ไหปีศาจ - บทที่ 461 ยกระดับสิทธิ์การเข้าถึง
บทที่ 461 ยกระดับสิทธิ์การเข้าถึง
บทที่ 461
ยกระดับสิทธิ์การเข้าถึง
เนื่องจากตอนนี้บ้านที่กลายเป็นพระราชวังนั้นมีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้แม้จะมีนักเล่นแร่แปรธาตุกว่า 50 แต่ลั่วอู๋ก็ยังหาพวกเขาไม่เจอ
แต่แน่นอนว่าลั่วอู๋จะต้องเจอพวกเขาแน่ ๆ ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
เพราะมันเป็นงานของพวกเขาในการดูแลรักษาที่นี่
พื้นที่ของพระราชวังนั้นกว้างมากกว่า 10 ไร่ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะสามารถดูแลมันได้อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตามด้วยที่มีการหมุนเวียนของผู้คนกว่า 50 คนมันจึงไม่น่าจะเหนื่อยเกินไป
หลังจากที่ได้เห็น พระราชวัง แล้ว ลั่วอู๋ก็รู้สึกพึงพอใจมาก
ในปัจจุบันที่นี่เต็มไปด้วย สมุนไพรวิญญาณ และ แร่วิญญาณ หลายชนิดที่ปลูกและหล่อขึ้นในเขตพระราชวัง พวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังวิญญาณอันเข้มข้นอย่างไม่ลดละ
ดอกไม้วิญญาณระดับล่างบางส่วนเองก็เริ่มเติบโตเต็มที่
มันส่งกลิ่นหอมโชยฟุ้งกระจายไปทั่ว
มีดอกไม้กัดกระดูกปะปนอยู่เป็นบางส่วน แสดงให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของสถานที่นี้ พวกมันเต็มไปด้วยแสงหลากหลายสี และสร้างคลื่นปรากฏการณ์พลังวิญญาณอันแปลกประหลาดออกมา
ดอกไม้เหล่านี้เป็นดอกไม้วิญญาณระดับสูง อัตราการรอดชีวิตของพวกมันจึงต่ำมาก ด้วยที่พวกมันมีข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตอันเข้มงวด แต่แล้วพวกมันทุกต้นก็ยังรอดชีวิตมาได้
เห็นได้ชัดว่าสวนเพาะปลูกที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณนี้ มีคุณภาพสูงมาก
มีนักเล่นแร่แปรธาตุห้าคนที่ดูแลสนามศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาคอยควบคุมพลังวิญญาณ ดูแลดอกไม้วิญญาณและสมุนไพรวิญญาณอย่างระมัดระวัง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาฝึกฝนก้าวเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณได้สำเร็จ
แต่พวกเขานั้นยังไม่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธะ
ตราบใดที่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติที่รักษาไม่หาย และได้อาศัยอยู่ในมิติไห พวกเขาก็ย่อมสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณได้สำเร็จ
ลั่วอู๋มองผ่านพวกเขาอย่างลวก ๆ
นักเล่นแร่แปรธาตุทั้งห้าคนนี้ล้วนอยู่ในระดับทองแดง มิติ 2 ถึง มิติ 4 พวกเขาไม่ได้มีฝีมือยอดเยี่ยมเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเก่งเลยทีเดียว
ทันทีที่พวกเขาพบว่า ลั่วอู๋ กำลังเดินเข้ามา พวกเขาก็รีบวิ่งไปหาในทันทีแล้วกล่าวด้วยความเคารพ “นายน้อย”
นักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้รู้สึกขอบคุณลั่วอู๋มาก
การทำงานที่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยเลย อีกทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่เฉกเช่นดั่งเทพนิยาย ลั่วอู๋นั้นได้ให้โอกาสแก่พวกเขา ทำให้พวกเขาสามารถฝึกฝนได้อย่างอิสระ
สำหรับพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นการก้าวขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
ขอแลกเปลี่ยนคือพวกเขาจะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้เป็นเวลานานงั้นเหรอ?
ใครสนกัน
“ดีมาก” ลั่วอู๋พยักหน้าพร้อมถาม “ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?”
