ไหปีศาจ - บทที่ 874 ที่พักพิงของโลกใบเล็ก
บทที่ 874 ที่พักพิงของโลกใบเล็ก
บทที่ 874
ที่พักพิงของโลกใบเล็ก
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจกับภาพนั้น
เพราะภูตพระโพธิสัตว์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตดุร้าย คำว่า “พุทธะ” ไม่ได้หมายถึงการต่อสู้กับใคร
ต่างจากภูตสงครามตรงที่มันมีความรู้สึกอยากก่อสงครามสูงเสมอ และสามารถเข้าสู่สถานะต่อสู้สูงสุดได้อย่างรวดเร็ว และยิ่งน่ากลัวมากขึ้นในสงครามดุเดือด
แม้แต่ภูตพระโพธิสัตว์ก็เหมือนกับภูตสงครามที่มีหัวใจอยาก “ชำระ” ดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศให้บริสุทธิ์
แต่ไม่น่ารีบจะฆ่าขนาดนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากอยู่ด้วยกันมาในช่วงนี้ ลั่วอู๋รู้สึกถึงหัวใจที่บริสุทธิ์ของภูตพระโพธิสัตว์อย่างชัดเจน มันเหมือนกับหยกเจียระไน ไร้เดียงสาและน่าเอ็นดู
สิ่งมีชีวิตแบบนี้แม้จะเผชิญกับภูตชั่วร้ายก็ยังมีความเห็นอกเห็นใจ ยากที่จะจินตนาการว่ามันจะเป็น “นักฆ่า” ที่เฉียบคมได้อย่างไร
แต่สุดท้ายก็เป็นภูตชั่วร้าย
สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ถูกกำหนดให้เป็นปีศาจร้ายโดยธรรมชาติจะถูกทำลายหากมันไม่ทำลาย
ลั่วอู๋ไม่รอช้า เพื่อให้มีสัมพันธภาพที่ดีกับภูตพระโพธิสัตว์ ก็ยังเป็นการดีที่จะต่อสู้เคียงข้างกัน
ผู้กลืนกินความฝัน
สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากความฝัน
ตัวมันเองไม่ใช่ภูตชั่วร้าย แต่ถ้าได้มาอยู่ที่นี่ก็คงไม่ใช่ภูตปกติแน่นอน มันมีพลังแห่งความเกลียดชังที่แข็งแกร่ง
หลังจากการตายของภูต จะเหลือพลังไว้ส่วนหนึ่ง และพลังส่วนนี้ก็ถูกกระตุ้นด้วยสายลมแห่งความเกลียดชัง และให้กำเนิดชีวิตใหม่
เห็นได้ชัดว่าผู้กลืนกินความฝันตัวนี้เกิดมาได้อย่างไร
ผู้กลืนกินความฝันมีความสามารถในการสะกดจิตที่ทรงพลัง พวกมันยังสามารถลากศัตรูเข้ามาในความฝัน บดขยี้พวกเขาด้วยการควบคุมฝันอย่างสมบูรณ์ และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อทะเลแก่นวิญญาณของศัตรู
“ฮึ่ม!”
เมื่อผู้กลืนกินความฝันเห็นภูตพระโพธิสัตว์ก็โกรธมากและทำเสียงทื่อ ๆ
ร่างของมันโปร่งใส ดูเหมือนใบตอง แล้วก็มีจมูกยาว มันดูแปลกประหลาดมาก
“แสงแห่งพระโพธิสัตว์ชำระล้าง”
ภูตพระโพธิสัตว์ผายมือออก และแสงที่ไม่มีที่สิ้นสุดก็ส่องประกาย จากนั้นก็ไหลออกมาราวกับแม่น้ำและโจมตีผู้กลืนกินความฝัน
ผู้กลืนกินความฝันคำรามแล้วใช้ทักษะของมัน ทักษะระดับ SS [ความฝัน]
ลำแสงอันเจิดจ้าพุ่งออกมาจากจมูกของผู้กลืนกินความฝัน
ลำแสงบิดและหมุน
มันเหมือนกับว่ามิติถูกบิดเบี้ยว
แต่เพียงแสงบนร่างของภูตพระโพธิสัตว์สั่นไหว ลำแสงที่พุ่งเข้าใส่ตัวมันก็หายไปในทันที ทักษะที่ทรงพลังที่สุดของผู้กลืนกินความฝันนั้นไม่ได้ผลเลย แต่ทักษะของภูตพระโพธิสัตว์นั้นได้ผล
