ไหปีศาจ - บทที่ 479 อดีตอันไกลโพ้น
บทที่ 479 อดีตอันไกลโพ้น
บทที่ 479
อดีตอันไกลโพ้น
หนึ่งเดือนหายวับไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าสำหรับลั่วอู๋ที่อยู่ในมิติไห เขารอมานานกว่าสามเดือนแล้ว
ในที่สุดก็ถึงเวลาเยี่ยมเยียนเดือนละครั้ง
มันเป็นอะไรที่ลั่วอู๋ตั้งหน้าตั้งตารอมานาน
จูกู่เฉิงเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่ดูสงบเสงี่ยมใต้ทะเลแก่นวิญญาณที่เต็มไปด้วยดวงดารา
“ในที่สุดเจ้าก็มา ได้นำสิ่งที่ข้าต้องการมาด้วยไหม?” ลั่วอู๋ถามด้วยรอยยิ้ม
จูกู่เฉิง มองไปที่เขา “ทำไม เจ้าถึงมั่นใจนักว่าข้าจะตามหาพรรคพวกของเจ้าไม่เจอ? ข้าพบพวกเขาแล้วตอนนี้พวกเขาอยู่ที่วิหารเฉิงหยวน”
เมื่อพูดประโยคนี้ จูกู่เฉิง ก็จ้องไปที่ ลั่วอู๋
ดูเหมือนว่าเขาต้องการเห็นการแสดงออกของความหงุดหงิด ความประหลาดใจและความหดหู่บนใบหน้าของลั่วอู๋ แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น
ลั่วอู๋นั้นมีรอยยิ้มที่สงบ
“ ข้าไม่คาดคิดเลยว่าผู้มีอำนาจอย่างเจ้า จะโกหกเด็กอย่างข้า” ลั่วอู๋ส่ายหัว “ข้าผิดหวังจริง ๆ”
จูกู่เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วรีบยืดอก “พรรคพวกของเจ้าน่าจะออกจากทะเลเหนือสุดขอบไปแล้วสินะ เจ้าดูจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ตัวเองสามารถมั่นใจได้ขนาดนี้ เจ้าคงจะมีหินทะลวงมิติก้อนที่สองจริงๆ ในกรณีนี้การเดิมพันของเจ้ามันก็เป็นโมฆะ ”
ข้อตกลงของการเดิมพันก็คือเขาจะต้องมีหลักฐานว่า ฉูจงฉวน และพรรคพวกคนอื่น ๆ ของลั่วอู๋ยังอยู่ในทะเลเหนือสุดขอบ
ถ้าหากพวกเขาออกไปแล้ว มันก็ไม่มีความหมาย ต่อให้เขาหาคนเหล่านั้นไม่เจอก็ไม่เป็นไร
“ไม่ ๆ ข้ามั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในพระราชวังเป่ยหมิง” ลั่วอู๋กล่าวอย่างจริงจัง
“เป็นไปไม่ได้” จูกู่เฉิง ปฏิเสธอย่างเรียบเฉย “ทั่วอาณาเขตพระราชวังเป่ยหมิงอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าโดยไม่มีการละเว้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของ ลั่วอู๋ ก็เผยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ออกมา “ผู้ปกครองสูงสุดเอ๋ย เจ้าแน่ใจงั้นเหรอว่าทั่วทั้งพระราชวังเป่ยหมิงทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า”
“แน่นอน … ” จูกู่เฉิงพยักหน้าและกล่าว “ต่อให้เป็นสถานที่ลับของตระกูลใหญ่ ข้าได้ส่งคนไปค้นหาแล้วโดยไม่มีข้อยกเว้น”
ลั่วอู๋ ถาม “ข้าจะถามอีกครั้ง เจ้าแน่ใจจริง ๆ หรือว่า เจ้าเป็นผู้ควบคุมอาณาเขตพระราชวังเป่ยหมิงทั้งหมด”
“ถูกต้อง”
“เจ้าแน่ใจไหม?”
จูกู่เฉิง รู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำท้าทายของลั่วอู๋ แต่เมื่อเขากำลังจะโกรธจู่ๆเขาก็นึกถึงประเด็นหนึ่งขึ้นมา
มีอยู่สถานที่ในพระราชวังเป่ยหมิงที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
นั่นก็คือที่นี่
ข้างในของปลาตัวใหญ่.
“หึหึ ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดได้แล้วสินะ” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จูกู่เฉิง ดูตื่นตกใจ “มันเป็นไปได้อย่างไร ข้าพาเข้ามาแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นนี่นา”
“ แน่นอนสิ ก็ข้าเป็นคนเอาพวกเขาเข้ามาเอง” ลั่วอู๋ กล่าว
“พวกเขาอยู่ที่ไหน?” การรับรู้ของ จูกู่เฉิง ขยายไปทุกมุมของปลาตัวใหญ่อย่างรวดเร็ว “ครั้งที่แล้ว ข้าก็ได้ตรวจสอบไปแล้วนี่ มันไม่มีคนนอกใด ๆ เข้ามาได้”
ผลของการรับรู้ยังคงเหมือนเดิม ที่นี่ไม่มีใครนอกจากพวกเขา
ลั่วอู๋ ยกมือขึ้น “ออกมาเถอะ ได้เวลาทักทายผู้ปกครองสูงสุดกันแล้ว”
แสงคลื่นพลังวิญญาณ4 ดวง กะพริบขึ้นมา
ทันใดนั้น ฉูจงฉวน และพรรคพวกคนอื่น ๆ ของลั่วอู๋ ก็ปรากฏตัวขึ้นในร่างปลาตัวใหญ่
คนสี่คนยิ้มทักทายให้กับจูกู่เฉิง
หัวใจของจูกู่เฉิงสับสนวุ่นวาย “เจ้าทำอย่างนั้นเองหรอกรึ!”
เขาไม่ได้คิดถึงการใช้วัตถุวิญญาณที่เก็บโลกใบเล็กเอาไว้เลย
เพราะมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก
มีเพียงสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่ สามารถสร้างห้วงมิติให้กลายเป็นโลกใบเล็ก ตามหลักแล้วมันจึงไม่ควรมีภาชนะใด ๆ ที่สามารถสร้างโลกใบเล็ก
ปฏิกิริยาแรกของ จูกู่เฉิง คือ ลั่วอู๋ ได้อาศัยวิธีการบางอย่างเปิดช่องว่างมิติให้อีกสี่คนที่เหลือเข้าไปซ่อนตัว
นั่นย่อมหมายความว่าเขาจะต้องเชี่ยวชาญทักษะทางห้วงมิติอย่างลึกซึ้งมากจึงจะบรรลุเช่นนั้นได้
คนที่ทำแบบนั้นได้ คงมีแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่เชี่ยวชาญที่เชี่ยวชาญในทักษะห้วงมิติอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาจึงอยากรู้ว่าลั่วอู๋ทำได้อย่างไร
ลั่วอู๋ส่ายหัว “เสียใจด้วย แต่ข้าคงจะบอกเจ้าไม่ได้”
“ไม่มีปัญหา” จูกู่เฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมรับความจริง
เขาแพ้การเดิมพันในครั้งนี้
“ ทีนี้เอาสิ่งที่ข้าควรได้มาได้แล้ว” ลั่วอู๋แบมือของเขาออก
จูกู่เฉิง ตรวจสอบผนึกอย่างรวดเร็ว และพบว่าผนึกสุดท้ายพลังวิญญาณอันวุ่นวายที่เป็นจุดด่างได้ถูกลบออกไปถึงสามในแล้ว สิบประสิทธิภาพในการแก้ผนึกของลั่วอู๋นั้นเร็วกว่าเดิมมาก
ดูเหมือนว่ายิ่งมีจุดด่างเหลือน้อย ประสิทธิภาพในการชำระล้างบาปก็จะยิ่งสูงขึ้น
จูกู่เฉิง ถอนหายใจในใจ อีกฝ่ายมีความเมตตาอย่างมากต่อพระราชวังเป่ยหมิง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากฝ่าฝืนคำสั่งสุดท้ายของบรรพบุรุษอีกครั้ง
“เอานี่ไป” จูกู่เฉิง โยนหนังสือเล่มเล็กออกไป
ลั่วอู๋ รับมันมาในทันที
บันทึกนี้ดูใหม่มาก
“แน่นอนว่าข้าคงไม่สามารถมอบต้นฉบับให้กับเจ้า และเจ้าเองก็คงไม่สามารถแบกรับพลังวิญญาณที่มีอยู่ในบันทึกนั้นได้” จูกู่เฉิง พูดอย่างแผ่วเบา “นี่คือต้นฉบับที่ทำขึ้นใหม่ของข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเผาทำลายมันทิ้งในทันทีหลังจากอ่านจบ”
ลั่วอู๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าเข้าใจ”
บันทึกนี้คงมีความลับซ่อนอยู่มาก จึงไม่ใช่อะไรที่จะสามารถเผยแพร่ออกไปได้
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จูกู่เฉิง ก็โล่งใจ ก่อนจะเดินจากไป
ฉูจงฉวน และพรรคพวกคนอื่น ๆ ของลั่วอู๋เองก็ไม่ได้สนใจบันทึก จึงมีเพียง ลั่วอู๋ เท่านั้นที่สนใจ
