ไหปีศาจ - บทที่ 686 ร่างกายอันเป็นนิรันดร์
บทที่ 686 ร่างกายอันเป็นนิรันดร์
บทที่ 686
ร่างกายอันเป็นนิรันดร์
ลั่วไป่เหาเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับเซียน
หลายคนมักจะคิดว่าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณนั้นต่อสู้ไม่เก่ง แต่ลั่วไป่เหานั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนที่สามารถต่อสู้กับบรรพบุรุษของตระกูลเอ๋าได้อย่างยาวนานเป็นเวลาสามวันสามคืน จนหมดสภาพสูญเสียทั้งสองฝ่าย
เขามีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้ปรับแต่งที่ยอดเยี่ยมมานานหลายร้อยปี แล้วที่ผ่านมาเขาทำอะไรบ้าง? โดยธรรมชาติแล้วก็คือการฝึกฝนมิติวิญญาณ
การมีชีวิตยืนยาวนั้นเป็นข้อดีของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง
ถึงแม้การยกระดับมิติวิญญาณในระดับของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะสามารถยกระดับพลังในการต่อสู้ของตนเองได้
ตระกูลลั่วมีชื่อเสียงที่สุดคือเรื่องอะไร? แน่นอนว่าหากพูดถึงตระกูลลั่วผู้คนก็จะนึกถึงสัตว์วิญญาณระดับเพชรในตำนานอย่างลิงเผือก ในฐานะบรรพบุรุษของตระกูลลั่ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่มีลิงเผือกในครอบครอง
ลิงเผือกนั้นเป็นสัตว์วิญญาณคู่พันธะตัวที่ 5 ของลั่วไป่เหา ซึ่งเป็นลิงเผือกที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลลั่ว มันมีความแข็งแกร่งทางมิติวิญญาณอันน่ากลัวอยู่ในระดับเพชร มิติ 7
เงาของลิงเผือกเริ่มรวมตัวเป็นสสาร ลมปราณอันรุนแรงเหมือนพายุทำให้เกิดคลื่นพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกมา
ดวงตาของเซียวอวี้หันกลับมาและดูเหมือนจะรู้สึกกลัวเล็กน้อย “โอ้ ลิงเผือกอย่างนั้นเหรอ ช่างคู่ควรกับสายเลือดของ ลิงศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เผชิญหน้ากับมัน แต่มันก็ทำให้ข้าเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว”
ลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์วิญญาณในตำนานระดับจักรพรรดิ
นอกจากนี้มันยังเป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณหายากที่ผ่านขั้นตอนการฝึกฝนด้วยตนเอง จนก้าวขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิ
ลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์ที่พลังในการต่อสู้มากที่สุดชนิดหนึ่ง น่าเสียดายที่เลือดของสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะสืบลูกหลานได้
อย่างไรก็ตามลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นได้ทิ้งลูกหลานที่หายากเอาไว้ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้รับสายเลือดของสัตว์วิญญาณระดับจักรพรรดิที่น่ากลัวมาเต็มร้อย แต่ก็ยังมีพลังมากมหาศาล
นั่นคือต้นกำเนิดของลิงเผือก
ทว่าความสามารถในการผสมพันธุ์ของลิงเผือกนั้นแย่มากจนเกือบจะสูญพันธุ์ โชคดีที่ลั่วไป่เหา ได้บังเอิญสร้างวิชาลับเพื่อสืบสายเลือดของมันให้ดำเนินต่อไปได้สำเร็จ
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมลิงเผือกและตระกูลลั่วถึงมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
“อืม ก็ดีที่ได้รู้ ข้าขอแนะนำให้เจ้ากลับไปซะ” ลั่วไป่เหา ส่งเสียงกรนอย่างเย็นชา
เขาไม่ได้ต้องการฆ่าเซียวอวี้ เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในคนสนิทรอบตัวขององค์จักรพรรดิ ถ้าเขาฆ่าเซียวอวี้คงจะมีปัญหาไม่รู้จบตามมาแน่ ๆ
เซียวอวี้พูดอย่างช้า ๆ “ในอดีตข้าเคยเกรงกลัวลิงเผือก เลยไม่อยากมีปัญหากับผู้ใช้พวกมัน”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลิงเผือกมีพลังมากมายมหาศาลแค่ไหน มันจึงเป็นสาเหตุที่คฤหาสน์องค์ชายขอให้ตระกูลลั่ว หาลิงเผือกตัวน้อยมาให้เขา
ลั่วไป่เหา ขมวดคิ้ว “เจ้าหมายถึงอะไร?”
