ไหปีศาจ - บทที่ 444 แตรจากเขาของ สัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยว
บทที่ 444 แตรจากเขาของ สัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยว
บทที่ 444
แตรจากเขาของ สัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของเซาเสี่ยวเจีย หวังซานในคราวนี้กลับไม่มีทางเลือกนอกจากก้มหน้าและทำงานโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“จะไม่แก้ตัวหน่อยเหรอ?” เซาเสี่ยวเจียเริ่มสงสัย
แต่เขาก็หวนคิดได้ว่าช่างพวกหวังซานไปเสียดีกว่า
ยังไงซะสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือพวกเขาต้องจับเงือกแห่งห้วงลึกมาให้ได้
“ลาก่อน เหล่าแกะอ้วน ช่างน่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่ได้ขึ้นเรือของพวกเรา” เซาเสี่ยวเจียขมวดคิ้วก่อนจะตะโกนและโบกมือ “พวกข้าขอตัวไปก่อนล่ะหวังซาน แล้วเจอกันใหม่เมื่อข้าจับเงือกแห่งห้วงลึกได้”
จากนั้นเซาเสี่ยวเจียก็บอกให้คนของเขาแล่นเรือ ทำให้เรือของพวกเขาแล่นแซงเรือของหวังซานไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปเข้าสู้เขตทะเลแห่งการผจญภัย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังซานก็ขบฟันของเขาจนแทบแตก
พวกเขาถูกมองเหมือนกับเป็นสุนัข
อย่างไรก็ตามตราบใดที่พวกเขาสามารถจับเงือกแห่งห้วงลึกได้ ความมั่งคั่งดังฝันของพวกเขาก็ยังพอจะเป็นจริงได้อยู่
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง ?” ลั่วอู๋เดินขึ้นมาถาม
หวังซานพูดอย่างรีบร้อน “พวกเขาคือทีมล่าสัตว์ ที่มีชื่อว่าทีมหมีขาว พวกเขามักจะมีแผนชั่วร้ายบางอย่างเสมอ พวกเขากำลังมุ่งไปทางทะเลแห่งการผจญภัยเช่นกัน โดยบอกว่าต้องการจะจับเงือกแห่งห้วงลึก เซาเสี่ยวเจีย นั้นเป็นคนที่ข้ารู้จักดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพยายามจะจับเงือกแห่งห้วงลึก พวกเขาต้องมีแผนการบางอย่างแน่ ข้าขอแนะนำให้พวกเรารีบไปดักจับเงือกแห่งห้วงลึกก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร”
“แล้วเจ้าไม่มีวิธีใดที่จะทำให้พวกเราไปได้เร็วขึ้นกว่านี้เลยเหรอ?” ใบหน้าของฉูจงฉวนดูครุ่นคิด “ถ้าอีกฝ่ายจับเงือกแห่งห้วงลึกไปได้ก่อนเราล่ะก็ พวกเราที่มีเรื่องจะถามเงือกแห่งห้วงลึกก็คงมีปัญหาแน่”
ขณะนี้พวกเขายังไม่ทราบจำนวนของเงือกแห่งห้วงลึก แต่ก็พอเดาได้ว่าคงจะมีไม่มากนัก เพราะถ้าพวกมันมีจำนวนมาก พวกมันก็คงไม่จำเป็นจะต้องสร้างหมอกเพื่อหลบซ่อนจากเรือต่าง ๆ แบบนี้แน่
ฉูจงฉวน ให้ความสำคัญกับเงือกแห่งห้วงลึกเป็นหลัก
หากเงือกแห่งห้วงลึกถูกจับไปแล้วโดยคนอื่น เขาก็สามารถจินตนาการถึงจุดจบของมันได้ไม่ยาก
“ข้าทำอะไรไม่ได้สมาชิกในทีมของข้าหลายคนตายไปแล้ว มันยากมากพวกข้าจะสามารถเร่งความเร็วเรือลำนี้ได้” หวังซานกล่าวอย่างระมัดระวัง “แม้ข้าจะสามารถใช้สัตว์ประหลาดทะเลแปดหนวดให้ช่วยดึงเรือไปได้ แต่มันก็ไม่น่าเร็วพอที่จะแซงเรือของทีมหมีขาว”
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็โบกมือปล่อยสิงโตทะเลจักรพรรดิออกมา ให้มันลงไปในทะเล
ตัวของมันไม่ได้ใหญ่โตนัก มันมีขนาดเท่ากับมนุษย์ผู้ใหญ่ประมาณสองคน แต่ก็มีพละกำลังพอที่จะลากเรือใหญ่ ๆ ได้สบาย ๆ
หวังซานกล่าวด้วยความตกใจ “สิงโตทะเลจักรพรรดิ!”
