ไหปีศาจ - บทที่ 983 ตัวตนที่แท้จริงของปรมาจารย์ปีศาจ แห่งหว่านเซียง
บทที่ 983
ตัวตนที่แท้จริงของปรมาจารย์ปีศาจ
แห่งหว่านเซียง
ชายผู้นั้นเดินออกจากรูปปั้นทองคำโดยปราศจากกลิ่นของพลังมนตรา
ทว่า เห็นได้ชัดว่าพลังงานที่เพิ่มขึ้นในร่างกายของเขาไม่ใช่พลังวิญญาณธรรมดา ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับพลังมนตราและทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจ
เขาดูหยิ่งผยองพร้อมรอยยิ้มแปลก ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ให้นารุนึกถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ในทันที
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง
แม้จะไม่ได้ดูแข็งแกร่งเหมือนแต่ก่อน
แต่นารุคิดว่าเป็นเขาไม่ผิดแน่
นั่นคือเขา!
เหมือนกันอย่างกับถั่วสองเม็ด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลัทธิสุริยันจันทราจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สาวกคลั่งไคล้อย่างยิ่ง เพราะปรมาจารย์ปีศาจผู้นำความตื่นตระหนกแห่งวันโลกาวินาศมาปรากฏขึ้น ในเมื่อพวกเขาเชื่อในปีศาจก็จะไม่ต้องตื่นตระหนก
ตอนนี้นารุเหนื่อยมาก ไม่อย่างนั้นเขาอยากจะหยิบดาบในมือขึ้นมาแล้วฟันแรง ๆ แต่ดวงตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เป็นชายคนนี้!
เป็นชายคนนี้ที่จับเผ่าของเขาเป็นทาส
“ดี นั่นเป็นสีหน้าที่ดี” ในสายตาของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง มีร่องรอยของการสรรเสริญว่า “มากับข้าเถอะ เจ้ามีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์และสืบทอดความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษของเจ้า”
เลือดที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้จะปล่อยให้ถูกดูหมิ่นได้อย่างไร
ดังนั้นผู้หญิงในสี่จตุรเทพจึงถูกเขาฆ่าโดยตรง
เพราะเขาต้องการเห็นศักยภาพของสายเลือด เขาจึงปล่อยให้สี่จตุรเทพโจมตีทีละคน แล้วก็ตายทีละคนด้วยน้ำมือของนารุ
มันสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าจะเป็นระดับทองขั้นสูงที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับทองธรรมดาสามารถต่อกรได้
นารุได้แสดงศักยภาพที่ดีออกมาให้เห็น
นารุกลอกตา “อ่า ความรุ่งโรจน์ของบรรพบุรุษของข้ามันอยู่ที่ไหนกัน? ทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถูกเนรเทศและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต่ำที่สุดในนรกมนตรา ลูกหลานของพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก ตอนนี้คุณภาพชีวิตก็ยังยากที่จะพัฒนาได้ แต่ก็ยกตกเป็นทาสของเจ้า ไอ้สารเลว ทำกับเผ่าของข้าเช่นนั้นแล้วยังบอกให้ข้ายอมจำนนต่อเจ้าอีกรึ?”
แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เพราะเขาเป็นลูกศิษย์ของลั่วอู๋ เขาจึงได้รับการยอมรับจากผู้เฒ่าแซคว่าเป็นบุตรแห่งความหวังที่สามารถนำชาวแซคออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้
ดังนั้นนารุจึงไม่เพียงแต่เรียนรู้ภาษามนุษย์เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาวแซคอีกด้วย
ฉูหนิงซวงมองไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านางอย่างว่างเปล่า
เหตุการณ์ในวันนี้เหลือเชื่อเกินกว่าที่นางจะเข้าใจ นางไม่สามารถตอบสนองได้เลย เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่? ดูเหมือนว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมารปรมาจารย์ปีศาจแห่ง หว่านเซียงเป็นอย่างมาก
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงก็ดูเศร้าหมอง “บรรพบุรุษของเจ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ภักดีที่สุดและเป็นทหารที่มีทรงพลังมากที่สุดในสมัยโบราณ!”