“ไม่เลยขอรับ”
“ ข้าไม่เคยเห็นลานเพาะปลูกพลังวิญญาณที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งสมุนไพรและดอกไม้วิญญาณแทบทุกชนิด สามารถเติบโตขึ้นที่นี่ได้อย่างมั่นคง”
“พวกเราได้เก็บเกี่ยวสมุนไพรวิญญาณระดับต่ำจำนวนมากเป็นที่เรียบร้อยขอรับ ตอนนี้พวกมันทั้งหมดถูกส่งไปที่โกดังแล้วขอรับ”
“ ทุกคนรู้สึกขอบคุณมาก สำหรับของขวัญจากนายน้อยขอรับ”
นักเล่นแร่แปรธาตุหลายคนกล่าวขึ้นทีละคน
ลั่วอู๋ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก ทำต่อไป ข้าจะบอก กู่ฉวน ให้พาพวกเจ้าออกจากเมือง ไปจับ สัตว์วิญญาณ ในภายหลัง”
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดต่างมีความสุข
ตอนนี้พื้นที่ที่อยู่อาศัยนั้นกว้างขวางราวกับเมือง ดังนั้นการที่พวกเขาจะออกจากที่นี่ จึงถูกเรียกว่าออกไปนอกเมือง ซึ่งแน่นอนว่าโดยปกติแล้วพวกเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะออกไปนอกเมืองด้วยตนเอง
แต่แน่นอนพวกเขารู้ดีว่า กู่ฉวน คือใคร
กู่ฉวน คือหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรผู้ล้างแค้น
พันธมิตรผู้ล้างแค้นนั้นคอยฝึกฝนนอกเมืองตลอดทั้งปี พลังของพวกเขาทุกคนก็แข็งแกร่งมาก ซึ่งเป็นที่อิจฉาของเด็กฝึกเล่นแร่แปรธาตุกลุ่มนี้
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถฝึกฝนได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีสัตว์วิญญาณเป็นของตนเอง พวกเขาจึงต้องการไปขอร้องกับไร้หน้า เพื่อที่จะได้ไปหาสัตว์วิญญาณข้างนอกเมืองมาเป็นของตนเอง
แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่านายน้อยจะเสนอโอกาสนั้นให้กับพวกเขาโดยตรง
“ ขอบคุณขอรับ นายน้อย” พวกเขาอดตื่นเต้นไม่ได้
ลั่วอู๋พยักหน้า “ทำงานให้หนักล่ะ”
จากนั้นลั่วอู๋ก็เดินจากไป
พระราชวัง นั้นเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่นักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดเหล่านี้ยังคงต้องสั่งสมประสบการณ์อีกมาก ดังนั้นมันจึงไม่เป็นการดีเท่าไหร่ หากจะให้พวกเขามานั่งปลูกสมุนไพรวิญญาณระดับสูงเป็นปริมาณมากในช่วงนี้
ให้พวกเขาค่อย ๆ ใช้เวลาไป ไม่ต้องกังวล
ลั่วอู๋กลับมาที่ตำหนักการเล่นแร่แปรธาตุอีกครั้ง
นักเล่นแร่แปรธาตุที่ดีที่สุดสิบคนในสังกัดของมู่เถาได้พิสูจน์แล้วว่า สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุแล้ว สมุนไพรวิญญาณระดับต่ำที่เก็บเกี่ยวมาได้โดยการบ่มเพาะของพวกเขาเองนั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับพวกเขาที่จะใช้ในการทดลองสุรุ่ยสุร่าย
ด้วยทรัพยากรในตำหนักเล่นแร่แปรธาตุนี้ ทำให้ระดับการเล่นแร่แปรของมู่เถาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนเขาสามารถกลั่นยา ระดับปฐพีขั้นเจ็ด ขึ้นมาได้
คาดว่าในอีกไม่ช้า มู่เถาก็คงจะพัฒนาขึ้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับแปด
ทั้งสวนเพาะปลูกวิญญาณ และ ตำหนักเล่นแร่แปรธาตุได้ถูกนำมาใช้อย่างคุ้มค่า
สิ่งเดียวที่ยังรบกวนจิตใจของลั่วอู๋ก็คือห้องตีเหล็กที่ยังว่างเปล่า เพราะไม่มีใครตอบรับการรับสมัครของเขา และจึงไม่มีใครมาฝึกฝนการหลอมหรือตีขึ้นรูปอาวุธที่นี่
ลั่วอู๋นึกถึงผู้อาวุโสทั้งสี่ของกู่ฉวน ซึ่งพวกเขาต่างก็เป็นปรมาจารย์ด้านการตีเหล็กและศิลปะการต่อสู้โบราณ
แม้ผู้รอดชีวิตทั้งสี่ของตระกูลหยางจะได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว แต่ด้วยที่พวกเขาถูกทรมานทางจิตใจ จนเกือบจะกลายเป็นบ้า มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาพวกเขา
“ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ข้าต้องรีบหาวิธีรักษาพวกเขาให้ได้เสียแล้ว” ลั่วอู๋คิด
ต่อจากนั้น ลั่วอู๋ ก็ได้เดินไปทำการตรวจสอบ
