ไหปีศาจ - บทที่ 985 ศึกใหญ่
บทที่ 985
ศึกใหญ่
แน่นอนว่าคนพวกนั้นตายไปแล้ว
ลั่วอู๋ไม่รู้ว่าปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเข้ามาในโลกได้อย่างไร
แต่ยิ่งเป็นเรื่องที่ทำยากเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ทันทีที่เขาเห็นปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง เขาก็เข้าใจ
ลมปราณมีความแข็งแกร่งของเพชรระดับหนึ่งหรือสองเท่านั้น และไม่มีพลังมนตราในร่างกายเลย แม้แต่วิญญาณก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเปราะบาง
มันคงเป็นร่างแยกหรืออะไรสักอย่าง
ยังไงก็ไม่ใช่เขาตัวจริงแน่นอน
ทำไมปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงถึงมาที่โลกแต่ทำตัวหลบซ่อนไว้? มันน่าจะเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขา ลั่วอู๋เดาความจริงไว้แล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายส่งมาสู่โลกน่าจะอ่อนแอมาก
แต่สิ่งที่ลั่วอู๋ไม่คาดคิดก็คือ วิธีในการฟื้นพลังคือการดูดซับพลังชีวิตของคนอื่น
200,000 คน
ลั่วอู๋ไม่สามารถสงบจิตสงบใจลงได้
“คนอย่างเจ้าสมควรตาย!” ลั่วอู๋ปกคลุมไปด้วยเจตจำนงแห่งดาบที่น่ากลัวสี่ประเภท เขตแดนแห่งดาบกางออกและพลังที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏออกมา
ใบหน้าของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงซีดลงเล็กน้อย
เขารู้สึกถึงภัยคุกคามจริง ๆ
“หึ เจตจำนงแห่งดาบอะไรกัน”
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงก็ระเบิดเจตจำนงแห่งดาบอันน่าทึ่งออกมา ซึ่งหยิ่งผยองแต่เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ มันชวนหายใจไม่ออกราวกับว่าเขาต้องการปิดกั้นแสงทั้งหมดของเจตจำนงแห่งดาบเทพพิทักษ์
“เจ้าก็ใช้เจตจำนงแห่งดาบด้วยรึ?” ลั่วอู๋คำราม “ดาบแห่งการทำลายล้าง ทำลายมันซะ!”
พลังแห่งการทำลายล้างพุ่งเข้ามา
“ข้าเป็นทายาทของจักรพรรดิดาบที่ปกครองโลกทั้งใบ ทำไมจะใช้มันไม่ได้ล่ะ” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงไม่กลัวเลย เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นดาบ ทันใดนั้นดาบสีดำขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า
ตู้ม!
พลังงานบ้าคลั่งกำลังสั่นคลอน
“เจ้าไม่สมควรพูดถึงชื่อของจักรพรรดิแห่งดาบ จักรพรรดิแห่งดาบแสวงหาความสงบมาตลอดชีวิตของเขา และเจ้าเป็นเพียงผู้สืบสกุลที่ไร้หัวใจและเห็นแก่ตัว” ลั่วอู๋คำราม
พื้นที่ขนาดใหญ่ทรุดตัวลงราวกับกระดาษฉีกขาด เผยให้เห็นความว่างเปล่าที่ดุร้ายไปทั่ว
“หุบปาก” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงโกรธจัด เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวตนที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเขาถูกดูถูก “เจ้าไม่คู่ควรที่จะจับดาบด้วยซ้ำ!”
