ไหปีศาจ - บทที่ 509 ท่านหญิงหยู่
บทที่ 509 ท่านหญิงหยู่
บทที่ 509
ท่านหญิงหยู่
คำพูดของฉิงชาทำให้หัวใจของลั่วอู๋หวาดกลัวเล็กน้อย
ตอนที่เขาไปที่กุยโต เข้าแค่ไปช่วยฉูจงฉวนเท่านั้น เขารู้เรื่องภายในนั้นแค่เพียงเล็กน้อย เขารู้แค่ว่ามีผีที่น่ากลัวมากมายอยู่ในนั้น
ฉูจงฉวนก็เช่นเดียวกัน
ในเวลานั้นเขาได้รับคำแนะนำจากไฟวิญญาณผีให้ไปที่สุสานภูเขากุยโต เขาไม่กล้าจะสุ่ม ๆ เข้าไป เพราะเขาก็ยังไม่รู้จักที่นั่นมากนัก
ตราบใดที่ยังไม่เข้าไปในสุสานก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จะไม่มีวิญญาณผีให้เห็นเพื่อจับเลย
สุสานขนาดใหญ่และงดงามบนภูเขากุยโตตั้งตระหง่านเงียบสงบราวกับห้วงนรก แต่เมื่อก้าวเข้ามาจะต้องร้องไห้โหยหวนและจะไม่มีวันหายเป็นปกติได้เลย
คำพูดของฉิงชายังสะท้อนถึงสัตว์ประหลาดเก่าแก่บางตัว
“ใช่ เจ้าไม่รู้ว่าหวังกู่หมายถึงอะไร”
“สุสานนั่นเป็นสถานที่ที่มีความชั่วร้ายเยอะที่สุดในโลก วิญญาณอธรรมนับพันจะไม่มีวันแยกออก มันเป็นนรกบนดิน และสถานที่ที่ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง”
“เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วที่บุกเข้าไปในหุบเขามรณะของเราได้ พวกเรามีกำลังเพียงสองหรือสามเปอร์เซ็นต์ของพวกเรา ทว่าหวังกู่ ราชาผีแห่งสุสาน ได้รับการหล่อเลี้ยงจากหินวิญญาณมาโดยตลอด และยังคงรักษาความแข็งแกร่งสูงสุดไว้เสมอ”
“ข้าแนะนำให้เจ้าไม่รบกวนการหลับใหลของวิญญาณเหล่านั้น”
สัตว์ประหลาดเก่าแก่เหล่านี้มีชีวิตอยู่มาช้านาน
คาดว่าฉิงชาซึ่งมีอายุยืนยาวที่สุดจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างน้อย 8000 ปีเนื่องจากหุบเขามรณะไม่ได้ปรากฏขึ้นจนกระทั่งเกิดภัยพิบัติ
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้มาก
นัยหนึ่งพวกเขาทั้งหมดก็เป็นฟอสซิลที่มีชีวิต
ฉิงชาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ทำไมเจ้าถึงจะไปที่นั่น?”
“ต้องการปราบแม่ทัพผีที่เก่งกาจบางคนน่ะ” ลั่วอู๋ไม่ได้ปกปิด
ฉิงชาและสัตว์ประหลาดอื่น ๆ มองไปที่ลั่วอู๋ราวกับว่าพวกเขากำลังมองไปที่คนงี่เง่า เปลวไฟสีเขียวในดวงตาของพวกเขาดูไม่ดี
ฉิงชาพูดเยาะเย้ยซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยาก “ทำไมเจ้าไม่ไปหาปีศาจหยวนและยึดครองปีศาจทั้งเก้ามาเล่า? เจ้าจะได้อยู่ยงคงกระพันไง”
ลั่วอู๋ตกตะลึงไปชั่วขณะ
สุสานแห่งเขากุยโตนั้น คนระดับเขาไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างนั้นหรือ
อย่างไรก็ตามหากเราปราบทหารผีที่อ่อนแอ และนายพลผี ความแข็งแกร่งของนายพลผีจะพัฒนาช้าเกินไป และพวกเขาก็จะช่วยได้น้อยลงมาก
ฉิงชาถามอีกครั้ง “เจ้ารู้ที่มาของสุสานราชาผีไหม?”
