ไหปีศาจ - บทที่ 533 แก่นแท้ทักษะกลืนกิน
บทที่ 533 แก่นแท้ทักษะกลืนกิน
บทที่ 533
แก่นแท้ทักษะกลืนกิน
สัตว์วิญญาณระดับทองขั้นสูง ก้อนความฝัน
เช่นเดียวกับสัตว์ร้ายหมิงเต๋า มันเป็นสัตว์วิญญาณที่เชี่ยวชาญในเรื่องการควบคุมพลังวิญญาณ
อย่างไรก็ตามสัตว์ร้ายหมิงเต๋ามุ่งเน้นไปที่การสร้างความเสียหายต่อจิตใจมากกว่าในขณะที่ ก้อนความฝัน ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมจิตใจ
“ สะกดจิตสมบูรณ์ !” ดวงตาของเย่เฟิงแคบลงเล็กน้อยนิ้วของเขาเริ่มแกว่งไปมาเหมือนหุ่นเชิดพร้อมกับคลื่นพลังวิญญาณที่ถูกส่งออกไปอย่างช้าๆ
เขาชอบเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ไร้สมองแบบนี้ที่สุด
เพราะมันเป็นเป้าหมายในการทดลองที่มีชีวิต
ในสถานการณ์ที่ศัตรูโกรธการป้องกันจิตใจจะเปราะบางมาก หรือกล่าวก็คือช่วงเวลานั้นเป้าหมายจะถูกสะกดจิตได้ง่ายที่สุด
การปราบปรามพลังวิญญาณจึงควบคู่ไปด้วยกับการสะกดจิต
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาในการสะกดจิตลั่วอู๋
เย่เฟิงเต็มไปด้วยความมั่นใจในเรื่องนี้
น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าลั่วอู๋เคยสัมผัสกับทะเลสีทองจากแก่นวิญญาณอันน่ากลัวในร่างกายของคุน ทำให้ตัวเขามีความรู้สึกไวต่อการโจมตีทางจิตใจ
ดังนั้นต่อหน้าการลอบโจมตีของเย่เฟิง ลั่วอู๋ นั้นสามารถรู้สึกถึงการโจมตีของอีกฝ่ายได้ตั้งแต่ต้น
“มาสิ” ลั่วอู๋พ่นหยดน้ำสีทองออกมาสิบหยด
เขาไม่ได้ใช้มันมากนัก เพราะเขาไม่ต้องการให้การต่อสู้จบลงเร็วจนเกินไป
คิ้วของเย่เฟิงเลิกขึ้น อะไรกัน?
เขาไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายใด ๆ แต่เขาก็ไม่ได้หยิ่งยโส เขาสร้างโล่พลังวิญญาณที่มีผลในการเสริมความแข็งแกร่งทางจิตใจให้กลั่นตัวขึ้นเป็นสสาร
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็คือหยดน้ำสีทองนั้นสามารถกำจัดความผิดปกติในจิตวิญญาณได้ มันเหมือนวัวที่จมลงไปในทะเลจนไม่มีใครได้พบมันอีก
นี่มันแปลก ๆ
สถานการณ์นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากไปกว่านั้นก็คือหยดน้ำสีทองได้พุ่งตรงผ่านโล่พลังวิญญาณและหยดลงบนตัวเขาอย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นจิตวิญญาณของเขาก็สั่นเทา
ราวกับว่ามีสัตว์มหึมาบางตัวที่ไม่สามารถต้านทานได้อยู่ข้างหลังเขา
“อา” ความตกใจอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในจิตสำนึกและแก่นวิญญาณของเขา เย่เฟิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากและจมูกของเขา
แก่นวิญญาณของเขาบอบช้ำอย่างมาก
แต่เขาก็ยังไม่ตาย.
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เขาก็ได้ตกอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถรีดเค้นพลังวิญญาณใด ๆ ออกมาได้
ลั่วอู๋มองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่ามันง่ายที่จะฆ่าข้างั้นสิ”
“เจ้าหนุ่ม” เสียงของเย่เฟิงสั่นสะท้านความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วศีรษะของเขา เขาคำรามออกมา”เจ้ากล้าทำลายทะเลแก่นวิญญาณของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า”
เขาคงต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นตัวของทะเลแก่นวิญญาณที่เสียหาย หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงอย่างมากเป็นเวลาหลายปี ซึ่งก็อาจจะมากกว่าสิบปีเลยทีเดียว
ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงลดลงไปอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง
ลั่วอู๋คาดการณ์เช่นนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาใช้ หยดน้ำ 27 หยดจากสระทองคำ ฆ่าปังชิเย่ที่มีมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูง มิติ 4 ในพริบตา
แม้น้ำจากสระทองคำจำนวน 10 หยดจะทำให้ทะเลแก่นวิญญาณของเย่เฟิงเสียหายอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนที่ เห็นได้ชัดว่าสิบหยดมันยังไม่เพียงพอในการสังหารศัตรูระดับนี้ บางทียี่สิบหยดน่าจะเป็นตัวเลขที่ปลอดภัยกว่า
ลั่วอู๋ชักดาบระบำแห่งความตายชี้ไปที่หน้าของเย่เฟิงด้วยจิตสังหารอันน่ากลัว
เขายังคงโกรธมากเช่นเคย
เพียงแต่ลั่วอู๋ไม่อยากเสียน้ำจากสระทองคำไปกับการกำจัดเย่เฟิง เพราะมันมีค่าเกินไปที่จะใช้ฆ่าเขา
ทักษะ [ลมหายใจมังกร] ถูกใช้งาน
ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องของ ลั่วอู๋ ความเชี่ยวชาญในทักษะนี้ของเขาสูงถึง 43% เมื่อมันถูกใช้ออกมา พลังวิญญาณของมังกรอันยิ่งใหญ่ก็แผ่ออกมาราวกับจะแผดเผาพื้นโลกให้เป็นจุณ
“อา! ตาย ตายแน่ ๆ ” เย่เฟิงวิ่งหนีเป็นคนบ้าพลางยิงทักษะมั่ว ๆ สวนกลับไป การโจมตีทางจิตที่ทรงพลังที่สุดของเขาไม่สามารถใช้งาน ส่วนทักษะอื่น ๆ ที่เหลือก็อยู่ในระดับปานกลางที่อ่อนแอจนเกินไป
อย่างไรก็ตามมันก็แรงพอที่จะสามารถสั่นคลอนลมหายใจมังกรของลั่วอู๋ได้
ช่องว่างระหว่างมิติวิญญาณของพวกเขานั้นใหญ่เกินไปจริงๆ
ลั่วอู๋ไม่ปรากฏท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด แต่เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับเย่เฟิง เขาใช้พลังวิญญาณอันน่ากลัวของ ลิงเผือกที่พร้อมจะฉีกสวรรค์และโลกออกจากกัน ช่องว่างขนาดใหญ่แตกออกภายใต้การฟาดฟันดาบของลั่วอู๋
ไม่แน่ หากลั่วอู๋มีทักษะดาบเขาอาจจะปล่อยพลังที่รุนแรงกว่านี้ออกมาก็ได้
เย่เฟิงที่เดิมคิดว่าเขาสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากที่โดนน้ำสีทอง พลังวิญญาณของเขาก็ลดลงมาก ลั่วอู๋จึงไม่มีความปรานี
เขายิ่งต้องสู้กับอีกฝ่าย
ลั่วอู๋โจมตีได้อย่างกล้าหาญมากขึ้นในการต่อสู้ พลังวิญญาณและเลือดที่เดือดพล่านของเขาดูเหมือนจะถล่มท้องฟ้าให้ร่วงหล่นลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดุร้ายอันบ้าคลั่งจาก ลิงเผือก ทำให้เย่เฟิงซึ่งเก่งเรื่องการโจมตีทางจิต ไม่ปรับตัวเข้ากับมันไม่ทัน ยิ่งไปกว่านั้นลั่วอู๋เองก็ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวที่จะเขารับการโจมตีและบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายกันซึ่ง ๆ หน้า
ราวกับว่าเขาได้สูญเสียตัวเองไปนับ 1,000 ครั้งจากการต่อสู้ในอดีต และเลือดของศัตรูมากกว่า 800 คนที่ผ่านมาเหมือนจะทำให้เขาก้าวร้าวและดุร้ายมากขึ้น
“ สัตว์วิญญาณของมันต้องเป็นลิงเผือกแน่นอน” หัวใจของเย่เฟิงสั่นไหว
มีเพียงลิงเผือกเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้อันน่ากลัวเช่นนี้
“ เจ้าบังคับข้าเองนะ” ฟันหน้าของเย่เฟิงกัดแน่น มือของเขาไขว้กัน พร้อมปล่อยคลื่นพลังวิญญาณที่ทำให้หายใจไม่ออกไปทั่วบริเวณ การสั่นสะเทือนอันรวดเร็วเข้าปกคลุมร่างของลั่วอู๋ในทันที
นี่ทำให้การเคลื่อนไหวของลั่วอู๋เฉื่อยชาลง
มันเป็นอะไรที่แปลกมาก
ราวกับว่ามีบางสิ่งมัดมือและเท้าของเขาเอาไว้
“แก่นแท้ของทักษะ?” ลั่วอู๋เข้าใจได้ในทันที
รอยยิ้มอันดุร้ายปรากฏบนใบหน้าของ เย่เฟิง “นี่คือแก่นแท้ของทักษะวิญญาณที่ข้าเชี่ยวชาญ มันเป็นเกียรติของเจ้าที่ได้ตายภายใต้แก่นแท้ของทักษะนี้”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงการโจมตีของแก่นแท้จากทักษะวิญญาณ
แม้ว่าจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองขั้นสูง มันก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะสามารถแสดงพลังของแก่นแท้ในทักษะวิญญาณออกมาได้ เนื่องจากมันใช้ปริมาณพลังวิญญาณมากมายมหาศาล ดังนั้นนอกจากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร จึงมีเพียงไม่กี่คนที่จะต่อสู้โดยใช้แก่นแท้ของทักษะวิญญาณออกมา
ความเชี่ยวชาญในแก่นแท้ทักษะวิญญาณของเย่เฟิงนั้นอะไรที่ทั่ว ๆ ไปมากและพลังของมันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าทักษะโจมตีอื่น ๆ อย่างไรก็แก่นแท้ทักษะวิญญาณนั้นเหนือกว่าในด้านความลึกลับ มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่รู้เกี่ยวกับแก่นแท้ทักษะวิญญาณกฎที่จะสามารถต่อต้านอำนาจของมัน
แก่นแท้ของทักษะวิญญาณนี้สามารถรบกวนการรับรู้ทำให้เกิดความเจ็บปวด ความกลัว ความรู้สึกของการถูกพันธนาการและความรู้สึกเชิงลบอื่น ๆ ได้ แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือความรู้สึกนี้จะกลายเป็นความจริงในระดับหนึ่ง
กล่าวคือหากไม่สามารถต่อต้านมันได้ ผู้คนที่ถูกโจมตีด้วยแก่นแท้ของทักษะวิญญาณนี้ก็อาจจะมีแผลสาหัสจนถึงขั้นเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัวได้เลยทีเดียว
การโจมตีด้วยแก่นแท้ทักษะวิญญาณของเย่เฟิงไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่มันก็ถือว่ายากมากสำหรับลั่วอู๋ในการรับมือมัน
เพราะเขายังไม่ได้ไปถึงระดับที่จะเข้าใจแก่นแท้ของทักษะวิญญาณ
ประกายแห่งความบ้าคลั่งส่องสว่างขึ้นมาในดวงตาของลั่วอู๋
“ มาดูกันว่า ข้าจะสามารถใช้กลืนกินสวรรค์กับเจ้าได้หรือไม่ ไม่สิข้าจะสามารถกลืนแก่นแท้จากทักษะวิญญาณของเจ้าได้รึเปล่ามากกว่า ?” แววตาของลั่วอู๋จริงจังขึ้น ข้างหลังเขามีเงาของสุนัขสีเงินตัวใหญ่คำรามขึ้นไปบนฟ้า
ทักษะระดับ SS [กลืนกินสวรรค์]
หลุมดำพร้อมแรงดูดอันน่ากลัวก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วข้างหน้า ลั่วอู๋
“กลืนกินสวรรค์!”
