ไหปีศาจ - บทที่ 951 ลมปราณของภูตไห
บทที่ 951
ลมปราณของภูตไห
การเปลี่ยนแปลงของนกโง่นั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ และถึงขั้นขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของนกวิญญาณทั้งกลุ่มได้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันกล้าท้าทายนายพลผีอีกครั้ง
ไป่ฉีก็ได้กลายเป็นราชาผีแล้ว ด้วยกองทัพผีขนาดใหญ่ หากนกโง่กล้ายั่วโมโห พวกมันก็จะถูกทุบตีได้
หลังจากนกโง่จากไป ลั่วอู๋ก็ไปพบไป่ฉีและบอกเขาว่าอย่าไปเร่งงานห้องตีเหล็กอีก ช่างระดับปรมาจารย์หลายคนในห้องตีเหล็กต้องทำงานกันอย่างหนัก
เพราะมีคนไม่พอ
มันยากมากที่จะสร้างเกราะนรกได้
ช่างตีเหล็กธรรมดาสร้างมันไม่ได้
ผลผลิตจึงไม่มาก เป็นไปไม่ได้ที่จะเตรียมให้กองทัพผีทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น
แม้ว่าจะช่วยไม่ได้ ไป่ฉีก็ทำได้เพียงพยักหน้า
“ยังไงก็เถอะ ถ้าเจ้านกโง่มารบกวนเจ้าทีหลัง ไม่ต้องห่วง เล่นงานมันตรง ๆ ไปเลย ไม่ต้องไว้หน้ามัน” ลั่วอู๋กล่าว
ไป่ฉีตกใจเมื่อได้ยินประโยคนี้
เขามักจะคิดว่านกโง่ตัวนั้นเป็นของลั่วอู๋ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างอดทน
“ด้วยคำพูดของท่านข้าก็รู้สึกโล่งใจ พอดีว่าข้าต้องการคู่ต่อสู้เพื่อซ้อมเหล่าทหารผีให้สามารถทำงานได้ดี” ไป่ฉีกล่าวเช่นนั้น
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “ถ้าพวกนกโง่นี้มันมากเกินไป เจ้าจงตรงไปหาภูตพระโพธิสัตว์นะ”
“ขอรับ”
พอสั่งการพวกนี้แล้ว ลั่วอู๋ก็กำลังจะจากไป
หลังจากการตระเวนโลกไห ก็ไม่มีสถานการณ์พิเศษอื่นใด
ได้เวลากลับแล้ว
การเดินทางนี้ไม่ได้เกิดอันตราย
นอกจากนี้ยังได้เก็บเกี่ยวเล็กน้อย เพราะได้เห็นกระต่ายมนตราแล้ว เขาก็ได้เพิ่มไพ่ตายพิเศษให้ตวนซี
ก่อนที่ลั่วอู๋จะมาที่วัง
อันที่จริงวังสามารถขยายขั้นสุดท้ายได้แล้ว แต่ก็ยังไม่จำเป็น ตอนนี้มันเพียงพอแล้วและมันก็ใช้แต้มเซียนมากเกินไป
“เอาล่ะ ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว” ลั่วอู๋พูดกับฝูงชนด้วยรอยยิ้ม
ผู้คนก็รู้ว่าการเก็บขนกระต่ายมนตราประสบความสำเร็จแล้วจึงไม่มีปัญหา
สีหน้าของเหวินเสี่ยวด้านมืดไม่ค่อยดีนัก “เรามาที่นี่แต่เราก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย…”
ผู้คนก็คิดถึงปัญหานี้ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก
มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรมากขนาดนี้แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์
“มีพวกเจ้าอยู่ข้าก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นไง” ลั่วอู๋หัวเราะ
เหวินเสี่ยวด้านมืดกัดฟัน “น่าเจ็บใจนัก… เจ้าช่วยไปหาเรื่องศัตรูที่อ่อนแอกว่านี้ไม่ได้รึไง?”
