ไหปีศาจ - บทที่ 673 การปิดผนึกด้วยตนเอง
บทที่ 673 การปิดผนึกด้วยตนเอง
บทที่ 673
การปิดผนึกด้วยตนเอง
“ เจ้ามีแผนการที่ดีหรือไม่?”
ในฐานะผู้บัญชาการของทหารนับร้อย อัครเสนาบดี เฉินอั๋นเฮง ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ การแสดงออกที่สงบของเขาทำให้เหล่าขุนนางสงบลงเล็กน้อย
เหล่าขุนนางต่างส่ายหัว
ทันใดนั้นเฒ่าชูก็ยืนขึ้น
“ แน่นอนว่าพวกเราต้องส่งคนไปตามหาตัวองค์จักรพรรดิเสียก่อน ราชสำนักจะขาดผู้ปกครองไปได้ยังไงกัน?” ผมเฒ่าชูดูเหนื่อยล้า แต่เขาก็ยังมีอารมณ์ร่าเริง
หลายคนพูดอะไรไม่ออกพลางมองไปยังเฒ่าชู
จะให้ไปหาที่ไหนกันเล่า?
ถ้าคนระดับเขาหาตัวได้ง่ายอย่างนั้นก็คงจะดี
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ตัวตนระดับพลังวิญญาณพอ ๆ กับองค์จักรพรรดิ หายไปพวกเขาจะไปหาเจอได้อย่างไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ หากองค์จักรพรรดิหายไปจักรวรรดิจะต้องตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอย่างแน่นอน
เมื่อพูดถึงการตามหาตัวองค์จักรพรรดิแล้ว ก่อนอื่นเลย ควรจะบอกมาด้วยว่าจะไปหาเขาที่ไหน อย่างไร? พูดลอย ๆ มันไม่ได้ช่วยอะไร
อัครเสนาบดีมองไปที่ เฒ่าชู “เจ้าแก่แล้ว ควรกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
“ข้าเหรอ ข้ายังไม่เหนื่อย” “พวกเราอายุไล่เลี่ยกันด้วยซ้ำ” เฒ่าชูกล่าว
“กลับไปพักผ่อนเถอะน่า” อัครเสนาบดีขี้เกียจจะตอบ
ชายแก่คนนี้เหมือนถูกล้างสมองให้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก
ยิ่งอายุมากขึ้นเขาก็ยิ่งดื้อ
พลางให้คิดว่าในสมองเขาไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างระดับความรู้ กับระดับความฉลาดเลยรึไง ทั้ง ๆ ที่เฒ่าชู มีความรู้สูงมากและได้สอนนักเรียนที่ยอดเยี่ยมออกมามากมาย
แต่เขากลับไม่เคยรู้ว่าควรจะวางตัวยังไงในสถานการณ์ต่าง ๆ
นอกจากนี้เขายังมักจะพูดว่า “ไร้สาระ” อย่างเย่อหยิ่ง
ไม่นานนักองครักษ์ก็เข้ามาและพาเขากลับไปพักผ่อน
อัครเสนาบดี กวาดสายตามองเหล่าขุนนาง “ไม่มีใครมีความคิดอื่นแล้วใช่ไหม?”
“ไปเชิญตัวองค์ชายรัชทายาทมาก่อนเถอะ” มีคนกระซิบขึ้น
ในตอนนี้พวกเขาไม่กล้าให้คำแนะนำใด ๆ เพราะกลัวว่าความคิดที่ไม่ดีบางอย่างจะหลุดออกมา ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลง
“ใช่แล้ว เขาองค์ชายรัชทายาท เหมาะสมแล้วที่จะจัดการกับงานราชการชั่วคราวไปก่อน”
ขุนนางกลุ่มแรกค่อย ๆ เผยเจตนาของตัวเองออกมา
“แล้วอัครเสนาบดีล่ะ เขาก็น่าจะบริหารราชการแทนได้นะ”
“ใช่! องค์จักรพรรดิมักจะฟังคำแนะนำของอัครเสนาบดีเสมอ ตั้งแต่เขายังเด็ก มันคงไม่มากเกินหากจะเรียกเขาว่าเป็นอาจารย์ขององค์จักรพรรดิ เขาสมควรที่จะได้รับงานนี้” บางคนเลือกที่จะยกย่องอัครเสนาบดี
“ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากการที่องค์จักรพรรดิไม่สามารถควบคุมลมปราณของตัวเองได้”
“ขั้นแรก พวกเราต้องทำให้จิตใจของผู้คนมีเสถียรภาพก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าสถานการณ์จะไม่วุ่นวายไปมากกว่านี้ แล้วค่อย ๆ วางแผนเพื่อค้นหาตัวองค์จักรพรรดิทีหลัง”
พวกเขาเริ่มคิดวิธีแก้ปัญหากันแล้ว
อัครเสนาบดี ถอนหายใจ
เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกดีกับมัน
แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ในไม่ช้าองค์ชายรัชทายาทคนล่าสุดก็ได้รับเชิญให้เข้ามา เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูมั่นคงมาก แม้ว่าจะมีความมั่นคง แต่ก็ยังขาดความสามารถในการปกครองประเทศ
อย่างไรก็ตามเมื่อมีอัครเสนาบดีอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็สามารถทำให้หัวใจของเหล่าขุนนางสงบลง
ข้อบกพร่องขององค์ชายรัชทายาทนั้นเห็นได้อย่างชัดแจ้ง เขาไม่มีความคิดเห็นของตัวเอง อัครเสนาบดีจะพูดอะไรก็เอาตามนั้น
เมื่อคำสั่งถูกสั่งออกไป สถานการณ์ก็เริ่มจะคงที่ขึ้นมาบ้าง
ทว่าเมื่อเหล่าขุนนางเริ่มโล่งใจข่าวร้ายก็ตามมา
“ กองทัพกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!”
“สมบัติในพระคลังถูกขโมย!”
“ทหารท้องถิ่นจำนวนมากขอลาออกไปแล้ว”
“ร้านการค้าเกินครึ่งประกาศขึ้นราคาประมูล”
“ ในทุกภาคส่วนของอาณาจักร ไม่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะอีกแล้ว”
“ ขุนนางหนึ่งในสามเลือกที่จะไม่รายงานอาการเจ็บป่วยของตัวเอง ศาลกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเช่นกัน”
“ผู้อาวุโสหลายคนถูกฆ่าตายในคฤหาสน์”
อัครเสนาบดี ที่ใจเย็นมาโดยตลอดแทบจะเป็นลมเมื่อทราบข่าว
เพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล
ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน ราวกับได้มีการไตร่ตรองไว้ก่อน
แม้แต่เขาก็แก้ไขมันไม่ได้
เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครสามารถทำให้จักรวรรดิยุ่งเหยิงได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้
หากองค์จักรพรรดิยังคงอยู่เขาจะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน
ด้วยพระบารมีและวิธีการต่าง ๆ ของพระองค์สถานการณ์ที่ผิดปกติเหล่านี้สามารถระงับได้อย่างง่ายดาย
แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ แม้เขาจะมีความสามารถ แต่เขาก็ไม่ได้มีสิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่มีพลังมากเพียงพอดังนั้นเขาจึงทำแบบเดียวกันกับองค์จักรพรรดิไม่ได้
องค์ชายรัชทายาททำอะไรไม่ถูก
ยากที่อัครเสนาบดีจะคาดหวังให้ “จักรพรรดิมือใหม่” คนนี้แก้ปัญหาทั้งหมดได้
ณ หอสมุดราชสำนัก
เหลือเหล่าขุนนางเพียงแค่สองในสาม
ทุกคนกำลังเศร้าและไม่รู้จะทำอย่างไร
“ อัครเสนาบดี ลองคิดหาวิธีเร็ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปทั้งจักรวรรดิได้แตกสลายแน่” มีคนกล่าวว่า
เมื่อประเทศตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายกองกำลังสำคัญ ๆ ก็จะเริ่มกระตือรือร้น บังคับให้ตัวเองเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความวุ่นวายจะบังเกิดขึ้นอีกระลอก
นี่เป็นอะไรที่ค่อนข้างยุ่งยาก
มีกองกำลังจำนวนมากต้องการกอบโกยผลกำไรจากความวุ่นวาย
จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมีทรัพยากรมาก
อัครเสนาบดี ถอนหายใจ “จะมีวิธีไหนอีกกันเล่า”
แม้แต่อัครเสนาบดีก็ยังพูดแบบนี้ เหล่าขุนนางและประชาชนที่ได้ยินจึงทุกข์ใจกันมาก บางคนเริ่มคิดเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองในความสับสนวุ่นวาย
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ในหอสมุดราชสำนัก เขานั่งลงบนบัลลังก์มังกรอย่างสบาย ๆ และสงบ
“เนื่องจากพวกเจ้าแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย ก็ปล่อยให้ข้าจัดการเถอะ” ชายคนนั้นพูดอย่างแผ่วเบา
ทุกคนต่างโกรธเกรี้ยวในทันที
ใครกัน? ที่กล้านั่งบนบัลลังก์มังกร!
แต่เมื่อพวกเขาเห็นบุคคลตรงหน้า พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ต้องตกตะลึงกันหมด
องค์ชายเล็ก หลี่ซวนซง
“เจ้ายังไม่ตายงั้นเหรอ!” อัครเสนาบดี ตกใจ
อัครเสนาบดีถอยห่างราวกับเห็นผี
ก่อนหน้านี้ หลี่ซวนซง ถูกประหารโดยการตัดศีรษะ หลายคนเห็นสิ่งนั้นด้วยตาของพวกเขาเอง แต่ตอนนี้พวกเขา กลับเห็นหลี่ซวนซงนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรในสภาพสมบูรณ์พร้อม แบบนี้จะไม่ให้ตื่นตระหนกได้อย่างไร
หลี่ซวนซง ลูบตราหยกบนโต๊ะเบา ๆ มือของเขาสั่นเล็กน้อย แต่การแสดงออกของเขายังคงดูไม่แยแส “ใช่ ข้ายังไม่ตาย”
ขุนนางทุกคนตื่นตกใจและต้องใช้เวลานานในการยอมรับความจริง
มีเพียงใบหน้าของอัครเสนาบดีที่ดูน่าเกลียด “ไม่น่าแปลกใจ ข้าคิดไว้แล้ว ว่าหากใครจะมีความสามารถพอที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองของจักรวรรดิมากขนาดนี้ ก็คงเป็นเจ้า นี่มันสมเหตุสมผล
ขึ้นมาเลย”
ทุกคนต่างรู้ฝีมือขององค์ชายเล็ก หลี่ซวนซงดี
“ขอบใจมาก ท่านอัครเสนาบดี” หลี่ซวนซงยิ้มและจากนั้นใบหน้าของเขาก็สงบลง “เรามาพูดเรื่องซุบซิบกันให้น้อยลงดีกว่า ข้าเกรงว่าพวกเราจะมีเวลาไม่มากนัก หากเราชักช้า แม้แต่ข้าก็อาจจะไม่สามารถสงบความวุ่นวายนี้ลงได้”
สีหน้าของอัครเสนาบดีไม่แน่ใจ แต่ขุนนางทุกคนต่างก็มองมาที่เขา
เวลานี้พวกเขาทำได้เพียงแค่ฟังคำของอัครเสนาบดี
“กล้าได้กล้าเสีย” ทันใดนั้นเสียงโกรธก็ดังขึ้น
พวกเขาหันศีรษะและมองไปทางนั้น
เขาคือเฒ่าชูที่ถูกส่งกลับไปที่บ้านเพื่อพักผ่อน
เขาโกรธมากในขณะจ้องมองไปที่หลี่ซวนซง “เจ้าคนดื้อรั้น! เจ้ากล้าดียังไงมานั่งบนบัลลังก์มังกร”
หลังจากที่เฒ่าชูถูกส่งตัวกลับไปพักผ่อน เขาก็ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น และข้อผิดพลาดในการบริหารเองก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงยอมนั่งนิ่งไม่ได้แล้วแอบวิ่งกลับมาที่นี่อย่างลับๆ
เพียงได้ยินแค่คำพูดของ หลี่ซวนซง ความปั่นป่วนของจิตใจก็บอกให้เขาออกมาทันที
สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมองครักษ์ถึงปล่อยให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น? ทำไมพวกเขาไม่รีบคุมตัวคนทรยศโดยเร็ว?
หลี่ซวนซง เหลือบมองเขา “มันเป็นบทพูดเดียวกันกับก่อนหน้านี้ที่ลานจัตุรัสซวนหวู่เลยจริง ๆ นี่มันตลกชะมัด”
แต่ทว่าไม่มีใครหัวเราะ
รวมทั้ง หลี่ซวนซง เองก็ด้วย
“ทำไมยังไม่จับกุมตัวเขาอีกล่ะ!” เฒ่าชูคำรามใส่ทหารยาม
หลี่ซวนซงสะบัดนิ้วของเขา ส่งพลังวิญญาณมังกรบริสุทธิ์ก็คำรามออกไป
การระเบิดครั้งนี้เพียงพอที่จะฆ่าเฒ่าชู ได้อย่างง่ายดาย
อัครเสนาบดี อุทานอย่างกังวล “อย่าทำแบบนั้นเลย พวกเรายอมรับเจ้าเป็นองค์จักรพรรดิแล้ว”
พลังวิญญาณมังกรหยุดลงในทันที จากนั้นก็กลายเป็นคลื่นแหลกสลายไปในความว่างเปล่า
หลี่ซวนซง หัวเราะ “คงจะดีกว่าถ้าเป็นแบบนั้น”
อัครเสนาบดีคุกเข่าลงอย่างหมดหนทาง ขุนนางทุกคนเองก็คุกเข่าลงเช่นกัน มีเพียงเฒ่าชูเท่านั้นที่ยังโกรธ “พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”
“คุกเข่าซะแล้วรีบออกไปจากที่นี่! เจ้าอยากตาย หรือ อยากเห็นประเทศนี้ล่มสลายกัน?” อัครเสนาบดีพูดอย่างจำใจ
มีเพียงเฒ่าชูที่ยังตกอยู่ในความงุนงง
“แต่…”
“ไม่มี แต่! คุกเข่าลงซะ”
อัครเสนาบดีกด เฒ่าชูลงกับพื้น เขากดศีรษะของเฒ่าชูลงเพื่อบังคับให้เขาคุกเข่าลง เห็นได้ชัดว่าเขาอายุมาก แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังแข็งแกร่งมากจนเฒ่าชูไม่สามารถต้านทานได้เลย
“สรรเสริญแด่องค์จักรพรรดิองค์ใหม่!” อัครเสนาบดีกล่าวนำ
จากนั้นเหล่าขุนนางก็ร้องตาม
“สรรเสริญแด่องค์จักรพรรดิองค์ใหม่!”
“สรรเสริญแด่องค์จักรพรรดิองค์ใหม่!”
เสียงแสดงความเคารพดังก้องผ่านการหอสมุดราชสำนัก
ใบหน้าของ หลี่ซวนซง แสดงรอยยิ้มที่มีความสุข จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา มันเป็นเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจและเย่อหยิ่ง
เขาโบกมือเพื่อร่างคำสั่ง จากนั้นก็ลงตราผนึกหยกลงบนสารคำสั่ง
“ออกไปประกาศให้โลกรู้ซะ!”
เหล่าขุนนางต่างตัวสั่นเมื่อต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงนี้
ข้อมูลข้างต้นในสารนั้นเข้าใจได้ง่ายมาก แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเวียนหัว
จักรพรรดิองค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์แล้ว
สิ่งแรกที่เขาทำคือประกาศใช้คำสั่งขององค์จักรพรรดิและตั้งตัวเองเป็นองค์จักรพรรดิในนามของเขาเอง