“แค่คร่าว ๆ น่ะ” ลั่วอู๋พยักหน้า
จากนั้นลั่วอู๋ก็พูดในสิ่งที่เขารู้
เกือบหมื่นปีก่อนในช่วงภัยพิบัติในแผ่นดินใหญ่ กองกำลังพันธมิตรของมนุษย์ถูกทรยศและทหารหลายสิบล้านคนถูกสังหารไปในหุบเขา ความแค้นของทหารเหล่านั้นก็ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดสถานที่มืดมนที่สุดแห่งนี้
แน่นอนว่าลั่วอู๋ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับภูตไห
พวกสัตว์ประหลาดมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความประหลาดใจ
เพราะสิ่งที่ลั่วอู๋รู้นั้นละเอียดกว่าที่พวกเขารู้เสียอีก
พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นจากทุกยุค ปกติแล้วพวกเขาก็สามารถขุดคุ้ยความจริงทางประวัติศาสตร์บางอย่างได้ แต่ไม่มีข้อใดที่เฉพาะเจาะจงเท่าที่ลั่วอู๋รู้
ลั่วอู๋ยังรู้รายละเอียดของหายนะด้วย
“เฮ้ เจ้าแก่ขี้โกหก เจ้าไม่ได้มาจาก 8000 กว่าปีที่แล้วหรือ?”
“ใช่ เจ้าน่าจะรู้มาก”
“บอกข้าทีว่าลั่วอู๋พูดถูกรึเปล่า?” สัตว์ประหลาดทั้งหมดตะโกน
ฉิงชามองไปที่ลั่วอู๋และพยักหน้า “มันถูกทั้งหมด น่าทึ่งมากว่าทำไมเจ้าถึงรู้มากขนาดนี้”
เขาเกิดมาในช่วงท้ายของยุคมืด และก่อนที่เขาจะโตเป็นผู้ใหญ่ความหายนะก็สิ้นสุดลงแล้ว
“จากหนังสือน่ะ” ลั่วอู๋ตอบ
ฉิงชาไม่ได้ถามไปลึกกว่านี้ แต่กล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ยังจะกล้าไปอีกหรือ? รู้ไหมว่าความแค้นของทหารและคนนับหมื่นที่ถูกซุ่มโจมตีและถูกสังหารเพราะการทรยศของพวกเขานั้นเลวร้ายเพียงใด? ไม่ต้องพูดถึงว่าเกือบครึ่งหนึ่งของยอดฝีมือของโลกในเวลานั้นมารวมตัวที่นั่น แถมยังรวมถึงนายพลระดับเพชรด้วย พวกเขาเสียชีวิตด้วยความเศร้าโศกและความขุ่นเคืองพวกเขาจะน่ากลัวขนาดไหน”
ลั่วอู๋รู้ดีว่าฉิงชาไม่ได้ตื่นตูมไปเอง
“อันที่จริง ข้าเข้าไปได้ครั้งหนึ่งและหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย” ลั่วอู๋กล่าวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
ไฟผีก็พุ่งขึ้นในสายตาของสัตว์ประหลาด
“อะไรนะ!”
“หนีได้งั้นเหรอ?”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง” พวกเขาทุกคนตกใจมาก
ลั่วอู๋พยักหน้าและหยิบหินแก่นวิญญาณที่ฉูจงฉวนมอบให้เขา “ข้าได้สิ่งนี้มาด้วย”
ตอนแรกฉูจงฉวนขโมยหินแก่นวิญญาณสองก้อนจากสุสานของราชาผี
หนึ่งในนั้นใช้สำหรับการสังเคราะห์
ยังมีอีกชิ้นหนึ่งที่ลั่วอู๋ไม่กล้าใช้ และไม่รู้ว่ามันไว้ใช้เพื่ออะไรจึงถูกเหลือทิ้งไว้
“หินแก่นวิญญาณ!” สัตว์ประหลาดมองไปที่หินอย่างกระหาย
นี่เป็นของดี
สารบริสุทธิ์ที่ควบแน่นโดยหินวิญญาณ
สำหรับผีสิ่งนี้เป็นสมบัติที่มีประโยชน์มาก มันสามารถช่วยให้ผีเปลี่ยนแปลงได้ เปลี่ยนไปได้แม้กระทั่งราชาผี
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถใช้มันได้ดังนั้นจึงเป็นเพียงแค่ความโลภเท่านั้น
“สิ่งนี้มีเพียงแค่หวังกู่ที่สุสานเท่านั้นที่สามารถกลั่นออกมาได้” วิญญาณร้ายสีเขียวบางคนไม่เข้าใจ “เจ้าหนีมาได้อย่างไร?”
