ไหปีศาจ - บทที่ 942 ความร่วมมือ
บทที่ 942
ความร่วมมือ
แน่นอน ลั่วอู๋ก็เตรียมอาหารและเครื่องใช้มากมายสำหรับชาวแซคด้วย
ชาวแซคสามารถใช้อยู่ได้เป็นเวลานาน
นักรบชาวแซคก็ทำตามคำแนะนำของลั่วอู๋ด้วย ทุกคนถอย ปลดอาวุธและชุดเกราะออก และห้องตีเหล็กก็ปิดลง
ท้ายที่สุดนรกมนตราก็เป็นสถานที่ที่อันตราย และนักรบของเผ่าแซคจะต้องตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีอาวุธและชุดเกราะที่ไว้จำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้ในแดนรกร้าง
ถ้าสังเกตดี ๆ ก็สามารถแกะรอยหาชาวแซคได้ง่าย ๆ น่าเสียดายที่เหล่าปีศาจในนรกมนตราไม่ได้ช่างสังเกตนัก
อสูรระดับต่ำจำนวนมากไม่ฉลาดพอ จนไม่สามารถคิดเรื่องนี้ได้ ส่วนปีศาจที่ฉลาดกว่านั้นก็ไม่สนใจสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้มากนัก เป็นการดีที่จะทำงานให้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี
ท้ายที่สุด มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยากทำงานพิเศษแบบวิญญาณใต้พิภพ
ลั่วอู๋ออกจากเผ่าแซคและรีบไปที่ภูเขาสูงที่เสาผนึกมนตราอยู่
มีลมสีดำแปลก ๆ พัดอยู่บนภูเขาตลอดทั้งปี
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หลังจากผ่านดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ามันคือสายลมแห่งความเกลียดชังที่รวมอารมณ์ด้านลบของนรกมนตราไว้
ในตอนแรก นรกมนตราถูกผนึกไว้ และอารมณ์เชิงลบที่เต็มนรกมนตราก็ถูกผนึกด้วย ดังนั้นมันจึงยังคงอยู่รอบ ๆ เสาผนึกมนตรา
บนภูเขา
ร่างค่อนข้างผอมบางปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ
เขาเป็นชายในเสื้อผ้าสีเทา สายตาของเขาเย็นมาก ดวงตาของเขาเป็นสีดำสนิท ไม่มีสีขาวในตาของเขา มันดูแปลก
ลมปราณของเขานั้นไม่มีตัวตน ซับซ้อนมาก จนผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้
สายลมสีดำอันน่าสยดสยองพัดที่ปกเสื้อของเขา แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ กับเขา
ข้างหน้าชายคนนั้นคือเสาผนึกมนตรา
“เจ้าเองรึ!” เสียงของเฮาดังออกมา ฟังดูประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่เลวนี่” ชายคนนั้นพูดอย่างใจเย็น
“หึ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้าอยากสัมผัสพลังของเสาผนึกมนตราหรือ?” เฮาไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย
ในชั่วพริบตา พลังงานของเสาผนึกมนตราก็เบ่งบานเต็มที่ และแสงสีขาวที่รุนแรงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งทำให้ปีศาจที่อยู่รอบ ๆ ในระยะพันกิโลเมตรตัวสั่นสะท้านและหวาดกลัว
รูม่านตาของชายคนนั้นหดตัวเล็กน้อย และมีร่องรอยของความกลัวปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา
เสาผนึกมนตรานี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ เมื่อเผชิญกับมันคนเดียวก็ถึงกับรู้สึกใจสั่น
แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและพูดเบา ๆ ว่า
“ข้าคิดว่าคนเดียวไม่สามารถต่อกรกับเสาผนึกมนตราได้ แต่ถ้าข้าจะทำ เจ้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอก ดังนั้นเจ้าควรประหยัดพลังงานเพื่อใช้กับผนึกเสีย”
“ฮึ่ม” เมื่อรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นความจริง เฮาก็ต้องประหยัดพลังงานไว้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงค่อย ๆ รวบรวมพลังของเขา
แสงสีขาวจะค่อย ๆ มาบรรจบกัน
เฮาพูดอย่างเย็นชา “แล้วเจ้าจะทำอะไร… หว่านเซียง?”
ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคือปรมาจารย์ปีศาจแห่ง หว่านเซียงซึ่งเป็นมนุษย์คนเดียวในหมู่ปรมาจารย์ปีศาจทั้ง 9
ปีศาจธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้เสาผนึกมนตราได้ แม้แต่ปรมาจารย์ปีศาจทั้ง 9 ก็ยังถูกพลังของผนึกสะกดไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการเข้าใกล้เสาผนึกมนตรา
แต่ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ แต่ไม่มีพลังใดที่จะสะกดเขาได้ มันเป็นเรื่องคาดไม่ถึง
เฮาไม่แปลกใจกับฉากนี้
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงอาจไม่ได้ทรงพลังที่สุด แต่เขารับมือได้ยากที่สุดอย่างแน่นอน เขามีหลายทักษะ ไม่ยากเลยที่จะยอมรับว่าเขาสามารถหาวิธีต้านทานพลังของเสาผนึกมนตราได้
“เจ้ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของนรกมนตราเมื่อเร็ว ๆ นี้รึเปล่า?” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงกล่าวช้า ๆ
เสาผนึกมนตราสั่นและมีเสียงบูดบึ้งออกมา “แล้วถ้าข้ารู้สึกล่ะ”
เฮารับรู้ความเปลี่ยนแปลงของนรกมนตราอย่างชัดเจน
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ถ้ากองทัพปีศาจนรกมนตรามารวมกัน เจ้าจะทำลายกลุ่มปีศาจของข้าได้ไหม?”
“โฮ่ เจ้ามาที่นี่เพื่ออวดเบ่งรึ?” แสงสว่างบนเสาผนึกมนตราที่ปิดสนิทส่องประกาย และดูเหมือนว่าจะมีจิตสังหารพุ่งทะยานออกมา “ถ้าอย่างนั้นข้าขอบอกก่อนเลยว่ามันยังไม่พอ! หากเจ้าต้องการจะทำลายผนึกล่ะก็ เจ้าต้องแลกกับชีวิตปรมาจารย์ปีศาจทั้ง 9!”
เฮาทะนงและมั่นคงเหมือนเคย
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงดูไม่แปลกใจกับคำตอบ “อย่าปากแข็งนักเลย การรวบรวมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในนรกมนตราก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผนึกมนตรานี้พังทลาย”
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็พร้อมที่จะทำลายนรกมนตราทั้งหมดไปพร้อมกันแล้ว” เฮาหัวเราะเยาะ
“นรกมนตรา ถ้ามันถูกทำลายก็ให้มันก็ถูกทำลายไป ต่อให้ทุกสิ่งตายไปหมดแล้ว ก็จะยังเป็นแบบนี้ได้อีก” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงไม่สนใจ “ตราบเท่าที่ข้าทำลายผนึกได้มันก็เพียงพอแล้ว”
ถ้าเทพดาบขู่ว่าสามารถระเบิดตัวไปพร้อมกับหนึ่งในสามของอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ เขาก็สามารถทำให้ราชินีภูตไม่กล้าขยับตัวได้แล้ว
แต่ปรมาจารย์ปีศาจทั้ง 9 นั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาสามารถทิ้งทุกชีวิตในนรกมนตราเพื่อแลกกับอิสรภาพได้
เหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ลงมือจนถึงตอนนี้ก็เพราะการที่จะรวมพลังของนรกมนตราทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นเรื่องยากมาก ปีศาจเหล่านั้นแค่กลัวปรมาจารย์ปีศาจ แต่ไม่ได้เคารพและเชื่อฟังพวกเขา
เฮาเงียบไปเล็กน้อย
หากรวมพลังในนรกมนตราทั้งหมดและโจมตีอย่างไม่คิดชีวิต เสาผนึกมนตราก็พังได้เช่นกัน
“เจ้าไม่สามารถบังขับพวกเขาให้ไปตายได้หรอก” เฮาเข้าใจเป้าหมายอีกฝ่ายทันที
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดมีสัญชาตญาณในการอยู่รอด
การบังคับให้อยู่ในกฎภายใต้ความกดดันและความกลัวนั้นไม่คงที่ การจะสั่งทั้งหมดให้ไปตาย ปีศาจที่มักจะเต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรงก็คงจะก่อกบฏเช่นกัน
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงยิ้ม “ไม่ยากเลย เจ้าควรรู้ว่าบางทีข้าอาจจะปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการเสียสละให้กับพวกเขาและปล่อยให้พวกเขาตายอย่างเต็มใจได้ แน่นอนว่างานนี้มันอาจใช้เวลานานสิบปี ยี่สิบปี หรือร้อยปี มันใช้เวลานานมาก แต่ไม่เป็นไร ข้ายังรอวันที่เจ้าตายได้อีกทางเช่นกัน”
เสาผนึกมนตราสั่นสะเทือนด้วยความโกรธ และทั้งภูเขาก็สั่นสะเทือนด้วย
มันน่ากลัว
คำนี้เปรียบเสมือนคมดาบแทงใจของเฮา
นี่คือสิ่งที่เฮากังวล ถ้าเขาตายไป มนุษย์จะทำอย่างไร!
