ไหปีศาจ - บทที่ 497 กลับสู่เมืองหลวง
บทที่ 497 กลับสู่เมืองหลวง
บทที่ 497
กลับสู่เมืองหลวง
ประตูห้วงมิติสู่มณฑลเสิ่นชุนถูกปิด
ปกติประตูห้วงมิติจะอยู่ได้เพียงครึ่งปี ซึ่งลั่วอู๋คิดว่าเวลาเพียงครึ่งปีก็น่าจะพอ เขาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะต้องใช้เวลามากขนาดนี้
แค่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไป – กลับในทะเลเหนือสุดขอบเขาก็ใช้เวลาไปแล้วถึง 5 เดือน
รวมแล้วในการเดินทางครั้งนี้เขาใช้เวลาไปประมาณสิบเดือน
พวกเขาอยู่ที่ทะเลเหนือสุดขอบนานเกินไป
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สามารถกลับไปที่สำนักเฉียนหลง ทำให้พวกเขาต้องกลับไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิด้วยวิธีปกติ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะในอีกสองเดือนประตูของสำนักเฉียนหลงก็จะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง
องค์หญิงเจียโรวมีท่าทางลังเล
ซึ่งลั่วอู๋ก็สังเกตเห็นความกังวลของนาง “เป็นอะไรรึเปล่า ? เจ้ากังวลว่าองค์จักรพรรดิจะจับเจ้าไปอีกงั้นเหรอ?”
“ใช่” องค์หญิงเจียโรว ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดออกมา “เมื่อข้าออกมาจากสำนักเฉียนหลงแล้ว ท่านพ่อก็จะจับข้ากลับไปได้ง่ายขึ้น”
ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม”ไม่ต้องกังวลไปน่า ครั้งที่แล้วข้าได้ไปคุยกับองค์จักรพรรดิแล้ว ข้าบอกเขาไปว่า เขาไม่ควรบังคับให้เจ้าอยู่แต่ในวัง ถ้าเขาไม่ปล่อยเจ้าจริง ๆ ข้าจะบุกเข้าไปในวังและฉุดเจ้าออกมาเอง”
“ เจ้าอยากตายนักรึไง? ถ้าเจ้าอยากบุกเข้าไปในวัง ปรมาจารย์มากมายจะจัดการเจ้าแน่” องค์หญิงเจียโรว กลอกตาของนาง แต่นางก็มีความสุขที่ได้ยินว่า ลั่วอู๋ จะเข้าบุกไปในวังเพื่อช่วยนางออกไป
“ข้าไม่กลัว พวกเขาจะไม่ฆ่าข้าแน่” ลั่วอู๋หัวเราะ
หลังจากฟังคำพูดของ ลั่วอู๋ แล้ว องค์หญิงเจียโรว ก็โล่งใจเล็กน้อย
ที่นางออกจากพระราชวังไม่ใช่เพราะนางเกลียดองค์จักรพรรดิ แต่เป็นเพราะนางอยากออกไปดูโลกกว้างบ้าง และตอนนี้ก็ได้เวลากลับวังแล้ว
อันที่จริงตอนนี้ นางกลัวการถูกพ่อดุมากที่สุด
พวกเขาพากันบินไปยังทิศทางของเมืองหลวง
มณฑลเสิ่นชุนเป็นเขตที่อยู่ตรงชายขอบที่สุด แต่ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พรรคพวกลั่วอู๋ก็ใช้เวลาไม่เกินสามวันในการบินกลับไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิ
ลั่วอู๋ไม่ได้พาพวกเขาเข้าไปในมิติไห
เพราะเขายังต้องคอยระวังเหวินเสี่ยว
ข้อมูลที่ว่าเขามีโลกใบเล็กไม่สามารถถูกปล่อยให้อีกฝ่ายรู้ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงเขาแค่คนเดียว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมีความคิดอื่น ๆ และกลายเป็นศัตรูในทันทีรึเปล่า
เวลาสามวันผ่านไปในพริบตา
ในขณะที่พวกเขากำลังจะมาถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ พวกเขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยกองทหารในชุดเกราะสีเงิน
