ไหปีศาจ - บทที่ 901 การเตรียมตัว
บทที่ 901
การเตรียมตัว
ฉูจงฉวนกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลฉูทันที
“นายน้อยกลับมาแล้ว!”
ตระกูลฉูมีความสุขมาก
แต่ใบหน้าของฉูจงฉวนเย็นชาและดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ไม่ดี คนรับใช้ของเขาสั่นเทา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นนายน้อยที่เข้าถึงได้ยากเช่นนี้
“ไปตามนายท่านมา” แม่บ้านไปรายงานกับผู้อาวุโสในทันที
ในกรณีนี้ถึงหัวหน้าตระกูลมาก็ไม่มีประโยชน์
ฉูจานเทียนผู้อาวุโสของตระกูลฉูปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขาได้รับการเลื่อนระดับเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชร บรรยากาศของฉูจานเทียนก็ยิ่งลึกและหนักขึ้น แม้แต่ผมสีขาวของเขาก็กลายเป็นสีดำราวกับว่าเขาอายุน้อยกว่าเดิมหลายสิบปี
“เจ้าหนู เป็นอะไรไป ทันทีที่เจ้ากลับถึงบ้าน ข้าร้องไห้ที่เจ้าไม่ตายเลยนะ” ฉูจานเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉูจงฉวนกลอกตา แต่ไม่ตอบ
ฉูจานเทียนสงสัย “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ท่านอาวุโส ข้าอยากเลื่อนเป็นระดับเพชร หากท่านมีของดี ๆ หรือมรดกตกทอดจากตระกูล ยกให้ข้าเถิด” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างจริงจัง
“เป็นเรื่องดีที่เจ้าอยากไปสู่ระดับเพชร แต่ทำไมเจ้าถึงดูวิตกกังวลเช่นนี้?”
“ช่างมันเถอะน่า ข้ารีบ”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะกังวล” ฉูจานเทียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หากมีสิ่งใดที่สามารถช่วยส่งเสริมมิติวิญญาณได้ ข้าก็ใช้มันไปแล้ว ข้าจะรอเจ้าได้ที่ไหนกัน”
ฉูจงฉวนเบ้ปากของเขา “ข้อมูลภายในของตระกูลเรามันแย่เกินไปแล้ว”
ฉูจานเทียนตบบ่าฉูจงฉวน “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“บ้าเอ๊ย” ฉูจงฉวนกุมหัวของเขาและพูดด้วยความไม่พอใจ “ข้าถูกเหยียดหยามอย่างหนัก ถ้าข้าไม่แก้แค้น ข้าคงสงบลงไม่ได้แน่”
“ใครกันที่กล้าหยามตระกูลฉูของข้า” ฉูจานเทียนโกรธมาก
ฉูจงฉวนชี้ไปที่ท้องฟ้า “เทวทูตทั้งเก้าแห่งอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ!”
“เกิดอะไรขึ้นที่อาณาจักรโบราณหมื่นอมตะเนี่ย” ฉูจานเทียนก็เป็นผู้ที่ไม่กลัวสวรรค์และโลกเช่นกัน “เจ้าสามารถฝึกฝนตัวเองได้อย่างสบายใจเลย เมื่อถึงเวลา ข้าจะพาเจ้าไปยังอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะเอง”
ฉูจงฉวนยกนิ้วให้ “ท่านอาวุโส ข้าซาบซึ้งที่ท่านเป็นแบบนี้”
……
……
ณ อาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง เผ่าเทียนหวู่
หยู่เฮากลับมาแล้ว
หยู่เฮาที่ลมปราณอ่อนแอและเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัส ทำให้เผ่าเทียนหวู่สั่นสะเทือน เพราะหยู่เฮาไม่ได้เป็นเพียงหัวหน้าเผ่าเทียนหวู่เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในผู้นำของพันธมิตรอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งด้วย
“เป็นยังไงบ้างหัวหน้า?” ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรของเผ่าเทียนหวู่หลายคนแตกตื่น
หยู่เฮาส่ายหัว “ข้าไม่เป็นไร”
ขณะที่ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก คำพูดถัดไปของหยู่เฮาก็ทำให้พวกเขาตกใจ
“ส่งคำสั่งของข้าออกไป จงรวบรวมหมาป่าจันทราเงินและทหารขี่หมาป่าทั้งหมดมา”
มีหมาป่าจันทราเงินมากกว่า 30,000 ตัว
มันเป็นกองกำลังที่น่ากลัว
ทว่า เผ่าเทียนหวู่เพียงลำพังไม่สามารถสร้างกองกำลังทหารขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงให้เผ่าอื่นยืมหมาจันทราเงิน ว่ากันว่าเป็นสัญญาเช่า อันที่จริงมันก็เกือบจะเหมือนกับการแจกฟรีแล้ว
เพราะทุกเผ่าล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง
“หัวหน้า ท่านจะทำอะไร?” ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรผ่านศึกกังวลและถามว่า “ท่านจะต่อสู้กับราชวงศ์มังกรเร้นกายหรือ?”