เขานั้นมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิญญาณตัวนี้อยู่บ้าง
“เจ้าช่วยจัดการให้ สิงโตทะเลจักรพรรดิตัวนั้นกับสัตว์ประหลาดทะเลแปดหนวดของเจ้าดึงเรือไปด้วยกันได้ไหม ข้าต้องการเร่งความเร็วเรือของ” ลั่วอู๋ กล่าว
สิงโตทะเลจักรพรรดิ เป็นสัตว์วิญญาณที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยไหปีศาจ เขาความคุมมันด้วยความสามารถ พิชิต ของไห มันจึงจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณมากในการควบคุมมัน
จริง ๆ แล้วมันไม่สำคัญเลยว่าสิงโตทะเลจักรพรรดิจะดึงเรือได้เร็วพอหรือไม่ ที่สำคัญคือจะต้องใช้พลังวิญญาณมากแค่ไหนต่างหาก
“ได้เลย รับทราบ ไม่มีปัญหา” หวังซานเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าลั่วอู๋นั้นทรงพลังมาก ถึงขนาดที่สามารถเรียกสัตว์วิญญาณหายากระดับทองขั้นสูงออกมาได้แบบนี้ เรียกได้ว่าลั่วอู๋นั้นทั้งร่ำรวยและใจกว้างมาก จริง ๆ
มันถือเป็นเรื่องโชคดีมากสำหรับผู้ใช้พลังวิญญาณธรรมดา ๆ เช่นเขาที่จะมีสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงในครอบครอง เขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะได้เลือกเท่าไหร่
เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปล่อยให้ สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงผ่านไปโดยไม่ทำพันธสัญญา
ยิ่งสัตว์วิญญาณแข็งแกร่งมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหยิ่งผยอง
หวังซานเข้าใจได้เลยว่าหากเทียบกับปรมาจารย์เหล่านี้ เขานั้นเป็นเพียงแค่คนต่ำต้อยจริงๆ
สัตว์ประหลาดทะเลแปดหนวดถูกเรียกออกมาเคียงข้างกับสิงโตทะเลจักรพรรดิ และถูกสั่งให้ดึงเรือแล่นไปอย่างรวดเร็วมุ่งสู่เขตทะเลแห่งการผจญภัย
แน่นอนว่าความเร็วนั้นได้รับการเสริมขึ้นอย่างมาก
ในไม่ช้าเรือก็แล่นมาถึงพื้นที่ที่เรียกว่าทะเลแห่งการผจญภัย ซึ่งเป็นถิ่นฐานของสัตว์วิญญาณที่มีระดับมิติวิญญาณเหนือกว่าระดับทองขึ้นไป
ทะเลที่นี่ดูสงบ แต่ที่จริงแล้วมันเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำอันพลุ่งพล่าน ทำให้สัตว์วิญญาณที่อ่อนแอไม่กล้าเข้าใกล้เขตนี้ นอกจากนี้มันยังไม่เหมาะกับเหล่าทีมล่าธรรมดา ๆ ในการออกล่าอีกด้วย
ทีมทะลวงน้ำแข็งเองก็ได้ทำการเข้ามายังเขตนี้เพียงไม่กี่ครั้ง โดยคิดค่าจ้างเป็นหินวิญญาณจำนวนมาก
“ให้ตายเถอะ สัตว์ประหลาดทะเลแปดหนวดกับสิงโตทะเลจักรพรรดิงั้นเหรอ” เซาเสี่ยวเจียที่อยู่บนเรือข้างหน้าพวกเขาดูตกใจมาก ตอนแรกเขาคิดว่าสัตว์วิญญาณที่อันตรายมากกำลังไล่ล่าเขามา
ถึงแม้มันจะไม่ใช่สถานการณ์ที่รับมือไม่ไหว แต่มันก็ทำให้พวกเขาลำบากได้
อย่างไรก็ตามพอได้เห็นชัด ๆ เขาก็พบว่ามีเรืออยู่ข้างหลัง
“มันเป็นเรือของผู้มีอำนาจที่ไหนกันเนี่ย?” เซาเสี่ยวเจีย อารมณ์เสีย
แต่ในไม่ช้าเรือของหวังซานและเรือของทีมหมีขาวก็แล่นมาอยู่เคียงข้างกัน
ทันใดนั้นหมอกก็ลอยขึ้นมาในทะเลส่งบรรยากาศอันเงียบสงบจนน่ากลัวขึ้นมา
หมอกเหล่านี้ปิดกั้นการรับรู้และการมองเห็นของพวกเขาทั้งหมด
ฝูงชนต่างโห่ร้อง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้พบกับเงือกแห่งห้วงลึกกันแล้ว
