ไหปีศาจ - บทที่ 425 ล่อเสือให้ห่างจากภูเขา
บทที่ 425 ล่อเสือให้ห่างจากภูเขา
บทที่ 425
ล่อเสือให้ห่างจากภูเขา
ปังชีเย่และฮังเหมินไม่คาดคิดเลยว่าลั่วอู๋จะเป็นฝ่ายริเริ่มเข้ามาหาพวกเขาเอง
ทำไมเขาถึงกล้าแสดงตัว
เขากล้าแค่ไหนกันถึงมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาทั้งสองในตอนนี้
“เจ้าดูมั่นใจมาก ข้าล่ะชอบอัจฉริยะที่มั่นใจในพลังของตัวเองจนเกินไปแบบเจ้าที่สุด” ฮังเหมินเลียริมฝีปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงอันดุร้าย “เพราะพวกคนแบบเจ้า มันเป็นอะไรที่หักคอง่ายมาก”
สำหรับฮังเหมินแล้ว อัจฉริยะแบบลั่วอู๋นั้นไม่ได้น่ากลัวเลย
แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเด็กเกินไป ซึ่งหมายความว่าพวกเขายังไม่สามารถเปลี่ยนศักยภาพที่มีให้เป็นจุดแข็งได้ รวมถึงยังมีความหุนหันพลันแล่น กระหายเลือดและไร้เดียงสา
นี่เป็นเหตุที่ทำให้พวก เด็กอัจฉริยะถูกจัดการได้ง่าย
แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ พวกเด็กอัจฉริยะที่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง เพราะนั่นทำให้เขาไม่สามารถลดการป้องกันลงได้แม้แต่ชั่วพริบตา
ต่างจากพวกแรก พวกนี้เป็นพวกที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับคนอย่างฮังเหมิน
“ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ ที่จะได้ฆ่าอัจฉริยะด้วยมือตัวเอง” รอยยิ้มของฮังเหมินดูเย็นชา ลมปราณอันน่ากลัวของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงค่อยๆแผ่ออกมา
เงาของสัตว์วิญญาณทั้งสี่ก็ค่อยๆเผยออกมาให้เห็น สามตัวแรกนั้นดูธรรมดาไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่ แต่สัตว์วิญญาณตัวที่สี่นั้นทำให้ลั่วอู๋ถึงกับหนาวสั่น
มันเป็นสัตว์วิญญาณที่มีรูปร่างเหมือนหมาป่า มันมีดวงตาสีแดงเข้ม ขนสีดำหนา และมีกลิ่นอายของความโกรธกระหายเลือด
สัตว์วิญญาณ ระดับทองขั้นสูง หมาป่าแห่งรัตติกาล
ไม่ว่าจะเรื่องพลังหรือความเร็วของมันต่างก็ยอดเยี่ยมทั้งคู่ นอกจากนี้มันยังมีความสามารถในการรักษาตัวเองที่ทรงพลัง สัตว์วิญญาณแบบนี้อาจไม่ใช่ของสัตว์วิญญาณที่ดูหายากเท่าไหร่ แต่เป็นสัตว์วิญญาณที่หาได้ยากในระดับมิติวิญญาณเดียวกัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฮังเหมิน ลั่วอู๋ก็หยิบวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีออกมา
ด้านบนของมันมีตราสีเหลืองซึ่งแสดงคุณสมบัติของธาตุดินอยู่
เปิดใช้ทักษะ ระดับA [พายุทราย]
ทักษะนี้สามารถใช้พลังวิญญาณสร้างพายุทรายขึ้นมาได้ แม้ว่าระดับจะไม่สูง และแทบจะไม่มีพลังในการโจมตีเลย แต่มันก็สามารถทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ในบางสถานการณ์
“ฟู่”
ลมกระโชกแรงพัดมาพร้อมกับทรายและดินจำนวนนับไม่ถ้วน ต้นไม้ กิ่งไม้ ใบไม้และดินจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาตามรายทาง
ตูม
พายุทรายเคลื่อนเข้ามา ทำให้ฝุ่นเม็ดทรายเม็ดเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนเริ่มปกคลุมพื้นที่โดยรอบ
จากนั้นลั่วอู๋ก็หยิบวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีออกมาอีกวงหนึ่งที่มีตราสีน้ำเงินแสดงถึงคุณลักษณะของธาตุน้ำ
เปิดใช้งานทักษะระดับ A [ฝนพรำ]
ทันใดนั้นห่าฝนก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
ฝนนั้นได้รวมเข้ากับพายุทราย น้ำที่ได้ผสมกับทรายและดิน กลายเป็นน้ำโคลนสกปรก ประกอบด้วยกิ่งก้านและใบไม้อันยุ่งเหยิงทั่วท้องฟ้า พัดเข้าใส่พวกเขาทั้งสามคน
ทันใดนั้นลั่วอู๋ ปังชีเย่และฮังเหมิน ต่างก็จมน้ำไปในน้ำโคลนอันไหลเชี่ยว
“เจ้าคิดว่าการรบกวนพรรค์นี้จะใช้ได้ผลกับข้างั้นเหรอ ? ไร้สาระน่า” ฮังเหมินโกรธเช็ดโคลนออกจากใบหน้าของเขา
ปังชีเย่เองก็ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เขาไม่คาดคิดว่าลั่วอู๋จะใช้ท่าที่น่าเบื่อเช่นนี้ออกมา
ฝนพรำ? พายุทราย?
