ไหปีศาจ - บทที่ 451 หนาวสั่น
บทที่ 451 หนาวสั่น
บทที่ 451
หนาวสั่น
“แอ่ว”
เสียงแตรอันไพเราะดังขึ้น
ร่างของช้างมังกรทะเลค่อยๆจมลงไป โดยไม่มีแรงต่อต้าน
เจตจำนงของมันอ่อนแอมากจนไม่สามารถต้านทานพลังของแตรได้เลย
ในไม่ช้าการควบคุมก็เสร็จสิ้น
ตราบใดที่ช้างมังกรทะเลได้รับการรักษา พวกเขาก็จะได้รับสัตว์ลากเรือระดับทองขั้นสูงในทะเลเหนือสุดขอบ มันน่าตื่นเต้นมากจนพวกเขาทุก ๆ คนต่างก็คิดเกี่ยวกับมัน
ผู้คนต่างมองไปที่เหวินเสี่ยว
“อย่ามองข้า ข้าช่วยรักษามันไม่ได้” เหวินเสี่ยวกลอกตา
หากเขาต้องการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ทักษะการรักษาแบบธรรมดานั้นย่อมไม่เพียงพอ แม้แต่เขาก็คงต้องใช้ “แสงศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งเป็นทักษะ ระดับ s หลายต่อหลายครั้ง
น่าเสียดายที่เหวินเสี่ยวในตอนนี้ ไม่สามารถใช้ทักษะนั้นได้
“ ข้าจะทำเอง” ลั่วอู๋พูด
เขาหยิบวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี ธาตุน้ำออกมา จากนั้นก็แสดงทักษะ เพลงสรรเสริญเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ซึ่งมีผลในการรักษาอันยอดเยี่ยมต่อสัตว์น้ำ ในไม่ช้าเขาก็สามารถรักษาบาดแผลของช้างมังกรทะเลได้
“นั่นมันยอดเยี่ยมมาก” ฉูจงฉวน รีบเข้ามาดูวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี “นี่มันอะไรกัน จะบอกว่าถ้าใช้เจ้านี่แม้แต่เด็กก็ยังสามารถใช้ทักษะวิญญาณได้อย่างนั้นเหรอ ?”
“ถ้าเจ้าชอบ ข้าก็จะยกมันให้เจ้า” ลั่วอู๋มอบวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีให้กับเขา
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่เกรงใจล่ะ ไว้คราวหน้าข้าจะเอาสิ่งของสิ่งดีๆมาให้เจ้าบ้าง”
มันเป็นของที่ดีมากเพราะบางครั้งทักษะในการรักษานั้นก็สามารถช่วยชีวิตคนได้
“มันใช้พลังวิญญาณมากกว่าปกติมากนะ เจ้าควรระวังเวลาใช้มัน” ลั่วอู๋เตือน
“เข้าใจแล้ว!”