เขาต้องการตอบแทนบุญคุณของลั่วอู๋ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ซึ่งทำให้เขาทนไม่ไหว
ตอนที่อยู่ดินแดนแห่งผู้ถูกเนรเทศก็เป็นเช่นนี้
ตอนบุกอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะอีกครั้งก็เหมือนกัน
มาถึงนรกมนตราแล้วก็ยังเป็นแบบนี้อีก
แน่นอนว่าเขาไม่ได้โง่ขนาดที่ยื่นมือมาช่วยในเรื่องที่ช่วยไม่ได้ นั่นไม่ใช่การทดแทนบุญคุณ แต่เป็นการรนหาที่ตาย
ลั่วอู๋ตอบ “คราวหน้าข้าจะพยายามเลือกเป้าหมายให้ดีที่สุดแล้วกัน”
พวกเขาออกจากโลกไหด้วยเสียงหัวเราะ
การเปลี่ยนแปลงของนรกมนตรานี้ ลั่วอู๋จำเป็นต้องถ่ายทอดไปยังโลกภายนอกโดยเร็วที่สุด แม้ว่านรกมนตราจะไม่สามารถทำลายเสาผนึกมนตราได้ แต่ก็ควรเตรียมพร้อมไว้ก่อน
เมื่อพวกเขาออกจากอาณาเขตของกระต่ายมนตราและพร้อมที่จะออกจากนรกมนตรา ลั่วอู๋เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป นายน้อย?” หลี่หยินสังเกตความผิดปกติของลั่วอู๋ทันที
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “ไม่รู้สิ แค่รู้สึกแปลก ๆ”
ความรู้สึกแบบนี้ค่อนข้างคุ้นเคย ราวกับว่ามันเคยปรากฏมาก่อน
จากนั้น ราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างได้ในทันใด เขาก็หยิบไหปีศาจออกมา และมีไฟจาง ๆ อยู่บนไหเล็ก ๆ ที่เรียบง่าย
“ภูตไหอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง!” ลั่วอู๋อุทานออกมา
ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นภูตไห ไหปีศาจก็มีอาการแบบนี้เช่นกัน
ฝูงชนประหลาดใจเล็กน้อย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าภูตไหหมายถึงอะไรสำหรับลั่วอู๋
แต่อย่างที่รู้กันดีว่าลั่วอู๋และภูตไหมีความแค้นต่อกันและเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลั่วอู๋ยังเคยเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างยุคมืดกับภูตไหให้ฟัง
ภูตไหเป็นผู้บงการทั้งหมด
“ไปหาเขากัน” มีแววของจิตสังหารในดวงตาของลั่วอู๋
ความแค้นทั้งเก่าและใหม่นับรวมกัน
ลั่วอู๋ “หายตัวไป” เป็นเวลา 6 ปี ต้องขอบคุณภูตไหเลย
หลี่ซวนซงคงไม่ไล่ล่าเขาหนักขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะการสนับสนุนของภูตไห ทั้งหมดเป็นเพราะเขา
ในตอนแรกเขาไม่สามารถจัดการภูตไหได้เพราะมิติวิญญาณนั้นต่ำเกินไป
แต่ตอนนี้มันต่างกันออกไป
ลั่วอู๋ได้มาถึงระดับเพชรแล้ว ภายใต้การกระตุ้นของเขา ไหปีศาจสามารถใช้พลังส่วนใหญ่ของมันได้ ไม่ยากเลยที่จะเอาตัวภูตไหไป
ดังนั้น ลั่วอู๋จึงพาผู้คนบินไปยังจุดที่จับสัมผัสได้อย่างเงียบ ๆ
ไหปีศาจและภูตไหนั้นเข้าหาซึ่งกันและกัน
ระยะการตรวจจับของไหปีศาจนั้นชัดเจนว่ามากกว่า ภูตไห ดังนั้นลั่วอู๋จึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของเขาไม่ได้ และมันก็เป็นแบบนี้เมื่อครั้งล่าสุดเช่นกัน
เขาใช้แสงแห่งพระโพธิสัตว์เพื่อกลบลมปราณของ ไหปีศาจจนหมด
ออกจากอาณาเขตของกระต่ายมนตราแล้ว พวกเขาก็บินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
“นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นอาณาเขตของปรมาจารย์ปีศาจด้วย” เหวินเสี่ยวด้านสว่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคิดว่าหนึ่งในเก้าดาวมนตรานั้นสว่างกว่าดวงอื่นมาก
เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ถ้าใกล้กับถิ่นที่อยู่ของปรมาจารย์ปีศาจเท่านั้น
ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือ
ดวงตาของลั่วอู๋เป็นประกาย ครุ่นคิดเล็กน้อย “ดูสถานการณ์ก่อน คราวนี้เมื่อเราพบสิ่งผิดปกติ ให้รีบหนีทันที ห้ามเสี่ยงเด็ดขาด”
มันยากเกินไปที่จะพบกับภูตไห
โอกาสแบบนี้หายาก
แต่เราก็ยังต้องเน้นเรื่องความปลอดภัย
พวกเขาเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พลังวิญญาณปีศาจที่อยู่ข้างหน้าพวกเขากลายเป็นพายุที่ไม่มีที่สิ้นสุดและรวมตัวในอากาศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่อย่างสุดขีด
เห็นได้ชัดว่านี่ไม่เหมือนกับสภาพในสถานที่ที่ราชาปีศาจอมตะและกระต่ายมนตราอาศัยอยู่
สภาพแวดล้อมของบริเวณนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก มันเป็นเพียงดินแดนที่แห้งแล้งและภูเขาที่แห้งแล้ง ราวกับนรกที่มอดลงไปแล้ว ไม่มีชีวิตเลย มันว่างเปล่า
มีปีศาจน้อยมาก
ฉูจงฉวนประหลาดใจ “เอ๊ะ? เจ้าสังเกตรึเปล่าว่าแม้จะมีปีศาจในพื้นที่นี้น้อยมาก แต่พวกมันทั้งหมดเป็นรูปร่างมนุษย์”
หลังจากที่ ฉูจงฉวนเตือนผู้คนก็สังเกตจุดนี้เช่นกัน
ปีศาจในบริเวณนี้ล้วนแต่เป็นรูปร่างมนุษย์ อย่างน้อยร่างกายส่วนใหญ่ก็เหมือนมนุษย์ ไม่มีแม้แต่หนูปีศาจและไฮยีน่าตัวเล็ก ๆ เลย
วิญญาณใต้พิภพ ปีศาจ ยักษา วิญญาณคนตาย และอื่น ๆ
แต่ก็ไม่มีจำนวนมากนักจึงดูเหมือนว่าพื้นที่นี้รกร้างว่างเปล่ามาก
แต่เพราะฉูจงฉวนไวต่อเรื่องแบบนี้มาก
ลั่วอู๋ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “อาณาเขตของราชาปีศาจอมตะมีแต่เผ่าพันธุ์ที่มีเลือดเนื้อของเขาเองทั้งหมด และอาณาเขตของกระต่ายมนตราก็เป็นปีศาจประเภทมิติทั้งหมด ถ้าอย่างนั้นเราก็เดาได้”
“มันคืออาณาเขตของปีศาจรูปแบบมนุษย์ทั้งหมด ก็น่าจะเป็นอาณาเขตของปรมาจารย์ปีศาจ”
ทั้งหมดมองหน้ากันและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง”
ใช่แล้ว
หนึ่งเดียวที่มีรูปลักษณ์มนุษย์ในหมู่ปรมาจารย์ปีศาจทั้งเก้า
“ฮ่า ฮ่า ข้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเสียอีก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว” แสงอันดุเดือดในดวงตาของลั่วอู๋แสดงให้เห็น “เป็นเจ้าอีกแล้ว ภูตไห!”
ภูตไหปรากฏในอาณาเขตของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง
แล้วปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงก็เสนอแผนรวมนรกมนตราให้เป็นหนึ่ง และริเริ่มที่จะดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง
ถ้าจะบอกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวภูตไห ใครจะไปเชื่อ?