดปล่อยอารมณ์ปรารถนาอย่างบ้าคลั่งมันกระตือรือร้นที่จะรวมร่างกับภูตไห
และเมื่อพลังของไหปีศาจถูกปลดปล่อย ภูตไหก็คงจะรู้สึกตัว
เขาจึงต้องทำเช่นนี้
เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หากเขาล้มเหลว จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีก
เพราะในแง่ของความแข็งแกร่ง ลั่วอู๋ นั้นอยู่ห่างไกลจากคำว่าคู่ต่อสู้ของภูตไห
“จงมาหาข้าซะ ภูตไห” ลั่วอู๋คำราม จากนั้นในมือของเขาก็ปรากฏไหใบเล็กธรรมดา ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงไหปีศาจต่อหน้าคนอื่น ๆ
พลังวิญญาณของไหปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
มันแผ่ออกไปกว้างใหญ่ไพศาลราวกับจะละลายบรรยากาศของโลก
ลั่วอู๋กระตุ้นไหปีศาจอย่างบ้าคลั่ง ปลดปล่อยพลังวิญญาณที่ฝังอยู่ในนั้น โดยหวังว่าจะทำให้ไหปีศาจได้ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา
ภูตไหที่สงบและอ่อนโยนอยู่เสมอ ถึงกับตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เขารู้สึกถึงได้ถึงลมปราณของไหปีศาจ
มันรุนแรงมาก
นี่ทำให้ภูตไหอารมณ์เสีย
เขาตื่นตระหนกแบบนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายหมื่นปี
“มันเป็นไปได้ยังไง ? เจ้าน่าจะถูกทำลายไปพร้อมกับโลกใบนั้นแล้วนี่นา ทำไมเจ้าถึงยังคงอยู่” ภูตไหกระซิบ
ทันใดนั้นไหปีศาจก็ปล่อยแรงดูดออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าของภูตไหก็เริ่มปั่นป่วนและโกรธเกรี้ยว
ทั้งสองนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยธรรมชาติแล้ว ทั้งสองอย่างนี้ย่อมต้องการเป็นหนึ่งเดียวกัน
อย่างไรก็ตามภูตไหนั้นไม่เต็มใจที่จะโดนหลอมรวม เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ถือครองของไหปีศาจ ถ้าหากเขาถูกกลืนเข้าไปเขาก็จะถูกกดขี่
หมอกสีขาวบนตัวภูตไหถูกดูดออกไปด้วยพลังของไหปีศาจ
หมอกสีขาวชั้นนี้ใช้เพื่อปกปิดลักษณะตัวตนและลมปราณ
เมื่อหมอกสีขาวถูกดูดออกไปตัวตนและลมปราณของภูตไหก็ถูกเผยให้เห็น
หัวใจของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความสุข อย่างน้อยขั้นตอนแรกก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
แต่ทว่าในวินาทีต่อมาหัวใจของลั่วอู๋ก็หล่นลงสู่ก้นบึ้ง
เนื่องจากภูตไหไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามการดูดอันรุนแรงของไหปีศาจ จนมันดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับเขาเลย
แววตาอันซับซ้อนเปล่งประกายในดวงตาของภูตไห เขามองไปที่ไหปีศาจ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะยังอยู่ พวกเราแยกทางกันนานเกินไปจริง ๆ”
น่าเสียดายที่ไหปีศาจนั้นมีเจ้าของแล้ว
แม้แต่เขาก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของไหปีศาจได้อีก
“แต่มันก็แค่นั้น” ภูตไหมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยสายดวงตาเหมือนทะเลแห่งดวงดาวอันกว้างใหญ่ลึกล้ำไร้ที่เปรียบ “ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นอ่อนแอเกินไป”
ใช่แล้ว ลั่วอู๋นั้นยังอ่อนแอเกินไป
ไม่ว่าวัตถุวิญญาณจะทรงพลังเพียงใด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ถือครองมัน ความแข็งแกร่งของ ลั่วอู๋ นั้นไม่เพียงพอที่จะกวาดต้อนภูตไหเข้ามาและทำให้ไหปีศาจกลับมาสมบูรณ์ได้
“เจ้าเป็นคนแรกในรอบหลายหมื่นปีที่ทำให้ข้ากลัวได้” ภูตไหค่อยๆพูดอย่างช้า ๆ “จนรู้สึกภูมิใจกับมันเสียเถิด”
ผมของ ลั่วอู๋ หยุ่งเหยิง เขาอยากจะหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่มันก็สายไปแล้ว ภูตไหชี้นิ้วไปทางเขา
แสงสีขาวสว่างวาบแลบผ่านร่างของลั่วอู๋ในชั่วพริบตา
เขาถูกสังหารในทันที
พลังวิญญาณของลั่วอู๋หายไปอย่างรวดเร็ว
องค์หญิงเจียโรว กระโดดขึ้นไปรับเขาด้วยความตื่นตระหนก นางจับร่างของลั่วอู๋เอาไว้ด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ไม่นะ! ไม่ ลั่วอู๋ เจ้าต้องไม่ตาย เจ้าไม่ตาย ข้าให้ลูกแก้วไว้กับเจ้าไม่ใช่เหรอ แล้วลูกแก้วนั่นล่ะ”
ภูตไหพยายามใช้พลังของเขาดูดไหปีศาจกลับมา
แต่มันก็ล้มเหลว
เนื่องจากผู้ถือครองนั้นยังคงมีตัวตนอยู่ ตราที่เป็นของ ลั่วอู๋ นั้นยังไม่ได้หายไป
แสงสีขาวแห่งความศักดิ์สิทธิ์สาดส่องลงมาที่ร่างของเขาอย่างช้าๆ
ลั่วอู๋ดูเหมือนว่าจะถูกฟื้นคืนชีพกลับมา
เพราะตอนนี้ตวนซีนั้นกำลังกลายร่างเป็นภูตสงครามอยู่ ดังนั้นแล้วเขาจึงมีทักษะ ระดับ A [ร่างอมตะศักดิ์สิทธิ์จำลอง] และด้วยที่ทักษะนี้เริ่มทำงานจึงทำให้ลั่วอู๋คืนชีพมาได้สำเร็จ
ทักษะนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นเพียงแค่ทักษะระดับ A เท่านั้น ในอนาคตแม้ว่าตวนซีจะกลายร่างเป็นสัตว์วิญญาณตัวอื่นที่มีทักษะนี้ แต่ก็จะไม่สามารถทำให้ทักษะนี้มีประสิทธิภาพได้อีก
แต่ถึงอย่างนั้นในความคิดของหลาย ๆ คนคุณค่าของทักษะนี้ยังคงเทียบได้กับระดับ SS
ลั่วอู๋ลืมตาขึ้นและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขององค์หญิงเจียโรวพร้อมกับความสับสนและความกังวลบนใบหน้าของนาง ซึ่งทำให้เขารู้สึกเศร้าและสงสาร
องค์หญิงเจียโรว พูดด้วยความประหลาดใจ “ลั่วอู๋ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ข้าสบายดี” ลั่วอู๋เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาขององค์หญิง เจียโรวออกจากมุมตาโดยไม่รู้ตัว “อย่าร้องไห้น่า เจ้าร้องไห้แล้วดูไม่ดีเท่าไหร่เลยนะ”
ใบหน้าของ องค์หญิงเจียโรว เปลี่ยนเป็นสีแดง นางผลักตัวลั่วอู๋ออกไป “ข้านึกว่าเจ้าตายไปแล้วเสียอีก แต่ยังไงสถานการณ์ตอนนี้ก็ยังแย่อยู่ดี”
ลั่วอู๋ลุกขึ้นมา
ใช่เลย นี่เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ของเขา
ลั่วอู๋รับเอาไหปีศาจกลับมาก่อน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ และอีกฝ่ายเองก็ไม่สามารถชิงมันไปได้เช่นกัน
“เจ้าจะคืนชีพกลับมาได้สักกี่ครั้ง ?” ภูตไหไม่มีการแสดงออกใด ๆ เขาเพียงแต่ยื่นนิ้วของเขาออกไป
มีเพียงอีกสามทักษะที่ทำแบบนี้ได้ อันแรกก็คือ “ภูมิคุ้มกันจากความตายจำลอง” ส่วนอีกสองทักษะก็คือ “คืนชีพจากความตายจำลอง” และ “คืนชีพจากนิพพานจำลอง”
ไม่ว่าเขาจะโชคดีจนมีอีกสามทักษะนี้ในครอบครอง
แต่เขาก็สามารถคืนชีพได้สูงสุดอีกเพียงสามครั้งเท่านั้น
ทักษะนี้นั้นง่ายต่อการทำให้เกิดผล และเมื่อมันถูกใช้งานแล้วมันก็จะไม่ได้ผลอีก
ขณะเดียวกันเสียงคำรามอันรุนแรงก็ได้หยุดการโจมตีของภูตไหเอาไว้ “ข้าคอยคุ้มครองเขาอยู่ ถ้าแน่จริงก็ลองโจมตีเขาดูสิ!”
