ไหปีศาจ - บทที่ 435 ข้ากลายเป็นคู่ซ้อมให้เขางั้นเหรอ
บทที่ 435 ข้ากลายเป็นคู่ซ้อมให้เขางั้นเหรอ?
บทที่ 435
ข้ากลายเป็นคู่ซ้อมให้เขางั้นเหรอ?
การต่อสู้กินเวลาต่อไปถึงหกชั่วโมง
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ลุกไหม้ออกไปทั่วพื้นที่โดยรอบ พร้อมกับพื้นดินที่แตกกระจายออกไป ช่องว่างนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาพร้อมกับฝุ่นฟุ้งไปทั่วท้องฟ้ากับการสลายตัวของพลังวิญญาณ
สายลมและสายฟ้าดังกึกก้อง ปั่นป่วนอลหม่าน อย่างไม่สามารถหยุดยั้งได้ กลายเป็นแอ่งน้ำบนท้องฟ้าอันน่ากลัว ซึ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าไปใกล้
ภูตสวรรค์แห่งการเกิดใหม่และการทำลายล้างหายตัวไป หลังจากที่ถูกเรียกตัวมาถึงสิบสามครั้งติดต่อกัน
ต้องขอบคุณแร่วิญญาณที่บริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นพลังวิญญาณของลั่วอู๋คงถูกรีดจนแห้งไปแล้ว
เอ๋าเฉียนจุน เป็นเพียงอัจฉริยะระดับปีศาจ เขาไม่ใช่เทพเจ้า พลังวิญญาณของเขาย่อมมีวันสิ้นสุด ในการต่อสู้อันดุเดือดเช่นนี้ พลังวิญญาณของเขานั้นได้หมดลงไปนานแล้ว
แม้ว่าเขาจะมีวิชาบางอย่างที่ช่วยให้สามารถเติมพลังวิญญาณของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีร่วมกันของไป่ฉีและลั่วอู๋ได้ จนต้องพ่ายแพ้
เอ๋าเฉียนจุน กระอักเลือดออกมา ทั้งตัวของเขาอาบไปด้วยเลือด เงาข้างหลังเขาเริ่มไม่มั่นคงและดูเหมือนว่ากำลังจะพังทลายลงไป
แน่นอนว่าสภาพของลั่วอู๋เองก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เขาถูกฟ้าผ่าไปหลายครั้ง และหอกปราบมังกรในมือของไป่ฉีก็หมดสภาพไปหลายรอบ
“ในที่สุด” แม้ว่าลั่วอู๋จะเจ็บปวดมาก แต่เขาก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นท่าทางอันน่าสังเวชของ เอ๋าเฉียนจุน
ถ้าเขาสามารถเอาชนะอีกฝ่ายด้วยการรุมได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนเพื่อรับมือกับอีกฝ่าย
ต่อให้มีระดับมิติวิญญาณเท่ากัน มันก็ยังยากที่ลั่วอู๋จะสามารถรับมือกับเขาได้ แต่ด้วยพลังของไป่ฉี และภูตสวรรค์แห่งการเกิดใหม่และการทำลายล้างที่ทรงพลัง เอ๋าเฉียนจุนก็ไม่อาจต้านทานและต้องพ่ายแพ้ลงไป
อย่างไรก็ตามมันน่าเสียดายที่หลังจากต่อสู้กับเขามาเป็นเวลานาน ลั่วอู๋ก็ยังไม่ได้รับรู้ถึง สัตว์วิญญาณตัวอื่น ๆ ของอีกฝ่าย มันเป็นอะไรที่แปลกมากจริงๆ
ฝูงชนต่างตกตะลึง
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนอยู่เหนือกว่า การต่อสู้ของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองไปไกลโข คงมีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถสัมผัสกับการต่อสู้ระดับดังกล่าวได้
ครั้งนี้ เอ๋าเฉียนจุน เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
แต่ลั่วอู๋เองก็ไม่ใช่ผู้ชนะ เพราะเขาได้ขอความช่วยเหลือจากนายพลผี
ถึงอย่างนั้นลั่วอู๋ก็ไม่ได้สนใจ เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองแข็งแกร่งอยู่แล้ว เขาแค่อยากเอาชนะ ซัดหน้าเอ๋าเฉียนจุน
“เจ้าพอใจแล้วรึยังล่ะ ?” ลั่วอู๋จี้ดาบของเขาไปที่ท้องของเอ๋าเฉียนจุนและเยาะเย้ย “ถ้าเจ้า ขอโทษข้าจะพิจารณาไม่ทำลายแก่นวิญญาณบ่อเกิดมิติวิญญาณของเจ้า”
ทุกคนต่างตกใจ
แม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะรู้ว่าลั่วอู๋โกรธ แต่พวกเขาก็ไม่คิดว่าลั่วอู๋จะลงมือทำอย่างที่พูดจริงๆ
อีกฝ่ายนั้นคือเอ๋าเฉียนจุน ลูกหลานของตระกูลเอ๋า แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเกี่ยวกับสถานะตัวตนของตัวเองในฐานะอัจฉริยะระดับปีศาจ ถึงขั้นที่ต่อให้เขาต้องต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน เขาก็คงไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเอ๋า นอกจากทำให้คนในตระกูลเสียใจ
อย่างไรก็ตามหากแก่นมิติวิญญาณของเขาถูกทำลาย จนไม่สามารถทำการฝึกฝนต่อไปได้ล่ะก็ คงได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาแน่ ๆ ตระกูลเอ๋าคงจะไม่มีวันยอมปล่อยลั่วอู๋ไปโดยไม่มีการล้างแค้น
ยิ่งด้วยที่ว่า ลั่วอู๋ เอาชนะ เอ๋าเฉียนจุน ได้ด้วยความช่วยเหลือของกองกำลังภายนอก