“กลืนกินมันเข้าไป!”
ลั่วอู๋แทบคลั่ง เขาใช้ทักษะออกมาโดยไม่สนใจสิ่งใด
ท่าทางของเย่เฟิงเต็มไปด้วยความลุกลี้ลุกลนทันที เพราะเขาพบว่าพลังของแก่นแท้ทักษะวิญญาณของเขากำลังถูกพรากไปจริง ๆ มันค่อย ๆ ถูกกลืนหายไป
“หยุดนะ!” เย่เฟิงมีสีหน้าที่ตื่นตกใจ เขาร้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ลั่วอู๋รู้สึกถึงความตึงเครียดอย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังใช้ทักษะกลืนกินพลังวิญญาณของอีกฝ่ายต่อไป เส้นลมปราณพลังวิญญาณของเขารีดเค้นพลังวิญญาณออกมาอย่างต่อเนื่องและหลั่งไหลไปที่ทักษะของเขา
หลุมดำที่เกิดจากการกลืนกินสวรรค์ได้กลืนกินแก่นแท้จากทักษะวิญญาณทั้งหมดของเย่เฟิงไปแล้ว
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ตกอยู่ในสภาพที่อธิบายไม่ได้และทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขาชัดเจนขึ้นมาก แรงโน้มถ่วงของหลุมดำแสดงให้เห็นถึงรูปร่างของของเหลวในดวงตาของเขา
เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในขณะนั้นอย่างชัดเจน
ความรู้สึกนี้ลึกลับมาก ลึกลับมากจนน่าตกใจ
“นี่คือแก่นแท้ของทักษะวิญญาณ”
ลั่วอู๋นั้นสามารถกลืนกินแก่นแท้ทักษะวิญญาณมาได้ ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจแก่นแท้ในทักษะวิญญาณของตัวเอง
แก่นแท้ทักษะวิญญาณ ของทักษะ กลืนกิน!
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” ลั่วอู๋หัวเราะ อย่างไรก็ตามแววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่แยแส “มาต่อกันเถอะ”
เนื่องจากเขาเข้าใจในแก่นแท้ทักษะวิญญาณของมันแล้ว การใช้พลังวิญญาณของทักษะกลืนกินสวรรค์จึงลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง และระดับความเชี่ยวชาญก็เพิ่มขึ้นมากถึง 50% โดยทันที
“ กลืนกินสวรรค์!”
ลั่วอู๋ใช้ทักษะอีกครั้ง
เย่เฟิงเองก็รู้สึกถึงแก่นแท้ทักษะวิญญาณของอีกฝ่ายด้วยปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมของเขา ทันใดนั้นความกลัวก็เขาครอบงำเขา
แก่นแท้ทักษะวิญญาณกฎของทักษะ กลืนกิน เป็นแก่นแท้ทักษะวิญญาณที่มีลำดับสูงกว่า
เขาไม่กล้าที่จะปะทะกับมันและอยากจะวิ่งหนีเต็มทน ทว่าเขาก็ลืมไปว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บ ทำให้เขาไม่สามารถหนีรอดออกไปจากการโจมตีด้วยแก่นแท้ของทักษะกลืนกินได้
นอกจากนี้ลั่วอู๋เพิกเฉยต่อท่าทีของเย่เฟิงและคิดจะกลืนกินอีกฝ่ายลงไปจริง ๆ
ถ้าอีกฝ่ายเลือกที่จะต่อสู้ตามปกติ ผลก็คงไม่เลวร้ายถึงขนาดนี้
น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
ร่างครึ่งหนึ่งของเย่เฟิงถูกดึงเข้าไปในหลุมดำจากนั้นส่วนที่เหลือก็ตกลงไปบนพื้น