พลังวิญญาณดาบสีดำสะท้อนอารมณ์เชิงลบไม่รู้จบออกมา
ไม่ใช่ปราณปีศาจ แต่ก็มีพลังที่น่ากลัว
“จักรพรรดิแห่งดาบไม่เคยเห็นด้วยกับทฤษฎีของภูตไห แต่เจ้าผู้เป็นเชื้อสายกลับอยู่ในเรือลำเดียวกันกับภูตไห นำความตายและความกลัวมาสู่โลก หากจักรพรรดิดาบฟื้นคืนชีพได้เขาคงจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเองเลยล่ะ” ลั่วอู๋หัวเราะ
เขตแดนแห่งดาบสั่นสะเทือนและปล่อยปราณดาบที่น่ากลัว
สีหน้าของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาไม่เคยรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างภูตไหกับจักรพรรดิแห่งดาบ
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าเดาความคิดของจักรพรรดิดาบงั้นรึ? ตายซะเถอะ!” หัวใจของปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงกระสับกระส่ายเล็กน้อย และเจตจำนงแห่งดาบของเขาก็ไม่มั่นคงอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ทันที
พลังของสัตว์วิญญาณทั้งสี่พุ่งเข้ามาหาเขา
เงาทั้งสี่ของมังกรเขียว นกอมตะ ซวนหวู่ และพยัคฆ์ขาวล้อมรอบตัวเขา ราวกับมีอักขระนับไม่ถ้วนสั่นสะเทือนในความว่างเปล่า และแม้แต่ท้องฟ้าก็กำลังจะถล่มลงมา
ลั่วอู๋ตกใจมาก
นี่เป็นทักษะแบบไหนกัน? ไม่เคยได้ยินจากไหนเลย
“ผูกมัดสัตว์วิญญาณทั้งสี่ ผนึกสวรรค์!” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงคำราม
ในความว่างเปล่า โซ่จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น พันกัน ก่อตัวเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ และปกคลุมด้วยพลังในการสะกดทุกสิ่ง
เขตแดนแห่งดาบปรากฏสัญญาของการพังทลาย ราวกับว่าพลังงานถูกปิดกั้น
ลั่วอู๋รวบรวมสมาธิ ดวงตาของเขาค่อย ๆ มืดลง และหลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่กลางคิ้วของเขา “กลืนกินสวรรค์!”
พลังอันยิ่งใหญ่ของการกลืนกินกำลังพลุ่งพล่าน
แสงสลัวลงจนแทบกลายเป็นความว่างเปล่า
วังวนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นที่ด้านหน้าของลั่วอู๋ จากนั้นพลังงานก็สั่นสะเทือน กลืนกินตาข่ายโซ่โดยไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้
ลั่วอู๋พ่นลมอย่างเย็นชาและมีพลังมิติที่น่ากลัวในร่างกายของเขา
มีแม้กระทั่งความเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา
เห็นได้ชัดว่าทักษะต่อไปก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาเช่นกัน
“ครอบครองมิติ!”
เขาขานชื่อทักษะ และมีรอยแตกบาง ๆ บนร่างกายของเขา แต่ในชั่วขณะต่อมา เขาก็หายตัวไปจากตรงนั้น และเงาที่ว่างเปล่าทั่วท้องฟ้าก็ปรากฏขึ้นจนไม่สามารถแยกความเป็นจริงได้
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงประหลาดใจมากในตอนนี้
“เป็นไปได้ยังไง? นี่มันของกระต่ายนั่นไม่ใช่หรือ? มนุษย์สามารถเชี่ยวชาญมิติระดับนี้ได้อย่างไร?”
ใช่ นี่คือพลังวิเศษของกระต่ายมนตรา
แน่นอนว่าความสามารถนี้มาจากการที่ตวนซีแปลงร่างเป็นกระต่ายมนตรา
ในช่วงนี้ ลั่วอู๋ได้ฝึกฝนอย่างหนัก และในที่สุดก็สามารถใช้ทักษะนี้ได้อย่างเต็มที่ แน่นอน มันจะอยู่ได้ไม่นาน แก่นวิญญาณของระดับจักรพรรดินั้นยากเกินไปที่จะจำลองได้
แต่ในช่วงเวลานี้เขาเป็นเจ้าแห่งมิติ เมื่อเขาคิด ท้องฟ้าก็จะแตกสลาย และกระแสทวนกลับเป็นอนันต์
พลังมิตินับไม่ถ้วนควบแน่นทั่วท้องฟ้า
ในพริบตามันก็ยิงลงมา
ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้
“เจ้าคิดจริง ๆ รึว่าข้าจะพลิกโลกไม่ได้!” ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงคำรามสุดชีวิต ด้วยความผันผวนแปลกประหลาดในร่างกายของเขา ในขณะนั้นมิติก็หยุดนิ่งราวกับว่าโลกหยุดหมุน
ลั่วอู๋รู้สึกว่าความเร็วของเขาดูเหมือนจะช้าลงมาก
แต่ทักษะนี้ดูเหมือนจะมีผลข้างเคียง เพราะปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงเองก็มีความเร็วที่ช้าลงเช่นกัน
“ปีศาจทลายโลก!”
