ไหปีศาจ - บทที่ 965 ได้รับปราณมังกรแก่นแท้
บทที่ 965
ได้รับปราณมังกรแก่นแท้
ซวนชิงหยู่มองลึกเข้าไปในลั่วอู๋
เขาเข้าใจบางอย่างอย่างชัดเจน
นอกจากตัวตนระดับจักรพรรดิแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาขนของกระต่ายมนตรามาได้
“ปราณมังกรแก่นแท้” ซวนชิงหยู่ส่ายหัว “เจ้าน่าจะรู้สถานการณ์ดี ข้าเกรงว่าเป็นเรื่องยากที่หาปราณมังกรแก่นแท้มาได้”
มีเพียงสามคนเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณมังกรแก่นแท้
จักรพรรดิคนเก่าที่ติดอยู่ในความว่างเปล่าอันไร้ที่สิ้นสุด หลี่ซวนซงที่ตกบัลลังก์ไปแล้ว และองค์หญิงเจียโรวที่ติดอยู่ในอาณาจักรโบราณหมื่นอมตะ
ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “หลี่ซวนจงถูกท่านเอาตัวไปไม่ใช่หรือ? เขาตายแล้วรึ?”
“เขาไม่ได้ตายหรอก แต่เขาจะมอบมังกรแก่นแท้ให้กับเจ้าได้อย่างไร? ต่อให้เป็นข้า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสกัดปราณมังกรแก่นแท้ของเขาออกมาใช้เองได้”
ปราณมังกรแก่นแท้คือปราณของจักรพรรดิ เป็นปราณที่ดื้อรั้นที่สุด ควบคุมและครอบงำได้ยาก โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลภายนอกจะดึงมันออกไปและควบคุมมันได้
“บังคับให้เขาช่วยได้ไหม?” ลั่วอู๋เสนอแนะ
ซวนชิงหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่ายหัว “เจ้าคิดว่าเขาจะยอมไหมล่ะ”
ลั่วอู๋ไม่สามารถเถียงได้
หลี่ซวนซงไม่ใช่คนขี้ขลาด
“งั้นก็วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียให้เขาฟัง” ลั่วอู๋คิดหาวิธีทันที “นรกมนตรารวมเป็นหนึ่ง และมนุษยชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย หากจักรพรรดิคนเก่าไม่สามารถกลับมาได้ ราชวงศ์จะตกอยู่ในอันตราย”
ทันทีที่ถ้อยคำเหล่านี้ออกมา สีหน้าของผู้คนในพระราชวังก็เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะจักรพรรดิคนปัจจุบัน หน้าของเขากำลังจะกลายเป็นสีตับหมู
ถ้าจักรพรรดิคนเก่าไม่กลับมา ราชวงศ์มังกรเร้นกายจะล่มสลาย เป็นการบอกว่าจักรพรรดิคนปัจจุบันไร้ความสามารถเป็นนัย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาทำได้เพียงอดทนไม่กล้าพูดอะไร
ซวนชิงหยู่มองไปที่ลั่วอู๋ “จะได้ผลรึ?”
“แน่นอน มันต้องได้ผล” ลั่วอู๋มั่นใจ
เขารู้จักหลี่ซวนซงเป็นอย่างดี
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความบาดหมางที่ล้างกันไม่ลง แต่ก็เป็นศัตรูที่รู้จักกันและกันดีที่สุด
หลี่ซวนซงอดทนและโหดเหี้ยมมาก เขามีความกล้าหาญ มีอุดมการณ์ ความสามารถและแผนการ เขาเป็นชายแห่งมังกรและนกเพลิงอมตะ เขามีคุณสมบัติของจักรพรรดิ แต่เขาไม่ใช่วีรบุรุษของโลก
เขาต้องการหลายสิ่งหลายอย่าง แต่โดยสรุปแล้ว มีสิ่งหนึ่งคือ เขาต้องการอำนาจสูงสุด เขาต้องการทำลายอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งและทะเลเหนือ เพื่อบรรลุอำนาจสูงสุดชั่วนิรันดร์
ไม่ว่าสถานะของเขาจะเป็นอย่างไร
อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่
ตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ เขาก็มีโอกาสที่จะได้บัลลังก์กลับคืนมา
แต่ถ้าราชวงศ์มังกรเร้นกายทั้งหมดหายไป ก็ไม่มีบัลลังก์
เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะพูดว่า “สิ่งใดที่ข้าไม่ได้ มันก็จะต้องถูกทำลาย” เขาเป็นคนประเภทที่ ถ้าไม่ได้ในตอนนี้ ในอนาคตก็ต้องได้มา
เพราะเขายังมีชีวิตอยู่และน่าจะสบายดีมาก
ดังนั้นเมื่อเผชิญกับวิกฤตเช่นนี้ เขาไม่มีทางคิดบ้า ๆ อย่างการลากราชวงศ์ลงหลุมไปกับเขาแน่นอน
“ก็ได้ ข้าจะพยายาม”
ซวนชิงหยู่หายไปราวกับสายลม
แม้ว่าลั่วอู๋จะใช้นัยน์ตาปีศาจ เขาก็ไม่เห็นตำแหน่งของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ความแข็งแกร่งของเขาช่างยากจะหยั่งถึง จริง ๆ
ครู่ต่อมา ซวนชิงหยู่ก็กลับมา
“เขาบอกว่าได้” ซวนชิงหยู่ครุ่นคิด “เพียงแต่…”
“แต่อะไร?”
“เขาต้องการคำสัญญาจากเจ้า”
ลั่วอู๋ประหลาดใจ “สัญญาของข้าเหรอ?”
“ใช่ เขาบอกว่าถ้าเจ้ามีโอกาสได้เจอเขา เจ้าต้องปล่อยให้เขาชก 3 หมัดโดยห้ามสู้กลับ ต่อให้เจ้าตาย เจ้าก็สู้กลับไม่ได้” ซวนชิงหยู่มีสีหน้าแปลก ๆ
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลี่ซวนซงจะตั้งเงื่อนไขแบบนี้
ดูเหมือนว่าเขาจะเกลียดลั่วอู๋อย่างสุดซึ้ง
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะความล้มเหลวในการกบฏและการตกจากบัลลังก์ล้วนเกิดจากลั่วอู๋
นอกจากนี้หลี่ซวนซงยังรู้ด้วยว่าหากเขาเสนอข้อเรียกร้องที่มากเกินไป อย่าง “การคืนเสรีภาพ” เขาจะไม่ได้รับการยอมรับ ดังนั้นเขาจึงมุ่งเป้าไปที่ลั่วอู๋
“ได้ ข้าตกลง” ลั่วอู๋ตกลงโดยไม่ได้คิดอะไร
แม้ว่าจักรพรรดิมังกรนั้นยากจะทนได้
ทว่า ลั่วอู๋ได้กลายเป็นระดับเพชร และมีร่างอมตะทองคำ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวเลย
หลี่ซวนซงยังคงประเมินเขาต่ำเกินไป
ซวนชิงหยู่พยักหน้า มือขวาของเขาค่อย ๆ กางออก มังกรสีทองปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ สดใสและบริสุทธิ์ แข็งแกร่ง เมื่อมังกรเงยหน้าขึ้น มันก็มีพลังของจักรพรรดิ
พลังอันยิ่งใหญ่ของมังกรแก่นแท้แทรกซึมอยู่ในพระราชวงศ์ ซึ่งทำให้ขุนนางมีแรงกระตุ้นที่จะบูชา
นี่คือความยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิ
“เจ้าได้ยินใช่ไหม?” ซวนชิงหยู่กล่าวอย่างใจเย็น
ปราณมังกรแก่นแท้พยักหน้าราวกับว่าเขามีสติสัมปชัญญะ
เห็นได้ชัดว่าถ้าลั่วอู๋ปฏิเสธข้อเสนอ มังกรแก่นแท้นี้จะทำลายตัวเองทันที
“ส่งวิญญาณ?” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
มันเป็นทักษะที่ล้ำหน้ามาก มันมีพื้นฐานจากพลังวิญญาณที่มีจิตใจของมันเอง เป็นการยากที่จะเชี่ยวชาญและไม่มีประโยชน์มากนักหากมีเจตจำนงของตนเองได้แค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ
แต่ความสามารถในการควบคุมทักษะนี้นั้นแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของหลี่ซวนซงได้ก้าวข้ามขีดจำกัดครั้งใหญ่แล้ว
นั่นแหละคือเขา
“ใช่แล้ว” ซวนชิงหยู่พยักหน้าแล้วยื่นพลังปราณมังกรแก่นแท้ให้ลั่วอู๋ “ที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
“ให้ข้าจัดการเอง” ลั่วอู๋เข้ารับปราณมังกรแก่นแท้มา
จิตวิญญาณของปราณมังกรแก่นแท้จะสลายไปโดยตรงและเหลือเพียงปราณมังกร
ลั่วอู๋นำปราณมังกรแก่นแท้ไปและจากไปทันที
ซวนชิงหยู่ก็หายไปราวกับสายลม เหลือเพียงห้องโถงที่เงียบสงัด
“อะแฮ่ม ไปทำงานต่อเถอะ” เฒ่าเฉินไอเบา ๆ
จักรพรรดิก็ตบโต๊ะอย่างโกรธเคือง “จะอะไรอีกล่ะ แยกย้ายสิ!”