แสงแห่งพระโพธิสัตว์สาดลงมา และผู้กลืนกินความฝันก็คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด จากนั้นมันก็รีบหอบร่างกายหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่พลังแห่งความเกลียดชังของมันก็ได้ลดน้อยลงไปมาก
เมื่อเห็นแบบนี้ ก็ดูเหมือนว่าลั่วอู๋ไม่จำเป็นต้องช่วยสู้ ดังนั้นเขาจึงกางม่านดาบแห่งการป้องกันของเขา
เมื่อภูตพระโพธิสัตว์ตกอยู่ในอันตราย เขาก็สามารถสนับสนุนได้ในทันที
ภูตพระโพธิสัตว์ก็รู้สึกถึงพลังเช่นกัน มันหันไปมองที่ลั่วอู๋และดูเหมือนจะยิ้มให้
แม้ว่ามิติวิญญาณของผู้กลืนกินความฝันจะสูงกว่าภูตพระโพธิสัตว์สี่เท่า แต่ต่อหน้าภูตพระโพธิสัตว์มันแทบไม่มีพลังต่อสู้กลับเลย ใบหน้าบางส่วนของมันถูกทำลาย
ภูตพระโพธิสัตว์มีแสงแห่งพระโพธิสัตว์ปกป้องร่างกาย
นี่ไม่ใช่แค่ความสามารถตามธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นผลมาจากพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดที่พระโพธิสัตว์มอบให้ ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของมันน่ากลัวกว่าที่คิด
พูดได้เต็มปากว่าสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าระดับเพชรในดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศนั้นไม่ใช่ศัตรูของภูตพระโพธิสัตว์เลย
แสงแห่งพระโพธิสัตว์ก็สาดลงมาอีกครั้ง
และผู้กลืนกินความฝันก็ตาย
หลังจากฆ่าผู้กลืนกินความฝันแล้ว ภูตพระโพธิสัตว์ก็ดึงแก่นวิญญาณของมันออกมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้กินแก่นวิญญาณเหมือนภูตชั่วร้ายอื่น ๆ แต่มันห่อหุ้มแก่นวิญญาณด้วยแสงแห่งพระโพธิสัตว์
แล้วภูตพระโพธิสัตว์ก็บินออกไป
ลั่วอู๋ยังคงบินตามไป
หลังจากจัดการผู้กลืนกินความฝัน ภูตพระโพธิสัตว์ก็ “ล่า” ต่อไป เขามุ่งความสนใจไปที่ภูตชั่วร้ายที่ทรงพลังอีกครั้งและเริ่มโจมตีโดยตรง
ลั่วอู๋ไม่ได้นิ่งเฉย อย่างน้อยเขาก็ต้องสร้างผลงานบ้าง
ดังนั้นเขาจึงคอยยิงสนับสนุนเพื่อช่วยให้ภูตพระโพธิสัตว์จัดการคู่ต่อสู้ได้เร็วขึ้น
ภายในเวลาประมาณครึ่งวัน พวกเขาจัดการภูตชั่วร้ายระดับทองขั้นสูงเก้าตัว และแก่นวิญญาณของภูตชั่วร้ายแต่ละตัวก็ถูกเอาออกมา
ในที่สุด ภูตพระโพธิสัตว์ก็ดูเหมือนจะเหนื่อย และแสงแห่งพระโพธิสัตว์บนร่างกายก็สลัวลง
มันและลั่วอู๋บินกลับไปที่ซากปรักหักพังของอาณาจักรชาวพุทธ
“เจ้าดูเหนื่อย” ลั่วอู๋ถามด้วยความเป็นห่วง
ภูตพระโพธิสัตว์พยักหน้า “ข้า… ข้าอยากนอนแล้ว”
“แน่นอน เจ้านอนได้ แต่เจ้าต้องบอกข้าบางอย่าง” ลั่วอู๋จิ้มปลายนิ้วมือไปบนหน้าของภูตพระโพธิสัตว์ด้วยสีหน้าจริงจัง “ควันสีดำในร่างกายของเจ้ามันคืออะไร?”