หลี่หวู่หยวนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ลั่วอู๋อย่าทำเรื่องแบบนี้เลย ถ้าเจ้าทำผิดกฎไปมากกว่านี้ มันจะอันตรายเกินไป ถึงตอนนั้นแม้แต่ลั่วไป่เหาก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้นะ”
หากเขาลงมือจัดการเอ๋าเฉียนจุนไปทั้งอย่างนี้
สมาชิกในตระกูลเอ๋าคนอื่น ๆ ก็จะมาฆ่าเขาด้วยความช่วยเหลือของ “พลังภายนอก” เช่นเดียวกัน
หลี่หยิน, ฉูจงฉวน ต่างมองไปที่ ลั่วอู๋ ด้วยความกังวล แต่พวกเขาก็ไม่ได้เปิดปากเพื่อห้ามปราม
สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนต่างจับจ้องไปที่ลั่วอู๋ พวกเขากำลังรอว่าลั่วอู๋จะเลือกอะไร
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านรองประธาน ไม่คิดว่าท่านควรจะชักชวนให้เขายอมรับคำแนะนำของข้า แทนที่จะชักชวนให้ข้าผ่อนปรนหรอกเหรอ เขาเกือบจะลงมือฆ่าผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉินเลยนะ”
หลี่หวู่หยวน เงียบ
คนอื่น ๆ เองก็ตอบรับเช่นกัน
ใช่แล้ว หากวัดว่าสิ่งใดสำคัญกว่ากัน ระหว่างผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉิน กับลูกหลานของตระกูลเอ๋าล่ะก็มันต่างกันมาก ถ้าผู้สืบทอดของท่านหม่าเฉินตายเพราะเหตุนี้ใครจะรับผิดชอบ?
เวลานั้นผู้คนของภูเขาแห้งแล้งคงจะโกรธเกรี้ยว และส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างทั้งสองอาณาจักรเป็นแน่
อาณาจักรภูเขาแห้งแล้งนั้นไม่ได้อ่อนแอ เพราะถ้าหากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งอ่อนแอแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะถูกกลืนหายไปโดยราชวงศ์มังกรเร้นกายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์จักรพรรดินั้นทะเยอทะยานแค่ไหน ?
เป็นเพราะอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง มีพลังที่แข็งแกร่งพอจะต้านทานอำนาจกับราชวงศ์มังกรเร้นกาย ทั้งสองประเทศจึงได้อยู่แยกกันอย่างปลอดภัยมาเป็นเวลานานเช่นนี้
ที่เลวร้ายที่สุดคือ หากท่านหม่าเฉินออกมาด้วยตัวเองขึ้นมาล่ะ?
ยังไงเขาก็เหลือชีวิตอีกไม่ยืนยาวอยู่แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้สืบทอดของเขาถูกฆ่าตายก่อนที่เขาจะเสียชีวิตขึ้นมา? หากท่านหม่าเฉินพิโรธโลกคงจะตกลงสู่ความสับสนวุ่นวายเป็นแน่
นอกจากนี้ นักบุญอุปถัมภ์ของราชวงศ์เองก็ไม่ได้อยู่ที่สำนักเฉียนหลง
หลี่หวู่หยวน ไม่มีอะไรจะพูด
ลั่วอู๋ค่อยๆแทงดาบเข้าไปในช่องท้องของ เอ๋าเฉียนจุน ด้วยสายตาอันเย็นชา “หยู่เฮา เป็นเพื่อนของข้า ข้าต้องช่วยให้เขารอดจากสถานการณ์นั้นไปให้ได้”
ไม่มีเสียงใดจะมาพูดหยุดเขา
เอ๋าเฉียนจุนแม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงไม่มีการแสดงออกใด ๆ “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง ถ้าเจ้าไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง จากนี้ไปเจ้าก็ไม่ต้องฝึกฝนอีก” ดาบของลั่วอู๋แทงเขาไปสัมผัสถึงวงจรพลังวิญญาณของเอ๋าเฉียนจุน
ดาบระบำแห่งความตายเริ่มดูดซับเลือดของ เอ๋าเฉียนจุน อย่างบ้าคลั่ง และดูเหมือนว่ามันจะตื่นเต้นมาก
หากเอ๋าเฉียนจุนถูกตัดดวงดาวทั้ง 7 ในวงจรวิญญาณออก เขาจะต้องอยู่ในสถานะปัจจุบันไปตลอดกาล ดังนั้นเขาจะไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอีก
“ช่างเป็นคำขอที่น่าเบื่อจริงๆ” เอ๋าเฉียนจุนนอนอยู่บนพื้นแล้วจึงพูดอย่างใจเย็น “ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอโทษ ข้ากลัวแล้ว ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก”
ลั่วอู๋ตะลึง
ทุกคนต่างตกอยู่ในความงุนงง
เอ๋าเฉียนจุน ขอโทษ? โอ้พระเจ้า… เอ๋าเฉียนจุนคนนั้นกล่าวขอโทษ พูดตรงๆนี่มันตลกมาก
ตั้งแต่ เอ๋าเฉียนจุน ปรากฏตัวขึ้นมา เขาไม่เคยพ่ายแพ้ใครมาก่อน เขาไม่แยแสต่อทุกสิ่ง ชีวิตของเขาดูเหมือนจะใช้ไปกับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนคนรอบข้าง
เขาไม่เคยขอโทษ ไม่เลยสักครั้ง
เอ๋าเฉียนจุน จับดาบระบำแห่งความตายไว้ในมือ แล้วดึงมันออกจากร่างของเขา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ และพูดโดยไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาว่า “มันเป็นการต่อสู้ที่ดีจริง ๆ”
ลั่วอู๋มองเขาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรไปสักพัก
นี่เขาฆ่าอีกฝ่ายไปแล้วรึไงเนี่ย?