เซาเสี่ยวเจีย กัดฟันและคำราม “เฮ้ ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าตัวไหนเป็นคนคุมที่นี่ แต่ตอนนี้ข้าจะจับเจ้าและจะไม่มีใครหยุดข้าได้”
“จงหลงใหล” เสียงเพลงดึงขึ้นมาพร้อมกับเสียงอันเรียบง่าย
เซาเสี่ยวเจีย ตะคอกอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นคนบังคับให้พวกข้าเริ่มเองนะ หยิบเบ็ดปลาขึ้นมา”
ในไม่ช้าธนูและหน้าไม้ยิงฉมวกขนาดใหญ่ก็ถูกวางเตรียมขึ้นที่ด้านข้างของเรือ พวกมันคือสิ่งที่เขาเรียกว่าเบ็ดปลา เดิมทีมันเป็นเพียงหน้าไม้ดัดแปลง อย่างไรก็ตามมันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากในทะเล ตรงปลายฉมวกนั้นมีหนามรวมกันถึงสี่แฉก
ฉึก
ลูกศรสามดอกพุ่งออกไปแทงเรือของทีมทะลวงน้ำแข็ง
ด้ามของฉมวกเหล่านั้นผูกแขวนด้วยเชือกเหล็กหนาขนาดเท่าแขน ทำจากเหล็กอย่างดี แม้ว่าเป็นสัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูงก็ไม่สามารถสลัดมันออกได้
“ ใส่ลูกเหล็กซะ” เซาเสี่ยวเจีย สั่งการบังคับบัญชา
ทันใดนั้นลูกเหล็กแข็งขนาดใหญ่ก็ถูกแขวนไว้บนด้านหลังของเชือกเหล็ก ลูกเหล็กเหล่านั้นถูกขว้างตกลงไปในทะเลทำให้เกิดคลื่นยักษ์กระจายไปเป็นระลอก
ลูกเหล็กขนาดใหญ่สามลูกที่ยึดไว้กับเรือ ทำให้ความเร็วเรือของทีมทะลวงน้ำแข็งตกลงในทันที ซึ่งต่อให้มีทั้งสัตว์ประหลาดทะเลแปดหนวดและสิงโตทะเลจักรพรรดิก็ไม่สามารถดึงเรือให้เร็วขึ้นได้
“เซาเสี่ยวเจีย เจ้ามันใจร้ายชะมัด” หวังซานตะโกน
เซาเสี่ยวเจีย หัวเราะเยาะ “เป็นเจ้า เจ้าก็ทำแบบข้า”
นี่คืออาวุธหลักของเขาในการรับมือกับการต่อสู้ระหว่างทีมล่าสัตว์ด้วยกันทางเรือ เขายิงเรือด้วยธนูหน้าไม้ที่ดัดแปลงที่ใช้ในการจับสัตว์วิญญาณแห่งท้องทะเล จากนั้นก็ยึดเรือด้วยลูกเหล็กขนาดใหญ่สามลูกทำให้เรือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เพื่อที่เขาจะได้ฉวยโอกาสแซงไปก่อน
“ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนล่ะ ฮ่าฮ่าลาก่อน เงือกแห่งห้วงลึกพวกนั้นถูกกำหนดให้เป็นของข้าแล้ว แต่พวกเจ้าสามารถมาเอาของเหลือทีหลังได้นะ” เซาเสี่ยวเจีย หัวเราะ
จากนั้นเรือของพวกเขาก็แล่นเข้าไปในหมอก
กลับกันแล้วเรือของหวังซานนั้นไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้เลย
พรรคพวกลั่วอู๋ได้แต่แปลกใจ กับวิธีการแปลก ๆ เช่นนี้ มันเปิดหูเปิดตาพวกเขามากจริงๆ
“ตัดเชือกเร็ว” ลั่วอู๋ตะโกน
ทว่าไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ เชือกเหล็กนั้นมีความแข็งแกร่งมาก แม้มันจะได้รับผลกระทบมากมาย แต่ก็ไม่ได้สะเทือนเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดลั่วอู๋ต้องยอมใช้ทักษะ “กลืนกินสวรรค์” กลืนเชือกเหล็กหนาเข้าไป
นี่ทำให้ลูกเหล็กขนาดใหญ่จมลงไปในทะเล จากนั้นเรือก็เริ่มจะสามารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ อย่างไรก็ตามมันคงไม่สามารถตามทันอีกฝ่ายได้ในเวลาอันสั้นเป็นแน่
ใบหน้าของเซาเสี่ยวเจียเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“หัวหน้าสุดยอดจริงๆ แบบนี้ก็จะไม่มีใครมาปล้นพวกมันไปจากเราได้” สมาชิกทีมหมีขาวคนหนึ่งกล่าวอย่างพึงพอใจ
