ไหปีศาจ - บทที่ 605 เหวินเสี่ยวผู้ไม่สามารถรอได้
บทที่ 605 เหวินเสี่ยวผู้ไม่สามารถรอได้
บทที่ 605
เหวินเสี่ยวผู้ไม่สามารถรอได้
ทางเดินห้วงมิติที่พรรคพวกลั่วอู๋ต่างคุ้นเคยถูกเปิดออกอีกครั้ง
หลี่หวู่หยวนได้ทำการติดต่อกับสำนักหม่าเฉินไว้ก่อนแล้วเรียบร้อย พวกเขาจึงสามารถเข้าสู่ประตูห้วงมิติได้โดยไม่ต้องกังวล และมาถึงสำนักหม่าเฉินในที่สุด
ก่อนจากไป หลี่หวู่หยวน ได้หยุด ลั่วอู๋เอาไว้ครู่หนึ่ง
“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ตำหนิข้า” หลี่หวู่หยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ลั่วอู๋เข้าใจดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดหมายถึงเรื่องที่เขาปฏิเสธที่จะเปิดประตูห้วงมิติไปยังอาณาจักรเซียนโบราณหมื่นอมตะให้กับพวกลั่วอู๋
“ข้าเข้าใจ” ลั่วอู๋ พยักหน้า “ท่านทำแบบนี้ เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา”
ในฐานะรองเจ้าสำนักของสำนักเฉียนหลง หลี่หวู่หยวน นั้นอุทิศทั้งชีวิตให้กับสำนักเฉียนหลง
แม้ว่าเจ้าสำนักตัวจริงคือ เฮา แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามาดูแลกิจการในสำนักเท่าไหร่ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่เคยได้มีโอกาสเห็นประธานสำนักในตำนานเลยสักครั้ง ดังนั้นในความคิดของนักเรียน หลี่หวู่หยวน จึงเป็นเจ้าสำนักที่พวกเขาคุ้นเคยและชื่นชอบมากที่สุด
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธความรักของ หลี่หวู่หยวน ที่มีต่อสำนักเฉียนหลง และการมีส่วนร่วมของเขาได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หวู่หยวน ก็ฉายแววตาอันซับซ้อนในดวงตาของเขาออกมา พลางถอนหายใจในใจ เขารู้สึกผิดเล็กน้อย
จากนั้นเขาพยักหน้า “ถ้าเจ้าเจอปัญหาอะไร ก็ให้รีบกลับมานะ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้เหล่านักเรียนของสำนักเฉียนหลง ถูกรังแกเมื่อพวกเขาไปยังอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง”
“ขอบคุณท่านรองเจ้าสำนัก” ลั่วอู๋โค้งคำนับอย่างสุดซึ้งและรู้สึกละอายใจที่ต้องหลอกหลี่หวู่หยวน
เขาไม่มีทางเลือก
หลาย ๆ สิ่งต่างเปลี่ยนไป
ทุกคนต่างมีความอดทนและความพากเพียรในแบบของตัวเอง
พรรคพวกลั่วอู๋เข้าไปในช่องว่างมิติ ผ่านความมืดเบื้องหน้าพวกเขา ซึ่งผ่านฉากอันแปลกประหลาดและลึกลับนับไม่ถ้วนจากนั้นก็ไปถึงแสงสว่าง
เสียงกะพริบดังขึ้น
พวกเขาถูกพามายังสถานที่ใหม่
