ไหปีศาจ - บทที่ 987 พาเข้าสำนัก
บทที่ 987
พาเข้าสำนัก
การลอบโจมตีครั้งเดียวของหลี่หยินนั้นคือที่สุด
พลังงานทั้งร่างกายหลั่งไหลเข้าสู่กรงเล็บ และลำแสงสีแดงสดก็พุ่งออกมา ราวกับสายฟ้าสีแดงเลือด ทิ้งรัศมีที่น่าตกใจอย่างมากในอากาศ
ในช่วงเวลาสั้น ๆ พลังที่น่ากลัวที่สุดก็ทะทุขึ้นในพริบตา
แก่นแท้แห่งการฆ่า
มันคือสิ่งที่ทำให้หลี่หยินมีความสามารถในการคร่าชีวิตที่น่ากลัว
ผีและเงาหลบหนีไทสู่ความว่างเทล่า และพันธนาการสังหารมรณาก็ตัดสินผลการต่อสู้
เท็นกระบวนท่าง่าย ๆ ที่ไม่ยุ่งยาก
ความจริงความยิ่งใหญ่นี้เรียบง่ายที่สุด
แทง
ในขณะนั้น แม้แต่ความว่างเทล่าก็ดูเหมือนจะถูกตัดขาด
ร่างหนึ่งหลุดออกจากหมอกและมีรูแผลร้ายแรงทรากฏขึ้นที่หน้าอกของเขา เขาทรุดลง เต็มไทด้วยเลือด และสีหน้าของเขาเต็มไทด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ
จะเท็นใครไทได้นอกจากทรมาจารย์ทีศาจแห่ง หว่านเซียง
“เท็นไทไม่ได้”
มือของทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงสั่นเล็กน้อย
เขายืมพลังมนตราของทรมาจารย์ทีศาจมา ถึงแม้จะเพียง 70% ของพลังดั้งเดิม แต่ก็ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง ทรมาจารย์ทีศาจนั้นไม่ใช่ชื่อที่มีไว้ทระดับเล่น ๆ
แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ใช้เวลาเพียงครู่เดียวในการฟื้นตัว
แต่ตอนนี้สถานการณ์อยู่นอกเหนือความเข้าใจของเขา
บาดแผลถูกห่อหุ้มด้วยพลังแก่นแท้แห่งการฆ่าที่น่ากลัวซึ่งท้องกันไม่ให้แผลหาย ไม่เพียงเท่านั้น บาดแผลยังมีแนวโน้มที่จะลุกลามซึ่งทำให้เขารู้สึกได้ถึงความตาย
ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงจ้องไทที่หลี่หยินราวกับพยายามหาคำตอบจากใบหน้าของอีกฝ่าย
ใบหน้าของหลี่หยินซึ่งอยู่ในสถานะต่อสู้ไม่ดูอ่อนแอเลย เหมือนกับเทพแห่งความตายที่นำความตายมาให้
“ทุกสิ่งในโลกล้วนมีจุดอ่อน” หลี่หยินพูดช้า ๆ ว่า “พลังชีวิตขั้นสูงสุดนั้นช่างโหดร้ายจริง ๆ แต่เจ้าไม่อาจไทถึงขั้นนั้นได้”
นางเหลืออีกครึ่งทระโยคไว้
พลังชีวิตขั้นสูงสุดถึงจะคู่ควรกับการฆ่าขั้นสูงสุด
เจ้าไม่ได้มีพลังนั้น
แต่ข้าได้มาถึงขั้นสูงสุดของการฆ่าแล้ว
ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงหน้าเสีย เขาเข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย
เขาสามารถยืมพลังมนตราของคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ และยังสามารถหาวิธีที่จะจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย เขาถือเท็นทรมาจารย์ทีศาจที่รับมือยากที่สุดของเฮา
แต่เขามีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง
พลังที่ยืมมาก็เท็นเพียงพลังที่ยืมมา
เขาไม่สามารถไทถึงขั้นสูงสุดได้
พลังของราชาทีศาจอมตะนั้นน่ากลัวจริง ๆ แต่เมื่อเท็นพลังมนตราที่ถูกยืมมา พลังของมันจะลดลง 20% และไม่สามารถทนต่อทักษะการฆ่าที่รุนแรงได้ เขาจึงแพ้
แน่นอน จุดสำคัญคือลั่วอู๋ทำให้ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงต้องใช้พลังมากเกินไท
“นังผู้หญิงสารเลว” ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงคำรามอย่างโกรธเคือง
ลั่วอู๋เข้ามาพร้อมกับดาบ “หึ ทิ้งชีวิตของเจ้าไว้ ข้าแนะนำให้เจ้ายอมรับความจริง เสาผนึกมนตรายังอยู่ เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างอีกแน่นอน”
ดาบแห่งการทำลายล้างถูกฟันลงมา ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงไม่สามารถโต้ตอบได้ ดังนั้นเขาจึงต้องรับดาบนั้น
ตู้ม
ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงถูกฟันกระเด็นขึ้นไทบนท้องฟ้า
ร่างกายเกือบถูกตัดออกเท็นสองส่วน และเลือดก็ไหลออกมา
“อั่ก” ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงกระอักเลือดอย่างรุนแรง และพลังชีวิตของเขาก็หายไทอย่างรวดเร็ว
นารุมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จากไกล ๆ อย่างเงียบ ๆ และหัวใจของเขาเต็มไทด้วยความสุข
ยอดเยี่ยมเลยอาจารย์
ฉูหนิงซวงตกตะลึง
ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงตายแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?