“แล้วไง สุดท้ายก็เป็นแค่อาชญากร” นารุพูดอย่างโกรธเคือง
“พวกมนุษย์ทรยศเรา พวกเขาลืมไปแล้วว่าใครคือเจ้านายที่แท้จริงของแผ่นดินนี้ และเมื่อหลงผิดก็ควรถูกลงโทษ” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงกล่าวอย่างเย็นชา
ร่างกายของนารุสั่นด้วยความโกรธ “เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”
“ข้ามีสายเลือดที่ประเสริฐที่สุดในร่างกายของข้า ข้าถูกกำหนดให้เป็นจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ข้าควรจะนำมนุษย์ทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับปีศาจ แต่พวกเขาสะกดข้า! ใช้ข้า! แม้แต่คำเล่าขานก็ไม่ใช่ความจริง” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงคำราม
“เจ้ามันเสียสติ!”
นารุคิดว่าอาจารย์และรองเจ้าสำนักพูดถูก
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเป็นพวกจิตบิดเบี้ยว
เขาพูดบ้าอะไร
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? สายเลือดที่ประเสริฐที่สุดอะไรกัน?” นารุมองเขาด้วยความรังเกียจ
ถึงจะเจอการยั่วยุเช่นนี้ ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงก็ยังสงบ “เพื่อเห็นแก่บรรพบุรุษของเจ้า ข้าสามารถยกโทษเจ้าที่หยาบคายกับข้าได้ แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้น”
เขาแสดงความอดทนอย่างมากต่อผู้ที่มีสายเลือดสูงส่ง
“ในกายของข้าคือเลือดที่ประเสริฐที่สุด” จอมมารแห่งปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างภาคภูมิใจและสูงส่ง “ข้าเป็นผู้สืบทอดราชวงศ์ซุยหยุน ข้าเป็นหลานชายของจักรพรรดิดาบและข้าถูกกำหนดให้เป็นจักรพรรดิ”
เสียงหนาทึบเหมือนฟ้าผ่าเขย่าโลก
ในที่สุดเขาก็เล่าเรื่องของเขา
เดิมทีเขาต้องการบอกให้โลกรู้ในการปรากฏตัวครั้งนั้น โชคไม่ดีที่ผู้บัญชาการหลิงหลงและหลงเซี่ยออกมาขัดขวางและทุบกระจกทั้งหมด เพื่อไม่ให้เขาพูดจบ
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงจ้องไปที่นารุ “เผ่าของเจ้าเป็นทายาทขององครักษ์ราชวงศ์ในขณะนั้น เป็นทายาทของนักรบผู้ซื่อสัตย์และสมบูรณ์แบบที่สุด และยังมีสายเลือดอันสูงส่งอีกด้วย”
นารุอึ้งไป เขารู้สึกว่าหัวของเขาชา
ราชวงศ์ซุยหยุน
นั่นไม่ใช่ราชวงศ์แห่งความน่ากลัวที่ปกครองแผ่นดินใหญ่มามากกว่า 40,000 ปีหรอกรึ! ก่อตั้งโดยจักรพรรดิดาบหยางไคเทียน ในเวลานั้นไม่มีอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งและราชวงศ์ซุยหยุนก็สมควรที่จะเป็นผู้ปกครอง
นั่นคือสิ่งที่นารุเรียนรู้จากลั่วอู๋
แม้แต่ราชวงศ์มังกรเร้นกายก็ยังมีประวัติศาสตร์เพียง 8,000 ปี
“หลานของจักรพรรดิดาบ สายเลือดของราชวงศ์” นารุสูดหายใจเข้าลึก ๆ
หากเป็นเรื่องจริง สายเลือดของอีกฝ่ายก็… สูงส่งมาก
มนุษย์ไม่เคยพูดถึงพลังแห่งสายเลือด
เพราะเรื่องแบบนั้นมันเป็นเรื่องลวงตา
มีหลายกรณีที่บรรพบุรุษเป็นเลิศแต่ทายาทเป็นระดับปานกลาง
และมีตัวอย่างมากมายที่บรรพบุรุษเป็นคนธรรมดาแต่ลูกหลานเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกและทรงพลัง
ดังนั้นแนวคิดเรื่องสายเลือดจึงทำให้เกิดความสับสน
บรรพบุรุษของเผ่าแซคเป็นองครักษ์ราชวงศ์ แต่พวกเขาไม่ได้มีอะไรเลย ท้ายที่สุด องครักษ์ราชวงศ์ก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งที่ถูกคัดเลือกมา และไม่มีมรดกสืบทอดอะไร
อย่างไรก็ตาม สายเลือดจักรพรรดิก็ยังมีค่าอยู่บ้าง การเป็นหลานของจักรพรรดิดาบนี้จึงมีน้ำหนักมาก
แต่นี่คือปัญหา
ไม่ว่าสายเลือดจะมีค่าแค่ไหน มันก็ยังเป็นสายเลือดของราชวงศ์ซุยหยุน
ราชวงศ์ซุยหยุนได้ล่มสลายไปนานแล้ว
แม้ว่าจะไม่รู้เหตุผลแน่ชัด แต่เหตุผลที่เป็นไปได้ก็คือจักรพรรดิรุ่นต่อ ๆ มานั้นเป็นคนธรรมดาและไร้ความสามารถเกินไป ซึ่งนำไปสู่การรวมกันของปัญหาภายในและกลายเป็นการล่มสลายของราชวงศ์
ตอนนี้ราชวงศ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นของตระกูลหลี่ ไม่ใช่ของตระกูลหยางของเขาแล้ว
“เห็นไหม?” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มนุษย์ลืมต้นกำเนิดไปเสียแล้ว! ลืมไปว่าใครคือเจ้าแห่งแผ่นดินใหญ่ ความเขลาของพวกมันนำไปสู่การลงโทษจากสวรรค์ และเมื่อตอนที่ข้ารวบรวมเผ่าเก่าแก่เพื่อนำมนุษย์ไปต่อต้านปีศาจ พวกมันกล้าที่จะไม่เชื่อฟังข้า มันยังผิดสัญญาและปฏิเสธที่จะยอมรับว่าข้าเป็นจักรพรรดิ”
“มนุษย์มันเน่าทั้งนอกและใน!”
“ควรถูกทำลายโดยนรกมนตราไปเสีย”
นารุโกรธมากกับคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลบางคำที่เขาไม่สามารถพูดได้
ปัจจุบัน มนุษย์ยังคงคิดที่จะเป็นจักรพรรดิ?
ใครจะสนใจเจ้า
“ชัดเลยว่าเจ้ามันเพี้ยน!” นารุกัดฟัน
ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏขึ้นในสายตาของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง และจากนั้นเขาก็เย็นชาและเฉียบคม “ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากมนุษย์ที่น่ารังเกียจเหล่านี้ เจ้าควรจะสืบทอดเจตจำนงของบรรพบุรุษของเจ้าและให้ความสำคัญกับข้า เพื่อสร้างความรุ่งโรจน์เดิมขึ้นมาใหม่”
“ฝันไปเถอะ” นารุกำดาบไว้ในมือและเร่งแก่นวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้ภายใต้แรงกดดันของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงพูดช้า ๆ “น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าข้าคงทำได้เพียงฆ่าเจ้าเท่านั้น”
ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะฆ่า
แม้ว่าเขาจะมีสายเลือดสูงส่ง แต่การกบฏก็ไม่สามารถยอมรับได้เสมอ
ร่างกายของนารุสั่นเล็กน้อยและแสดงสีหน้าเคียดแค้น “ข้าฆ่าสี่จตุรเทพสุดแกร่งของเจ้าได้สบาย ๆ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
“สุดแกร่ง?” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงหัวเราะและชำเลืองมองร่างของสี่จตุรเทพ “เจ้าบอกว่าพวกเบี้ยล่างคุณภาพต่ำพวกนี้ว่าสุดแกร่งงั้นรึ? งั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง”
เมื่อสิ้นเสียง
สาวกสามคนลุกขึ้นยืน
สามคนระเบิดพลังออกมา ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสี่จตุรเทพเลย