ตั้งแต่ราชวงศ์มังกรเร้นกายมีจักรพรรดิคนใหม่ ทั้งสองฝ่ายก็อยู่อย่างสงบ
เกรงว่าจะไม่ดีที่จะเริ่มสงครามในเวลานี้
หยู่เฮาส่ายหัว “มันไม่ใช่สงครามกับราชวงศ์มังกรเร้นกาย”
“แล้วไป…”
“ข้ากำลังจะต่อสู้กับอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ”
ฝูงชนตกใจ
นี่เป็นเรื่องร้ายแรงกว่าการต่อสู้กับราชวงศ์มังกรเร้นกายเสียอีก
“หัวหน้า คิดให้รอบคอบด้วย เป็นไปไม่ได้ที่พันธมิตรจะตกลงเรื่องแบบนี้” ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรชราคนหนึ่งพูดขึ้น
หยู่เฮาพูดอย่างใจเย็น “ถ้าพวกเขาไม่ตกลงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า?”
“เอ่อ…”
“หมาป่าจันทราเงินสามหมื่นเป็นของข้า” ดวงตาของหยู่เฮาเป็นประกายและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ข้าคือราชาหมาป่า! ข้าแค่ไว้หน้าพวกมันเท่านั้น ด้วยคำสั่งของข้า หมาป่าจะรวมตัวกัน ใครจะหยุดข้าได้”
ผู้คนในเผ่าเทียนหวู่ต่างตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้นถึงทำให้หัวหน้าเผ่ามีความมุ่งมั่นขนาดนี้
หยู่เฮาไม่มีสิทธิ์สั่งการทุกเผ่าก็จริง
แต่เขารู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
“ข้าเป็นหนี้บุญคุณลั่วอู๋มาก ข้าต้องทดแทน” หยู่เฮาคิดอย่างนั้น
ผู้คนในอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งมีความรู้สึกยินดีและความขุ่นเคืองอย่างชัดเจน
……
……
ในป่าแห้งแล้ง
วัยรุ่นสองคนในชุดดำและขาวบินเคียงข้างกัน
พวกเขามีลักษณะเหมือนกัน แต่ลมปราณและอารมณ์ต่างกันมาก พวกเขากำลังต่อสู้และทะเลาะกันอย่างดุเดือดในขณะนี้
ร่างของเหวินเสี่ยวด้านมืดปกคลุมไปด้วยความมืดเขาพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าหยุดข้าเพื่ออะไร?”
“เจ้าอาจจะตายก็ได้ ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่” เหวินเสี่ยวด้านสว่างตอบด้วยน้ำเสียงสงบ
“ตายยังดีกว่ามีชีวิตอยู่” เหวินเสี่ยวด้านมืดดูถูกตัวเขาอีกคน “สิ่งที่เรียกว่าแสงสว่างเป็นเพียงการตามใจตัวเองรึไง?”
“เจ้าขัดศรัทธาตัวเองเพื่อแสวงหาความตายหรือไง?”