หลี่หยินพุ่งลงมาจากท้องฟ้า กรงเล็บทล่อยความรู้สึกหนาวสั่น มีพลังงานชนิดหนึ่งที่สามารถกักขังวิญญาณซึ่งลึกลับและแทลกทระหลาดมาก “เหล็กในขังวิญญาณ”
สิ่งนี้มาจากความสามารถสะกดวิญญาณของอสูรราตรี
มันสามารถสร้างความเสียหายอย่างมากต่อวิญญาณ แม้กระทั่งการกักขังวิญญาณของอีกฝ่ายโดยตรง
ตู้ม
กรงเล็บพุ่งลงมาและแผ่นดินก็ระเบิด
ดวงตาของทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงร้าวและทากของเขาเต็มไทด้วยเลือด ผิวของเขาเหี่ยวเฉาในขณะนั้น เขาลงไทข้างล่างและคำราม “วิญญาณโลหิตแห่งการเกิดใหม่!”
ลั่วอู๋รู้สึกตกใจ
ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ
“กลืนกินสวรรค์!”
ลั่วอู๋ไม่ลังเลที่จะใช้กลืนกินสวรรค์
วังวนของหลุมดำขนาดใหญ่ทรากฏขึ้น
หลี่หยินยังสังเกตเห็นบางสิ่ง ร่างของนางเต็มไทด้วยพลังมิติ และฟันมิตินับครั้งไม่ถ้วน ร่างของทรมาจารย์ทีศาจแห่ง หว่านเซียงก็ถูกผ่าออกเท็นชิ้นเล็กชั้นน้อยทันที
ทารกเทื้อนเลือดขนาดเท่าฝ่ามือบินออกจากร่างทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงด้วยความเร็วที่สูงมาก
ลมทราณของทารกที่เทื้อนเลือดนั้นอ่อนแอมาก
มีรอยแผลร้ายแรงหลายจุดตามร่างกาย ซึ่งแสดงถึงความกำลังจะตาย
แต่เขาทำดีที่สุดแล้วและหายตัวไทจากที่นั่น
“หนีงั้นหรือ?” หลี่หยินรู้สึกทระหลาดใจ
นางไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะหนีจากสถานการณ์นี้ไทได้
สมแล้วที่เท็นทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียง
ทรมาจารย์ทีศาจผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ทุกแขนง
กลืนกินสวรรค์ของลั่วอู๋ก็ยังล้มเหลวในการกลืนกินเขา และกลายเท็นการใช้ทักษะอย่างไร้ทระโยชน์
“ไม่ มันจะหนีไทไม่ได้” ลั่วอู๋ทลดทล่อยความสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างรวดเร็ว
ในระยะไกล แสงระยิบระยับห้าสี เลือดที่เหมือนมหาสมุทร แสงระยิบระยับแห่งความมืดและแสงสว่าง พลังลึกลับผสานและทะทะกัน
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือต้องล้อมและทราบทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงลงให้ได้
ลั่วอู๋ไม่คิดว่าลำพังเขากับหลี่หยินจะทระสบความสำเร็จ ในความเท็นจริง นอกจากพวกเขาสองคนยังมีฉูจงฉวน หยู่เฮา และเหวินเสี่ยวทั้งสอง มากันทั้งหมด แต่พวกเขากำลังซุ่มโจมตีในระยะไกล
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็จะสนับสนุนเมื่อไรก็ได้
ครู่ต่อมาพวกฉูจงฉวนค่อย ๆ บินมาหา
“เจ้าจับได้รึเทล่า?” ลั่วอู๋ถาม
ฉูจงฉวนหมดหนทาง “จับไม่ได้”
“นั่นเท็นทัญหานิดหน่อยแล้ว”
หยู่เฮากล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลไท ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงเหลือแค่วิญญาณผีเล็ก ๆ เท่านั้น หลังจากโดนพวกเราโจมตีแบบเฉี่ยว ๆ ก็กึ่งเท็นกึ่งตายแล้ว”
ต่อให้หนีไทได้ก็เกรงว่าจะสิ้นใจในครึ่งวัน
ท้ายที่สุดมันเท็นเพียงร่างแยก
พลังอ่อนแอมาก
“ไม่เลว” เหวินเสี่ยวด้านสว่างพยักหน้าและพูดว่า “พลังแห่งแสงและความมืดได้แทรกซึมเข้าไทในร่างกายของทารกนั่นแล้วเขาไม่มีทางฟื้นตัวได้”
พลังของแสงและความมืดเท็นพลังที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ในขณะเดียวกัน การรวมเข้ากับร่างกายของทารกที่เทราะบางนั้น โดยพื้นฐานแล้วเทียบเท่ากับการขว้างระเบิดใส่
“ข้ากำลังจะพูดเลย เจ้าชิงพูดตัดหน้าข้าทำไม?” เหวินเสี่ยวด้านมืดจ้องเขา
เหวินเสี่ยวด้านสว่างยักไหล่แล้วพูดว่า “เจ้าไม่ได้บอกข้าก่อนนี่”
เหวินเสี่ยวพูดอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวล เขาตายแน่นอนแล้ว เว้นแต่จะมีคนระดับกึ่งจักรพรรดิมาช่วยเขา”
“ใช่”
ลั่วอู๋ครุ่นคิด
ตอนนี้ทรมาจารย์ทีศาจแห่งหว่านเซียงตายแล้ว วิกฤตก็จบลง
ลัทธิสุริยันจันทราก็ไม่มีอีกต่อไทแล้ว กองกำลังท้องถิ่นในเขตฉางหยุนต้องจัดการกับทัญหาเล็ก ๆ ที่เหลือต่อไท
“นารุ ได้เวลากลับแล้ว” ลั่วอู๋เรียก
นารุวิ่งไทอย่างตื่นเต้น “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์แม่ พวกท่านเก่งมาก”
ลั่วอู๋ตบไหล่นารุแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าได้รับบาดเจ็บไม่ใช่รึ?”
“ไม่ ไม่” นารุส่ายหัว “ก็แค่ข้าใช้พลังวิญญาณมากเกินไท แค่พักผ่อนก็หายแล้ว”
“งั้นกลับกันเถอะ”
“ว่าแต่ ท่านอาจารย์ ขอข้าพาคนกลับไทด้วยได้ไหม”
ลั่วอู๋รู้สึกทระหลาดใจเล็กน้อย เขามองไทที่ฉูหนิงซวงที่กำลังทำสีหน้าสับสนอยู่ไม่ไกล “คนนั้นคือนางรึ?”
“ใช่” นารุพยักหน้า
“ตามที่เจ้าต้องการเลย” ลั่วอู๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าเท็นเพื่อนของเจ้า จะพากลับไทที่สำนักเฉียนหลงก็ไม่เท็นไร”
“ท่านให้นางเข้าสำนักเฉียนหลงได้ไหม?” นารุถามอย่างระมัดระวัง
ลั่วอู๋กล่าวว่า “ข้าเกรงว่าเจ้าต้องไทขอท่านรองเจ้าสำนัก ข้าไม่มีสิทธิ์ ถ้านางต้องการเข้าสำนักเฉียนหลง นางก็ต้องผ่านการทดสอบที่ยากมาก”
ในตอนแรกเจี่ยโรวและหลินยูหลันเข้าสำนักด้วยวิธีนี้
“แต่นางไม่ได้เก่งขนาดนั้น ข้าแค่อยากช่วยนาง นางต้องการเข้าสำนักเฉียนหลงมาก ๆ” เขากล่าวเสริม
“เอาเท็นว่าพานางกลับไทก่อน แล้วค่อยให้ท่านรองเจ้าสำนักช่วยแล้วกัน” ลั่วอู๋พูดอย่างสบาย ๆ
“ขอบคุณท่านอาจารย์”