ใช่ ลั่วอู๋สังเกตบางอย่าง
แม้ว่าเขาจะไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ลั่วอู๋ก็ยังสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่มันฆ่าภูตชั่วร้าย จะมีร่องรอยของควันสีดำอยู่บนใบหน้าของภูตพระโพธิสัตว์
แม้ว่าควันสีดำนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่มันมีอยู่จริง
หลังจากเข้าร่วมการต่อสู้บนลานประลองมรณะในตอนแรก ลั่วอู๋และคนอื่น ๆ ก็มีอาการต่าง ๆ แต่อาการของภูตพระโพธิสัตว์ดูแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
เมื่อถูกลั่วอู๋สัมผัส ภูตพระโพธิสัตว์ก็ไม่ขัดขืนมากนัก แต่พูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “ข้าจะนอนพักสักครู่ มันไม่เป็นไรหรอก”
แสงแห่งพระโพธิสัตว์บนตัวภูตพระโพธิสัตว์กำลังริบหรี่ลง
ดูเหมือนว่ามันต้องการการพักผ่อนจริง ๆ
แต่ความเหนื่อยล้าแบบนี้ไม่ได้เกิดจากการสูญเสียพละกำลัง
ลั่วอู๋ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างดี และดวงตาของเขาก็เป็นประกาย จากนั้นเขาก็ยื่นนิ้วออกมา
ปลายนิ้วเป็นสีขาว
พลังแห่งการชำระบาปถูกปลดปล่อย
แสงสีขาวส่องลงมาที่ภูตพระโพธิสัตว์ แต่จู่ ๆ แสงแห่งพระโพธิสัตว์ก็เบ่งบาน ขัดขวางการใช้ชำระบาปของลั่วอู๋
ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
แสงแห่งพระโพธิสัตว์ปกป้องร่างกายและขับไล่พลังงานภายนอกทั้งหมดโดยสัญชาตญาณ
โชคดีที่พลังของชำระบาปนั้นเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง แม้ว่าจะถูกปฏิเสธ แต่บางส่วนก็ถูกรวมเข้ากับร่างของภูตพระโพธิสัตว์ได้สำเร็จ
ควันสีดำอันละเอียดอ่อนไหลออกจากภูตพระโพธิสัตว์แล้วก็หายไป
“มันเป็นเพราะสิ่งนี้จริง ๆ” ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว
เขาไม่รู้ที่มาของควันสีดำนี้ แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ลั่วอู๋ยังรู้สึกได้ว่ามีปราณสีดำจำนวนมากในร่างกายของภูตพระโพธิสัตว์ซึ่งถูกแสงแห่งพระโพธิสัตว์ระงับไว้ การพึ่งชำระบาปเพียงครั้งเดียวคงไม่เพียงพอ
โชคดีที่มีแสงแห่งพระโพธิสัตว์ มิฉะนั้นจิตภูตพระโพธิสัตว์คงจะถูกหลอมรวมกับปราณสีดำไปแล้ว
สีหน้าของภูตพระโพธิสัตว์ดีขึ้น เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นและอาการง่วงนอนที่เคยมีก็หายไป
“ไม่ง่วงแล้วรึ?” ลั่วอู๋ถาม
ภูตพระโพธิสัตว์พยักหน้า
ลั่วอู๋ได้รู้อะไรบางอย่างนั่นคือการมีอยู่ของพลังปราณสีดำจะทำให้ภูตพระโพธิสัตว์ง่วงนอน ซึ่งจริง ๆ แล้วนั่นเป็นกระบวนการในการระงับปราณสีดำ
ไม่แปลกที่มันจะหลับตลอดเวลา
“เจ้ารู้ไหมว่าการฆ่าภูตชั่วร้ายมีผลอย่างมากต่อเจ้า” ใบหน้าของลั่วอู๋เคร่งขรึม “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีควันสีดำสะสมอยู่ในร่างกายมากแค่ไหน แต่เมื่อมันระเบิดออกมาแล้ว เจ้าก็จะไม่เป็นเจ้าอีกต่อไป”
ภูตพระโพธิสัตว์กะพริบตา เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ลั่วอู๋บอก
“ลั่วอู๋ ช่วยข้าด้วย”
ดูเหมือนมันจะไม่รู้ถึงความร้ายแรงของปัญหาเลย
“เจ้าเริ่มฆ่าภูตชั่วร้ายตั้งแต่เมื่อไหร่” ลั่วอู๋ถาม
ภูตพระโพธิสัตว์ครุ่นคิดแล้วให้คำตอบว่าเมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว
ลั่วอู๋ทำสีหน้าแปลก ๆ
สี่ร้อยปี ร่างกายนี้สะสมควันสีดำไปมากแค่ไหนกัน
“จะให้พูดก็คือ เพราะเจ้าได้รับการปกป้องจากอาณาจักรชาวพุทธที่ล่มสลายนี้ และได้รับการคุ้มครองด้วยแสงแห่งพระโพธิสัตว์ ถ้าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ คงจะเกิดปัญหาไปนานแล้ว” ลั่วอู๋พูดหลังจากคิดอยู่สักพัก
……………………………………………………………………………..