กู่ชวนและพรรคพวก มีความแข็งแกร่งที่พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาอย่างน้อยเจ็ดคนประสบความสำเร็จในการเลื่อนขั้นมิติวิญญาณเป็นระดับทอง เห็นได้ชัดว่าพันธมิตรผู้ล้างแค้นจะต้องเป็นดาบอันคมกริบของลั่วอู๋ ในอนาคตอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกับ องค์หญิงเจียโรว ก็ได้ตื่นขึ้นมา
เมื่อนางมองไปยังโลกใบเล็กอันแปลกประหลาดและงดงามตรงหน้า นางก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึง
“พวกเราไม่ได้อยู่ในวิหารของพระราชวังเป่ยหมิงหรอกหรือ?” องค์หญิงเจียโรวสับสน
ลั่วอู๋ตอบนาง “เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าไหใบเล็กในมือข้าคืออะไร นี่แหละคือคำตอบของข้า มันคือโลกทั้งใบยังไงล่ะ”
ลั่วอู๋ไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับไหปีศาจ
มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดมากไปกว่านี้
เนื่องจากพวกเขาต้องต่อสู้ร่วมกันในอนาคต ลั่วอู๋ จึงต้องบอก ฉูจงฉวนและหลินยูหลันเกี่ยวกับมิติไหเช่นกัน
แต่ตอนนี้เขาสามารถบอกองค์หญิงเจียโรวก่อนล่วงหน้าได้
หลังจากตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ๆ องค์หญิงเจียโรว ก็ดูมีความสุขเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดอย่างจริงจังว่า “ข้าสัญญาว่า ข้าจะไม่มีวันบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาด”
“ขอบใจมาก” ลั่วอู๋พยักหน้า
เมื่อเสร็จสิ้นธุระในมิติไห ลั่วอู๋ ก็พาองค์หญิงเจียโรวออกมา
ตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว
เขาไม่รู้ว่าทำไม ตลอดเวลาที่ผ่านไปเหวินเสี่ยวถึงยังไม่ได้แวะเข้ามา
ลั่วอู๋ออกจากลานแล้วตรงไปที่หอสมุดหยุนเฉียน
ข้างหน้านั้นมีหญิงชราที่ดูอารมณ์ไม่ดีกำลังพิงแท่งไม้รูปมังกรอยู่ นางไม่ได้คิดจะซ่อนความแข็งแกร่งเลยแม้แต่น้อย นางเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งระดับทองขั้นสูงตอนปลายของนาง
“เหรียญสำหรับศิษย์ระดับต่ำ เจ้ามีสิทธิ์เข้าไปได้เพียงแค่ชั้นหนึ่งเท่านั้น มิฉะนั้นเจ้าจะต้องถูกฆ่าทิ้ง” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอยเบียดชิดกันอย่างน่ากลัว
ลั่วอู๋ถามอย่างระมัดระวัง “เจ้ารู้จักข้ารึเปล่า?”
“เจ้าเป็นใครล่ะ ทำไมข้าต้องรู้จักเจ้าด้วย?” หญิงชรากล่าวอย่างไม่อดทน
ลั่วอู๋พูดไม่ออก
เห็นได้ชัดว่าหญิงชราเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่สนใจโลกภายนอก
ทั้งที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่กลับมีทัศนคติแย่ ๆ กับเขา
คนแบบนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
“ข้าควรทำอย่างไรหากต้องการยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงของข้า” ลั่วอู๋ ถาม
หญิงชราพูดอย่างไม่อดทน “เจ้าไม่รู้เรื่องนี้งั้นเหรอ ? เจ้าก็แค่ใช้แต้มเพื่อยกระดับไง ไปที่พระราชวังเพื่อทำงานต่างๆหรือบริจาคเงินเพื่อให้ได้แต้มเหล่านั้นมาก่อน”
“ลำบากซะแล้วสิ” ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าช่วยยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงของข้าที่นี่โดยตรงเลยได้รึเปล่า?”
หญิงชรามองขึ้นและลงไปที่ ลั่วอู๋ แล้วจึงหัวเราะเยาะ “แน่นอนข้าสามารถแลกเปลี่ยนกับเจ้าได้โดยตรง ข้าสามารถให้แต้มกับเจ้าเพื่อช่วยให้เจ้าสามารถยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงของเจ้าได้ แต่ข้าไม่ได้คิดในราคาของห้องโถงหลิวหลี เจ้าไม่สามารถนำขยะมาหลอกว่าเป็นของมีค่ากับข้าได้ ถึงอย่างนั้นแล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะมีสิ่งที่ข้าต้องการรึไง?”
ลั่วอู๋หัวเราะแล้วหยิบหญ้าพระธาตุออกมา “สิ่งนี้เข้าตาเจ้าไหม?”
“หญ้าพระธาตุ!” หญิงชราดูสนใจ “สิ่งนี้หายากมา ข้าต้องการมันแลกกับ 5,000 คะแนน”
ลั่วอู๋หัวเราะและไม่พูดอะไร
เขาไม่อยากค้าขายด้วยเท่าไหร่เลย
ใบหน้าของหญิงชราจมลง “เจ็ดพันล่ะ”
“ไม่พอ.”
“หมื่น!”
“ไม่พอ.”
“ หนึ่งหมื่นสามพัน”
“ ยังไม่พอ” ลั่วอู๋พูด
“เจ้าหนูอย่าได้ใจมากเกินไปนักนะ” หญิงชราพูดด้วยความโกรธ
“ ให้ราคาที่สมเหตุสมผลที อย่าเอาเปรียบข้า” ลั่วอู๋กล่าว
“ฮึ่ม” หญิงชราตะคอกอย่างเย็นชา “30000 ขาดตัวมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว”
“เนื่องจากเจ้าไม่จริงใจ เพราะงั้นลืม ๆ ไปซะ เดี๋ยวข้าไปแวะที่ห้องโถงหลิวหลี ที่เจ้าพูดถึงด้วยก็ได้” ลั่วอู๋กำลังขู่ว่ากำลังจะจากไป
“ ห้าหมื่น!” หญิงชรากัดฟันแล้วพูดออกมา “ด้วยราคาอันโหดเหี้ยมของเจ้า ห้องโถงหลิวหลี ไม่สามารถให้ราคานี้กับเจ้าได้แน่ได้”
ลั่วอู๋หัวเราะ
ในความเป็นจริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรแลกหญ้าพระธาตุกับแต้มเป็นจำนวนกี่แต้ม
แต่เขารู้ว่าหากเขาปฏิเสธต่อไปแล้วเดี๋ยวหญิงชราก็จะขึ้นราคาให้เอง
หญิงชราคนนี้อยู่ในจุดสูงสุดของมิติวิญญาณทองขั้นสูงมาเป็นเวลานาน ของที่มีผลในการเพิ่มโอกาสที่จะได้พัฒนามิติวิญญาณจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนาง
และลั่วอู๋ขายหญ้าพระธาตุให้กับนาง ซึ่งที่นางยอมจ่ายก็เพราะว่าหากเข้าไปที่วิหารเพื่อซื้อหญ้าพระธาตุราคานั้นจะสูงกว่านี้มาก นางจึงต้องการซื้อกับเขาโดยตรง
“โปรด ดูสิ่งนี้ให้ข้าด้วย” ลั่วอู๋ดึงผลไม้สีแดงขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยหมอกสีขาวออกมา
หญิงชราตกใจมาก “ผลไม้ลึกลับ?”
นางนั้นมีค่าพอที่จะมาเป็นยามของหอสมุดหยุนเฉียน ความเข้าใจในมูลค่าในวัตถุวิญญาณต่าง ๆ ของนางจึงค่อนข้างดี
“เสนอราคามา” ลั่วอู๋ ยิ้ม “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขายสิ่งนี้ให้กับห้องโถงหลิวหลี ข้าจะขายให้เจ้าเท่านั้น”
เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อขายให้นางในราคาสูง
เพราะเขาไม่ต้องการขายมันให้ ห้องโถงหลิวหลี
ดวงตาของหญิงชรามีร่องรอยของความโลภ “100000 แต้ม!”
“ไม่พอ” ลั่วอู๋การปฏิเสธ
คราวนี้ลองท้าทายดูต่อไป
อะไรจะคุ้มค่าไปมากกว่าการได้เห็นคนที่มีอารมณ์ร้ายต้องหดหู่?
ลั่วอู๋คาดเดาไว้ว่าหญิงชราคนนี้น่าจะมีปัญญาอยู่สองกรณี
ประการแรกคือนางเจอกำแพงของการฝึกฝนทำให้ไม่สามารถพัฒนามิติวิญญาณไปต่อได้
ประการที่สองกำหนดเวลาอายุขัยของนางใกล้มาถึง และนางก็กำลังจะตาย
ความโลภในดวงตาของหญิงชรานั้นยืนยันความคิดของลั่วอู๋ได้เป็นอย่างดี
นางติดเจอกำแพงในการฝึกฝนเป็นเวลานานเกินไป และถ้าหากนางผ่านมันไปไม่ได้นางจะต้องตาย ดังนั้นนางจึงกังวลมาก จนมีอัธยาศัยที่แย่เช่นนี้
อย่างไรก็ตามผลไม้ลึกลับนั้นสามารถเพิ่มอายุขัยของผู้คนได้
มันอาจจะไม่มีค่าในสายตาใครบางคน แต่ในสายตาอีกคนมันนั้นมีค่ามหาศาล