ในตอนนั้น พลังผนึกของเสาผนึกมนตราจะลดลง และแรงต้านทานการระเบิดของนรกมนตราก็จะลดลงด้วย
แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย หากการสันนิษฐานของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเป็นจริง ปีศาจเหล่านั้นก็เต็มใจที่จะตาย แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร
มนุษย์เท่านั้นที่สามารถคิดแบบนี้ได้
เพราะในประวัติศาสตร์ของมนุษย์มีหลายกรณีที่กองทัพถูกควบคุมโดยใครบางคนให้ทำสิ่งเลวร้าย และแม้แต่กองทัพทั้งหมดก็ต้องตายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของผู้นำ
ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหนก็คิดวิธีทำแบบนั้นได้ยาก
“เจ้าสมควรเป็นมนุษย์ด้วยรึ?” เสียงคำรามของเฮาทำให้โลกสั่นสะเทือน “ข้าน่าจะฆ่าเจ้าเมื่อพันปีก่อน”
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงตอบว่า “ไม่ ไม่ เจ้าได้พยายามทำเช่นนั้น เจ้าแค่ล้มเหลว”
หนึ่งพันปีที่แล้ว เฮาต้องการสังหารปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง เพราะเขาคิดเสมอว่าปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เขาก็ล้มเหลว
เขาไม่สามารถทำได้ ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเจ้าเล่ห์เกินไป
แม้จะอยู่ภายใต้แผนของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง จนเฮาล้มเหลวในการลดจำนวนปรมาจารย์ปีศาจทั้ง 9 หลังจากการลอบโจมตีหลายครั้ง แต่เขากลับวางกับดักและผนึกปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้าได้สำเร็จ
ภูเขาสั่นสะเทือน
เฮาสงบลงอย่างไม่เต็มใจ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“ข้ารึ? ข้าแค่ต้องการทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่แตกต่างออกไป” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงกล่าวว่า “ปรมาจารย์ปีศาจตนอื่นอาจต้องการทำลายโลก แต่ข้าไม่เหมือนกัน ข้ายังหวังว่ามนุษย์สามารถสร้างตัวใหม่ได้”
เฮาหัวเราะเยาะ
มันไร้สาระ
หากโลกมนุษย์พ่ายแพ้ จะเกิดผลดีอะไรต่อมวลมนุษยชาติหลังจากการสร้างตัวขึ้นใหม่แล้ว? นอกจากนี้ เจ้าจะป้องกันปรมาจารย์ปีศาจอีกแปดตนจากการทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้อย่างไร?
จู่ ๆ ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงก็พูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าเจ้าหยุดเราไม่ได้ ก็ให้ความร่วมมือกับเราเถอะ ข้าสามารถสัญญากับเจ้าได้ว่าตราบเท่าที่เจ้ายินดีที่จะร่วมมือด้วย มนุษย์จะได้รับดินแดนที่บริสุทธิ์ อยู่อย่างสงบสุข และปราศจากการกดขี่ข่มเหงใด ๆ”
เฮาตกตะลึง
เขาไม่คิดว่าปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงจะพูดเช่นนั้น