สำนักหม่าเฉิน
สถานที่นี้แตกต่างจากสำนักเฉียนหลงโดยสิ้นเชิง
สำนักเฉียนหลงมีสภาพแวดล้อมอันสวยงามภูเขาและแม่น้ำงดงามราวกับหลุดมาจากบทกวี เต็มไปด้วยนกโผบิน และพลังวิญญาณหนาแน่น ดั่งสรวงสวรรค์บนพื้นโลก
ส่วนสำนักหม่าเฉิน นั้นเต็มไปด้วยต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน มีเพียงป่าดึกดำบรรพ์ และภูเขาหนา พวกได้ยินเสียงน้ำตกคำรามเบา ๆ อยู่ตลอดเวลา ท้องฟ้าถูกล้อมรอบด้วยเหยี่ยวมังกรเพลิงขนาดใหญ่ บ่อยครั้งพวกเขาจะได้เห็น ลิงขาว หมีป่า กวางภูติ และสัตว์วิญญาณ หายากตัวอื่น ๆ วิ่งผ่านป่าไป ทำให้รู้สึกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า แม้ว่ามันจะมีความงดงามราวกับภาพวาด แต่ก็เป็นภาพวาดที่งดงาม ซึ่งกลมกลืนไปทั่วทั้งผืน
แน่นอนว่าป่าดึกดำบรรพ์นี้นั้นมีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ด้วยเช่นกัน
วิหารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา แต่ล่ะหลังต่างมีกลิ่นอายของพลังวิญญาณอันแข็งแกร่ง พวกมันมีรูปแบบที่แตกต่างกันและเต็มไปด้วยความสำคัญ โดยพวกมันถูกจัดเรียงตามลำดับเหมือนกับขั้นบันได
ไม่ต้องเดาเลยว่านั่นคือที่อยู่ของเหล่านักเรียนของสำนักหม่าเฉิน
“นี่คือสำนักหม่าเฉินสินะ มันค่อนข้างแตกต่างจากสำนักเฉียนหลงมากเลยทีเดียว” ฉูจงฉวน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ถึงจะดูหยาบกร้าน แต่ก็ไม่ได้สูญเสียความสวยงามไป”
ฝูงชนต่างพยักหน้า
เหวินเสี่ยวเร่ง “เร็วเข้า ไปกันเร็ว”
การเร่งเร้าของเขาไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่ทุกคนต่างจับสังเกตได้ว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยปกตินัก สภาพจิตใจของบุคลิกของเขาดูแปลก ๆ ไป และมือของเขาก็สั่นตลอดเวลา
แม้ว่าเขาจะพยายามซ่อนมัน แต่มันก็สังเกตเห็นได้ไม่ยาก
ในฐานะที่เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองมิติ 10 ด้วยพลังของมิติวิญญาณระดับทอง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสารพิษทุกชนิดนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้แน่ ความเจ็บปวดจากพิษจึงเป็นอะไรที่ไม่ใช่สาเหตุอย่างแน่นอน หากเขาไม่ได้ประสบปัญหาที่สำคัญจริง ๆ คนที่อยู่ในระดับมิติวิญญาณระดับนี้ไม่มีทางมีท่าทางเช่นเหวินเสี่ยวแน่
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรไปเหรอ? บาดเจ็บตรงไหนรึไง?”
“ข้าไม่เป็นไร” เหวินเสี่ยวส่ายหัว
ลมปราณของเขายังคงมั่นคงดี ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้บาดเจ็บจริง ๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า วันนี้เจ้าทำอะไรลงไป” ลั่วอู๋ ถาม
เหวินเสี่ยวลังเลที่จะพูดออกมาแต่สุดท้ายก็ยอมสารภาพ “ข้าไปที่คฤหาสน์หวู่หยู่ เพื่อซื้อยาฉีลี่”
ทุกคนต่างประหลาดใจ
ยาฉีลี่เป็นยาระดับแปด
ยาชนิดนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก ไม่ใช่เพราะมันมีค่าหรือยากในการกลั่น แต่เป็นเพราะเนื่องจากคุณสมบัติในการใช้ยานั้นแคบเกินกว่าที่จะนำมาศึกษาและกลั่นกรองได้
ยาวิญญาณชนิดนี้ส่วนมากถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการฝึกฝนร่างกาย
ทักษะแยกร่างนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าและหายากอย่างยิ่ง เป็นเวลานานมาแล้วที่ลั่วอู๋ไม่เคยเห็นใครเชี่ยวชาญทักษะนี้เลย นอกจากเจ้าสำนักที่เขารู้มาว่ามีทักษะแยกร่างอยู่
ผลของยาเม็ดนี้สามารถการฉีกแก่นวิญญาณออก เพื่อให้ร่างกายได้รับอิสระที่ดีขึ้นและพลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาครอบครอง
แน่นอนว่าบาดแผลทางแก่นวิญญาณนั้นสามารถรักษาได้
เช่นเดียวกับที่ชิ้นส่วนแก่นวิญญาณของลั่วอู๋ที่เคยถูกฉีกออกและถูกปิดผนึกลงในกล่องเล็ก ๆ จากหุบเขามรณะ บาดแผลในแก่นวิญญาณนั้นตอนนี้ได้รับการเยียวยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลั่วอู๋ประหลาดใจแล้วจึงถาม “เจ้าต้องการแยกแก่นวิญญาณของเจ้างั้นหรือ ? เจ้าไม่รู้ข้อห้ามของยานั่นรึไง?”
“ตอนนี้ข้ารู้แล้ว” เหวินเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะมองไปยังมือที่สั่นเทาของเขาและต่อยมันลงด้วยความโกรธ อย่างเจ็บปวด
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก
มียาหลายชนิดที่ถูกกำหนดไว้ว่าเป็นสิ่งต้องห้าม
ข้อห้ามของยาฉีลี่ ก็คือผู้ที่ไม่มีทักษะในการแยกร่าง จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มัน เพราะมันจะนำไปสู่ผลร้ายต่างๆอันเนื่องมาจากการฉีกขาดของแก่นวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าเหวินเสี่ยวมีปัญหา
เขาน่าจะพยายามแยกตัวเองออกจากอีกคนโดยสิ้นเชิงด้วยยานี้
ยานี้จะช่วยให้ผู้ใช้พลังวิญญาณสามารถ แยกวิญญาณออกมา เพื่อให้ชิ้นส่วนแก่นวิญญาณกลายเป็นร่างหลักและสร้างร่างกายที่สมบูรณ์แบบออกมา แต่ถ้าหากผู้ใช้ไม่มีร่างแยกวิญญาณละก็ ปัญหาก็จะเกิดขึ้น เพราะชิ้นส่วนของแก่นวิญญาณที่ถูกฉีกนั้นอาจจะกระจัดกระจายจนเกินไป
และเหวินเสี่ยวก็กำลังอยู่ในสภาพที่แก่นวิญญาณไม่เรียบร้อย ความขัดแย้งของจิตสำนึกของเขานั้นนำไปสู่ความไม่ลงรอยกันทางกายภาพ ที่เขายังไม่ได้กลายเป็นโรคจิตเพราะมัน นั่นก็เพราะเดิมทีเขาเป็นโรคจิตอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามยานี้ไม่ได้จดจำแก่นวิญญาณของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ พลังของยาจึงยิ่งทำให้แก่นวิญญาณของเขาวุ่นวายมากขึ้นไปอีก
“เจ้ารีบขนาดนั้น กลัวว่าจะไม่ได้ไปที่นั่นรึไง?” ลั่วอู๋รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
“ฮึ่ม”
เหวินเสี่ยวร้องเสียงหลง แต่เขาไม่ได้หักล้าง เพราะเขารู้ดีว่าเขาคิดผิด
ทุกคนต่างรู้จักตัวตนของเขาในตอนนี้แล้ว
พวกเขาจึงปล่อยให้เหวินเสี่ยวทำตามใจไปเลย
สาเหตุที่เหวินเสี่ยวทำเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะหลี่หยินทำให้เขามีความคิดที่จะ “แยกบุคลิกขี้ขลาด” ออกไป เขาจึงอดใจรอไม่ไหวที่จะนำมันไปปฏิบัติจริง
มันไม่มีทางอื่นสำหรับเขาในตอนนี้
ลั่วอู๋กลอกตาด้วยความโกรธ
หรือว่ามันจะถึงเวลาที่เขาจะต้องกำจัดบุคลิกงี่เง่านี่ซะ
ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดปัญหาอะไรอีกในอนาคต
ลั่วอู๋รู้สึกสบายใจกับ เหวินเสี่ยวคนก่อนมากกว่า
“มาเร็วเข้า” ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
พวกลั่วอู๋ใช้ทักษะทะลวงมิติผ่านป่าโบราณ มุ่งไปยังวิหารที่ตั้งอยู่ห่างไกลบนภูเขา
แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบมาจากด้านหน้า
“ระวัง.”
ฝูงชนเริ่มตื่นตัวทันที
“กรร!”
เสียงคำรามอันทรงพลังของเสือดังขึ้นมา จากนั้นเสือดำตัวใหญ่ก็พุ่งออกมา เสียงคำรามของมันดังอึกทึก ดวงตาของเสือดำนั้นเปล่งแสงสีแดงทอง มันมีเขี้ยวที่น่ากลัวราวกับดาบ ทั้งตัวเต็มไปด้วยลมปราณอันน่ากลัว
เสือดำโลกันตร์ด้านหลังของเสือดำมีชายผิวสีเข้มรูปร่างสูงใหญ่ เขามีลมปราณอันหนาแน่น เสื้อผ้าของเขามีเอกลักษณ์ของชาวภูเขาแห้งแล้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไหนขอดูสิว่าใครจะมาเป็นผู้โชคร้าย และต้องกลายมาเป็นคู่ต่อสู้ของข้า” ชายคนนั้นหัวเราะอย่างกล้าหาญ
ทว่าพวกลั่วอู๋ไม่ได้ตกใจเลย เพราะชายคนนั้นดูคุ้นเคยกว่า
ลั่วอู๋มีความสุขมาก “โอ้ เฉียนเหอ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกิน”
ชายคนนั้นตกตะลึงในตอนแรก จากนั้นก็มองไปที่ลั่วอู๋อีกครั้ง เขาดูประหลาดใจมากที่พบว่าลั่วอู๋ดูคุ้นเคย และได้มาอยู่ตรงหน้าเขา ทันใดนั้นเขาก็จำอะไรบางอย่างได้และตกใจจนเกือบตกจากบนหลังเสือ
เขาจำได้แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาและเพื่อน ๆ ได้ไปที่สำนักเฉียนหลง เพื่อฝึกฝนและเตรียมที่จะชิงอันดับรายชื่อเฉียนหลง ทว่าจู่ ๆ ก็มีนักเรียนแปลกหน้าจากสำนักเฉียนหลงก็ก้าวเข้ามาหา
ชายคนนี้ให้คำมั่นสัญญาอย่างกล้าหาญว่าจะเอาชนะทุกคนในสำนักหม่าเฉิน คนล่ะครั้งเดียว และเอาแต้ม 100 คะแนนไปจากพวกเขาทุกคน
แน่นอนว่าไม่มีใครคิดจริงจังกับคำพูดของเขา
จากนั้นฝันร้ายก็เริ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์จากสำนักหม่าเฉิน เขาก็ยังสามารถเอาชนะได้ ทุกคนล้วนถูกโค่นตั้งแต่คนที่อ่อนแอที่สุดไปถึงคนที่แข็งแกร่งที่สุด
เฉียนเหอใช้ความเร็วหลบหนีลั่วอู๋มาตลอด นอกจากหยู่เฮาแล้ว เขาเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ยังเหลือรอดและยังไม่ได้ถูกชิงแต้มไป
เขาภูมิใจกับมันมาตลอด
แต่ใครจะคิดว่าวันนี้ลั่วอู๋จะบุกมาถึงสำนักหม่าเฉินด้วยตนเอง