ความมืดไม่ได้มีแต่การฆ่าและความเงียบ
ความมืดจึงไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายเสียทีเดียว
เพียงแต่เขาเป็นคนสุดโต่ง ฉุนเฉียว และเห็นแก่ตัว
เขาจะโกรธเพราะเพื่อนของเขาได้รับบาดเจ็บ และอยากจะต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลังเพียงเพื่อความสบายใจ เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ
แต่มันยากที่จะบอกว่านิสัยของเขาไม่ดี
“ท้ายที่สุดเจ้าเป็นแค่ร่างรอง!”
“ถ้าเจ้ายินดีจะรวมตัวกับข้า เจ้าจะมีโอกาสหลบหนีภายใต้ราชินีภูตได้” เหวินเสี่ยวด้านสว่างกล่าว
“เจ้าฝันไปเถอะ! ข้ายอมตายดีกว่ารวมกับเจ้า”
พวกเขาทะเลาะกันในประเด็นนี้อีกครั้ง
เพื่อบรรลุเป้าหมายที่แน่นอน เหวินเสี่ยวด้านสว่างไม่สนใจที่จะทำบางสิ่งที่เขาไม่ต้องการทำและเสียสละบางอย่าง
แต่เหวินเสี่ยวด้านมืดต่างหาก
เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ แต่มันจะต้องเป็นสิ่งที่เขาต้องการเท่านั้น
รวมพลังกัน?
แค่คิดก็ทำให้เขาเครียดแล้ว เขาทำได้ยังไง
นี่คือความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างพวกเขา
พวกเขาทะเลาะกันและออกจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง แล้วพวกเขาก็แยกทางกัน พวกเขาไม่ได้ถามกันว่าพวกเขาจะทำอะไร แต่ทั้งคู่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เฉพาะในเวลากลางวันและกลางคืนเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้พวกเขาเติบโตได้อย่างเต็มที่
……
……
ลั่วอู๋ก็ออกจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งเช่นกัน
เจียโรวเดินตามหลังเขา นางไม่ได้พูดอะไรสักคำ นางแค่ติดตามอย่างใกล้ชิดและไม่อยากจากไป
“เจ้าต้องการทำอะไรกับข้าอีก ข้าบอกไปแล้วว่าความแข็งแกร่งของเจ้าอ่อนแอเกินกว่าจะรั้งข้าไว้ได้” ลั่วอู๋หันมาและพูดอย่างช่วยไม่ได้
เจียโรวหน้าเสียราวกับว่านางทำอะไรผิด “ข้าไม่รู้ว่าข้าจะไปที่ไหนได้อีกแล้ว”
“เจ้าก็กลับวังไปสิ”
“ข้าไม่ได้กลับไปนานแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียโรว ลั่วอู๋ก็รู้สึกใจอ่อน
ใช่ ในช่วงหลายปีที่ลั่วอู๋หายตัวไป นางยังคงอยู่ในโลกไห คอยดูแลทุกอย่าง และไม่ไปไหนเลย
ปล่อยนางไปแบบนี้มันไร้หัวใจ
เจียโรวมองไปที่ลั่วอู๋ ดวงตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ข้าจะไปเปลี่ยนตัวกับหลี่หยิน นี่ควรจะเป็นหายนะของข้า”
“ไร้สาระ!” ลั่วอู๋ปฏิเสธ “เป็นข้าที่ไม่มีความสามารถจะปกป้องหลี่หยินไว้ได้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
หากปล่อยให้พลังภูตระเบิดออกมา
เจียโรวจะลืมทุกสิ่งในอดีต
มันไม่ต่างกันเลยระหว่างการไม่มีความทรงจำกับการตาย
“แต่ว่า…”
“ไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นเจ้าที่ถูกจับไป ข้าก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเจ้าอยู่ดี” ลั่วอู๋กล่าว
ริมฝีปากของเจียโรวขยับและสีหน้าของนางมืดมน ดูเหมือนนางจะต้องการจะพูดอะไร แต่สุดท้ายนางก็ไม่พูดออกมา
“งั้น ไปกันเถอะ” ลั่วอู๋ถอนหายใจและยื่นมือออกมา
ลั่วอู๋จากไปพร้อมกับเจียโรว