“ตามที่ฉูจงฉวนว่า เราควรได้รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่ชื่อท่านหญิงหยู่ แน่นอนว่าเธอก็น่าจะเป็นผีด้วย” ลั่วอู๋ตอบ
ฉิงชาเงียบไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย สามารถหยุดราชาผีได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นผีระดับเดียวราชาผี แต่ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องผู้หญิงที่ทรงพลังในกลุ่มมนุษย์ในตอนนั้นเลย กลายเป็นราชาผีหลังตายแล้วงั้นหรือ? ไม่ ไม่ถูกต้อง คนที่ถูกฆ่าตายในเขานั่นทั้งหมดตายด้วยความแค้น แล้วพวกเขาจะช่วยเจ้าได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลเลย”
ต่อให้เป็นคนดีมาทั้งชีวิต
แต่หากตายด้วยความเกลียดชังและความอยุติธรรม โดยพื้นฐานแล้วก็จะกลายเป็นผีดุร้าย
นับประสาอะไรกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ผีดุร้าย แต่ก็จะได้รับผลกระทบจากความแค้นรอบข้างและค่อย ๆ หลอมรวมกับความแค้นเหล่านั้น
“ใช่” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
แน่นอนว่าเขาขี้เกียจเกินไปที่จะเจาะลึกเรื่องนี้
เขาแค่อยากจะบอกให้ชัดเจนว่าสุสานของราชาผีอาจจะไม่ใช่ที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้เลย
ฉิงชาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ผู้หญิงที่ชื่อท่านหญิงหยู่คนนั้นอาจไม่เต็มใจที่จะช่วยเจ้าก็ได้ ถ้าเจ้าอยากตายข้าจะไม่หยุดเจ้า แต่อย่าลืมทิ้งมังกรกระดูกผีไว้ให้ด้วย”
คนอื่น ๆ พยักหน้า “ใช่ ใช่”
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
“ข้ากำลังขอความช่วยเหลือนะเจ้ามีสมบัติอะไรที่สามารถปกป้องข้าได้ และช่วยให้ข้าเข้าออกจากสุสานของราชาผีได้อย่างปลอดภัยไหม?” ลั่วอู๋ถาม
“ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่ได้บ้าไปแล้วนะ” สัตว์ประหลาดหัวเราะ
“จะมีสมบัติเช่นนั้นได้อย่างไร”
“เราทุกคนเหลือแต่กระดูก เจ้าคิดว่าเรามีสมบัตินั่นรึเปล่าล่ะ?”
เมื่อแก่นวิญญาณใกล้หมดสภาพ พวกเขาก็จะทิ้งสมบัติส่วนใหญ่ไว้ให้กับลูกหลานของตระกูลและมาที่หุบเขามรณะเพื่อความลับที่เรียกว่า “ชีวิตนิรันดร์”
ลั่วอู๋คิดว่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่เหล่านี้อาจมีสมบัติที่ทรงพลังบางอย่าง
ในเมื่อลักษณะของพวกเขาก็คล้ายกับผีเหล่านั้น
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป
“แล้วพวกเจ้าคนไหนที่จะปกป้องข้าในการไปสุสานราชาผี” ลั่วอู๋ถาม
สัตว์ประหลาดหลายคนปฏิเสธ: “เจ้าบ้า ถ้าเจ้าอยากตายก็อย่ามาดึงเราไปด้วย”
“เจ้าสาบานแล้วว่าจะยอมจำนนต่อข้า” ลั่วอู๋เตือน
แต่พวกนั้นก็ยังไม่เห็นด้วย
ฉิงชาส่ายหัว “มันต่างกันยังไงระหว่างการไปที่สุสานของราชาผี กับการหาที่ตาย เลือกต่อสู้กับวิญญาณและติดอยู่ในความว่างเปล่าไปตลอดกาลยังดีกว่า บางทีอาจจะยังมีโอกาสที่จะหลบหนีได้”
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก