ไหปีศาจ - บทที่ 422 ค้นพบ
บทที่ 422 ค้นพบ
บทที่ 422
ค้นพบ
จักรพรรดิดาบหยางไคเทียน
ลั่วอู๋ เข้าสู่มิติไหอย่างรวดเร็ว เขารีบถามกู่ฉวนว่า “จักรพรรดิดาบหยางไคเทียนคือใคร”? “บรรพบุรุษของเจ้ารึ?”
เมื่อพิจารณาว่ากู่ฉวนนั้นมีสกุลหยางคำถามนี้จึงถูกถามออกมา
“อา?” กู่ฉวนสับสนเล็กน้อย “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน บรรพบุรุษของข้าคือหยางหยุนเฮา และเขาไม่มีตำแหน่งหรือฉายาว่าจักรพรรดิดาบแต่อย่างใด”
ฉายาจักรพรรดิดาบช่างเป็นอะไรที่น่ากลัว
ความสามารถในการใช้ดาบระดับสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้ จักรพรรดิดาบเป็นตำแหน่งที่น่าเคารพยิ่ง
นอกจากเพื่อเป็นการสรรเสริญในอำนาจแล้วยังเป็นการแสดงถึงแรงกดดันมหาศาลและความแข็งแกร่งของบุคคลนั้นอีกด้วย
“ หยางไคเทียน.” ลั่วอู๋พูดสองสามคำจากนั้นตรงไปที่หอสมุดที่เขาเก็บสำเนาหนังสือบางส่วนจากคฤหาสน์สุตราของสำนักเฉียนหลงเอาไว้
ไม่แน่ในนั้นอาจจะมีคำตอบ
ซึ่งเขาก็เจอข้อมูลที่ต้องการในหนังสือสำเนาเล่มหนึ่ง แต่ด้วยที่หนังสือต้นฉบับนั้นค่อนข้างเก่าแก่ ข้อมูลที่หายไปบางส่วนจึงอาจจะเป็นสาระที่สำคัญมาก
หยางไคเทียน เป็นจักรพรรดิดาบคนแรกในประวัติศาสตร์
อีกทั้งยังเป็นจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์ซุยหยุน
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นสิ่งนี้
ที่แท้นามสกุลหยางก็เป็นนามสกุลของราชวงศ์ซุยหยุนเดิมนี่เอง
ราชวงศ์ซุยหยุนนั้นล่มสลายไปเมื่อประมาณ 18,000ปีก่อน ในเวลานั้นวิชาการใช้พลังวิญญาณกำลังอยู่ในช่วงเติบโต ประชาชนต่างตกอยู่ในความไร้ระเบียบ นอกจากนี้การคุกคามอย่างรุนแรงจากเหล่าปีศาจภายนอกเองก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จักรพรรดิต่าง ๆ ที่สืบทอดอำนาจกันต่อ ๆ มาต่างก็อ่อนแอเกินไป ทำให้ราชวงศ์ต่าง ๆ เริ่มสูญสิ้นลงตามไปด้วย
ทั้งประเทศถูกปกครองโดยผู้มีอำนาจและตระกูลใหญ่ กองกำลังหลายนิกายต่างพยายามหาทางกำจัดกันและกัน ทำให้มีข้อพิพาทขัดแย้งไปทั่วอาณาจักร
แต่ต่อมาก็มีกองกำลังพิเศษอันทรงพลังปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว ปราบปรามกองกำลังฝั่งตรงข้ามทั้งหมดสร้างความสามัคคีในระยะสั้น
แต่มันก็ไม่ได้ยั่งยืน
ท้ายที่สุดจักรพรรดิ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มังกรเร้นกายก็ปรากฏตัวขึ้น นำหน่วยสยบมังกรเคลื่อนทัพไปทั่วอาณาจักร แล้วก่อตั้งราชวงศ์ของตนเองขึ้น เพื่อให้ทั่วทั้งอาณาจักรกลับคืนสู่ความสงบสุข
นี่อาจจะไกลจากประเด็นไปสักหน่อย กลับมาที่เรื่องหลัก
ราชวงศ์ซุยหยุนเป็นราชวงศ์ที่มีความรุ่งเรืองมานานกว่า 30,000 ปี หรือกล่าวก็คือหยางไคเทียนนั้นอาจเป็นบุคคลเมื่อ 50,000 ปีที่แล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครรู้จักชื่อของเขา
ค่ายนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขโมยทักษะศิลปะการต่อสู้โบราณของครอบครัวกู่ฉวนเพียงอย่างเดียว แต่น่าจะมีจุดประสงค์อื่นด้วย