การโจมตีเช่นนี้อาจจะไม่สามารถฆ่าคนธรรมดาได้ แต่มันน่ารังเกียจ
หูถูกรบกวนด้วยเสียงลมและฝน ดวงตาถูกบดบังด้วยโคลนสกปรก
แม้พวกเขาจะไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ แต่พวกเขาก็สามารถสร้างโล่พลังวิญญาณขึ้นมา กันน้ำและโคลนเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามการมองเห็นและการได้ยินของพวกเขาก็ยังคงถูกรบกวนเช่นเดิม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของฮังเหมินที่จะพุ่งเข้ามาหาลั่วอู๋ในไม่ช้า เขาจึงเปลี่ยนตวนซีให้กลายเป็นฝันร้าย
เปิดตัวระดับ SS [หลอกหลอน]
ลั่วอู๋กลายเป็นเงาดำหลบหนีการโจมตีของอีกฝ่ายด้วยความเร็วอันน่าตกใจ เขาหัวเราะเยาะเย้ย “ถ้าการรบกวนไม่ได้ผล ทำไมพวกเจ้าถึงโกรธกันล่ะ?”
ลั่วอู๋หลบเลี่ยงการโจมตีของฮังเหมินได้อย่างง่ายดาย
“เร็วอะไรอย่างนี้” ฮังเหมินประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ฝันร้ายที่มีมิติวิญญาณเพียงแค่ระดับเงิน มิติ 8 สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของลั่วอู๋ได้ก็เพราะทักษะนี้
ทักษะ หลอกหลอน นั้นแตกต่างจาก ทักษะทะลวงมิติ มาก
ทักษะทะลวงมิตินั้นจะไม่มีการเคลื่อนตัวและจะไปถึงที่หมายในทันที ตราบใดที่พลังวิญญาณมีมากเพียงพอก็สามารถใช้เป็นการหลบหนีทางไกลได้
ในแง่ของการใช้งานนั้น ระยะของมันเหนือกว่าทักษะ หลอกหลอน
อย่างไรก็ตาม ทักษะหลอกหลอนเองก็มีคุณสมบัติที่ทักษะทะลวงมิติไม่มี นั้นก็คือในการเคลื่อนไหวระยะสั้นมันจะเร็วมาก เรียกได้ว่าเร็วจนถึงขีดสุด
ที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อได้ร่ายทักษะหลอกหลอนออกมาแล้ว ก็จะสามารถหลบหนีไปสู่ความว่างเปล่าและได้รับการปกป้องจากความเสียหายทุกรูปแบบ
แม้เพียงชั่วขณะ แต่มันก็มีค่าอย่างยิ่ง
“นี่น่ะเหรอ ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงผู้แข็งแกร่ง ก็ยังจับข้าไม่ทันอยู่ดีนี่นา” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของลั่วอู๋ดังไปทั่ว
ฮังเหมินโกรธมาก เขาจึงรีบพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง
แต่ลั่วอู๋กลายเป็นเงาดำอีกครั้งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ปังชิเย่ ไม่สามารถทนนั่งนิ่งได้ ดวงตาของเขาขาวโพลนราวกับประภาคารในคืนที่มืดมิด หรือดวงอาทิตย์ที่จู่ ๆ ก็ทะลุเมฆออกมา
พลังวิญญาณอันน่ากลัวแผ่กระจายออกไปราวกับว่าจะรวมตัวเป็นสสารเหมือนคลื่นเช่นเดียวกับลั่วอู๋ที่ใช้ทักษะหลอกหลอนอยู่
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจมาก
หากเขาปะทะเข้ากับคลื่นพลังวิญญาณอันทรงพลังเช่นนี้ ร่างของเขาคงสลายหายไปในชั่วพริบตา
“ลาก่อน” ลั่วอู๋หายไปในเงาอีกครั้ง
มันอันตรายมากหากไม่หลีกเลี่ยงการโจมตีของทั้งสองคนให้ทัน
ฮังเหมินที่โกรธแค้นผลักฝนโคลนและหมอกทรายออกไปพลางตะโกน “ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ๆ ก็อย่าวิ่งหนีสิ”
“ถ้าพวกเจ้าไล่ตามข้าทันละก็นะ” ลั่วอู๋เยาะเย้ยท้าทายอีกครั้ง
ฮังเหมินและปังชีเย่วิ่งตามเขาไปด้วยความโกรธ แต่ลั่วอู๋ก็หลบได้ตามเดิมแล้วยั่วยุพวกเขาด้วยคำพูดต่อไป
