ไหปีศาจ - บทที่ 557 ความช่วยเหลือ
บทที่ 557 ความช่วยเหลือ
บทที่ 557
ความช่วยเหลือ
คุกแห่งมีชื่อเรียกว่า คุกกรง มันเป็นหนึ่งคุกที่มีกองกำลังคุมกันแน่นหนาที่สุดในเขตพระราชวัง
ผู้ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่นี่ล้วนเป็นบุคคลที่มีตัวตนและเชื้อสายแหล่งกำเนิดอันยิ่งใหญ่
ขณะนี้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ใน “คุกกรง”ล้วนเป็นสมาชิกกองกำลังที่พ่ายแพ้ไปในการก่อกบฏ เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขาส่วนมากได้ถูกจับกุมมาที่นี่
พวกเขาล้วนเป็นตัวอันตรายที่ไม่สามารถคุมขังไว้ในคุกธรรมดา ๆ ทั่วไปได้ จึงถูกนำมาคุมขังไว้ที่นี่
ผู้คุมที่นี่ล้วนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง ที่เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยหัวหน้าผู้คุมคุกนั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีความแข็งแกร่งระดับทองขั้นสูง
การที่มีคนเข้ามายังเรือนจำแห่งนี้อย่างกะทันหัน จึงทำให้นักโทษทุกคนต่างสนใจ
ภูมิหลังคือใครกันแน่ ถึงสามารถเข้ามาใน “คุกกรง” แห่งนี้เพื่อเยี่ยมนักโทษในเรือนจำได้
นางเป็นผู้หญิงรูปร่างสูงสง่ามีเสน่ห์ ผิวขาวละมุน แต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ ปิดบังใบหน้าแต่เพียงแค่มองจากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมาก
คุกที่นี่นั้นเงียบสงบปราศจากคำหยาบคายของเหล่านักโทษ
เพราะผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ที่นี่อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้หยาบคายเหมือนพวกนักโทษระดับต่ำ
ผู้คุมขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ อย่างที่ข้าเคยบอกเจ้าไว้ เจ้าเข้าไปเยี่ยมชมได้มากที่สุดเป็นเวลาแค่เพียงธูปครึ่งเสาเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอร้องขององค์ชาย พวกเราก็คงไม่อนุญาตให้คนนอกอย่างเจ้าเข้ามาได้หรอก เจ้าควรจะปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัดนะ เพราะข้าเองก็ไม่ต้องการให้มีศพที่บอบบางเช่นเจ้าอยู่ในคุกกรงแห่งนี้ แม้ว่าเจ้าจะเป็นสนมคนโปรดขององค์ชาย แต่พวกข้าก็จะไม่มีการเมตตาใด ๆ ทั้งสิ้น”
“ข้ารู้แล้วขอบคุณที่ย้ำเตือน” เสียงของหญิงสาวนั้นดูมีเสน่ห์มากเสียจนใคร ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
จากนั้นยาเม็ดสีม่วงก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในมือของหญิงสาวคนนั้น นางยื่นมันไปให้ผู้คุมอย่างลับๆ
ใบหน้าของผู้คุมเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นเขาก็หันกลับมาและจุดไม้จันทน์อันเบาบางขึ้น
หญิงสาวกัดฟันอยู่พักหนึ่ง ด้วยที่กลิ่นหอมของยาเม็ดสีม่วงนั้นรุนแรงเกินไป
แต่มันก็ถึงเวลาแล้ว
การเข้ามาเยี่ยมเรือนจำแห่งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย แม้ว่าจะมีเหรียญยืนยันจากองค์ชาย มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เข้ามาที่นี่ได้ หญิงสาวคนนั้นจึงได้วางข้าวของติดสินบนกระจัดกระจายไปทั่ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาเม็ดสีม่วงเม็ดนั้นเป็นยาวิญญาณระดับสวรรค์ ขั้นแปด ซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อยก็ราว ๆ สิบล้านหินวิญญาณ
“ขอบคุณมาท่านผู้คุม” หญิงสาวคนนั้นพูดแล้วจึงเดินเข้าไปในเรือนจำ
หญิงสาวเดินผ่านห้องขังจำนวนมากและหยุดลงตรงหน้าห้องขังของหลี่ซวนซง เห็นได้ชัดว่าความตื่นเต้นเล็กน้อยปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
นางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงพูดกับผู้คุม “ข้าอยากคุยกับเขา”
ผู้คุมเปิดประตูให้จากนั้นก็ยืนรออยู่ที่ประตูจ้องมองไปที่หญิงสาวด้วยความระแวดระวัง ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
หญิงสาวหายใจแทบไม่ออก แต่ก็ไม่ได้กล้าพอที่จะโจมตีผู้คุม ทันใดนั้นนางก็หยิบถุงยาวิญญาณออกมา
นางเกือบลืมไปเลยว่าหลังจากนี้นางคงจะไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกแล้ว มันจึงไม่ได้น่าเสียดายเท่าไหร่หากจะใช้มันทั้งหมดที่นี่