กู่ฉวน กล่าวว่าตระกูลหยางของเขามีประวัติยาวนานเพียงหลายพันปี ดังนั้นหากย้อนๆไปจริง ๆ แล้วหยางหยุนเฮาบรรพบุรุษของกู่ฉวน น่าจะเป็นเชื้อสายของราชวงศ์ซุยหยุน
ดังนั้น ตระกูลของเขาน่าจะสร้างแหล่งมรดกศิลปะการต่อสู้โบราณนี้ เพื่อระลึกถึงความรุ่งเรืองของบรรพบุรุษที่แท้จริงของพวกเขา
และตระกูลหยางอาจจะมีสมบัติล้ำค่าที่สุดของราชวงศ์ซุยหยุน มันจึงนำหายนะมาสู่พวกเขา
แต่ลั่วอู๋ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะเป็นองค์ชายเล็ก
แม้ว่าลั่วอู๋จะรู้ดีว่าองค์ชายเล็กนั้นไม่ใช่คนที่จะเข้าใจได้ง่าย ๆ และมีอะไรแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องเช่นนี้
อาจเป็นเพราะ เมื่อสามปีที่แล้วองค์จักรพรรดิได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบ และเริ่มปล่อยให้ส่วนอื่นของวังหลวงได้เติบโต
“ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้ซะแล้ว” ลั่วอู๋คิด
มันช่างเป็นอะไรที่น่ารังเกียจสิ้นดี อีกฝ่ายนั้นต้องการในสมบัติของผู้อื่น จนถึงกับฆ่าล้างบางพวกเขาเหล่านั้น และจับคนที่เหลือรอดมาทรมานเช่นนี้
หากเขาต้องการที่จะต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์ มันก็เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ เพราะราชสำนักต่างก็ใช้วิธีการร้ายกาจในการรักษาอำนาจ แต่กับตระกูลหยางที่อาศัยอยู่อย่างเงียบสงบแบบนี้ อีกฝ่ายกลับสั่งฆ่าสังหารพวกเขาอย่างไม่มีเหตุผล มันเป็นเรื่องที่อุกอาจและยอมรับไม่ได้จริงๆ
อย่างไรก็ตามแม้แต่คนในตระกูลหยางยังไม่รู้ว่าเลยว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคือจักรพรรดิดาบหยางไคเทียน
แล้วองค์ชายเล็กรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
ในขณะที่ ลั่วอู๋ พร้อมจะออกจากมิติไห กู่ฉวนก็กล่าวขึ้นว่า “นายน้อย ขอให้ข้าช่วยท่านได้ไหม ? ข้านั้นคุ้นเคยกับภูมิประเทศของตระกูลข้าดี”
“ไม่ ยังก่อน ข้าจะเรียกเจ้าออกมาในตอนที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าเอง”
ลั่วอู๋ออกจากมิติไห
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการให้ กู่ฉวนช่วย แต่ลั่วอู๋นั้นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขามากกว่า
เห็นได้ชัดว่าคนในคุกเหล่านั้นล้วนเป็นสมาชิกอาวุโสของตระกูลหยางทั้งหมด คาดว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นญาติของ กู่ฉวน ดังนั้นการที่กู่ฉวนต้องออกไปเจอกับภาพนั้น มันคงจะเกินกว่าที่เขาจะรับได้
ความเร็วของเวลาภายในและภายนอกมิติไหนั้นแตกต่างกัน เหตุการณ์ในคุกใต้ดินจึงยังอยู่ในสภาพไม่ต่างจากเดิมมาก
ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะพยายามบังคับให้พวกเขาเหล่านั้นเปิดกล่อง แต่ดูเหมือนว่าก็ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ
“ใช้ทักษะ ค้นหาวิญญาณกับพวกเขาต่อไป” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
ผู้คุมรับผิดชอบการทรมานชายเหล่านั้นต่อพลางหัวเราะ “ลูกพี่หนิง ข้าลองค้นหาในสมองพวกมันมาหลายร้อยครั้งแล้ว แต่ไม่มีวิธีการใดในสมองของพวกเขาที่สามารถเปิดกล่องนั้นได้เลย”
“ลองค้นหาอีกครั้ง” ชายคนนั้นกล่าวต่อ “มันจะต้องมีอะไรที่หายไปในความทรงจำของมันแน่ หามันให้พบ ข้าต้องการวิธีการเปิดกล่องที่สมบูรณ์”
พวกเขาไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับวิธีการเปิดกล่อง
ทักษะค้นหาวิญญาณจึงถูกนำมาใช้
แต่ทักษะ ค้นหาวิญญาณนั้นมีข้อเสีย มันทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกมาได้ง่าย และทักษะ ค้นหาวิญญาณเองก็ส่งผลร้ายต่อแก่นวิญญาณเป็นอย่างมาก ดังนั้นทักษะนี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ
แม้ว่าผลจากการโดนทักษะนี้หลายครั้งจะไม่ทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมโดยสมบูรณ์ แต่ก็สามารถทำให้มีผลตกค้างในระยะยาว
“ขอรับ” ชายผู้รับผิดชอบการสอบสวนกล่าวอย่างรีบร้อน จากนั้นเขาก็เรียก ผู้คุมวิญญาณออกมาและเริ่มใช้ทักษะ ค้นหาวิญญาณอีกรอบ
ในสายตาของชายคนนั้นดูเหมือนว่าเขามีบางอย่างในใจ
พวกเขาค้นพบวิธีเปิดกล่องแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดกล่องได้
เขาจึงรู้สึกว่าวิธีการนั้นยังไม่สมบูรณ์
แต่นี่มันก็ผ่านมาสามปีแล้ว องค์ชายเล็กไม่สามารถรอได้อีกต่อไป อีกทั้งยังมีสัญญาณการรุกรานจากภายนอกเข้ามาในวันนี้อีก
พวกเขาใกล้จะไม่สามารถเก็บที่นี่เป็นความลับต่อไปได้อีกแล้ว
“กรร” ผู้คุมวิญญาณกลายเป็นเหมือนผีดำ มันสั่นสะท้านพลางส่งเสียงโหยหวนออกมา
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแล้วถาม “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ชายผู้รับผิดชอบการสอบสวนเองก็ดูสับสนเช่นกัน หลังจากการใช้ทักษะค้นหาวิญญาณ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไม่นะ ท่านหนิง ผู้คุมวิญญาณรู้สึกถึงจิตวิญญาณของคนนอก”
แย่แล้ว! หัวใจของลั่วอู๋สั่นสะท้าน
สัตว์วิญญาณ แต่ละประเภทนั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
เช่นเดียวกับหนูอูชิง ระดับทองแดง ที่มีสัญชาตญาณไวต่อแร่ธาตุวิญญาณ และคุณสมบัติธาตุทั้งห้าเป็นพิเศษ หรือแมลงกินวิญญาณที่มีการรับรู้ถึงคุณลักษณะของพลังวิญญาณสูงที่สุดในโลก
ภูตศรสังหาร ระดับทอง สามารถแยกแยะกลิ่นต่างๆได้หลายหมื่นกลิ่น ในทางกลับกันผู้คุมวิญญาณเองก็สามารถสัมผัสถึงจิตวิญญาณได้แม้ว่าช่วงการรับรู้จะแคบมากก็ตาม
การล่องหนของลั่วอู๋อาจจะสามารถปกปิดรูปร่างและลมปราณได้อย่างสมบูรณ์
แต่มันไม่สามารถปกปิดจิตวิญญาณของเขาได้
เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีผู้คุมวิญญาณอยู่ที่นี่ และเขาเองก็ไม่มีความสามารถในการซ่อนตัวที่ดีถึงขนาดซ่อนจิตวิญญาณได้เสียด้วย
“ใครกัน?”
ชายวัยกลางคนคำรามขึ้นในทันที
คลื่นพลังอันน่ากลัวสั่นสะเทือนไปทั่วคุกใต้ดิน
ลั่วอู๋ยังไม่เลือกที่จะปรากฏตัวออกมา เขาเลือกที่จะหลบหนี แต่ประตูคุกใต้ดินนั้นกลับถูกผนึกไว้อยู่ เรียกได้ว่าชายคนนี้เตรียมพร้อมระแวดระวังไว้ดีมากทั้งทางเข้าและทางออก
เขาไม่สามารถรักษาการล่องหนต่อไปได้ หากจะใช้ทักษะทะลวงมิติเนื่องจากมันเป็นทักษะของสัตว์วิญญาณตัวอื่น
“ไม่มีปัญหาอะไร” ลั่วอู๋ทำได้เพียงแอบเจาะประตูคุกใต้ดินเพื่อหนีออกไป
นัยน์ตาของชายวัยกลางคนมองตามไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าทักษะการปกปิดของอีกฝ่ายจะดีมาก และยังไม่มีการโจมตีใด ๆ เริ่มขึ้น แต่ก็ยังพอมีร่องรอยให้ติดตาม
“มันแอบติดตามข้ามาตลอด” ชายคนนั้นโกรธมาก “อย่าคิดว่าจะหนีพ้นล่ะ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้! มีผู้บุกรุกอยู่ในค่าย”
เสียงตะโกนของชายวัยกลางคนดึงดูดความสนใจของทหารในค่าย
ลั่วอู๋ที่เพิ่งหนีออกมาจากคุกใต้ดิน ถูกขวางกั้นด้วยลวดหนามขนาดใหญ่ลงมาจากท้องฟ้าโดยไม่คาดคิดในทันที มีตะขออย่างดีบนตาข่ายที่จะเปล่งแสงสีแดงและน้ำเงินออกมาเมื่อมีอะไรมาติดอวน
“ แตกไปซะ” ลั่วอู๋ชกหมัดพลังวิญญาณออกไปกลายเป็นลมแรง เพื่อทำให้ตาข่ายเหล็กแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
แต่หลังจากที่ตาข่ายแตกออก ผงสีขาวจำนวนมากก็ลอยลงมาบนร่างของลั่วอู๋ เผยตำแหน่งของเขา การล่องหนนั้นไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
ผงสีขาวนี้ทำให้เขาไม่สามารถซ่อนตัวต่อไปได้
“กรร!” ภูตศรสังหาร หลายตัวถูกปล่อยออก พวกมันมายิ้มแสยะให้กับ ลั่วอู๋ กลิ่นของผงสีขาวเหล่านี้ทำให้ ภูตศรสังหารเข้าล้อม ลั่วอู๋ ได้สำเร็จ
ทันใดนั้นทหารหลายร้อยคนก็เจ้ามาล้อมรอบ
มันเป็นการจับกุมที่มีประสิทธิภาพน่าอัศจรรย์
ชายวัยกลางคนรีบวิ่งออกจากคุกใต้ดิน เขาจ้องมองไปที่ร่างที่ปกคลุมด้วยผงสีขาว “ช่างกล้าไม่น้อย ที่บุกเข้าไปในค่ายนี้ด้วยตัวคนเดียว”
“เป็นวิธีการจับกุมที่ทรงพลังมาก การมาที่ค่ายนี้มันช่างเปิดหูเปิดตาให้ข้าได้จริงๆ” ลั่วอู๋เงยหน้ามองแล้วยอมเปิดเผยร่างของเขา
ดูเหมือนค่ายทหารนั้นจะมีวิธีการของพวกเขา ในการรับมือกับผู้ใช้พลังวิญญาณ
หากเป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีระดับมิติวิญญาณ เพียงระดับทอง คงจะต้องถูกทหารในค่ายนี้สังหารลงในเวลาอันสั้นเป็นแน่
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋นั้นไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ต่อหน้ากองทัพเหล่านี้เขานั้นยังคงสงบและสุขุมมาก
“เป็นเจ้านี่เอง!” ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะจำลั่วอู๋ได้
ลั่วอู๋หัวเราะ “ดูเหมือนว่าข้าจะมีชื่อเสียงอยู่พอสมควรเลยนะเนี่ย”
อันดับหนึ่งของรายชื่อสำนักเฉียนหลง ลูกหลานของตระกูลลั่ว อีกทั้งในเทศกาลเสริมอายุยืนยาวลั่วอู๋ยังได้แสดงถึงเส้นสายที่มีในห้องโถงเฟิงเทียนอีก มันจึงไม่แปลกที่ตัวตนและภูมิหลังของเขา ได้ถูกแพร่กระจายไปยังกองกำลังสำคัญทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว