ไหปีศาจ - บทที่ 929 ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
บทที่ 929 ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
บทที่ 929
ข้าทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ด้านนอกทะเลแห่งดาบ สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป
แสงแห่งภูตกำลังโจมตีทะเลแห่งดาบด้วยพายุที่น่ากลัว
ราชินีภูตมายังทะเลแห่งดาบ
ร่างกายของนางเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ เหมือนกับแสงอาทิตย์ที่ส่องประกาย ผู้คนไม่สามารถมองไปที่นางโดยตรงได้
ความกลัวมักมาจากสิ่งที่ไม่รู้จัก และสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิที่ไม่รู้จักสามารถนำมาซึ่งความกลัวจากใจจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ออกมาซะ”
ฟ้าร้องสนั่น
มีเมฆฟ้าคะนองนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าและสายฟ้าที่น่ากลัวก็แล่นไปมาอย่างดุเดือดราวกับว่าเกิดบ่อสายฟ้าที่ปิดกั้นท้องฟ้าซึ่งกำลังจะทำลายทุกสิ่ง
ทะเลแห่งดาบสั่นสะเทือน
“เกิดอะไรขึ้น?”
บนยอดของดาบที่สูงที่สุด จู่ ๆ ร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเจตจำนงของดาบที่รุนแรงราวกับว่าวิญญาณดาบมารวมตัวกันและมีเจตจำนงแห่งดาบทุกรูปแบบ
แน่นอนว่าเขาเป็นผู้ปกครองของทะเลแห่งดาบ
“ทำไมราชินีภูตถึงมาอยู่ที่นี่” ใบหน้าของเทพดาบมืดมน
แต่เขาจับสัมผัสอย่างถี่ถ้วนและในที่สุดก็พบสิ่งผิดปกติ
ทำไมถึงมีอีกสองลมปราณที่อยู่ในระดับเดียวกันกับตัวเองในทะเลแห่งดาบ?
“ใครกัน?” เทพดาบคำราม
ดาบเต็มไปด้วยพลังวิญญาณและทะเลเมฆพลุ่งพล่าน
ลั่วอู๋ตะโกนออกมา “ท่านเทพดาบอย่า นี่ข้าเอง!”
ดวงตาของเขาเคลื่อนไปที่คนสองคนที่อยู่ข้างหลังลั่วอู๋
ลมปราณของสองคนนี้ไม่อยู่ต่ำกว่าเขาอย่างไม่คาดคิด
เขาตกใจมากที่มีผู้แข็งแกร่งอีกสองคนอยู่ในทะเลแห่งดาบ
ลั่วอู๋ยิ้มแหย ๆ “เรื่องมันซับซ้อน ข้าเกรงว่าข้าต้องขอความคุ้มครองจากท่าน”
“ไอ้เวรเอ๊ย” เทพดาบสบถ “ราชินีภูตมาที่นี่แล้ว ข้าจะปกป้องเจ้าได้ยังไง? ข้าไม่ใช่ระดับจักรพรรดิสักหน่อย”
เขาโกรธจริง ๆ
อาณาจักรโบราณหมื่นอมตะและทะเลแห่งดาบรักษาสมดุลที่ดีไว้ นอกเหนือจากการส่งนายพลภูตจำนวนหนึ่งมาล้อมและปราบปรามพวกเขาเป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของทะเลแห่งดาบอ่อนแอลง พวกเขายังอยู่ในความสงบต่อหน้ากันและกันได้
จนกระทั่งตอนนี้
ราชินีภูตออกมาแนวหน้าแบบนี้
ไม่มีความสมดุลแล้ว
ความสมดุลที่รักษามานับหมื่นปี ไม่คิดว่าจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเด็กคนนี้
แต่ผู้บัญชาการหลิงหลงมองเทพดาบและรู้สึกบางอย่าง ถือดาบพยัคฆ์ขาวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ท่านคือเทพดาบผู้ปกครองทะเลแห่งดาบนี้รึ?”
หายากนักที่ผู้บัญชาการหลิงหลงจะใช้คำให้เกียรติเช่นนี้
นางใช้คำว่า “ท่าน” กับเทพดาบ
“แล้วไง?” เทพดาบมองผู้บัญชาการหลิงหลงด้วยสีหน้าไม่ดี ดวงตาของเขากวาดไปทั่วดาบพยัคฆ์ขาว “ดาบไม่เลวเลย แต่พลังของพยัคฆ์ขาวฉุดรั้งเจ้าอยู่”
ผู้บัญชาการหลิงหลงไม่สนใจเรื่องนั้น
ระดับกึ่งจักรพรรดินั้นเป็นระดับสูงสุดที่นางสามารถเข้าถึงได้
ท้ายที่สุดแล้ว วิญญาณพยัคฆ์ขาวมีอิทธิพลอย่างมาก
ต่อนาง และเป็นการยากมากที่จะกำจัดมันออกจากนางให้หมดสิ้น อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้
มีคนน้อยเกินไปที่จะไปถึงระดับจักรพรรดิได้
ไม่มีอะไรที่ไม่น่าพอใจ
ผู้บัญชาการหลิงหลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ขอถามท่านเทพดาบว่า ทะเลแห่งดาบมาจากไหน ทำไมมาอยู่ในอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ?”
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า” มีบางอย่างแปลก ๆ ในสายตาของเทพดาบ
“ข้าแค่อยากรู้” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าวช้า ๆ “ฟังจากลั่วอู๋แล้ว ท่านเคยเป็นมนุษย์ แต่ท่านมาเกิดในทะเลแห่งดาบโดยบังเอิญและท่านได้รับพรจากทะเลแห่งดาบ ความชำนาญในการใช้ดาบของท่านไม่มีใครในโลกนี้เทียบได้ใช่หรือไม่?”
หลงเซี่ยมองไปที่ผู้บัญชาการหลิงหลงอย่างสงสัย
เขาสังเกตว่าผู้บัญชาการหลิงหลงดูผิดปกติ
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ฟังอย่างเงียบ ๆ
เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว หลังจากฝึกนอกสถานที่ เขาก็รับหน้าที่แค่ต่อสู้อยู่เบื้องหลังเท่านั้น ในขณะที่ผู้บัญชาการ หลิงหลงไวต่อจุดอ่อนของอีกฝ่ายอย่างมากและโจมตีอีกฝ่ายด้วยคำพูด
ทว่าภายหลังผู้บัญชาการหลิงหลงก็แข็งแกร่งขึ้น แล้วก็เริ่มที่จะค่อย ๆ กลายเป็นผู้ใช้กำลังแก้ปัญหา
เทพดาบขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการจะสื่ออะไร?”
“ที่ข้าอยากจะสื่อก็คือ” ผู้บัญชาการหลิงหลงโค้งคำนับเทพดาบด้วยความเคารพเล็กน้อยบนใบหน้าของนาง “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่กำเนิดมาโดยธรรมชาติ นี่คือโลกที่เกิดมาจากแก่นวิญญาณของจักรพรรดิดาบ”
ลั่วอู๋ตกใจมาก
เขาไม่เคยคิดถึงที่มาของทะเลแห่งดาบ
แต่มันเป็นปริศนาจริง ๆ
ทำไมอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะถึงมีอะไรอย่างทะเลแห่งดาบเกิดขึ้น? มันไม่สมเหตุสมผล
และคำพูดของผู้บัญชาการหลิงหลงดูเหมือนจะให้คำตอบแก่เขา
ตัวอย่างเช่นคนที่อยู่ใต้วังเป่ยหมิง ที่นั่นก็เป็นมิติที่ภายในกว้างใหญ่
และทะเลแห่งดาบก็เห็นได้ชัดว่าเป็นโลกของจักรพรรดิดาบ
ในสมัยโบราณจำนวนจักรพรรดินั้นไม่น้อย
และดาบก็ยังเป็นอาวุธทั่วไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงคนเดียวที่มีคุณสมบัติที่จะได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิแห่งดาบและบรรลุถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จในวิถีดาบ
นั่นคือจักรพรรดิผู้ก่อตั้งของราชวงศ์ซุยหยุน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยกวาดล้างหกเผ่าพันธุ์และแปดดินแดนรกร้างและรวมทั่วทั้งทวีปเข้าด้วยกัน จักรพรรดิดาบหยางไคเทียน
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง
จักรพรรดิดาบหยางไคเทียน ลั่วอู๋ก็รู้จักเช่นกัน
ท้ายที่สุดเขาเคยได้รับโบราณวัตถุของเขามา เขาไม่เพียงแต่ได้เรียนรู้เหตุการณ์ในอดีตเมื่อหมื่นปีที่แล้ว แต่ยังได้สอนนารุ ลูกศิษย์ของเขาให้เข้าใจทักษะที่จักรพรรดิดาบทิ้งไว้ให้
เหนืออื่นใดลั่วอู๋ได้รู้มากกว่านั้นนิดหน่อย
มีซากปรักหักพังอยู่ทางทิศตะวันตกของอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ ที่ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรชาวพุทธ และอาณาจักรชาวพุทธก็ถูกทำลายโดยจักรพรรดิดาบและจักรพรรดิมนุษย์คนอื่น ๆ
เทพดาบพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เจ้ากำลังพูดถึงอะไร ข้าไม่เข้าใจ”
“ถ้าท่านเกิดในทะเลแห่งดาบและได้รับพรจากทะเลแห่งดาบ ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะไม่รู้” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าวช้า ๆ
“แล้วไง” เทพดาบรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “มันเกี่ยวอะไรกัน?”
