ไหปีศาจ - บทที่ 982 มนตรา
บทที่ 982
มนตรา
“ปราณปีศาจ?”
นารุรู้สึกแปลก ๆ
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น
อย่างน้อยก็ไม่ใช่พลังมนตราบริสุทธิ์
“เราเข้าไปกันเลยไหม?” ฉูหนิงซวงรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
นารุส่ายหัว “ยังก่อน”
“เจ้ากำลังจะทำอะไร?”
“รอ”
ฉูหนิงซวงได้ยินคำพูดของนารุ รู้สึกผิดหวังและมีความสุข ผิดหวังที่อีกฝ่ายหาทางทำลายลัทธิสุริยันจันทราไม่ได้ และมีความสุขที่อีกฝ่ายไม่บุกเข้าไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
ในเวลานี้ บนภูเขามีคนในชุดสีแดงดำจำนวนหนึ่ง
ชุดนี้ดูคุ้นเคย
มันเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่โดยคนที่ไล่ตามฉูหนิงซวง
นารุเดินตรงไป
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่ารอไม่ใช่รึไง!” ฉูหนิงซวงสับสน
เขาเพิ่งบอกว่ารอทำไมแล้วทำไมถึงรีบขึ้นมาเอาตอนนี้
นารุยกดาบขึ้น ใช้สันดาบเป็นค้อนแล้วตบเบา ๆ เขาตบคนที่ปรากฏตัวในสายตาของเขาโดยตรง คนเหล่านี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะตะโกนขอความช่วยเหลือ
“อ่อนแอมาก” นารุเกาหัวตัวเอง
เขาจงใจออมกำลังที่สุดแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะล้มคนเหล่านี้ได้โดยตรง
ฉูหนิงซวงสีหน้าไม่ดี “ไร้สาระ คนเหล่านี้ไม่ถึงระดับเงินด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นเพียงสาวระดับต่ำ”
“โอ้…”
“เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร”
“ข้าอยากสอบข้อมูลจากพวกเขา”
ฉูหนิงซวงพูดอย่างหมดหนทาง “งั้นก็ให้ข้าลงมือสิ เจ้ามันมือหนักไป”
นารุนึกขึ้นได้ทันที
ใช่ ต้องให้นางลงมือ
เขาเกือบลืมไปแล้วว่าฉูหนิงซวงก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับทองและนางก็มีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง
ถ้าปล่อยให้ฉูหนิงซวงรู้ความคิดที่แท้จริงของนารุตอนนี้ เกรงว่านางจะต้องอาละวาดแน่
ไม่นานก็มีสาวกอีกกลุ่มหนึ่งออกมา
ฉูหนิงซวงปราบพวกเขาอย่างรวดเร็วและสอบปากคำสถานการณ์ทั่วไป
“ไปกันเถอะ มาจัดการสาวกระดับสูงและพวกที่เรียกว่าสี่จตุรเทพกันเถอะ” นารุกระซิบ
พวกเขาลอบเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ฐานหลักของลัทธิสุริยันจันทราค่อนข้างสงบ เห็นได้ชัดว่าไม่มีภัยคุกคามจากภายนอกเลย
ตรงกลางของแท่นบูชามีรูปปั้นทองคำซึ่งดูเหมือนเทพเจ้าแห่งลัทธิสุริยันจันทราเนื่องจากสาวกหลายคนคุกเข่าและสวดอ้อนวอนอย่างศรัทธา
นารุเห็นแล้วก็โกรธ
“ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง?”
ลัทธินี้หลอมรูปปั้นทองคำรูปปรมาจารย์ปีศาจแห่ง หว่านเซียง และก้มหน้าสวดอ้อนวอน
ฉูหนิงซวงไม่คิดเลยว่าลัทธิสุริยันจันทราจะปฏิบัติต่อปีศาจเป็นเทพเจ้า
“ลัทธินี้มันบ้าเกินไปแล้ว” นารุกัดฟัน
เขาพยายามระงับความอยากพุ่งเข้าไปทุบรูปปั้นนั่นในหัวใจของเขาและจากไปอย่างไม่เต็มใจ
เราต้องทำแผน
ต้องใจเย็น ๆ ไว้
ลัทธิสุริยันจันทรานี้ยังไงก็ต้องกำจัดให้หมดสิ้น!
หัวใจของนารุเต็มไปด้วยจิตสังหาร
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเมื่อเขาจากไป รูปปั้นทองคำนั้นก็ปล่อยแสงสีดำออกมาอย่างช้า ๆ ซึ่งตกลงมาบนสาวกระดับล่างทั้งสามอย่างช้า ๆ
ลมปราณของสาวกระดับล่างทั้งสามพุ่งทะยานขึ้นทันใด และไปจนถึงระดับทองขั้นสูง
ทั้งสามตื่นเต้นมาก
สาวกคนอื่นก็ถ่อมตัวและภาวนามากกว่าเดิม
นี่คือเหตุผลที่ลัทธิสุริยันจันทราสามารถชนะใจผู้คนได้อย่างรวดเร็ว
ประโยชน์ที่มองเห็นได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
……
……
นารุแอบเข้าไปในลัทธิสุริยันจันทรา
เขาพบเจ็ดสาวกระดับสูงที่เหลือทันที แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังของระดับทองขั้นสูง แต่ก็อ่อนแอและเต็มไปด้วยช่องโหว่ นารุไม่ได้ใช้เวลามากในการจัดการอีกฝ่าย
“เอาล่ะต่อไปก็สี่จตุรเทพ”
นารุได้สอบปากคำเอาที่อยู่ของสี่จตุรเทพแห่งลัทธิสุริยันจันทราจากปากสาวกระดับสูง
และลอบเร้นอีกครั้ง
“ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่?” ฉูหนิงซวงสับสน
นารุขมวดคิ้ว “น่าจะไปแล้ว ปล่อยเขาไปก่อนแล้วกัน”
พวกเขาไปหาคนต่อไป
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นเช่นกัน
มันแปลก
นารุขมวดคิ้ว
พวกเขาไปที่หาคนสาม
ก็ยังไม่เจอ
“ข้อมูลที่เค้นมาเป็นคำโกหกรึเปล่า?” ฉูหนิงซวงสงสัย “เราต้องไปหาคนที่สี่ไหม?”
นารุส่ายหัว “ไม่ ข้าแน่ใจว่าเขาก็ไม่อยู่เหมือน”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ก็พอจะเดาได้จากการที่ลัทธิสุริยันจันทรายังคงสงบนิ่งหลังจากสาวกระดับสูงทั้งเจ็ดถูกสังหารไป” นารุสูดหายใจเข้าลึก ๆ “พวกเราโดนเปิดเผยแล้ว”
“เดี๋ยวสิ งั้นทำไมพวกเขาไม่มาจับพวกเราล่ะ”
ปล่อยให้สาวกระดับสูงถูกฆ่า?
มันแปลก
“ไปดูกันก่อนเถอะ” ใบหน้าของนารุดูมืดมน
พวกเขามาถึงใจกลางฐานหลัก
นั่นคือที่ที่มีรูปปั้นทองคำอยู่
แน่นอนว่ามีสี่คนที่มีลมปราณที่แกร่งที่สุดรอพวกเขาอยู่ ข้างหลังพวกเขา มีสาวกจำนวนมากในชุดคลุมสีดำแดง จ้องมองพวกเขาด้วยความโกรธ
สี่จตุรเทพ
เป็นผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคน
ลมปราณอยู่ที่ยอดระดับทองขั้นสูง
แม้ว่าร่างกายจะเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ช่องว่างระหว่างมิติวิญญาณนั้นใหญ่เกินไป
“ฮึ่ม มีคนกล้าบุกเข้ามาในฐานหลักของลัทธิสุริยันจันทราจริง ๆ ด้วย ช่างกล้าหาญเสียจริง” ชายร่างใหญ่กล่าว ตัวเขาสูงมากเหมือนเนินเขา
นารุกำดาบเล่มใหญ่ “ข้ากล้าบุกเข้ามาแล้วจะทำไม?”
“เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ถ้าท่านศาสดาไม่ห้ามข้า ข้าคงจะฆ่าเจ้าไปแล้ว” ชายคนนั้นคำราม
นารุเกิดความสงสัย
ทำไมท่านศาสดาถึงห้ามเขาไว้
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้
ดวงตาของเขากวาดไปรอบ ๆ แต่เขาไม่พบคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าที่ไหนเลย
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว มนุษย์ที่ต่ำต้อยแบบนี้ ฆ่ามันเถอะ” ผู้หญิงในสี่จตุรเทพหัวเราะเยาะ
แต่ล่ะคำพูดเต็มไปด้วยความรู้สึกของความเหนือกว่าเต็มเปี่ยม
เหมือนตัวเองเป็นชนชั้นสูง
ทันทีที่นารุกำลังจะเยาะเย้ยกลับไปบ้าง เขาเห็นรูปปั้นทองคำทองปล่อยแสงสีดำออกมาและตกลงมาที่ผู้หญิงคนนั้น สีหน้าของหญิงสาวตกใจทันที
“ท่านศาสดา!” ผู้หญิงคนนั้นคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว
ก่อนที่นางจะมีเวลาขอความเมตตา ผู้หญิงคนนั้นก็กลายเป็นผงและกระจัดกระจายเป็นฝุ่นธุลี
นารุตกตะลึง
นั่นมันอะไรกัน? ทำไมมันถึงทำแบบนั้นได้?
ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงตายกะทันหัน
จตุรเทพอีกสามในสี่ที่เหลือก็กลัวเช่นกัน
“อย่าขัดคำสั่งท่านศาสดา” ชายคนนั้นเตือน
อีกสองคนยืนนิ่งและพยักหน้า
นารุขี้เกียจเกินไปที่จะดูท่าทีต่อ เขาคว้าดาบเล่มใหญ่และพุ่งเข้าไป
อันที่จริงทั้งสามคนไม่ได้เข้ามาต่อสู้พร้อมกัน แต่ชายร่างใหญ่เป็นคนออกมาสู้กับนารุคนเดียว
“ข้าก็ไม่รู้นะว่าเจ้าหยิ่งทะนงอะไรกันอยู่!”
ในสายตาของนารุ จิตสังหารระเบิดออก
ตู้ม!
พลังวิญญาณของดาบระเบิดอย่างบ้าคลั่ง
พลังของชายร่างใหญ่นั้นแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีช่องโหว่มากมายในการเคลื่อนไหว แต่เขาก็กดดันนารุด้วยมิติวิญญาณที่สูงกว่าของเขา
ฉูหนิงซวงประหม่าเล็กน้อยและอยากจะหนี แต่พบว่านางถูกล้อมแล้ว
นารุต่อสู้อย่างดุเดือดนานกว่าหนึ่งชั่วโมง และในที่สุดก็พบโอกาสที่จะแทงดาบเข้าที่ร่างของอีกฝ่าย ใบหน้าของชายผู้นั้นไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นและร่างกายของเขาทรุดลง
“เฮ้อ…” นารุถอนหายใจ
มันยากมากที่จะเอาชนะคนที่มีระดับต่างกันมาก
“บ้าเอ๊ย” จตุรเทพอีกสองคนที่เหลือบ่น แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะต่อสู้ด้วยกัน ชายร่างผอมเล็กน้อยออกมาคนเดียวและต่อสู้กับนารุต่อไป
นารุทำหน้างง
คนพวกนี้คิดอะไรกันอยู่?
อยากตายทีละคนรึไง?
แต่มันก็ดีสำหรับเขาและเขาก็มีความสุขกับมัน
นารุสู้ต่อไป กว่าฆ่าอีกฝ่ายได้ก็ยากเย็น เหงื่อออกทั้งตัว มีรอยแผลบนตัวเยอะมาก
จตุรเทพคนสุดท้ายเดินมาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
สู้ต่อไป
นารุสู้อย่างหนัก เขาเกือบจะล้มลงเพราะความอ่อนล้าของเขา ในที่สุด เขาก็พบช่องโหว่ เขากระตุ้นเจตจำนงแห่งดาบทั้งหมดของเขา และโจมตีฝ่ายอย่างหนักจนเขาเจียนจะตาย
แต่นารุก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ตาเขาแดงเล็กน้อยและคำราม “เข้ามา เข้ามาอีกสิ”
สาวกระดับสูงทั้งแปดและสี่จตุรเทพตายหมดแล้ว
สาวกคนอื่น ๆ มองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถฆ่านารุได้โดยตรง
ในเวลานี้ สาวกทั้งหมดคุกเข่าลงและโค้งคำนับนารุ “ข้าพเจ้าเห็นพระองค์แล้ว พระเจ้าของข้าพเจ้า”
นารุหน้าเสียไปเต็ม ๆ
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” นารุคำราม
ฉูหนิงซวงก็หน้าเสียเช่นกัน
มันนี่มันบ้าไปหน่อยแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกเขาไม่ได้ตะโกนผิดหรอก พวกเขาเป็นสาวกที่ภักดีที่สุดของข้า และเจ้าเป็นคนพิเศษจริง ๆ” มีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
“เจ้ามีสิทธิ์มาเป็นมือขวาของข้า เพราะเจ้าคือสายเลือดผู้สูงศักดิ์เพียงคนเดียวที่หลั่งไหลมาหาข้า”
มีคลื่นในรูปปั้นทองคำ
ชายคนหนึ่งออกมาช้า ๆ
เขามีรอยยิ้มที่เย่อหยิ่งและแปลกประหลาดบนใบหน้าของเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ นารุก็ตกใจ เขาโพล่งออกมาว่า “มารปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง?”