ไหปีศาจ - บทที่ 857 การคำนวณผิดพลาด
บทที่ 857 การคำนวณผิดพลาด
บทที่ 857
การคำนวณผิดพลาด
สองหมื่นปีที่แล้ว
มันเป็นยุคราชวงศ์ซุยหยุนล่มสลาย ความขัดแย้งของประชากรและภัยคุกคามจากภายนอกนำไปสู่ข้อพิพาทระยะยาวในแผ่นดินใหญ่
สิ่งนี้นำไปสู่ความต้องการของมนุษย์ที่จะต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขาโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็ส่งเสริมความนิยมของการฝึกฝนพลังวิญญาณและการลดลงของศิลปะการต่อสู้โบราณ
ตอนนี้มีตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณบ้างไหม? มีแน่นอน
มีตระกูลที่ปฏิบัติตามกฎโบราณอยู่เสมอ
ตัวอย่างเช่นตระกูลของกู่ฉวน
น่าเสียดายที่ตระกูลเหล่านี้ไม่ได้มีชีวิตที่ดี แม้ว่าพวกเขาจะสืบทอดศิลปะการต่อสู้แบบโบราณที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงได้ การจะมีผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงปรากฏขึ้นนั้นต้องมีฐานจำนวนมาก
การจะมีอัจฉริยะระดับสุดยอดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็เทียบไม่ได้กับอัจฉริยะระดับสุดยอดของผู้ฝึกพลังวิญญาณ
ช่างน่าเสียดาย!
ตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณจำนวนมากจึงหายตัวไป
ลั่วอู๋จ้องไปที่ราชาผีดิบ “เจ้าบอกว่าภูตไหมักจะเรียกสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอมาเพื่อช่วยพัฒนามิติวิญญาณของพวกมันด้วยรึ?”
“ใช่แล้ว” เขาตอบ
“แล้วในที่สุดสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีพลังมากขึ้นรึเปล่า?”
“พอเจ้าพูดมามันก็จริง” เขาพูดอย่างครุ่นคิด
เขาไม่เคยสนใจสิ่งมีชีวิตอื่น หลังจากฟังคำของลั่วอู๋ เขาก็ตระหนักได้ว่าสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดที่ได้รับการจัดระเบียบจากภูตไหนั้นมีพลังมาก
ลั่วอู๋กัดฟันแล้วพูดว่า “สิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่ไหน มันต้องมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว แล้วมันก็ได้รับการสนับสนุนจากภูตไห เสริมความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์อื่นแล้วกดความแข็งแกร่งของมนุษย์ลง เจ้าเกลียดชังมนุษย์จริง ๆ ด้วย”
เมื่อรู้ความจริงของประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งแล้ว ความโกรธของเขาที่มีต่อภูตไหก็เพิ่มสูงขึ้น
ส่งเสริมเผ่าพันธุ์อื่นและกดเผ่าพันธุ์มนุษย์
เป็นผู้นำยุคมืด
แล้วยังให้หุบเขามรณะศึกษาพิษแห่งการทำลายล้างอีก
แต่ล่ะเรื่องนี่ ภูตไหเจ้าสมควรตายจริง ๆ!
เมื่อข้าเลื่อนขั้นเป็นระดับเพชร ข้าจะต้องตามล่าเจ้าไปทั่วโลก
ในเวลานี้ราชาผีดิบรู้สึกทึ่งเล็กน้อย “เกลียดมนุษย์? ตรงไหนกัน?”
“นี่มันไม่ชัดเจนพอรึไง?” ลั่วอู๋พูดอย่างโกรธจัด
“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าจะสื่อ แม้ว่าภูตไหจะแปลก ๆ แต่เขาปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังมีมนุษย์ในหมู่ของสิ่งมีชีวิตที่เขาช่วยส่งเสริมด้วย” เขากล่าว
ลั่วอู๋รู้สึกตกใจ
อะไรนะ?
“ข้าเคยได้ยินภูตไหพูดว่า เหตุผลที่สร้างวิธีการฝึกพลังวิญญาณนี้ขึ้นมา จริง ๆ แล้วเพื่อหวังว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสามารถทำสัญญากับเผ่าพันธุ์อื่นและเข้าใจซึ่งกันและกันได้ดีขึ้น เพื่อบรรเทาความไม่ลงรอยระหว่างเผ่าพันธุ์” เขากล่าวต่อ
ลั่วอู๋พูดไม่ออก
“ตามความคิดของภูตไห เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นมหาอำนาจในเวลานั้น และพื้นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์อื่นถูกบีบคั้นอย่างมาก การฝึกฝนพลังวิญญาณนี้อาจเปลี่ยนสถานการณ์นั้นได้” เขากล่าว
เฉพาะในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจเท่านั้นที่สามารถทำสัญญาได้
สัญญาที่เท่าเทียมกันดังกล่าวควรจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์อื่นได้
ในเมื่อเราสามารถแข็งแกร่งขึ้นไปด้วยกันได้
ทำไมจะไม่เอาล่ะ
หากเจ้าอยากได้คู่สัญญาที่แข็งแกร่ง เจ้าต้องอยู่กับมันอย่างสันติ
สีหน้าลั่วอู๋สับสนและสงสัย “จริงรึ? แต่มันไม่เห็นเป็นอย่างที่เจ้าว่าเลย”
“นั่นเป็นเพราะมนุษย์”
“หมายความว่ายังไง?”