เซาเสี่ยวเจีย ยิ้มแสยะ “แน่นอนสิ ข้าจ่ายเงินไปมากเลยนะ เพื่อซื้อเขาของสัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยว มาจัดการกับเงือกแห่งห้วงลึก ข้าจะไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน”
สัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยว สัตว์วิญญาณระดับเพชร
ว่ากันว่ามันมีลักษณะคล้ายนาร์วาฬ มีลำตัวใหญ่และมีเขาเดียวบนหัว มันอาศัยอยู่ลึกลงไปในทะเล เมื่อปรากฏแล้วจะก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ถล่มครั้งใหญ่ มันเป็นสัตว์วิญญาณลึกลับที่มีพลังในการควบคุมน้ำทะเล
พลังของสัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยว นั้นสามารถปัดเป่าหมอกในทะเลออกไปได้
เพียงการเป่าแตรจากเขาของมันเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้จิตใจของสัตว์วิญญาณอื่น ๆ ในทะเลหวาดกลัวได้ มันเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบที่สุดในการต่อสู้กับเงือกแห่งห้วงลึก
เดิมทีของที่มาจากสัตว์วิญญาณแบบมันนั้นมีมูลค่าสูงกว่าเงือกแห่งห้วงลึกมาก แต่เขาโชคดีซื้อมันมาจากชายที่เขาไม่รู้จักในราคาเบา ๆ
ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่พร้อมกับสัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยวที่มีพลังวิญญาณมหาศาล
“ตึง ตึง ตึง”
มีเสียงดังกึก ๆ มาจากด้านล่างของเรือ
“หัวหน้า มีอะไรบางอย่างกำลังเคาะเรือของพวกเราขอรับ” สมาชิกทีมคนหนึ่งร้องเตือน
เซาเสี่ยวเจีย มองไปที่หมอกตรงหน้าแล้วหัวเราะเยาะ “ขอให้เหล่าพี่น้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ข้าจะปัดเป่าหมอกออกไป จากนั้นพวกเราจะเริ่มเปิดฉากโจมตี”
จากนั้นเขาก็เอาเขาของสัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยวออกมา
เขาของสัตว์สงครามทะเลเขาเดี่ยวนั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับครึ่งนึงของลำตัวมนุษย์ มันมีสีน้ำตาลดำ ผิวดูหยาบกร้าน แต่จริงๆเรียบเนียน และรูปร่างของมันก็ดูคล้ายกับเขาของนาร์วาฬจริง ๆ
“แอ่ว…”
เซาเสี่ยวเจีย เปิดฉากก่อนอย่างโดดเดี่ยวด้วยการเป่าแตร
เสียงที่ไพเราะและหนานุ่มดังขึ้น ลอยไปทั่วบริเวณเขตทะเลทั้งหมด
จากนั้นหมอกหนาก็ค่อยๆสลายไป
“ขอข้าดูหน่อยสิว่าเงือกแห่งห้วงลึกในตำนานมีหน้าตาเป็นอย่างไร” ปากของเซาเสี่ยวเจีย แสดงรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา พร้อมกับเหล่าสมาชิกทีมที่ทยอยกันขึ้นมา
ใครเล่าไม่อยากเห็นความสวยงามของเงือกแห่งห้วงลึก
ความงามที่ไม่มีใครเทียบ ถึงขนาดสามารถดึงดูดผู้มีอำนาจและผู้สูงศักดิ์จำนวนมากให้สนใจ
ทีมหมีขาวมองลงไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อไม่มีหมอกอยู่แล้ว พวกเขาก็สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวใต้ท้องเรือได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากน้ำทะเลที่นี่นั้นใสมาก
ทันใดนั้นใบหน้าของทีมหมีขาวก็แข็งซีด ใบหน้าของพวกเขาทุกคนต่างตื่นตระหนก
อะไรกัน !!
นี่มันอะไรกัน?