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงรู้สึกถึงวิกฤติและในที่สุดก็เริ่มเอาจริง
ทั้งร่างหุ้มด้วยไฟนรก และดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เหมือนกับปีศาจแห่งไฟนรกที่พร้อมทำลายทุกสิ่ง เขาพุ่งเข้ามา ความเร็วและพลังของเขาก็ทะยานขึ้นในขณะนั้น
ลั่วอู๋รู้สึกตึงมือ
สมเป็นปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงจริง ๆ เขามีทักษะมากเกินไป
โชคดีที่เขามีทางรับมือ
นี่เป็นหนึ่งในทักษะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
“ร่างอมตะทองคำ!” ร่างกายของลั่วอู๋เปล่งประกายด้วยแสงสีทองเข้ม ซึ่งส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าอย่างเต็มที่ ภายใต้ร่างกายอันน่าสะพรึงกลัวของเขา มีลำแสงสีดำที่น่าสยดสยอง
เขาก็พุ่งเข้าไปเช่นกัน
เงาสีทองเข้มและสีดำผสานกันบนท้องฟ้า
เสียงทื่อ ๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มิติพังทลายอย่างบ้าคลั่ง แต่ด้วยตาเปล่าจะไม่เห็นร่องรอยของพวกเขาเลย
นารุมองดูท้องฟ้าที่แหลกสลาย
เขารู้มาตลอดว่าอาจารย์เขานั้นแข็งแกร่งมาก
แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าอาจารย์จะแข็งแกร่งถึงขั้นที่รับมือปรมาจารย์ปีศาจได้ เขามีทักษะอันทรงพลังและความเข้าใจในแก่นแท้ของเขาก็ลึกซึ้ง
เมื่อมีมิติวิญญาณที่เท่ากัน ทั้งสองจึงต่อสู้กันได้อย่างเท่าเทียมกัน
นารุถอยกลับไปทางด้านของฉูหนิงซวงอย่างยากลำบาก “เจ้าเป็นอะไรไหม?”
ดวงตาของฉูหนิงซวงหมองคล้ำ
วันนี้นางผ่านอะไรมามาก
มันเหมือนความฝัน
นารุเห็นว่านางไม่ตอบ เขาจึงถามซ้ำหลายครั้ง
ฉูหนิงซวงเหมือนตื่นขึ้นมาจากความฝัน “ข้าไม่เป็นไร…”
“เจ้าหนีออกไปก่อนเถอะ อาจารย์ของข้าจะจัดการปัญหาทั้งหมดนี้เอง” นารุเตือน
“ไม่” ฉูหนิงซวงประคองจิตใจของนางไว้ครู่หนึ่ง ส่ายหัวและพูดว่า “ข้าต้องการดูว่าปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร”
ปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียง ชื่อนี้เป็นฝันร้ายของทั้งทวีปในช่วงเวลานี้
ใครจะไม่อยากเห็นเขาตาย
แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งก็ตาม
“อืม งั้นระวังตัวด้วย” นารุกล่าว
ฉูหนิงซวงมองไปรอบ ๆ สักพัก “ว่าแต่… อาจารย์ของเจ้ากำลังต่อสู้กับปรมาจารย์ปีศาจแห่งหว่านเซียงอยู่ แล้วอาจารย์แม่ของเจ้าหายไปไหน?”
“เอ่อ?”
นารุก็เพิ่งสังเกต
ทำไมอาจารย์แม่ของข้าถึงหายไป
ไม่เห็นอาจารย์แม่ลงมือเลย
ในความว่างเปล่าที่ทั้งคู่มองไม่เห็น เงากำลังล่องลอยมาจากความว่างเปล่า และคมมีดที่แหลมคมเปล่งแสงอันเยือกเย็น และกำลังรอโอกาส