ลั่วอู๋ไม่พอใจกับน้ำเสียงของราชาผีดิบเล็กน้อย แต่เขายังคงถามอย่างอดทน
“เพื่อที่จะได้คู่สัญญาที่ดีที่สุด พวกมนุษย์จึงโจมตีเผ่าพันธุ์อื่นให้เป็นทาสของพวกเขา และบังคับให้พวกมันเสริมความแข็งแกร่งของพวกเขา”
ลั่วอู๋โต้กลับตามสัญชาตญาณ “มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
“แต่มันก็เป็นไปแล้ว”
เมื่อโดนราชาผีดิบสวนมา ลั่วอู๋ก็ชะงัก
ใช่… มันเป็นไปแล้ว
มนุษย์ยุคนี้ไม่เหมือนกัน พวกเขาจับสัตว์วิญญาณจำนวนมาก แม้ว่าหลายคนจะทำดีต่อสัตว์วิญญาณของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สัตว์วิญญาณที่ดีที่สุดมาครอง
ฆ่าสัตว์วิญญาณตัวเต็มวัย แล้วเอาตัวอ่อนของสัตว์วิญญาณนั้นกลับมาขายในราคาที่สูง
เพราะมันง่ายที่สุดที่จะปลูกฝังความไว้วางใจตั้งแต่มันยังเด็ก
นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นศักยภาพของสัตว์วิญญาณการใช้ยาในทางที่ผิดก็เป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมใต้ดินที่ไม่รู้จักอีกมากมาย อุตสาหกรรมมืด
ลั่วอู๋รู้ทุกอย่าง
ท้ายที่สุดการดำเนินธุรกิจของสำนักโล่พิทักษ์ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ แถมยังเป็นถึงส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมเหล่านี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลั่วอู๋ก็เงียบ
ตอนนี้ยังเป็นถึงขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงช่วงที่เผ่าพันธุ์มนุษย์มีอำนาจมากที่สุดเลย
ความโลภ ความเห็นแก่ตัว
คุณสมบัติเหล่านี้เป็นเหมือนสิ่งที่จารึกไว้ในกระดูกของคนบางคน
แม้ว่าของสัญญาจะเป็นหลักฐานของความสมัครใจ แต่แท้จริงแล้ว มนุษย์มีวิธีการสร้างความสมัครใจนั้นมากเกินไป
ในตอนแรก ลึกเข้าไปในป่าหวงชา ลั่วอู๋ได้พบกับลูกขององค์ชายพิงหนาน พวกเขาวางแผนที่จะใช้วิธีที่ “น่ารังเกียจ” โดยการทำให้บาดก่อนและค่อยรักษาในภายหลังเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสัตว์วิญญาณ
จริง ๆ นี่เป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดา
มนุษย์จะดีต่อสัตว์วิญญาณของตนเอง แต่ไม่จำเป็นต้องดีเผ่าพันธุ์อื่นด้วย
“ในขณะนั้นสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์อื่นเริ่มย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นภูตไหจึงใช้กำลังของตัวเองเพื่อช่วยให้เผ่าพันธุ์อื่นมีผู้แข็งแกร่งด้วยโดยหวังว่าจะทำให้สถานการณ์สงบลง แต่ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงบ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ บ้าคลั่งที่จะเอาชนะและจับสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเหล่านี้”
ลั่วอู๋มีสีหน้าซับซ้อน
มันจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
ราชาผีดิบกำลังโกหก? แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น สำหรับเขามนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ก็เหมือนกันและไม่มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้นเลย
เพื่อโน้มน้าวให้ภูตไห?
ยิ่งไม่จำเป็นเข้าไปใหญ่
ภูตไหคือคนที่ผนึกเขาไว้ เขาจะเกลียดภูตไหมานานแล้ว
ลั่วอู๋เงียบอยู่นาน “แล้วยังไงต่อ”
“แน่นอน เผ่าพันธุ์ใหญ่ ๆ จะมีชีวิตที่แย่ลง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “แม้แต่ภูตไหก็เปลี่ยนกระแสน้ำไม่ได้ แต่ก็แปลกที่เมื่อเวลาผ่านไปความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ค่อย ๆ ลดลงและเผ่าพันธุ์อื่นมีโอกาสได้หายใจ”
เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ตามที่ลั่วอู๋เดาไว้
ความแพร่หลายของการฝึกฝนพลังวิญญาณได้ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอลง
แน่นอนว่าการล่มสลายของราชวงศ์ซุยหยุนก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน
ลั่วอู๋อารมณ์เสียเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่านั่นคือเหตุผล
ความตั้งใจดั้งเดิมของภูตไหผู้คิดค้นวิธีการฝึกฝนพลังวิญญาณคือการบรรเทาความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น น่าเสียดายที่เขาประเมินความโลภของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่ำไป
สำหรับการทำให้มนุษย์อ่อนแอลง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญ
“หลี่ซวนซง ดูเหมือนว่าเจ้าจะคิดผิด” ลั่วอู๋คิดอย่าง เงียบ ๆ
ทันใดนั้น ลั่วอู๋ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง
เขานึกถึงเรียงความของราชาหมอกซานเหริน
จุดประสงค์ดั้งเดิมของภูตไหคือเพื่อขจัดสงครามและได้รับสันติภาพที่แท้จริง
“ไม่มีทาง” ลั่วอู๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ
ด้วยความเสื่อมโทรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ การข่มเหงและการต้องดิ้นรนก็น้อยลงสำหรับเผ่าพันธุ์อื่น
แม้ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่จากมุมมองนี้มนุษย์เป็นผู้กดขี่และวิธีที่จะได้รับความสงบสุขนั้นง่ายมากนั่นคือโค่นล้มผู้กดขี่ลงเสีย
ดวงตาของลั่วอู๋ว่างเปล่าและพึมพำด้วยเสียงต่ำ นี่คือเหตุผลที่ภูตไหนำพายุคมืดมาไม่ใช่รึ