ทหารในชุดเกราะสิเงินเหล่านี้มีลมปราณอันแข็งแกร่งร่างกายที่สงบและดูเย็นชา พวกเขาล้อมรอบ ลั่วอู๋ ในรูปแบบในการปราบมังกร
มีทหารอยู่ประมาณ 30 คนหรืออาจจะมากกว่านั้น แต่ทุกคนมีพลังรบระดับทอง และด้วยความช่วยเหลือของความสามารถในการจัดทัพก็จะยิ่งทำให้พวกเขาทรงพลังมากขึ้น มีชายคนหนึ่งถือง้าวอันเย็นชาและสง่างามที่มุ่งหน้ามาทางพวกเขา โดยเขามีมิติวิญญาณอยู่ในระดับทองขั้นสูง
ความกดดันอย่างมากรุมล้อมพรรคพวกลั่วอู๋
หัวใจของลั่วอู๋ คุ้นเคยกับทหารในเกราะสีเงินเหล่านี้ว่าพวกเขาคอยปกป้องใครบางคนที่เขาคุ้นเคย แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเห็นมันเมื่อไหร่
“ มีอะไรงั้นเหรอ ? พวกเจ้าเป็นใครกัน?” ฉูจงฉวน ตะโกน
กองทหารในชุดเกราะเงินนั้นดูสง่างามและน่ากลัว แม้ว่าจำนวนจะมีไม่มากนักแต่ก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง ทำให้กลิ่นอายของความอันตรายเหนือกว่าฝูงเงือกแห่งห้วงลึกมาก
ชายที่เป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “กองทหารองครักษ์มังกรขาว ทีฮั๋ว หนึ่งในทหารแห่งกองทหารองครักษ์เดียวในนามขององค์จักรพรรดิ เพื่อองค์หญิง”
ทุกคนมองไปที่ องค์หญิงเจียโรว
พวกเขาถูกส่งมาโดยองค์จักรพรรดิ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ดวงตาของลั่วอู๋รู้สึกคุ้นเคย
กองทหารองครักษ์มังกรขาวเป็นหน่วยองครักษ์พิเศษที่ตั้งขึ้นมาโดยองค์จักรพรรดิ เพื่อองค์หญิงเจียโรว เพื่อปกป้องความปลอดภัยขององค์หญิงเจียโรว
ก่อนหน้านี้ ลั่วอู๋ เคยเห็นพวกเขาที่โรงแรมในเมือง หมิงหนาน
แต่ในตอนนั้น องค์หญิงเจียโรว นำกองทหารองครักษ์มังกรขาวมาแค่กองเล็ก ๆ เท่านั้น และยังไม่ใช้กองกำลังหลักที่แท้จริงอีกด้วย
“ไม่มีทางน่า” องค์หญิงเจียโรว แสดงหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ
การแสดงออกที่เย็นชาของ ทีฮั๋ว ดูแข็งกระด้างเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “ฝ่าบาท โปรดอย่าได้ลำบากใจเลย ในคราวนี้องค์จักรพรรดิไม่ได้โกรธท่านแต่อย่างใด เพียงแค่คิดถึงท่านเท่านั้น”
“ ได้เลย” องค์หญิงเจียโรวกลับไปเป็นรูปลักษณ์ที่สนุกสนานตามปกติของนางและฟื้นคืนลักษณะขององค์หญิงกลับมา นางพูดอย่างใจเย็น “ได้โปรดนำข้าไปที ลุงทีฮั๋ว”
แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับการโดนเรียกว่าลุงทีฮั๋ว แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
“ข้าจะกลับไปที่วังก่อน ลาก่อนทุกคน ข้าจะออกมาเล่นกับพวกเจ้าอีกครั้งแน่ ๆ” องค์หญิงเจียโรว ใช้ประโยชน์จากความประมาทของกองทหารกระซิบกับพรรคพวกลั่วอู๋อย่างสนุกสนาน
ทุกคนต่างพยักหน้าด้วยเสียงหัวเราะ
หลังจากการอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน พวกเขาก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกันแล้ว
โดยเฉพาะ องค์หญิงเจียโรว, หลี่หยิน และ หลินยูหลัน
องค์หญิงเจียโรว มองไปที่ ลั่วอู๋ อีกครั้งและพึมพำ “จำสิ่งที่เจ้าพูดไว้ด้วยล่ะ ถ้าข้าออกไปไม่ได้อย่าลืมมาที่วังและชิงตัวข้ากลับไป”
“ข้ารู้” ใบหน้าของลั่วอู๋ดูเคร่งขรึม
ใบหน้าของ องค์หญิงเจียโรว เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย จากนั้นนางก็ถูกล้อมรอบด้วยกองทหารคุ้มกันขึ้นไปบนรถม้าหรูหรา
ด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปทำให้ ลั่วอู๋ แสดงความรู้สึกได้ตรงไปตรงมามากขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ แต่ทุกคนต่างก็รู้กันดี
พวกเขาห่างกันเพียงแค่ชั้นกระดาษหน้าต่าง
ชั่วอึดใจต่อมาองค์หญิงเจียโรวก็จากไป
ฉูจงฉวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลินยูหลัน และข้าเองก็ขอแยกตัวไปก่อน พวกเราจะกลับไปที่เขตหมิงหนานแน่ แต่ก่อนหน้านั้นพวกข้าจะไปที่ภูเขาเทียนหวัง เพื่อพบกับลุงหลินแล้วจะมาพบพวกเจ้าที่สำนักเฉียนหลงทีเดียว”
ภูเขาเทียนหวัง เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านตงเทียน
ลุงหลิน ในปากของ ฉูจงฉวน คือพ่อของ หลินยูหลัน ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่ทรงพลัง เขาคือหลินกุย จอมโจรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
“ข้าเองก็จะกลับไปที่สำนักโล่พิทักษ์เหมือนกัน” ลั่วอู๋พยักหน้า
จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่เหวินเสี่ยว
ทุกคนกลับบ้านเป็นคู่ทิ้งเหวินเสี่ยว “จรจัด”
“พวกเจ้ามองมาที่ข้าทำไมกัน?” เหวินเสี่ยวดูไม่มีความสุขเท่าไหร่ “ ข้าจะรอให้สำนักเฉียนหลงเปิดประตู จากนั้นข้าก็จะไปพบหลี่หวู่หยวนเพื่อเปิดช่องว่างมิติไปยังอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะ ข้าไม่ได้โดดเดี่ยวหรอกนะ ข้าแค่รู้สึกเบื่อ ข้าอยากจะไปปลดปล่อยความขี้ขลาด พวกเจ้าจะดุด่าข้าก็ได้ แต่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า”
“ ……”
คนอื่น ๆ กลับไปเป็นคู่
จากนั้นพวกเขาก็แยกกันไป
ลั่วอู๋ กลับมาที่ สำนักโล่พิทักษ์
ตอนนี้สำนักโล่พิทักษ์ กลายเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีการขยายขนาดร้านหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านค้าหลัก ๆ ทั้งหมดในเมืองหลวงเป็นอย่างดี
“นายน้อยว่ากันว่าร้านค้าแห่งหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นในมณฑลเสิ่นชุนทางตอนเหนือ พวกเขาดำเนินธุรกิจขายขุมทรัพย์ใต้ทะเลลึกที่ไม่เหมือนใคร พวกเราควรจะติดต่อกับพวกเขาไหม ? หากสินค้าของพวกเขาถูกส่งไปยังเมืองหลวงพวกมันจะต้องเป็นที่นิยมอย่างมากแน่ ๆ ” เสี่ยวชารายงาน
นี่คือโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ ร้านค้าหลายแห่งจึงได้ส่งคนไปยังมณฑลเสินชุนแล้ว
ลั่วอู๋ส่ายหัว “ไม่เราสามารถดำเนินธุรกิจกับพวกเขาได้ ร้านค้านั้นไม่มีการร่วมมือกับร้านค้าใด ๆ ในเมืองหลวง ร้านค้านั้นมีชื่อว่า ร้านค้าสีฟาง พวกเขาอยู่ในบัญชีดำของสำนักโล่พิทักษ์ และไม่ควรร่วมมือและติดต่อใด ๆ กับพวกเขา ”
“ทำไมล่ะ?” เสี่ยวชา รู้สึกประหลาดใจและงงงวย
ร้านค้าทุกแห่งในเมืองหลวงได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ สำนักโล่พิทักษ์
แล้วทำไม ร้านค้าสีฟาง ถึงใช้ไม่ได้?
แต่ลั่วอู๋ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
เขาได้ให้คำแนะนำกับ ฮวงเสี่ยวหยวนแล้วในการขยายธุรกิจ เขานั้นยังไม่เคยไปที่เมืองหลวงของจักรวรรดิ เพียงแต่ทำการค้าขายในมณฑลชายขอบในอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ด้วยวิธีนี้แม้ว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับสำนักโล่พิทักษ์ มันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อ ร้านค้าสีฟาง อย่างแน่นอน
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าเขากังวลเรื่องอะไร อาจเป็นเพราะเขาเห็นร่องรอยของภูตไหอยู่ทั่วจักรวรรดิมากเกินไปก็เป็นได้
ตอนนี้สิ่งมีชีวิตลึกลับที่มีชีวิตมานานหลายหมื่นปีนี้ได้กำหนดให้กลายเป็นศัตรูคู่แค้นของลั่วอู๋
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องถูกต้องที่เขาจะต้องเตรียมตัวให้มากขึ้น
“ยังไงก็ตาม ตอนนี้ข้าต้องการให้พวกเจ้าซื้อยาระดับสูงมาให้มากขึ้น โดยต้องมีระดับสูงอย่างน้อย ๆ ก็ระดับแปด จะมีผลอย่างไร จำนวนมากน้อยก็ไม่สำคัญ” ลั่วอู๋ออกคำสั่ง
“ขอรับ” เสี่ยวชา กล่าวรับอย่างรีบร้อน
“ได้ตัวช่างตีเหล็กหรือช่างหลอมอาวุธรึยัง ?”
“ยังหาไม่ได้เลยขอรับ” เสี่ยวชายิ้มอย่างเบามือ “พวกเขาหาได้ยากจริงๆ”
“ถ้ายังก็ช่วยซื้อยาและวัตถุวิญญาณทั้งหมดที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บทางจิตใจมาให้ข้าที ยิ่งระดับสูงเท่าไรก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น” ลั่วอู๋ กล่าว
“ขอรับ”
เวลาซื้อขายครั้งต่อไปกับชาวแซคในนรกมนตราเองก็กำลังจะมาถึงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะได้แร่วิญญาณจำนวนมากมาที่สำนักโล่พิทักษ์ ดังนั้นลั่วอู๋จึงไม่กังวลเกี่ยวกับงบประมาณของสำนักโล่พิทักษ์ เขาจึงออกคำสั่งโดยไม่มีข้อกำหนดใด ๆ
หลังจากคำสั่งทั้งหมดถูกส่งต่อไป เสี่ยวชา ดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่งที่สำคัญได้แล้วพูดอย่างรีบร้อน “คนรับใช้ของคฤหาสน์องค์ชายได้กลับมาหาพวกเราอีกครั้งแล้วขอรับ”
“หืม?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
“พวกเขามาขอความร่วมมืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูค่อนข้างปฏิเสธได้ลำบากมาก แต่ข้ารู้ว่าท่านไม่เห็นด้วยข้าจึงหลอกเลื่อนเวลาเรื่องนี้ออกไป แต่ด้วยเหตุนี้ร้านค้าบางส่วนจึงเริ่มทำตัวเหินห่างจากสำนักโล่พิทักษ์ของเรา โดยดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์ที่คลุมเครือขอรับ ”
นี่ทำให้ลั่วอู๋อดสงสัยไม่ได้
ไม่จริงน่า
คฤหาสน์องค์ชายพยายามจัดการกับเขางั้นหรือ? มันไม่มีเหตุผล
องค์ชายเล็กไม่น่าจะทำอะไรแบบนั้นได้
“ไม่เป็นไร” พวกเขาไม่เต็มใจที่จะหยุดนิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ
หลังจากจัดการกับสำนักโล่พิทักษ์ แล้ว ลั่วอู๋ ก็เดินทางออกจากสำนักโล่พิทักษ์ และเดินทางยังทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลลั่ว
เขามีสัญญาครบรอบหนึ่งปีกับลิงเผือกที่มีชื่อว่า เสี่ยวกง
แต่เขาก็สายไปนานมากแล้ว