ฉูจงฉวน รับวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีไป แต่เขาก็ยังคงวางมันไม่ลง
อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจดีว่าวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สี เป็นแค่ตัวเลือกความสามารถที่สามารถใช้ได้ในเวลาปกติ ของแบบนี้นั้นไม่สามารถใช้เป็นไพ่ลับในการจัดการกับศัตรูได้
จากนั้นหลินยูหลัน และ องค์หญิงเจียโรว ก็มองไปที่มันอย่างกระตือรือร้น
พวกนางก็ต้องการมันเช่นกัน
แต่มันดูเป็นสิ่งล้ำค่า พวกนางเลยไม่อยากกล่าวขอ
แม้ว่ามันจะใช้กับศัตรูไม่ได้ในเวลาคับขัน แต่วงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีก็เป็นของเล่นที่น่าสนใจมาก
ลั่วอู๋หัวเราะ “ได้ ๆ ข้าจะให้พวกเจ้าคนล่ะอัน”
หลินยูหลันเลือกทักษะโลหะที่มีแรงระเบิดที่รุนแรง เนื่องจากนางเป็นลูกสาวของโจรจึงมีแนวโน้มที่จะได้ใช้ในการต่อสู้
ทางด้านองค์หญิงเจียโรว เลือกทักษะธาตุไม้
ทักษะในการรักษาธาตุไม้นั้นมีประโยชน์กับนางมาก ทั้งภูตดอกไม้ และสัตว์นรกพิษห้าสี ต่างก็มีคุณสมบัติธาตุไม้ มันจึงน่าสนใจมาก และอาจจะมีบทบาทที่สำคัญในอนาคตอย่างคาดไม่ถึง
ส่วนเหวินเสี่ยวนั้นไม่ได้สนใจวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์ 5สี ในขณะที่หลี่หยิน ลั่วอู๋ ได้มอบวงล้อแร่วิญญาณบริสุทธิ์5สีให้กับนางไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
“รีบไปจากตรงนี้กันเร็ว ๆ เถอะ กลิ่นเลือดตรงนี้มันแรงมากจนอาจทำให้พวกเราเดือดร้อนได้” เหวินเสี่ยวกล่าว
ลั่วอู๋พยักหน้าและสั่งให้เรือแล่นออกไป
สถานที่ที่มีการต่อสู้อันดุเดือดและกลิ่นเลือดอันรุนแรงนั้นถือเป็นอันตราย
เพราะมันอาจจะดึงดูดสัตว์วิญญาณอันตราย ๆ ใต้ทะเลขึ้นมา แม้ว่าการต่อสู้จะราบรื่น แต่ใครจะไปรู้ว่าบางทีมันอาจจะดึงดูดสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าใต้ท้องทะเลขึ้นมาก็เป็นได้
ควรเลี่ยงไว้ก่อนน่าจะดีกว่า
ด้วยที่คราวนี้มีช้างมังกรทะเลช่วยดึงเรือ ความเร็วของเรือจึงเร็วขึ้นมาก ทำให้เรือแล่นออกจากพื้นที่นั้นไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานกระแสน้ำก็เริ่มหมุนวน ปรากฏเงาสีดำขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่ใต้ทะเล ดูเหมือนว่าสัตว์วิญญาณต่าง ๆ ในทะเลนั้นได้ตามกลิ่นเลือดมา ทันใดนั้นเมฆก็หนาขรึมราวกับว่าฟ้ากำลังจะถล่ม
แต่โชคดีที่พวกมันไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคพวกลั่วอู๋ เพราะพวกเขาพวกเขาได้หนีออกจากพื้นที่นั้นมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ช้างมังกรทะเลทำให้ความเร็วเรือพุ่งสูงขึ้นมามากจริง ๆ
โดยทั่วไปแล้วสัตว์วิญญาณในทะเลเหล่านี้จะไม่คิดริเริ่มที่โจมตีกันและกันเว้นแต่ความแตกต่างของความแข็งแกร่งจะห่างกันเกินไปและฝ่ายที่แข็งแกร่งต้องการอาหาร
การเดินทางจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
มีเพียงอุณหภูมิที่เย็นลงเรื่อย แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเรือ แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความหนาวจากทุกทิศทางทิ่มแทงเข้าไปในไขกระดูก ฝังเข้าไปในเนื้อ
แต่ถึงอย่างนั้นทะเลก็ยังไม่เป็นน้ำแข็ง
ลั่วอู๋สามารถทนต่อความหนาวนี้ได้
อย่างไรก็ตามคนของทีมล่าสัตว์ส่วนใหญ่นั้นยังคงอยู่ในมิติวิญญาณระดับเงิน ทำให้ความอดทนต่อความหนาวเย็นของพวกเขานั้นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะ ฮวงเสี่ยวหยวน ที่ต้องห่อผ้านวมผืนใหญ่เพื่อที่จะสามารถออกไปสั่งให้คนของเขาทำงานต่อไป
ลั่วอู๋คว้าจิ้งจอกชมจันทร์ออกมาจากมิติไห จากนั้นก็สั่งให้พวกมันรับภารกิจสร้างความอบอุ่น
นี่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมามากสำหรับพวกเขา
พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งหกคนเข้ามารวมตัวกันในห้องเล็ก ๆ ล้อมรอบจิ้งจอกชมจันทร์ที่คอยให้ความอบอุ่นกับพวกเขา
ขนของจิ้งจอกชมจันทร์ไม่ใช่สาเหตุหลักที่เขาเรียกมันออกมา แต่เป็นหางไฟของพวกมันที่จะไม่มีวันดับไปจนกว่าชีวิตของพวกมันจะหาไม่ มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการทำความร้อน
พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติมด้วยซ้ำ จิ้งจอกชมจันทร์นั้นพร้อมจะให้ความอบอุ่นอย่างไร้เดียงสา
เพราะมันเองก็หนาวเหมือนกัน.
เนื่องจากมันนั้นเป็นเพียงสัตว์วิญญาณระดับเงิน
ด้วยความสงสาร ลั่วอู๋ จึงใช้แต้มเซียนหลายพันแต้ม ช่วยให้จิ้งจอกชมจันทร์ปรับสภาพต้นกำเนิดของมัน เลื่อนขึ้นสู่มิติวิญญาณระดับทอง
แม้จะไม่มีการวิวัฒนาการ แต่ขนาดลำตัวของมันก็ใหญ่ขึ้น รวมถึงหางไฟเองก็สว่างและร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน ตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งของมันจึงเพียงพอที่จะต้านทานความหนาวเย็นนี้ได้
“นี่มันหนาวเกินไปแล้ว ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย?” องค์หญิงเจียโรวหายใจโดยเอามือของนางปิดไว้ พลางโน้มตัวเข้าไปหาลั่วอู๋อย่างช่วยไม่ได้
ในกรณีแบบนี้ นางจะพึ่งพาคนที่คุ้นเคยและใกล้ชิดที่สุดโดยไม่รู้ตัว องค์หญิงเจียโรวไม่รู้ตัวว่านางกำลังพิงลั่วอู๋อยู่ด้วยซ้ำ
ลั่วอู๋ มีหลี่หยินพิงอยู่ทางซ้ายและองค์หญิงเจียโรวพิงอยู่ทางขวา
พวกนางทั้งสองคนรู้สึกหนาวมาก ดังนั้นพวกนางจึงต้องพึ่งพาคนใกล้ชิด ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีการสัมผัสกันไปมากกว่านั้น
“ ระหว่างทางลึกเข้าไปในทะเลเหนือสุดขอบ” เหวินเสี่ยวตอบ
ฉูจงฉวน อุ้มหลินยูหลันไว้ในอ้อมแขนของเขาพลางพูดด้วยความประหลาดใจ “นี่พวกเรายังไปไม่ถึงระดับส่วนลึกของทะเลเหนือสุดขอบอีกเหรอ พระราชวังเป่ยหมิงที่เจ้าอาศัยอยู่ นั้นเป็นสถานที่ที่อากาศเลวร้ายจริงๆ”
“ไม่หรอก ลึกเข้าไปอุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้น” แม้แต่เหวินเสี่ยวก็ยังหนาวและไม่สบายตัว เขาพูดด้วยเสียงทึมทึบมาก ดูเหมือนอารมณ์จะขุ่นมัวเล็กน้อย
ลั่วอู๋สงสัย “เพราะอะไรงั้นเหรอ?”
“ เพราะที่นั่นได้รับการคุ้มครองจากสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
ลึกลงไปในทะเลเหนือสุดขอบนั้น เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่และมีสัตว์วิญญาณอาศัยอยู่จำนวนมากเช่น เงือกแห่งห้วงลึกและอสูรทะเล ทั้งหมดต่างอาศัยอยู่ในบริเวณนี้
การที่สัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ว่าสามารถเป็นที่พึ่งพา คอยปัดเป่าความเย็นของพื้นที่ขนาดใหญ่ดังกล่าวได้
มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก
ลั่วอู๋ถามเขาว่าสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวัง เป่ยหมิงคืออะไรกันแน่ แต่เหวินเสี่ยวก็ไม่ยอมตอบ
ทุกคนต่างรู้สึกว่าอารมณ์ของเขาเป็นอะไรที่ไม่สามารถอธิบายได้ ดูเหมือนเขาจะพยายามยับยั้งจิตสังหารของตัวเองตลอดเวลา เขาเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ตอนที่สู้กับช้างมังกรทะเลแล้ว
มีเสียงบ่นดังขึ้นในใจของลั่วอู๋
ตอนนี้เหวินเสี่ยวนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว ที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความปรารถนาและเป้าหมายของตัวเอง เขาจะทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้
เรียกได้ว่าเขาในตอนนี้นับได้ว่าเป็นศัตรูที่ชั่วร้าย
ทั้ง เหวินเสี่ยวในตอนนี้ และ เหวินเสี่ยวก่อนหน้านี้ ต่างก็เต็มใจที่จะเสียสละตัวเองเพื่อแลกกับการรักษาสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวังเป่ยหมิง
นี่เป็นเป้าหมายร่วมกันของพวกเขาทั้งสองบุคลิก
ถ้าเขาต้องฆ่าใครสักคนเขาก็พร้อมลงมือทำ แม้ว่าเขาจะต้องฆ่าคนหนึ่งคน หรือฆ่าคนทั่วโลกเขาก็จะไม่ใจอ่อน
แม้ว่าญาติ เพื่อนสนิท หรือคนรัก จะมาห้ามปรามเขาก็จะไม่หวั่นไหว
นี่คือบุคลิกของเหวินเสี่ยวในตอนนี้
เขาเป็นคนที่สุดโต่งมาก
“ดูเหมือนว่าในตอนที่เขาอยู่ที่พระราชวังเป่ยหมิง เขาจะประสบปัญหาบางอย่าง” “ แต่ใครกันที่ยั่วโมโหเขาได้ถึงขนาดกลายเป็นบุคลิกนี้”
สามวันต่อมา
เป็นอย่างที่เหวินเสี่ยวพูด อุณหภูมินั้นเริ่มอุ่นขึ้น
คงไม่มีใครเชื่อว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ทางตอนเหนือสุดของจักรวรรดิ ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ที่หนาวที่สุดในทวีป แต่อุณหภูมินั้นกลับอบอุ่นเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาผ่านบริเวณแนวหมอกที่เงือกแห่งห้วงลึกอาศัยอยู่ และได้ยินเพลงอันไพเราะของพวกมัน ซึ่งทำให้พวกเขาต่างรู้สึกมึนเมาและต้องการเข้าไปหา
แต่พวกเขานั้นไม่ได้เข้าไป
ฉูจงฉวน เป็นคนแรก ๆ ที่ต่อต้าน
“เอาเรื่องสำคัญก่อน พวกเราต้องไปที่พระราชวังเป่ยหมิง ไปที่นั่นก่อนเถอะ” ฉูจงฉวนกล่าวเสริม “แต่ข้าต้องกลับมาที่นี่แน่ ข้าต้องกลับมาแน่!”
ลึกลงไปในทะเลเหนือสุดขอบ ในพื้นที่ทะเลอันกว้างใหญ่จนสามารถแยกพื้นที่ทะเลออกเป็นส่วน ๆได้หลายร้อยแห่ง มันดูสับสนและยากจะเลือกเส้นทาง
ทว่าช้างมังกรทะเลนั้นดูเหมือนจะรู้จุดหมาย มันมุ่งไปยังสถานที่ที่พวกเขาต้องการจะมุ่งไปโดยที่ยังไม่ได้รับคำสั่งจาก ลั่วอู๋ด้วยซ้ำ
ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเห็นเกาะจากระยะไกล
ด้วยระยะสายตาของพวกเขา มันมีขนาดเล็กเท่ากับเมล็ดงา
อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะตอนนี้พวกเขาได้เห็นพื้นดินเป็นครั้งแรก หลังจากการเดินทางในทะเลอันยาวนาน