“แต่” ปากของเซียวอวี้แข็งและยกขึ้นราวกับหัวเราะ “ตอนนี้ข้าตายไปแล้ว ไม่มีอะไรที่ข้าต้องกลัว”
แสงสีทองเบ่งบานขึ้นในนัยน์ตาของลั่วไป่เหา
พลังของนัยน์ตาปีศาจถูกใช้งาน
แสงนี้สามารถส่องไปถึงแก่นวิญญาณของอีกฝ่ายได้เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สังเกตเห็นถึงสภาวะแปลกประหลาดของอีกฝ่าย เนื่องจากลั่วไป่เหากระตือรือร้นที่จะช่วยชีวิตของลั่วอู๋ เขาจึงไม่ได้สนใจมัน
จนกระทั่งตอนนี้เมื่อลั่วไป่เหาถึงได้ลองมองหาสิ่งที่ผิดปกติในตัวของเซียวอวี้ หลังจากได้ยินคำพูดที่แปลก ๆ ไปของเขา
เซียวอวี้เองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขายอมยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้แสงสีทองในนัยน์ตาของลั่วไป่เหาส่องผ่านร่างกายของเขา
“ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน” ลั่วไป่เหา ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งพลางสงสัย “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการชุบชีวิตตัวเอง แต่ข้าขอยืนยันได้เลยว่าสถานะของเจ้าไม่สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว เจ้าจะต่อสู้กับข้าโดยไม่มีพลังแห่งสัตว์วิญญาณได้อย่างไรกัน?”
ตอนนี้เซียวอวี้ตายไปแล้วพันธสัญญาสัตว์วิญญาณของเขาจึงหายไป หากไม่มีพันธสัญญาวิญญาณทักษะวิชาต่าง ๆ ดั้งเดิมของเขาทั้งหมดเองก็จะไม่สามารถถูกนำมาใช้ได้
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เมื่อได้ต่อสู้กับข้า” เซียวอวี้พูดเสียงเข้ม
ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสายลมสีดำแล้วพุ่งตรงไปที่ลั่วไป่เหา
ลั่วไป่เหา ตกใจ
ช่างเป็นความเร็วที่รวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าแม้การกระทำต่าง ๆ ของอีกฝ่ายจะเชื่องช้า แต่ความเร็วในการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นกลับเร็วมาก
ถึงอย่างนั้นลั่วไป่เหาก็ไม่ได้กลัว เพราะลิงเผือกนั้นมีชื่อเสียงในด้านความเร็วและความแข็งแกร่ง
หมัดทั้งสองของข้างลั่วไป่เหากลายเป็นกรงเล็บฉีกกระชากสายลมสีดำออกอย่างแรง จนแม้แต่ห้วงมิติเองก็ถูกดึงออกมาครึ่งหนึ่งเหมือนผ้าใบวาดภาพที่ถูกฉีก พลังวิญญาณอันร้ายกาจแผ่ออกไปในชั่วพริบตา
แต่แล้วสายลมสีดำก็หายไปในทันที
ก้าวพริบตา?
จังหวะนั้นเองลั่วไป่เหาก็รู้สึกถึงไอเย็นวาบมาจากด้านหลัง
เซียวอวี้ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของลั่วไป่เหาด้วยพลังวิญญาณอันแข็งแกร่ง เล็บของเขาเป็นสีดำสนิทยืดยาวออกไป เขาดูแปลกประหลาด ราวกับทำมาจากทองและเหล็ก
ห้านิ้วของเซียวอวี้ผสานเล็บอันแหลมคมเข้าด้วยกันเหมือนสว่านเจาะ
จู่ ๆ ลั่วไป่เหา ก็หันกลับมา เขาส่งเสียงคำรามต่ำต่อหน้ากรงเล็บสีดำ ปล่อยลมปราณอันน่ากลัวในร่างกายให้พลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ส่งให้เซียวอวี้ลอยกระเด็นออกไป
ทักษะระดับ SS [พลังอันไร้เทียมทาน] และทักษะระดับ s [โทสะกระหายเลือด] ถูกใช้งาน
ทันใดนั้นลมปราณของลั่วไป่เหาก็พุ่งทะยานขึ้นไปอีก
ร่างของเซียวอวี้ถูกโยนขึ้นไปบนฟ้า แต่แล้วก็หยุดลงกลางท้องฟ้าเหมือนตัวหนอนที่มีเข็มพุ่งออกมาจากร่าง ร่างของเขาบินได้ด้วยใบมีดแปลก ๆ อันแหลมคม
ลั่วไป่เหายังคงสุขุมต่อเหตุการณ์ตรงหน้า
เล็บเหล่านั้นของเซียวอวี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่กล้าแตะต้องมัน ใบมีดของเซียวอวี้โจมตีไปทั่วท้องฟ้าด้วยพลังที่พร้อมจะฉีกทุกสิ่ง
“มาเลย!” ลั่วไป่เหาหายใจเข้าลึก ๆ ปล่อยพลังวิญญาณแห่งการต่อสู้ เลือดของลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มเดือดพล่าน
สงคราม สงคราม
ลั่วไป่เหา กลายเป็นเงาสีขาววิ่งไปหาเซียวอวี้อย่างบ้าคลั่ง ความเร็วและความแข็งแกร่งผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นเงาสีขาวพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่การเคลื่อนไหวของเซียวอวี้เองก็แข็งแกร่งมาก เขากลายเป็นเงาสีดำทะมึนบินไปทั่วท้องฟ้าต่อสู้กับลั่วไป่เหา