เมื่อได้สถานที่อันเงียบสงบในการอ่าน ลั่วอู๋ ก็เปิดบันทึกออก
อักษรที่เขียนลงบนบันทึกด้วยลายมือนั้นไม่ได้มีพลังเทียบเท่ากับบันทึกของจักรพรรดิดาบหยางไคเทียน แต่มันก็ยังมีความหมายเฉพาะตัวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
“ลูกหลานของข้าจงอย่าได้มอบบันทึกนี้ให้กับคนนอกโดยเด็ดขาด”
ลั่วอู๋ไม่สนใจ
ที่เขาอยากเห็นคือสิ่งที่ราชาหมอกซานเหรินไม่อยากแสดงให้คนนอกรู้
สิ่งที่เขียนเอาไว้บันทึกนั้น สามารถเข้าใจได้คร่าวๆว่าเป็นชีวประวัติของราชาหมอกซานเหริน
เขาเกิดขึ้นมาในตระกูลที่ร่ำรวย เติบโตขึ้นถึงอายุ 15 ปีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า แม้เขาจะไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก แต่เขาไม่มีความทะเยอทะยานด้วยเช่นกัน
ทว่าตอนอายุ 15 ตระกูลของเขาก็ตกต่ำลงและล่มสลาย
พ่อแม่ของเขาถูกสังหารโดยศัตรูคู่แค้นเก่าแก่
เขาไม่สามารถทนต่อความแค้นนั้นได้ เขากลายเป็นคนพาล เขาดื่มเหล้าทั้งวันและยอมแพ้ต่อการใช้ชีวิต จนถูกผู้คนเกลียดชัง
ชั่วเวลานั้นมันช่างเสียเปล่าเหลือเกิน จนกระทั่งเขาได้พบกับจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา
เขาได้พบกับเห็นมนุษย์ที่เป็นดั่งเทพเจ้า ผู้ตรัสรู้ที่สามารถเปลี่ยนปลาให้กลายเป็นร่างของมังกรได้ๆ
ราวกับเป็นเทพเจ้า
ดังนั้นเขาจึงได้ไล่ตามวิงวอนขอให้อีกฝ่ายยอมรับตัวเองว่าเป็นศิษย์ ถึงกับเรียกเขาว่าเจ้านาย และยินดีที่จะเป็นดั่งวัวและม้าคอยรับใช้ไปตลอดชีวิต
ลั่วอู๋มองสิ่งนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้
ไม่น่าแปลกใจที่บันทึกนี้ไม่ควรถูกเผยแพร่
นี่คือประวัติศาสตร์อันดำมืด
หากสิ่งนี้ถูกเผยแพร่ออกไปภาพลักษณ์ ของราชาหมอกซานเหรินผู้มีชื่อเสียงอันเป็นดั่งใจกลางของพระราชวังเป่ยหมิงจะพังทลายลงในทันที
“ ปรากฏว่าสิ่งที่ภูตไหพูดเป็นความจริงสินะ เขาเป็นคนขี้โกงขี้โกหกจริงๆ” ลั่วอู๋ถอนหายใจ
แต่เขาก็สามารถเข้าใจได้
เมื่อต้องมาเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พ่อแม่ทั้งสองถูกสังหารจนเสียชีวิตโดยที่ไม่สามารถแก้แค้นได้
การที่บุคลิกของเขาจะเพี้ยนไปก็เป็นเรื่องปกติ
ลั่วอู๋อ่านต่อไป
มนุษย์ที่เป็นดั่งเทพคนนั้นคือภูตไห
ภูตไหถามเขา ว่าพร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่างได้จริง ๆ งั้นหรือ? แม้ว่าจะต้องทำลายโลกทั้งใบก็ยอมงั้นเหรอ?
ในเวลานั้นราชาหมอกซานเหริน ไม่มีทางเลือกอื่น เขาต้องการแก้แค้นผู้คนที่ดูถูกเหยียดหยาม เขาต้องการให้โลกใบนี้ถูกทำลาย ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างหมดหวังและภูตไห ก็ตกลงตามคำขอของเขา
ภูตไหสอนทักษะการทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณ และการแก้ไขคุณสมบัติให้กับเขา
นอกจากนี้เมื่อภูตไหได้พบดาบในตำนานอย่างดาบต้านสวรรค์ ภูตไหก็มอบมันให้กับเขา
เขาเติบโตอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางในการเติบโตขึ้น เขาได้พบกับเทพเจ้ามากมาย ได้สังหารพระเจ้าและฆ่าศัตรูที่ขวางทางทั้งหมดอย่างน่าสังเวช
ดวงตาของลั่วอู๋แปลกไปและสับสน
เขาได้รับดาบต้านสวรรค์มาจากภูตไหงั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าราชาหมอกซานเหรินจะเป็นที่ชื่นชอบของภูตไหเป็นอย่างมาก