จากนั้นเขาก็หันหลังออกไป
บรรดาขุนนางต่างมองหน้ากันและรู้สึกถึงความโกรธในใจของจักรพรรดิ ใช่ ลั่วอู๋นั้นหยิ่งมาก มันมากเกินไป
แต่พวกเขาจะทำอะไรได้
คนหนุนหลังเขาคือสำนักเฉียนหลงและกองทัพสยบมังกร
ดูเหมือนว่ากองกำลังทั้งสองที่ควรจะเป็นกำลังสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรพรรดิจะให้ความสำคัญกับลั่วอู๋ ไม่ต้องพูดถึงว่าลั่วอู๋ก็เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเพชรที่มีความแข็งแกร่งและมีบทบาทสำคัญในโลกธุรกิจ
หลายคนเริ่มเข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ในอดีตจึงต้องควบคุมพลังวิญญาณมังกรแก่นแท้ เพราะต่อให้จะมีเมตตาธรรมและคุณธรรมที่หาผู้ใดเปรียบมิได้ แต่ถ้าขาดความแข็งแกร่ง ก็จะไม่สามารถควบคุมผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ได้ สุดท้ายเจ้าต้องกล้ำกลืนความโกรธของตัวเองลงไป
เมื่อจักรพรรดิกลับมาที่ห้องนอนของเขา เขาก็ไล่ขันทีและสาวใช้ทั้งหมดออกไป ทุบถ้วยไวน์ แจกัน โต๊ะ เก้าอี้ และหยก อย่างโกรธเกรี้ยวครู่หนึ่ง
ในที่สุด ความโกรธก็หายไปเล็กน้อย คิดถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความแค้นในใจเขาก็ยังยากที่จะสงบลง
นี่มันเพื่ออะไร?
ข้าเป็นจักรพรรดิ
ถ้าพ่อข้ากลับมา เขาจะไม่ต้องสละตัวเองหรือ? ลูกชายจะหลีกทางให้พ่อตัวเองมีที่ไหน? มันไร้สาระ ข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ตลอดประวัติศาสตร์ของราชวงศ์มังกรเร้นกาย ไม่เคยมีตัวอย่างที่ไร้สาระแบบนี้
เขาดูไม่มั่นใจ และความคิดที่มืดมนก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา
“ให้กองทัพแห่งความมืดมาที่นี่” เขาออกคำสั่ง
ในฐานะจักรพรรดิจะไม่มีกองกำลังของตัวเองใช้ได้อย่างไร
หน่วยรบค่ายกลสังหาร หน่วยสยบมังกร ทหารรักษาพระองค์ และแม้แต่พระราชวังจักรวรรดิก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผู้คนรู้จัก และบางส่วนของพวกเขาถูกซ่อนไว้
กองกำลังนั้นคือกองทัพแห่งความมืด
อาจไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดในกองทัพแห่งความมืด แต่พวกเขาก็จงรักภักดีต่อจักรพรรดิและไม่เคยทรยศ พวกเขาอยู่ในรายชื่อของคนที่ตายไปแล้วและมีหน้าที่รับผิดชอบพิเศษในการจัดการกับงานบางอย่างที่ยากต่อการเปิดเผย
อาจกล่าวได้ว่าในจักรวรรดิทั้งหมดมีไม่เกินสามคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของกองทัพแห่งความมืด
แม้แต่เฒ่าเฉินก็ไม่รู้
“หยุดเขา!”
“กำจัดปราณมังกรแก่นแท้ออกไป”
“เจ้าสามารถฆ่าเขาได้ถ้าจำเป็น”