หญิงสาวปลอบใจตัวเองพลางพูดด้วยเสียงเบา “พี่ชาย ได้โปรดเถอะ ข้าต้องการคุยกับเขาตามลำพัง”
ผู้คุมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ อีกทั้งด้วยสินบนในกระเป๋ายาวิญญาณก็มีอยู่มากเขาจึงตอบตกลง
ผู้คุมหันหลังและยืนห่างออกไปจากเดิม
นี่คือขีดจำกัดในปิดตาข้างเดียวของเขา
หญิงสาวรีบเข้าไปในห้องขังและมองไปรอบ ๆ นางเห็น หลี่ซวนซง ซึ่งยังคงมีใบหน้าที่สงบ และไม่มีท่าทางอันน่ารังเกียจใด ๆ ทำให้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของความพึงพอใจ
ฝ่าบาทองค์ชายเล็กยังคงมั่นอกมั่นใจเช่นเคย
เมื่อเห็นหญิงสาวแปลก ๆ ตรงหน้าเขา หลี่ซวนซง ก็ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใคร ข้าจำไม่ได้ว่า ข้ามีธุระอะไรกับสนมขององค์ชายเช่นเจ้า”
เขาต้องการชิงบัลลังก์และองค์ชายคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นภัยคุกคาม โดยธรรมชาติแล้วเขาจึงไม่มีมิตรภาพใด ๆ กับองค์ชายคนอื่น ๆ
หญิงสาวคนนั้นทำจิตใจให้มั่นคงแล้วจึงกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทไม่รู้จักข้างั้นเหรอ?”
ดวงตาของ หลี่ซวนซง แสดงให้เห็นถึงความสับสน แต่แล้วเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้ ดวงตาของเขาเป็นประกายแล้วจึงลดเสียงลง “จี๋ เป่ยยุน?”
หญิงสาวหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมแสดงสีหน้าปลาบปลื้ม มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าตัวเขายังมีชีวิตอยู่ด้วยความมั่นใจเช่นองค์ชายเล็ก
มือของนางลูบไล้เบา ๆ ไปบนใบหน้า จากนั้นใบหน้าของนางก็กลายเป็นใบหน้าของผู้ชายที่คล้ายกับหญิงสาว
ชายคนนี้คือ จี๋ เป่ยยุน นายพลที่มีความสามารถในการปลอมตัวอันหลากหลาย
โดยทั่วไปแล้วเขาสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นใครก็ได้
“เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?” หลี่ซวนซง รู้สึกประหลาดใจ
หลังจากที่องค์ชายเล็กล้มเหลวในการก่อกบฏ กองกำลังทั้งหมดของคฤหาสน์องค์ชายก็ได้กระจัดกระจายกันออกไป ผู้ที่รอดชีวิตทั้งหมดต่างกระจัดกระจายหนีไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง 13 นายพลแห่งเทพเจ้าเองก็เหลือรอดอยู่เพียงสองถึงสามคน
แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า จี๋ เป่ยยุน ซึ่งโดยปกตินั้นไม่ได้กล้าหาญ อีกทั้งยังเป็นคนที่กลัวตายมากที่สุด จะเข้ามาในคุกนี้ได้
“ข้าแปลงเป็นสนมคนโปรดขององค์ชาย ขโมยเหรียญของเขา กลายเป็นองค์ชายสั่งคนสนิทขององค์ชาย ให้พาข้าเข้ามาที่นี่” จี๋ เป่ยยุน พูดด้วยเสียงต่ำ “อย่าได้ถามไปมากกว่านี้เลยฝ่าบาท พวกเรามีเวลาไม่มากนัก”
เขามีเวลาเพียงธูปเพียงครึ่งเสาในการเยี่ยมชมเรือนจำแห่งนี้
หลี่ซวนซง พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ?แปลงเป็นข้า? อย่าทำอะไรโง่ ๆ เลยน่า มันไม่สำเร็จหรอก มันจะไม่ได้ผลแน่ ในตอนที่ข้าเดินออกไป พวกเขาจะตรวจสอบที่นี่อย่างละเอียดแน่ ข้าออกไปจากคุกกรงนี่ไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีของข้า” จี๋ เป่ยยุน กล่าวด้วยเสียงต่ำ
หลี่ซวนซง ขมวดคิ้ว “นี่มันโง่เกินไปแล้ว”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะหนีออกจากที่นี่ เพียงแต่เขาคิดว่าวิธีนี้มันโง่เกินไป ถ้าเขาล้มเหลวเขาจะยิ่งทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเปล่า ๆ
“ ฝ่าบาท ท่านจงวางใจในตัวข้าสักครั้งด้วยเถิด” จี๋เป่ยหยุนดูเคร่งเครียดและจริงจังราวกับนักสู้ที่กำลังจะทำภารกิจในอุดมคติอันสูงส่งของเขาให้สำเร็จ “ ข้าได้รับข่าวว่ามีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร เข้ามาในวัง เสนอให้ประหารท่านโดยเร็วที่สุด พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว เป้าหมายของท่านยังไม่เสร็จสิ้น ท่านจะมาตายที่นี่ไม่ได้ ท่านต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”
ดวงตาของ หลี่ซวนซง กะพริบ “แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?”
จี๋ เป่ยยุน ตกตะลึงและจากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันนุ่มนวลของเขาอย่างมีเสน่ห์
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้ามีวิธีอยู่ แต่อย่าได้แอบดูเชียวล่ะ” จี๋ เป่ยยุน กล่าว
หลี่ซวนซง รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเขา หากเขาสามารถออกจากคุกได้สบาย ๆ ละก็ ชื่อเสียงเรียงนามของคุกกรงก็คงจะไม่โด่งดังได้ถึงขนาดนี้
แต่เขาไม่มีเวลามาลังเล เพราะธูปด้านนอกนั้นไหม้ไปเกือบจะหมดครึ่งเสาแล้ว
“ แล้วข้าจะต้องทำอะไรบ้าง?” หลี่ซวนซง พยักหน้า
“ อย่าเพิ่งขยับ” จี๋ เป่ยยุน ยกเสื้อคลุมสีแดงกว้างของเขาวางลงไว้บนร่างกายของ หลี่ซวนซง หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไป จี๋ เป่ยยุนกลายร่างเป็นหลี่ซวนซง เขาได้เลียนแบบทั้งท่าทางและกิริยาขององค์ชายเล็กจนสมบูรณ์
นิ้วทั้งสิบของจี๋ เป่ยยุนสั่นสะท้านและพลังวิญญาณอันลึกลับได้หลั่งไหลออกมา ทำให้รูปลักษณ์ของหลี่ซวนซงตัวจริงเปลี่ยนไป
แก้มแหลม จมูกเล็กเข้ารูปจนสวยงาม แม้กระทั่งรูปร่างของดวงตาก็เปลี่ยนไปเป็นตาของนางสนม
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงใบหน้า จึงยังมีข้อบกพร่องมากมายที่สามารถถูกมองออกได้ง่าย ๆ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ จี๋ เป่ยยุน เข้ามาที่นี่ในชุดคลุมสีแดงขนาดใหญ่ เพื่อที่จะสามารถปกปิดรูปร่างของ หลี่ซวนซงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่แน่นอนว่ายังไม่เพียงพอ
หลี่ซวนซง ประหลาดใจ “นี่คืออะไร?”
“มันเป็นวิธีพิเศษ ที่ใช้แก่นแท้ทักษะการปลอมแปลงของข้าคิดค้นขึ้นมา” จี๋ เป่ยยุน ยิ้ม “น่าเสียดายมันยังลวก ๆ อยู่ และเสียมารยาทต่อท่าน ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะไม่รังเกียจมัน”
ในไม่ช้าทั้งสองก็ทำการแลกเปลี่ยนตัวตนจนเสร็จสิ้น
ขณะนี้ธูปด้านนอกประตูเรือนจำก็ได้ถูกเผาไปครึ่งหนึ่งพอดิบพอดี
“ถึงเวลาแล้ว เวลาในการเยี่ยมชมของเจ้าได้สิ้นสุดลงแล้ว” มีเสียงคำรามต่ำดังมาจากด้านนอกห้องขัง ผ่านทางเดินอันมืดมิดของห้องขังเข้ามา
หลี่ซวนซง ขมวดคิ้ว
วิธีนี้เนี่ยน่าจะช่วยให้เขาหนีออกไปได้? ช่องโหว่มันมากเกินไป
ไม่ต้องมองอย่างละเอียดก็สามารถสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติได้สบาย ๆ เนื่องจากความสูงของเขานั้นสูงกว่านางสนมมาก อีกทั้งยังดูเทอะทะกว่าด้วย
“เฮ้ เจ้ามัวกำลังทำอะไรอยู่ เวลาการเยี่ยมชมของเจ้าได้สิ้นสุดลงแล้ว” ผู้คุมร้องอุทานอยู่ที่หน้าประตู
หลี่ซวนซง มองไปที่จี๋ เป่ยยุน
ราวกับกำลังจะถามว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี
ทันใดนั้น จี๋ เป่ยยุน ที่แปลงร่างเป็นเขา ในขณะนี้ก็ได้ยิ้มแล้วจึงหยิบมีดสั้นออกมา ปาดคอของเขาเบา ๆ
เลือดไหลทะลักออกมาทำให้เสื้อผ้านักโทษของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงในทันที
ลาก่อน ฝ่าบาท
ข้าคงไม่สามารถรับใช้ท่านได้อีกต่อไปแล้ว
จี๋ เป่ยยุน หลับตาลงอย่างช้าๆจากนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น
หลี่ซวนซง ได้แต่ตกตะลึง
จังหวะนั้นผู้คุมด้านนอกประตูก็เห็นเหตุการณ์นี้พอดี เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ”ไม่จริงน่า องค์ชายฆ่าตัวตายไปแล้ว!”
ทันใดนั้นทั่วทั้งเรือนจำก็ต้องสั่นสะเทือน