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความอัปยศอดสูเช่นนี้ หลาย ๆ คนคงจะเลือกยอมให้โดนฆ่าเสียยังดีกว่า
แต่ เอ๋าเฉียนจุน ไม่ทำแบบนั้น เขาไม่มีอุปสรรคใด ๆ ทางจิตใจที่จะขอโทษ เขายังไม่เข้าใจความสำคัญของอีกฝ่าย ที่ต้องการให้เขายอมรับในความผิดพลาดของตัวเองด้วยซ้ำ
แต่เขาไม่ได้ถามออกไป เพราะมันไม่สมเหตุสมผล
มีเพียงสองพี่น้องตระกูลเอ๋า ที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกล ที่ยังคงดูสงบและไม่มีท่าทีแปลกใจเลย
พวกเขาพูดด้วยเสียงต่ำเป็นพิเศษดูเย้ยหยัน “เขาคนนี้ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกความเย่อหยิ่ง ก่อนหน้านี้พวกเราคงคิดผิดไปสำหรับเขา ว่าเขายังมีความปกติเหลืออยู่บ้าง”
เอ๋าเฉียนจุน เดินเลี้ยวซ้ายกลับไป
ถ้าเป็นคนอื่นผู้คนคงจะคิดว่าเขาพ่ายแพ้ จึงโกรธและตัดสินใจที่จะเดินกลับไปในทันที
แต่ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครคิดว่า เอ๋าเฉียนจุน จากไปเพราะความอับอายหรือความโกรธ
เพราะเขาคือ เอ๋าเฉียนจุน
แม้ว่าเขาจะล้มเหลวจากและเดินกลับไป แต่แผ่นหลังของเขาก็ให้อารมณ์ของผู้ชนะ ถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและใช้พลังวิญญาณไปจนหมด ทำให้ฝีเท้าของเขาดูบอบบางและลมหายใจของเขาดูเฉื่อยชาก็ตาม
บนใบหน้าของเอ๋าเฉียนจุนปรากฏคลื่นลึกลับอันสงบนิ่ง ราวกับว่าสิ่งต่อไปนั้นไม่คุ้มค่าที่จะใส่ใจ
“ เป็นการต่อสู้ที่ดีจริง ๆ”
คำพูดของ เอ๋าเฉียนจุน ดูเหมือนจะดังก้องในสนาม
มีคนตะโกนด้วยความตกใจ “เขาดูเหมือนจะได้รับความก้าวหน้าทางมิติวิญญาณแล้ว”
ใช่แล้ว เขากำลังจะทะลุทะลวงไปสู่มิติวิญญาณต่อไป
หลายคนเห็นได้ว่าคลื่นลึกลับนั้นเป็นสัญญาณของความก้าวหน้าทางมิติวิญญาณ
เอ๋าเฉียนจุน กำลังจะได้รับการยกระดับมิติวิญญาณขึ้นเป็นระดับทอง มิติ10 ซึ่งแสดงถึงความสมบูรณ์ของมิติวิญญาณระดับทอง ทำให้สามารถเริ่มฝึกฝนก้าวไปสู่มิติวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ถัดไปอย่างทองขั้นสูงได้
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างร้องโหยหวนในใจ
เจ้านี่มันเป็นสัตว์ประหลาดชนิดไหนกัน? แม้ว่าเขาจะแพ้ เขาก็ยังสามารถใช้มันเป็นโอกาสยกระดับมิติวิญญาณได้
ชั่วขณะหนึ่งหัวใจของลั่วอู๋เต็มไปด้วยรสชาติทั้งห้า เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำและสบถออกมา “หรือว่า..! ข้ากลายเป็นคู่ซ้อมให้เขางั้นเหรอ?”