เงาสีดำและเงาสีขาวสอดประสานกัน แม้ว่าลั่วอู๋จะพยายามมองแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถมองการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนได้เลย พวกเขาเร็วมาก
ผลกระทบอันน่ากลัว ทำให้ห้วงมิติในอากาศเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนทำลายพื้นที่ทั้งหมด
หูของลั่วอู๋อื้ออึง เพียงแค่รอผลการต่อสู้ก็ทำให้เขารู้สึกประหม่าได้
“อา”
ลั่วไป่เหามีผมสีขาวและท่าทางที่ไม่แยแสเหมือนสิงโต เขารุนแรงมากขึ้นในการต่อสู้ จิตสังหารและความบ้าคลั่งในนัยน์ตาของเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเกือบจะกลายเป็นเงาโดยสมบูรณ์ การระเบิดพลังแต่ละครั้งมีพลังทำลายอันรุนแรงจนไม่มีใครเทียบได้ ราวกับว่าเขาพร้อมจะทำลายทุกสิ่งและกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม
ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าลิงเผือกนั้นเป็นสัตว์วิญญาณที่น่ากลัวจริงๆ
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือภายใต้การโจมตีอันรุนแรงของลั่วไป่เหา เซียวอวี้นั้นไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างได้และยังสามารถต่อสู้กับเขาได้อย่างสูสี
นัยน์ตาปีศาจของ ลั่วไป่เหาถูกกระตุ้นให้ทำงานถึงขีดสุดจนมองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีของเขาก็ไม่สามารถทำร้ายเซียวอวี้ได้
“ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะ” หัวใจของลั่วไป่เหาจมลง เขากัดฟันพร้อมเปล่งแสงสีทองออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับเทพเจ้าจุติลงบนโลก
มันคือทักษะ ระดับ SS
นี่พลังความโกรธของลิงศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่าในวันที่ลิงศักดิ์สิทธิ์ก้าวเข้าสู่มิติวิญญาณระดับจักรพรรดิแสงสีทองได้ส่องสว่างพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ลมปราณแห่งความสยดสยองนั้นได้ทำลายดวงดาวนับไม่ถ้วนและทำลายหลักการแห่งแก่นแท้ ทิ้งรอยแยกอันน่ากลัวไว้บนท้องฟ้า
ทักษะนี้สืบเนื่องมาจากตำนานนั้น แม้ว่าเขาจะสามารถยืมพลังวิญญาณของลิงศักดิ์สิทธิ์มาได้ แต่พลังนี้ก็เพียงพอที่จะฆ่าศัตรูทั้งหมดที่เขาเคยต่อสู้มาในอดีต
ดวงตาของเซียวอวี้ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากลัวการเคลื่อนไหวเหล่านั้น จากนั้นเขาปกคลุมตัวเองด้วยพลังวิญญาณภูตผีอันไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับว่าเขากำลังเตรียมใช้ทักษะการเคลื่อนไหวบางอย่างเพื่อเขย่าโลก
“ข้าไม่มีวันตาย!” เซียวอวี้คำรามเสียงของเขาที่น่ากลัวและแหบแห้งออกมา ราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากนรกอเวจี
ทว่าแสงสีทองอันน่าหวาดกลัว
ก็ได้ปัดเป่าไอภูตผีอันไม่มีที่สิ้นสุดนั้นออกไป
เซียวอวี้หลับตาลงอย่างเจ็บปวด แสงสีทองเป็นเหมือนหินหนืดที่ร้อนแรงเข้าแผดเผาร่างกายของเขา ทว่าร่างกายของเขากลับไม่ได้บุบสลายไป และไม่มีการพังทลายหรือแตกกระจายใด ๆ
จนในที่สุดแสงสีทองก็ดับลง
ร่างกายของเซียวอวี้สั่นสะท้าน แต่ค่อยๆทรงตัวขึ้นมาได้ด้วยพลังวิญญาณอันมืดมิดของภูตผี
“ ช่างเป็นร่างกายที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้” ลั่วไป่เหากัดฟัน
ความแข็งแกร่งและความเร็วของลิงเผือกอยู่ในระดับสูงสุด ทว่าความแข็งแกร่งของร่างกายเซียวอวี้นั้นน่ากลัวยิ่งกว่า และมันสามารถทนการโจมตีของลั่วไป่เหาได้
นี่มันสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน
มีอะไรแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?
เมื่อนึกถึงสถานะแปลก ๆ ของอีกฝ่าย ลั่วไป่เหาก็นึกได้ถึงสัตว์วิญญาณในตำนานโบราณ
ราชาผีดิบในตำนาน ฮาน