ผู้บัญชาการหลิงหลงบินลงมา
พลังวิญญาณของดาบสังหารเก็งจินเอ่อล้นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จิตสังหารแห่งการฆ่าฟันนั้นน่าสะพรึงกลัว เปรียบเสมือนกับต้องเผชิญหน้ากับกองทหารนับแสน
ผู้บัญชาการหลิงหลงนั้นได้ยินเสียงโห่ร้องขององค์หญิงเจียโรวจึงรีบแยกตัวออกมา แม้นางจะมาไม่ทันจนลั่วอู๋ถูกฆ่าตาย
แต่ก็ยังโชคดีที่เขายังมีทักษะในการคืนชีพ
หากคนที่นางปกป้องอยู่ถูกฆ่าตายขึ้นมา ในฐานะผู้บัญชาการนางคงทนยอมรับไม่ได้แน่
ด้านหลังผู้บัญชาการหลิงหลง เทพพิทักษ์เวหาก็บินตามนางมาติด ๆ มันรีบไปยืนอยู่ข้างหลังภูตไห อย่างดุร้ายและแยกเขี้ยวออกมาขู่ มีรอยดาบหลายรอยบนร่างกายขนาดใหญ่ของมัน
แม้ว่ามันจะไม่เจ็บสาหัสไปถึงกล้ามเนื้อและกระดูก แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บ
เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่ได้ใช้ทักษะใด ๆ ในการต่อสู้กับผู้บัญชาการหลิงหลง
ภูตไหเองรู้ดีว่าด้วยการปกป้องของผู้บัญชาการหลิงหลง เขาย่อมไม่สามารถฆ่า ลั่วอู๋ ได้ วิชาต่าง ๆ ของเขานั้นมีไว้เพื่อป้องกันตนเอง ความก้าวร้าวในพลังโจมตีของเขานั้นยังไม่เพียงพอ
เมื่อเห็นผู้บัญชาการหลิงหลงออกมาขวาง ลั่วอู๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ตามที่คาดไว้เขาประเมินภูตไหต่ำเกินไป
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบไม่ได้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างผู้บัญชาการหลิงหลง แต่เขาก็ยังอยู่เหนือกว่าระดับความสามารถของลั่วอู๋ในตอนนี้มาก
นอกจากนี้ในสัตว์วิญญาณของภูตไหนั้นแข็งแกร่งมาก จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับมัน ถึงระดับที่ว่าเทพพิทักษ์เวหา ไม่สามารถถูกตรวจสอบด้วยความสามารถของไหปีศาจได้
ต้องขอบคุณการปกป้องจากผู้บัญชาการหลิงหลง
“ข้าจะจำเจ้าเอาไว้ ระหว่างพวกเรานั้นยังมีหนทางอีกยาวไกล” ภูตไหมองดูลั่วอู๋อย่างลึกซึ้ง จากนั้นร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว และก้าวออกไปในท้องฟ้า
เทพพิทักษ์เวหาคำรามอย่างโกรธ ๆ มันมองไปที่ผู้บัญชาการหลิงหลง จากนั้นหันกลับไปกลายร่างกลับเป็นสุนัขสีแดงอีกครั้ง จากไปพร้อมกับภูตไห
ผู้บัญชาการหลิงหลงขมวดคิ้วของนาง นางยังคงต้องการไล่ล่าตามอีกฝ่ายไป แต่ก็ยังกังวลว่าอีกฝ่ายนั้นจะกลับมาหาลั่วอู๋และฆ่าสังหารเขา
เนื่องจากเทพพิทักษ์เวหานั้นสามารถถ่วงเวลานางเอาไว้ได้ และความแข็งแกร่งของภูตไหเองก็ไม่ได้อ่อนแอ
เหวินเสี่ยวพยายามลุกขึ้น เขารีบบินตามไปและตะโกนออกมา “ท่าน ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดอย่าเพิ่งไป … ”
ทันใดนั้นเสียงก็ดังมาจากที่ห่างไกล
“ถ้าเจ้าฆ่าลั่วอู๋ได้ ข้าจะสนองให้ตามที่เจ้าต้องการ”