การใช้ทักษะระดับ SS อย่างต่อเนื่องนั้นสูบพลังวิญญาณของ ลั่วอู๋ ไปเป็นอย่างมาก
โชคดีที่เขามีแร่วิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากอยู่สำรองไว้อยู่ เขาถือมันไว้ในมือซ้ายและขวาเพื่อดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์อย่างบ้าคลั่งเพื่อชดเชยการสูญเสียพลังวิญญาณ
แน่นอนว่ามันไม่มีอุปสรรคใด ๆ ในการดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งช่วยให้การไหลเวียนพลังวิญญาณเป็นไปได้อย่างไม่มีปัญหา
แม้เวลาจะผ่านไปนานพอสมควร ฮังเหมินและปังชิเย่ก็ยังจับลั่วอู๋ไม่สำเร็จ แต่พลังวิญญาณของลั่วอู๋นั้นใกล้จะหมดลงแล้ว ถึงเขาจะมีแร่วิญญาณบริสุทธิ์ แต่สถานการณ์นี้ก็เกินความสามารถของเขาอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นท่าทางของที่กำลังจะหมดสิ้นพลังวิญญาณของลั่วอู๋ ปังชีเย่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมลั่วอู๋ถึงเข้ามาหาพวกเขาแบบนี้กัน?
ด้วยความสามารถเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงไม่เลือกที่จะใช้มันในการหลบหนี
“ไม่นะหรือว่า ? ! ที่ค่ายทหาร” หัวใจของปังชีเย่เต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง เขารีบร้องเรียกคู่หู ” ฮังเหมินกลับไปที่ค่ายกันเร็ว ที่ค่ายทหารต้องมีอะไรแน่ ๆ”
ฮังเหมินไม่พอใจ “ล้อกันเล่นรึไง ? พวกเรากำลังจะจับเขาได้อยู่แล้วนะ”
“จับอะไรเล่า รีบกลับไปกันเร็ว กล่องนั้นยังอยู่ในค่ายทหาร!” ปังชีเย่พูดอย่างโกรธ ๆ
คราวนี้ฮังเหมินตอบรับในที่สุด
แม้การฆ่า ลั่วอู๋ เพื่อรักษาความลับจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกล่อง
ลั่วอู๋หยุดพักเหนื่อยเล็กน้อย แสดงให้เห็นใบหน้าของเขาที่ดูสบายใจ จากนั้นเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมพวกเจ้าเพิ่งมาเพิ่งไตร่ตรองกันตอนนี้ ข้าคิดว่าป่านนี้ค่ายทหารนั่นคงล่มไปแล้วล่ะ”
“เจ้า” ปังชิเย่จ้องมองไปที่เขาอย่างโกรธ ๆ “เจ้าออกมาหาเราที่นี่เพื่อถ่วงเวลา ”
“ แน่นอนสิ ไม่งั้นข้าจะเหนื่อยมายุ่งกับพวกเจ้าทำไม แต่ตอนนี้ข้าพอใจแล้ว” ลั่วอู๋ กล่าวอย่างเยาะเย้ย
ฝนและพายุทรายไม่ได้เพียงแค่ยั่วยุอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อจำกัดการมองเห็นและการได้ยินของพวกเขาด้วย
ในระหว่างการต่อสู้ความสนใจของพวกเขามุ่งเน้นไปที่ ลั่วอู๋ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดจะเสียเวลาสำรวจสถานการณ์รอบตัวด้วยซ้ำ
ช่วงเวลานั้นเอง
ไป่ฉีจึงได้นำกองทัพผี 8000 ตัว ข้ามพื้นที่นี้ไปโจมตีค่ายทหารอย่างเงียบ ๆ
ลั่วอู๋เชื่อในความสามารถระดับแนวหน้าของไป่ฉี แม้ว่าทหารผีแปดพันคนของเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่า “ระดับเสือ” ในค่ายทหาร
นอกจากนี้ตัวของไป่ฉีเองยังมีระดับมิติวิญญาณ สูงถึงระดับทองขั้นสูง เขาสามารถพุ่งแทงเข้าไปในค่ายของศัตรูเหมือนดาบอันคมกริบและสามารถกวาดล้างหน่วยรบค่ายกลสังหารได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
เนื่องจากตอนนี้ในค่ายทหาร
ไม่มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูงเฝ้าอยู่อีกต่อไปแล้ว