“แน่นอน มันเกี่ยวข้องกัน การปรากฏตัวของโลกที่มาจากจักรพรรดิดาบที่นี่สามารถแสดงให้เห็นได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นจักรพรรดิดาบสิ้นลมในอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ” ผู้บัญชาการหลิงหลงกล่าว
เหตุผลที่อาณาจักรโบราณหมื่นอมตะเกลียดทะเลแห่งดาบมากก็ในแง่นี้
ผู้บัญชาการหลิงหลงจ้องไปที่เทพดาบและเอ่ยมุมมองที่ทำให้ปากของลั่วอู๋ปิดสนิท “โลกที่วิวัฒนาการมาจากจักรพรรดิแห่งดาบจะยอมให้คนนอกมาเกิดใหม่ในนี้ได้อย่างไร? อย่าว่าแต่จะได้รับความรู้แจ้งในวิถีดาบเลย ท่านคือตัวจักรพรรดิดาบเอง!”
นี่คือเหตุผลที่ผู้บัญชาการหลิงหลงมีความเคารพอีกฝ่ายเล็กน้อย
จักรพรรดิดาบสมควรได้รับความเคารพจากทุกคนที่ใช้ดาบ
“โฮ่” เทพดาบไม่ตอบ เขาสงบลงและถอนหายใจ ดวงตาของเขาสับสนราวกับว่าเขาคิดอะไรอยู่นานแล้ว
เขาลืมไปมาก แต่บางอย่างก็ไม่ลืมไป
“จักรพรรดิดาบตายไป ส่วนข้าน่ะรึ? ก็แค่เศษความทรงจำเล็ก ๆ ไม่ใช่แม้แต่ผีของเขา”
เขายอมรับมัน
ลั่วอู๋ตกใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเป็นจักรพรรดิดาบจริง ๆ
เศษเสี้ยวของความทรงจำ? นั่นก็คือความคิดของจักรพรรดิดาบด้วย
ด้วยการอวยพรแห่งโลก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีพลังอันทรงพลังเช่นนี้
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม แต่ข้ารู้อย่างหนึ่ง” ดวงตาของผู้บัญชาการหลิงหลงลุกเป็นไฟ “จักรพรรดิดาบไม่เคยยอมประนีประนอมในชีวิตของเขา”
เทพดาบกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่เขา ข้าประนีประนอมมาหลายหมื่นปีแล้ว ข้าพอใจที่จะรักษาโลกนี้ไว้”
ผู้บัญชาการหลิงหลงรู้สึกผิดหวัง
ทัศนคติของอีกฝ่ายทำให้นางสูญเสียความเคารพสุดท้ายต่อจักรพรรดิดาบไป
“งั้นข้าก็ขอตัว” ผู้บัญชาการหลิงหลงกำลังจะออกไป แม้ว่านางจะต้องเผชิญหน้ากับราชินีภูต แต่ก็มีความหมายมากกว่าการทนดูจักรพรรดิดาบที่ขี้ขลาด
แต่เมื่อลั่วอู๋มองไปที่เทพดาบ สิ่งที่แวบเข้ามาในความคิดของเขาคือสิ่งที่จักรพรรดิดาบกล่าวไว้ในอาณาจักรชาวพุทธ
ถ้าพระโพธิสัตว์ไม่ออกไป เราจะมาทำลายเขาเสีย
คนแบบนี้ถึงจะเป็นคนโหดร้ายแต่ก็ไม่ใช่คนขี้ขลาดแน่นอน
ลั่วอู๋พูดช้า ๆ “หลังจากประนีประนอมมานับหมื่นปี ท่านจะทนต่อไปได้จริงหรือ?”
คำพูดนั้นพุ่งออกมาอย่างสายฟ้าแลบ
มือของเทพดาบสั่นเทาและสูดหายใจเข้าลึก ๆ นัยน์ตาของเขาพร่าเลือนไปด้วยเจตจำนงแห่งดาบไร้สิ้นสุด “ข้าอดทนมานานมากแล้ว ข้าสามารถทนได้นานกว่านี้ แต่… ทำไมเจ้าต้องปลุกความโกรธของข้าด้วย?”
ประนีประนอม?
ช่างมันสิ
ข้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว